ณ ลานประหารไป่อิงถูกนำขึ้นรถกรงขังเหล็ก แล้วแห่งรอบเมืองหลวงประจานความผิดโทษฐานขโมยลูกท้อสวรรค์ ประชาชนชาวแคว้นโจวต่างขว้างปาขยะเข้าใส่รถกรงขังทั้งผักเน่า ไข่เน่า และเศษอาหารปาเข้ามาโดนบ้าง ไม่โดนบ้าง แต่ที่ถาโถมเข้าใส่อย่างหนักก็คือความอับอายนางร้องไห้จนน้ำตาเหือดแห้งไปจนสิ้นแล้ว แม้แต่เรี่ยวแรงที่จะยกมือขึ้นปัดป้องเศษสวะเหล่านั้นออกจากตัว นางยังยกแทบไม่ขึ้น เพราะมีแผลจากการถูกเฆี่ยน ทำให้ทุกครั้งที่เคลื่อนไหวร่างกาย นางล้วนเจ็บแปลบไปทั่วทั้งตัวเมื่อมาถึงที่ลานประหาร ทหารสองคนหิ้วแขนนางคนละข้าง แล้วลากร่างที่เต็มไปด้วยบาดแผลขึ้นไปบนแท่นสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ บนแท่นนั้นมีเพชฌฆาตร่างใหญ่ยืนถือดาบเล่มโตเงาวับเหนือแท่นลานประหารขึ้นไปเป็นพลับพลาซึ่งฮองเฮาประทับอยู่ พระนางฉลองพระองค์ในชุดสีแดงสด คล้ายกับจะเฉลิมฉลองความยินดีที่สามารถกำจัดขวากหนามที่ขวางทางการก้าวขึ้นเป็นฮ่องเต้ของซีเฉินเจ้ากรมอาญาแหงนหน้ามองขึ้นท้องฟ้า ดวงอาทิตย์อยู่ตรงเหนือศีรษะพอดิบพอดี จึงประสานมือกราบทูลฮองเฮาว่า“ได้เวลาลงมีดแล้วพ่ะย่ะค่ะ”ไซซีฮองเฮาพยักหน้ารับเบา ๆ ให้เจ้ากรมอาญาดำเนินการต่อไปได้ ส่วนนางจะเป็นผู้เฝ้
ณ เรือนรับรอง ตำหนักตงกงหมี่ชิงรู้สึกตัวตื่นขึ้นในตอนสายของวันถัดมา เมื่อนางลืมตาตื่นขึ้นแล้วไม่พบองค์หญิงไป่อิงก็รู้สึกเป็นห่วงอย่างยิ่ง จึงตะเกียกตะกายลุกขึ้นจากเตียงนอนเพื่อออกตามหานายของตน“เจ้าเห็นองค์หญิงไป่อิงหรือไม่”หมี่ชิงเดินโซซัดโซเซเข้าไปถามเหล่านางกำนัลเล็ก ๆ ที่กำลังช่วยกันเช็ดเครื่องเรือน แต่พวกนางเหล่านั้นกลับรีบเดินหนีโดยไม่ตอบคำถามดังนั้น หมี่ชิงจึงเดินเข้าไปในเรือนหลัก แล้วพบกับหลิวเชียง“ท่านเห็นองค์หญิงไป่อิงหรือไม่”หลิวเชียงมองหมี่ชิงด้วยสายตาเวทนา ร่างบางนั้น ดูจะผอมลงไปถนัดตา รอบดวงตาคล้ำ อีกทั้งริมฝีปากยังซีดราวกับคนตาย“เจ้าไม่สบายก็กลับไปพักผ่อนเถอะ”หลิวเชียงเลี่ยงที่จะตอบคำถามนาง“ไม่... ข้าจะไปตามหาองค์หญิง”หมี่ชิงส่ายหน้าปฏิเสธอย่างอ่อนล้า หากไม่เจอหน้าองค์หญิง แล้วนางจะนั่งนอนอย่างเป็นสุขได้อย่างไร“ในเมื่อพวกท่านไม่ยอมบอกข้า ข้าก็จะเดินตามหาองค์หญิงด้วยตนเองจนกว่าจะพบ”ร่างซูบซีดนั้นเดินโซเซไปที่ประตู“ต่อให้ตามหาจนตาย เจ้าก็ไม่มีวันหากเจอองค์หญิง”คำพูดนั้นทำให้ทั่วทั้งร่างหมี่ชิงหยุดชะงัก“ท่านหมายความว่าอย่างไร”หลิวชิงกัดริมฝีปากแน่นอย่างชั่ง
น้ำเกลือราดรดลงไปในบาดแผลสด ๆ ความเจ็บปวดจึงเพิ่มทวีเป็นสิบเท่ากระตุ้นให้ไป่อิงฟื้นคืนสติขึ้นมา นางเจ็บแสบไปหมดทั้งตัว จนไม่รู้ว่าตนเองเจ็บตรงที่ได้บ้าง“แส้หวายทำให้เจ้ากรีดร้องไม่ได้ ข้าก็อยากรู้ว่าแผ่นเหล็กร้อน ๆ จะทำให้เจ้าร้องโหยหวนออกมาได้หรือไม่”จิ้งหว่านจับด้ามแผ่นเหล็กสามเหลี่ยมพลิกไปมาในเตาไปร้อนฉ่า นางมองแผ่นเหล็กที่ถูกเผาจนเป็นสีแดงเพลิงด้วยแววตาเหี้ยมโหด“หน้าสวย ๆ ของเจ้า มันขวางหูของตาข้านัก”จิ้งหวานดึงแผ่นเหล็กขึ้นมาจากเตาไฟ ค่อย ๆ เคลื่อนมันเข้าหาใบหน้างดงามของไป่อิง“ไม่... อย่า....”ไป่อิงส่ายหน้าอย่างหวาดกลัวจับใจ“แกจงเป็นผีที่น่าเกลียดที่สุดในใต้หล้าเถิด”จิ้งหว่านหมายจะพุ่งแผ่นเหล็กเข้าหาสตรีเบื้องหน้า แต่กลับถูกเสียงหนึ่งห้ามไว้“ท่านหญิงจิ้งหว่านขอรับ”จิ้งหว่านวางเหล็กเผาไฟในมือแล้วหันกลับมาตะคอกอย่างอารมณ์เสีย“มีอะไร”“รองแม่ทัพจิ้งฉาง เรียกท่านไปพบด่วนขอรับ”จิ้งหว่านเม้มริมฝีปากแน่นอย่างขัดใจ เพราะรู้ว่าที่เขาเรียกหาด้วยเรื่องอะไรตั้งแต่องค์รัชทายาทนำทัพออกรบ พี่ชายของนางก็บังคับให้นางไปที่จวนท่านแม่ทัพบ่อย ๆ เพื่อเอาใจห่าวเฉิน“เอาเถอะ ไว้วันหลังข้าค่
ณ ตำหนักฮองเฮา“ทูลฮองเฮา สตรีผู้นี้เป็นคนร้ายที่แอบลักลอบเข้าไปขโมยท้อสวรรค์ในเขตหวงห้ามพ่ะย่ะค่ะ”หัวหน้าทหารรักษาความปลอดภัยในเขตหวงห้าม นำตัวไป่อิงเข้ามาพบฮองเฮาเพื่อให้การตัดสินโทษ เพราะพระนางได้รับมอบหมายจากฮ่องเต้ให้รับผิดชอบดูแลต้นท้อสวรรค์ และยังเป็นผู้จัดงานเฉลิมฉลองท้อสวรรค์ประจำแคว้น ภายใต้ใบหน้าราบเรียบของพระนางซ่อนรอยยิ้มแห่งชัยชนะเอาไว้ เพราะหลังจากที่พระนางเอ่ยถึงท้อสวรรค์ให้หว่านเอ๋อร์ได้ยินแล้ว พระนางก็สั่งให้กองทหารรักษาความปลอดภัยในเขตหวงห้ามพักรักษาการในช่วงเวลานั้น เพื่อหลอกล่อเหยื่อให้ไปติดกับเมื่อสายลับรายงานมาว่า มีนางกำนัลผู้หนึ่งนำองค์หญิงไป่อิงที่เขตหวงห้าม พระนางก็สั่งกองทหารรักษาความปลอดภัยเร่งตามหลังไปทันที คาดไม่ถึงว่า แผนการยืมมีดฆ่าคนจะลงตัวทุกอย่าง“มีหลักฐาน และพยาน หรือไม่”น้ำเสียงหนักแน่นและทรงอำนาจตวาดถาม คล้ายกับว่ากำลังไตร่สวนความผิดอย่างเป็นธรรมจริง ๆ แต่ในใจของพระนางแทบอยากจะจับนังเชลยศึกผู้นี้ประหารให้ตายเสียไว ๆ“มีพ่ะย่ะค่ะ ผลท้อหนึ่งผล และกองทหารทั้งกองล้วนเห็นว่านางเป็นผู้ปีนขึ้นไปเก็บมันลงมา”ระหว่างที่หัวหน้าทหารเอ่ยนั้น ทหารชั้นผู้
คำพูดนั้นคล้ายกับมีดแทงลงไปในหัวใจไป่อิงอย่างจัง ร่างบางจึงชะงักฝีเท้า กำมือแน่นจนระริก น้ำตาก็พรั่งพรูออกมา“จริงสินะ ต่อให้ข้าหาหมอหลวงสักคนพบ ใครเล่าจะกล้ารักษาเชลยศึก”“องค์หญิงอย่าทรงกันแสงเลยเพคะ ใช่ว่าจะไม่มีทางออกเสียหน่อย”“เจ้ามียาลดไข้รึ”นางกำนัลส่ายหน้าปฏิเสธ แล้วเอ่ยเสียงเบาว่า“ถึงข้าไม่มียาลดไข้ แต่ข้าทราบว่า มีสิ่งใดที่สามารถแลกยาได้ หรือแลกได้แม้กระทั่งความเป็นอิสระของท่าน”“สิ่งใด”ไป่อิงถามขึ้น เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง“ลูกท้อสวรรค์”นางกำนัลผู้นั้นกระซิบกระซาบราวกับว่าเรื่องนี้เป็นความลับที่ห้ามผู้ใดได้ยินเป็นอันขาด“........”ไป่อิงย่นคิ้วเข้าหากัน ยังไม่เข้าใจว่าลูกท้อสวรรค์จะช่วยชีวิตของหมี่ชิงได้อย่างไร“ที่แคว้นโจวของเรา ลูกท้อสวรรค์มีเพียงต้นเดียวเท่านั้น 10 ปีถึงจะออกผลหนึ่งครั้ง หรือบางทีอาจจะต้องไปถึง 20 หรือ 30 ปี ฮ่องเต้บางพระองค์อายุไม่ยืนยาวมากพอที่จะได้เชยชมด้วยซ้ำ ดังนั้น มันจึงเป็นผลไม้ที่ล้ำค่ามาก ๆ และหากใครที่นำมันไปถวายให้ฮ่องเต้ได้ ก็จะสามารถขอในสิ่งที่ต้องการได้”นางกำนัลหยุดปาก เพื่อให้อีกฝ่ายได้คิดตาม จากนั้นจึงเสริมต่อว่า“ดังนั้น อย่าว่าแต
ณ ตำหนักตงกงไป่อิงนั่งปักผ้าอยู่ที่เรือนรับรองจนกระทั่งถึงเวลาเที่ยงก็ไม่เห็นหมี่ชิงยกอาหารเข้ามาสักที และคิดว่านางคงจะงานยุ่งจนไม่มีเวลาทำอาหารมาให้ นางจึงดื่มน้ำชาประทังความหิวไปก่อนแต่แล้วเมื่อตะวันคล้อยบ่าย หมี่ชิงก็ยังไม่กลับมาเสียที ด้วยความเป็นห่วง ไป่อิงจึงเดินตามหานาง“มีใครเห็นหมี่ชิงบ้างไหม”ไป่อิงเดินไปถามที่โรงครัว ก็ไม่มีผู้ใดตอบนาง ดังนั้น นางจึงเดินไปที่โรงซักผ้าที่อยู่ติดกับริมสระน้ำ“เห็นหมี่ชิงบ้างไหม”นางส่งเสียงถามคนงานซักผ้า แต่ทุกคนต่างก้มหน้าก้มตาทำงานไม่มีใครตอบนางสักคนเดียวไป่อิงจึงเดินตามหาหมี่ชิงไปทั่ว แล้วพบนางนอนสลบอยู่ที่ริมสระน้ำ“หมี่ชิง !”ไป่อิงประคองหมี่ชิงเข้ามานอนในเรือนรับรอง ตัวของนางร้อนมากคาดว่าน่าจะเป็นลมเพราะพิษไข้ไป่อิงจึงรีบไปหาหลิวเซียง หัวหน้านางกำนัลที่องค์ชายรัชทายาทเคยบอกเอาไว้ว่า หากต้องการสิ่งใดให้บอกแก่นางได้“หลิวเซียง ตอนนี้หมี่ชิงไม่สบายหนักมาก เจ้าพอจะมียาลดไข้หรือไม่”หลิวเชียงมองไป่อิงอย่างลำบากใจ แล้วส่ายหน้าเบา ๆ ถึงมีนางก็ให้ไม่ได้ เพราะหากนางช่วยเหลือไป่อิง ฮองเฮารู้เข้าต้องเล่นงานนางตายแน่“ไม่มีเหรอ แล้วตามหมอหลวงได