คฤหาสน์สุทัศ
“สวัสดีค่ะคุณพ่อคุณแม่ สวัสดีค่ะคุณน้าคุณลุง “หญิงสาวชุดนักเรียนมัธยมปลายยกมือไหว้กล่าวสวัสดีผู้เป็นพ่อผู้เป็นแม่ ก่อนจะเคลื่อนย้ายไปกล่าวสวัสดีพ่อและแม่ของสามีอย่างสุภาพ ครั้นย่างกายเข้ามาในห้องรับแขก โดยมีชายหนุ่มผู้เป็นสามีเดินตามหลังเข้ามาด้วยสีหน้าค่อยไม่พอใจ มือหนาสองข้างดึงออกจากกระเป๋ากางเกงยีนขึ้นมายกมือไหวพ่อและแม่ของภรรยาอย่างขอไปที
“เรียกพ่อกับแม่เถอะหนูมีนา “จีน่าเอ่ยขึ้นอย่างเอ็นดูลูกสะใภ้
“ค่ะ “เธอตอบรับเสียงหวานอ่อนน้อมเดินไปนั่งข้างกับผู้เป็นแม่ หลังจากพ่อและแม่สามีพยักหน้าใจดีรับ ซึ่งสามีของเธอเดินไปนั่งโซฟาตัวเดี่ยวฝั่งตรงข้ามด้วยท่าทางเงียบขรึมดุดัน
“พาน้องไปไหนมาตาฮัท ทำไมถึงมาช้าตั้งเกือบ 2 ชั่วโมง “จีน่าหันไปถามลูกชายเสียงอ่อนนุ่ม
“ผมติดธุระเลยไปช้า “เจ้าของเสียงเรียบละสายตาจากหน้าจอโทรศัพท์เครื่องหรูขึ้นมาตอบผู้เป็นแม่ ใบหน้าคมหล่อไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ ออกมา ก่อนจะเลื่อนไปมองหญิงสาวสายตาอำมหิตเป็นเชิงสั่งให้เธอห้ามพูดอะไร
“ธุระอะไรของแกไอ้ฮัท ฉันบอกแกว่าสี่โมง “คาทสึแหวใส่ลูกชายอย่างไม่เชื่อ
“ธุระก็คือธุระ “ฮัททสึจ้องเขม็งผู้เป็นพ่ออย่างไม่เกรงกลัว โดยไม่สนใจว่าครอบครัวอีกฝ่ายที่นั่งอยู่ด้วยจะมองเขายังไง ทำเอาคาทสึถึงกับขบกรามแน่นไม่พอใจต่อประโยคก้าวร้าวของลูกชาย
“ตาฮัทอย่าก้าวร้าวลูก “จีน่าเห็นท่าไม่ดีจึงรีบเอ่ยปากปรามลูกชาย อย่างรู้สึกเกรงใจครอบครัวอีกฝ่าย ทำให้ฮัททสึละสายตามองไปทางอื่นพลางใช้ลิ้นดันเข้าหากระพุ้งแก้มอย่างหงุดหงิด
“แกรู้นะว่าขัดคำสั่งฉันมันจะเกิดอะไรขึ้น “คาทสึย้ำเตือนกับลูกชายเชิงข่มขู่ เพราะเป็นวิธีสุดท้ายที่สามารถทำให้ฮัททสึกยอมจำนนได้
“…” เมื่อได้ฟังคำข่มขู่ของผู้เป็นพ่อฮัททสึหันขวับกลับมาจ้องใบหน้าเหี่ยวย่นของผู้เป็นพ่อตาเขม็งด้วยอารมณ์เดือดดาลในใจ เผลอกำหมัดแน่นจนเส้นเอ็นตามท่อนแขนแกร่งไปจนถึงหลังมือปูดนูน ท่ามกลางสายตาลำบากใจของคนนอกอย่าง สุทัศ ปรีดา และ มีนา ถึงจะเป็นทองแผ่นเดียวกันก็ตาม แต่การที่พ่อลูกทะเลาะกันยังไงก็ยังคงเป็นเรื่องภายในครอบครัวอยู่ดี
“จีว่าเราไปทานข้าวกันดีกว่าค่ะ ป่านนี้แม่บ้านคงจัดโต๊ะอาหารเรียบร้อยแล้ว “จีน่ารีบเบี่ยงเบนสถานการณ์อันตึงเครียดภายในห้องรับแขก ทำให้แต่ละคนต่างพยักหน้ารับทราบ มีเพียงสองพ่อลูกเท่านั้นที่ไม่ได้ตอบรับอะไร
“…”
…..
หลายนาทีต่อมา ~~
“ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอตัว “ฮัททสึดันตัวลุกขึ้นหลังจากรับประทานอาหารเย็นเสร็จเรียบร้อย ท่ามกลางเสียงพูดคุยกันตามประสาของผู้ใหญ่
“อิ่มแล้วเหรอลูก พึ่งทานไปไม่กี่คำเองนะ “จีน่าถามลูกชายด้วยความเป็นห่วง
“ครับ “ฮัททสึตอบรับอย่างขอไปทีพลางดันตัวลุกขึ้น เขาไม่เคยอยากร่วมโต๊ะกับครอบครัวของอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย
“แกจะรีบไปไหน? “คาทสึว่างช้อนไปตรงกลางจานพร้อมกับเอ่ยถามเสียงเข้ม
“กลับ”
“งั้นพาน้องไปด้วย”
“จะพาไปทำไม! “คิ้วหนาชนกันอย่างไม่สบอารมณ์ นัยน์ตาคมกริบเลื่อนไปจ้องหญิงสาวตรงหน้าฉายแววอำมหิต ทำให้เธอเบือนหน้าหลบไปทางอื่นทันที
“แกช่วยติวอังกฤษให้น้องหน่อย เห็นว่าน้องยังอ่อนเรื่องภาษา”
“ไม่มีปัญญาหาคนสอนหรือไง!”
“..” มีนาเมื่อได้ฟังประโยคเสียดสีพูดให้รู้สึกสะท้านของชายหนุ่ม เธอตวัดสายตาไม่พอใจมองทันที จึงปะทะเข้ากับสายตาของอีกฝ่าย มือเรียวเล็กกำหมัดแน่นด้วยความเจ็บใจ ในขณะที่พ่อและแม่ของเธอยังคงเงียบ
“หุบปากเน่า ๆ ของแกไปไอ้ฮัท คำสั่งฉันแกมีหน้าที่ต้องทำตาม!”
“เมื่อไหร่พ่อจะเลิกบังคับผมซะทีวะ! แค่ผมยอมแต่งงานกับยัยเด็กแรดนี่ก็เกินพอแล้วนะ! “เจ้าของใบหน้าหล่อตะคอกเสียงกล่าวอย่างเดือดดาล กับประโยคของผู้เป็นพ่อ
“ที่พูดมันไม่เกินไปหน่อยเหรอครับคุณฮัททสึ “สุทัศไม่ยอมทนยืนขึ้นถามด้วยความไม่พอใจที่ลูกเขยว่าร้ายลูกสาวให้เสียหาย
“ไม่มีอะไรเกินไปสำหรับปลิงดูดเลือดอย่างพวกมึง!”
“หยาบคายเกินไปแล้วนะไอ้ฮัท! “คาทสึดันตัวลุกขึ้นชี้หน้าคาดโทษลูกชายอย่างสุดจะทน “แกคงรู้นะคิดต่อต้านฉัน คนของแกจะต้องเจอกับอะไร”
“….” ฮัททสึกำหมัดแน่นจนเส้นเอ็นตามท่อนแขน ขึ้นมาถึงลำคอแกร่งกร้านปูดนูนเด่นชัด ยามที่ได้ฟังคำขู่ไร้เยื่อใยจากปากผู้เป็นพ่อ ถึงกับพูดไม่ออก กลางอกรู้สึกจุกขึ้นมาเสียดื้อ ๆ ราวกับว่าเขาไม่ใช่เลือดเนื้อเชื้อไข ถึงได้ทำร้ายหัวใจให้ทรมานอย่างไม่ปรานี
“หมดเวลาเล่นสนุกของแกแล้ว จากนี้ต่อไปหน้าที่ของแกคือหาเลี้ยงครอบครัวให้ดีที่สุด”
“หึ “ฮัททสึเค้นเสียงหัวเราะในลำคออย่างเย้ยหยัน มุมปากหนาแสยะยิ้มร้ายเลื่อนกลับไปมองหน้าหญิงสาวอย่างสมเพช
“พอแล้วค่ะ อย่าทะเลาะกันเลย “จีน่าเอ่ยขึ้นปราม ด้วยสีหน้าไม่สู้ดีกับสถานการณ์ตึงเครียดที่พ่อลูกมีเรื่องบาดหมางกันไม่จบสิ้น
หลังจากฟังคำขอของผู้เป็นแม่ฮัททสึเร่งฝีเท้าเดินออกไปจากห้องอาหารทันทีด้วยท่าทางกระฟัดกระเฟียด ทำเอาคนที่ถูกหมายถึงอย่างมีนาถึงกับกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเป็นที่สุด เธอระบายลมหายใจออกมาอย่างเหนื่อยใจ
“ให้พี่เขาติวอังกฤษนะหนูมีนา ตาฮัทน่ะเก่งลุงรับรอง ไม่ต้องกลัว ถ้ามันทำอะไรหนูบอกลุงได้ทันที “คาทสึหันไปพูดกับลูกสะใภ้อย่างใจดี ทำราวกับว่าเมื่อครู่ไม่ได้เกิดเรื่องใด ๆ ขึ้น
“ค่ะ “มีนายิ้มแห้งส่งกลับตามมารยาทยอมตอบรับ โดยที่ไม่เต็มใจแต่ก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ ทำเอาผู้เป็นพ่อและผู้เป็นแม่อย่างปรีดา สุทัศ ถอนหายใจไปตาม ๆ กัน หากไม่มีหนี้ก้อนโตลูกสาวคงไม่ทุกข์ทน มีอนาคตที่สดใสไร้ซึ่งมลทินเช่นนี้
“…”
…..
“ตัวปัญหา “ทันทีที่หญิงสาวเปิดประตูเข้ามานั่งในรถฝั่งข้างคนขับ ฮัททสึจงใจพูดให้เธอได้ยินน้ำเสียงเต็มไปด้วยความเกลียดชัง ซึ่งมีนาก็ทำเมินเฉยต่อถ้อยคำเหล่านั้นรีบปิดประตูรถทว่า
บรื้นนนนนน !!!!!
“ว้ายยย! “ไม่ทันได้คาดเข็มขัดนิรภัยให้เรียบร้อย คนขับใจร้ายกลับเหยียบคันเร่งออกตัวอย่างรวดเร็ว ทำให้เธอส่งเสียงกรีดร้องด้วยความหวาดกลัวและหวาดเสียว เร่งกดย้ำตัวล็อกเข็มขัดลงร่อง เลื่อนมือมาจับสายเข็มขัดไว้แน่นราวกับเป็นที่พึ่งสุดท้าย
“หึ ๆ “ฮัททสึเค้นเสียงหัวเราะในลำคออย่างสะใจ ที่เห็นภรรยาสาวนั่งเนื้อตัวสั่นเทาอยู่ข้าง ๆ เขามีความสุขทุกครั้งหากทำให้เธอรู้สึกหวาดกลัวได้สำเร็จ เท้าหนักจึงเหยียบคันเร่งเพิ่มความเร็วอีกเป็นสองเท่า
บรื้นนนนนนนนนนน!!!!!!!!!!!
“ได้โปรดถะ..เถอะค่ะ ขับบะ..เบา ๆ ได้ไหม”
“ทำไมกูต้องทำตามคำสั่งมึงไม่ทราบ ก็ในเมื่อกูชอบขับแบบนี้นิ หึ “ฮัททสึหันมากล่าววาจาไร้เยื่อใยน้ำเสียงทุ้มเข้มเจือเสียงหัวเราะราวกับเป็นเรื่องขบขัน ก่อนจะกลับไปจดจ่อทางเบื้องหน้าเช่นเดิม
“อึก ~ “มีนาไม่สามารถทำอะไรได้ นอกจากนั่งตัวแข็งทื่อปล่อยโฮออกมาระบายความหวาดกลัว เปลือกตาบางสองข้างข่มเข้าหากันแน่นอย่างจนปัญญาหาวิธี
“กลัวนักก็กระโดดลงไปเลยไป! บีบน้ำตาทำไมวะน่ารำคาญ “ฮัททสึขมวดคิ้วเอ่ยปากไล่ด้วยความรำคาญ น้ำตาของเธอไม่ได้ทำให้เขารู้สึกสงสารเลยแม้แต่น้อย
“อึก! ฮื้อออออออ~กลัววว!! “มีนาอ้าปากหวีดเสียงร้องดังลั่นรถ หลังจากได้ฟังคำพูดร้ายกาจของผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่าสามี
เอี๊ยดดดดด !!!!
“ไสหัวออกไป! “ฮัททสึเหยียบเบรกหยุดรถกะทันหันพร้อมกับตวาดไล่อย่างเลือดเย็น จนหน้าผากมนของมีนาแทบกระแทกกับคอนโซลรถ
“อึก! “มีนาใช้หลังมือปาดน้ำตาออกจากพวกแก้มลวก ๆ เร่งปลดเข็มขัดนิรภัยลงจากรถทันที เธอไม่หน้าด้านนั่งอยู่ทั้งที่เจ้าของรถขับไล่ราวกับหมูราวกับหมา
ปัง !
“อย่าเสือกเอาเรื่องนี้ไปบอกใครนะมึง ไม่อย่างนั้นกูจะฆ่าครอบครัวมึงให้หมดคอยดู! “แต่ไม่วายที่ฮัททสึจะเลื่อนกระจกรถลงชี้หน้าหญิงสาวข่มขู่ด้วยน้ำเสียงเสียงเหี้ยม แววตาและสีหน้าขึงขังเอาจริงเอาจังอย่างที่ปากพูด
“..”
หญิงสาวเม้มริมฝีปากเข้าหากันแน่น จ้องมองคนในรถด้วยแววตาเกลียดชัง รู้สึกกลัวต่อคำขู่ เธอรู้ว่าเขาทำจริงอย่างที่พูด ผู้ชายคนนี้ยิ่งคาดเดาอารมณ์ไม่ได้ หากเขาฆ่าพ่อและแม่จริง ๆ เธอคงรู้สึกผิดไปตลอดชีวิต จนไม่กล้าใช้ลมหายใจอยู่บนโลกเพียงลำพัง
บรื้นนนนนนนนนน !!!!!!!!!!
สองเท้าเล็กรีบก้าวถอยหลังแทบไม่ทัน เมื่อรถสปอร์ตคันหรูวิ่งทะยานสู่ท้องถนนด้วยความเร็วสูง พลอยพลันให้หัวใจดวงน้อยกระตุกวูบอีกครั้ง
-----------------------------------------------------------------------
#วันต่อมา @ร้านเบเกอรี่“ซื้ออะไรมาเยอะแยะคะ?” กล่าวถามทันทีที่เดินออกมาจากหลังร้านพร้อมกับถาดเค้กมะพร้าวในมือ เจอกับแก๊งเพื่อนของสามีที่กำลังเดินเข้ามาในร้านพอดี ในมือหนาแต่ละคนต่างเต็มไปด้วยถุงกระดาษใส่ของเล่น อีกทั้งลูกชายในอ้อมแขนแกร่งของสามียังถือโมเดลไอรอนแมนตัวใหม่แกะกล่อง“ของเล่นลูกน่ะ ไอ้พวกนี้มันสายเปย์” ฮัททสึตอบพลางยิ้มกริ่มอย่างไม่ได้คิดอะไร ในขณะที่มีนาหม่นคิ้วเข้าหากันเป็นปม ส่งถาดเค้กให้กับพนักงานสาวหน้าเคาน์เตอร์ สาวเท้าเดินมาหยุดตรงหน้าสามีจ้องมองนิ่ง “มีอะไรหรือเปล่า?”“ของเล่นลูกเต็มบ้านแล้วนะคะ จนไม่มีที่จะเก็บแล้ว” กล่าวเสียงเข้มอย่างต้องการตำหนิ“เห็นหลานอยากได้ พวกพี่เลยซื้อให้ครับ น้องมีนาอย่าโกรธพวกพี่เลยนะ ส่วนไอ้ฮัทโกรธมันเลยเต็มที่” เคนกล่าวขึ้นด้วยรอยยิ้มแหย ๆ อย่างเอาตัวรอด แล้วโยนขี้ให้กับพ่อของลูก“เฮ้ย! พูออย่างนี้ได้ไงวะไอ้เคน จะยุให้เมียกูโกรธกูอีกทำไมวะ ไอ้เพื่อนชั่ว ยิ่งง้อยากอยู่ แถมยังขี้บ่นอีก บ่นจนกูหูชา แม่ง!” ฮัททสึหันขวับแหวใส่เพื่อนรักอย่างใจไม่ดี ก่อนหลุดปากพูดความคิดที่อยู่ในหัวออกมาอย่างลืมตัว พอรู้ตัวอีกทีถึงกับหน้าถอดสี ส่วนเคนได้แต
ตอนที่ 49 เป็นผัวที่ดี“ปะลูกเข้าห้องกับมี้” หยัดกายลุกขึ้นเมื่อasลูกชายวิ่งเตาะแตะเข้ามาหาหลังจากถูกลงโทษให้นั่งนิ่ง ๆ อยู่กับผู้เป็นพ่อในห้องรับแขก“ปะป๊า”“ปะป๊าเขายังถูกทำโทษอยู่นะครับ”“ป๊างอน ” เด็กชายกล่าวบอกความต้องการด้วยน้ำเสียงออดอ้อนพลางเอียงศีรษะทุยเล็กซบท่อนขาผู้เป็นแม่“แต่…”“มี้~” แหงนคอมองผู้เป็นแม่ตาแป๋วขอความเห็นใจ ทำเอามีนาถึงกับหนักใจแต่ก็ยอมตกลงตามความต้องการของลูกชาย ทำให้ทั้งพ่อทั้งลูกต่างดีใจกันยกใหญ่#เวลาต่อมา“ลูกหลับแล้วก็ออกไปนอนข้างนอก” เมื่อลูกชายหลับสนิทจึงลุกขึ้นนั่งเอ่ยกับคนตัวสูงที่นอนอยู่อีกฝั่งข้างของลูกชาย“พี่ง่วงจังครับ” แสร้งหลับตาแล้วทำเสียงงัวเงีย“อย่ามาเจ้าเล่ห์นะ ออกไป!”“อย่าเสียงดังสิเมียจ๋า เดี๋ยวลูกตื่นเอานะ”“ไม่ได้เป็นอะไรกันไม่ต้องเรียกแบบนั้น” แหวใส่คนเจ้าเล่ห์เสียงเบาหวิวอย่างเริ่มหงุดหงิด ทั้งที่ความเป็นจริงเธอกำลังหวั่นไหวให้เขา ทว่าคนเจ้าเล่ห์กลับเงียบทำหูทวนลมแล้วข่มตานอนต่อ “บอกให้ออกไปนอนข้างนอกไง” ไม่ยอมแพ้ก้าวลงจากเตียงดึงแขนแกร่งให้ลุกขึ้นพรึ่บ!“อ๊ะ!” เพียงคนบนเตียงออกแรงกระตุกท่อนแขนเล็กเบา ๆ ร่างบางก็เสียหลักล้มทับค
ตอนที่ 48 บทลงโทษ“วันนี้คุณมีนาดูอารมณ์ไม่ดีเลยนะคะ” เจนกล่าวแสดงความคิดเห็นกับฮัททสึที่เพิ่งเดินเข้ามาพร้อมกับลูกชาย หลังจากมีนาเดินเข้ามาก่อนด้วยสีหน้าที่หงุดหงิด“คงงอนผมน่ะครับ”“สู้ ๆ นะคะ คุณฮัททสึ ง้ออีกนิดเดียวคุณมีนาต้องยอมใจอ่อน แน่ ๆ ค่ะ น้ำหยดลงหินทุกวัน หินมันยังกร่อน ตื๊อเท่านั้นที่ครองโลกค่ะ”“ขอบคุณครับ” เริ่มมีแรงฮึดสู้อีกครั้ง เขาจะไม่ยอมแพ้“ให้พี่ช่วยไหม?” ฮัททสึเดินจากหน้าร้านเข้ามากล่าวอาสา เมื่อเห็นว่ามีนากำลังทำบัญชีอยู่หน้าตาเคร่งเครียด โดยที่ลูกชายตัวน้อยนั่งดูการ์ตูนอยู่บนโซฟา“ไม่ต้อง ไปช่วยพี่เจนหน้าร้านเถอะ” ตอบเสียงห้วน ๆ โดยไม่ละสายตาไปจากบัญชีตรงหน้าที่เธอไม่ถนัดเอาเสียเลย แต่ก่อนเป็นหน้าที่ของมาเรีย แต่เพราะแม่ป่วยเธอจึงลาออกกลับไปดูแลแม่ที่บ้าน“คนไม่มีแล้ว มาเดี๋ยวพี่ทำให้เอง พี่ถนัด”“ไม่เข้าใจหรือวะ…ว้าย!” ไม่ทันได้กล่าวจบเพราะความรำคาญ ทว่าต้องหวีดเสียงแทนด้วยความตกใจ เมื่อก้นลอยขึ้นจากเก้าอี้เข้าสู่อ้อมแขนแกร่งในท่าเจ้าสาวเสียก่อน เธอจึงรีบตวัดรัดลำคอแกร่งกร้านไว้โดยอัตโนมัติเพราะกลัวตก ทำให้ใบหน้าทั้งสองใกล้กันเพียงคืบนิ้วเท่านั้น“ปล่อยเดี๋ยว
มีนาจูงมือลูกชายเข้ามาในร้านด้วยสีหน้าแปลกใจ เมื่อทุกโต๊ะในร้านถูกจัดเป็นระเบียบเรียบร้อย รวมถึงขนมหวานต่าง ๆ ที่เธอทำเตรียมเอาไว้ในตู้เย็นหลังร้านถูกนำมาจัดเข้าตู้โชว์พร้อมเปิดรับลูกค้าทั้งที่พนักงานเหลือเพียงคนเดียวคงจัดการทุกอย่างไม่ทัน เพราะมาเรียลาป่วยได้ห้าวันแล้ว เธอจึงต้องรีบพาลูกชายมาที่ร้านเร็วกว่าเดิม เพื่อช่วยพนักงานเตรียมเปิดร้าน แต่ผิดคาด ห้าวันมานี้เธอแทบไม่ได้ช่วยอะไรเลย มาถึงก็รอขายและทำขนมหวานบางอย่างที่หมด“สวัสดีค่ะคุณมีนา”“สวัสดีค่ะ ช่วงนี้เตรียมร้านเสร็จเร็วมาก ๆ เลยนะคะพี่เจน คงเหนื่อยแย่เลยค่ะ”“ไม่เหนื่อยเลยค่ะคุณมีนา ดีที่มี…” รีบหยุดพูดแทบไม่ทัน เมื่อกำลังจะเผยความลับบางอย่างออกมา“มีอะไรคะ?”“เอ่อ...” ตอบอย่างอึก ๆ อัก ๆ ท่าทางมีพิรุธ “มะ...มีแฟนพี่มาช่วยค่ะ เลยเสร็จเร็วกว่าปกติ”“อ๋อ ๆ ค่ะ นาฝากขอบคุณแฟนพี่เจนด้วยนะคะ เย็นนี้นาฝากขนมไปให้แฟนพี่เจนด้วยนะคะถือว่าเป็นการตอบแทน”“ค่ะ”มีนาส่งยิ้มให้พนักงานสาวอย่างใจดีถึงแม้จะยังเคลือบแคลงสงสัย แต่เธอก็เลือกที่จะไม่เซ้าซี้เอาความ จูงมือลูกชายเดินเข้าไปหลังร้าน เจนยกมือทาบอกพลางถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกทันทีที่
@อเมริกา“แอะ~" ฮาชิยิ้มร่าจนตาหยีเป็นรูปสระอิด้วยความคิดถึงปู่และย่าที่นาน ๆ ทีมาเยี่ยมหน ความตาตี่และเค้าโครงหน้าคล้ายคลึงกับผู้เป็นพ่อผู้ให้กำเนิดตอนเยาว์วัยไม่มีผิดเพี้ยน“อย่าวิ่งครับลูก” มีนาปรามลูกชายด้วยความเป็นห่วงกลัวว่าจะล้มหน้าคะมำเอาได้ แต่มีหรือเด็กชายแสนแสบจะฟัง เร่งฝีเท้าอันเล็กตรงมาหาผู้เป็นปู่ ก่อนปีนป่ายขึ้นนั่งบนตักแกร่งอย่างซุกซน ทำเอามีนาถึงกับส่ายหน้าเอือมระอา“ไปไหนมาครับหลานปู่”“ปู" ริมฝีปากน้อย ๆ พยายามเปล่งเสียงเรียกผู้เป็นปู่อย่างรู้ความ พลางแก้มป่องซบบนแผงอกแกร่งอย่างออดอ้อน ท่ามกลางสายตาเอ็นดูของผู้เป็นแม่และผู้เป็นย่า“คิดถึงแค่ปู่เหรอครับหลานย่า” จีน่าแสร้งปั้นสีหน้าน้อยใจ ทำให้เด็กชายวัยหนึ่งขวบรีบผละใบหน้าจิ้มลิ้มออกจากแผงอกของผู้เป็นปู่ แล้วปีนลงจากตักแกร่งด้วยตัวเอง เดินเตาะแตะเข้าไปสวมกอดผู้เป็นย่าราวกับเป็นการปลอบใจ“ตึ๋ง~ ” “ไหนย่าขอหอมหน่อยสิ” จีน่าอุ้มหลานชายขึ้นมานั่งบนตัก แล้วโน้มใบหน้าฟัดแก้มป่องของหลานชายทันทีอย่างมันเขี้ยว เมื่อหลานชายขี้อ้อนทำแก้มป่องอนุญาตยอมให้ผู้เป็นย่าหอมอย่างน่ารักน่าเอ็นดู ทำให้คนเป็นแม่ที่มองอยู่ถึงกับยิ้มแก้มปริ
ตอนที่ 45 หนีมาไกล / ยังไร้ร่องรอยหนึ่งปีต่อมา@อเมริกาออด ออด ออด เสียงออดประตูหน้าบ้านดังขึ้น ทำให้หญิงสาวที่กำลังพับเสื้อผ้าใส่ตะกร้าอยู่ตรงโซฟาในห้องนั่งเล่น ละความสนใจออกจากสิ่งที่ทำ หยัดกายลุกขึ้นเดินไปเปิดประตูให้กับแขกที่มาเยือน“สวัสดีค่ะคุณพ่อคุณแม่ “สองมือยกขึ้นไหวพ่อและแม่ของสามี ที่เธอต้องการหย่าขาดอย่างสุภาพ แล้วเชิญเข้าไปนั่งในบ้านหลังจากที่ท่านทั้งสองพยักหน้ารับ“เป็นยังไงบ้างหนูมีนา ไม่ลำบากอะไรนะ “จีน่าเอ่ยถามลูกสะใภ้อย่างเป็นห่วง เมื่อต้องใช้ชีวิตอยู่กับหลานชายเพียงสองคนในต่างถิ่นต่างแดนหากย้อนไปปีก่อน หลังรู้เรื่องราวจากลูกชายตัวดี สามีของเธอจึงให้คนตามสืบเบาะแสเพิ่มเติมของลูกสะใภ้ระหว่างอยู่ที่ไร่ส้มในจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งทราบข่าวว่าลูกสะใภ้กำลังจะหนีลูกชายไปไกลถึงสหรัฐอเมริกาอีกครั้งเธอและสามีจึงตัดสินใจอาสาพาลูกสะใภ้หนี โดยการติดต่อผ่านบิดามารดาของลูกสะใภ้ให้ช่วยเหลืออีกแรง ด้วยความเป็นห่วงหลานชายที่กำลังจะลืมตาดูโลก ไม่อยากให้ไปใช้ชีวิตลำบากกันตามประสากันสองคนแม่ลูก บวกกับความรู้สึกผิดที่เลือกตัดอนาคตเด็กสาวคนหนึ่ง ซึ่งอาจจะได้ศึกษาต่อจนจบ มีหน้าที่การงานก