ผ่านไปร่วมหลายวันที่ไป๋มู่หลันใช้ชีวิตอยู่ในจวนอ๋องของจ้าวฝูหมิง นางเริ่มปรับตัวเข้ากับเมืองเสียนหยางได้เป็นอย่างดี บางคราเขาก็พานางนั่งรถม้าไปเดินเที่ยวเล่นในตลาดบ้างเป็นบางครา นางได้เรียนรู้อย่างหนึ่งว่า แท้จริงแล้ว ท่านอ๋องผู้สูงศักดิ์พระองค์นี้ ก็มีมุมที่น่ารักหลายมุม เขาใส่ใจราษฎรและเหล่าชาวบ้านเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังไม่ถือตนอีกด้วย แต่ทว่าหากเขาพบกับเหล่าชนชั้นสูงที่คิดรังแกราษฎรต่ำต้อย เขาก็จะจัดการสั่งสอนคนเหล่านั้นอย่างไม่ไว้หน้าเช่นกัน
จ้าวฝูหมิงสั่งให้หมอหลวงในวังมารักษาอาการของนางอย่างต่อเนื่อง ไป๋มู่หลันต้องทนดื่มยาขม ๆ อยู่หลายครา มีบางครั้งที่นางแอบเทยาเหล่านั้นทิ้ง แต่ทว่าเมื่อเขารู้เข้า ก็จะอุ้มนางพาดบ่าและฟาดฝ่ามือลงไปบนบั้นท้ายงามของนางอีกทั้งยังบีบขยำจนก้นนางแดงไปหมด
นิสัยไม่ดี!!!
นานวันเข้านางก็เริ่มจะชินชากับพฤติกรรมที่แสนประหลาดและหื่นกามของเขาเสียแล้ว
ด้านหลิงหลิงก็หาทางกลั่นแกล้งไป๋มู่หลันไม่เว้นแต่ละวัน แต่ทว่านางกลับถูกโม่ฉือกระโดดข่วนจนริมฝีปากล่างฉีกขาดเป็นแผล และนอนซมเป็นไข้อยู่หลายวัน เหล่านางบำเรอคนอื่น ๆ ต่างมิกล้ามีปากมีเสียง ทำได้เพียงอยู่นิ่ง ๆ ไปเท่านั้น
"รอบเดือนของเจ้ามาหรือยัง?"
จ้าวฝูหมิงเอ่ยถามนางในระหว่างที่กำลังรับสำรับมื้อเช้าด้วยกันที่เรือนใหญ่ ไป๋มู่หลันชะงักไปเล็กน้อย จะบ้าตาย! นี่เขาคิดจะถามนางสามเวลาก่อนอาหารเลยหรือ?
"ทูลท่านอ๋อง ยังไม่มาเพคะ"
จ้าวฝูหมิงขมวดคิ้วมุ่น เขาสู้อุตส่าห์พาท่านหมอในวังหลวงมารักษานางเป็นอย่างดี แต่กลับยังไร้วี่แวว หรือเหล่าหมอหลวงเหล่านั้นไร้ความสามารถ เขาสั่งตัดหัวทิ้งเสียดีหรือไม่?
"กินอิ่มแล้วจงเตรียมตัวไปรอข้าที่หน้าจวน ข้าจะพาเจ้าไปเดินตลาด"
"เพคะ"
ได้ยินคำว่าไปเดินตลาด ไป๋มู่หลันก็ตื่นตัวเป็นอย่างมาก นางชอบไปตลาด ชอบเดินดูวัตถุดิบเพื่อจะนำมาทำอาหารที่นางชื่นชอบ
นางเดินไปรอเขาที่หน้าประตูจวนทันทีหลังรับสำรับมื้อเช้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว ไม่นานนักเขาก็เดินออกมาจากในเรือนใหญ่ ไป๋มู่หลันจ้องมองเขาอย่างไม่ลดละ ยามนี้เขาสวมเพียงชุดสีฟ้าลวดลายเรียบง่ายเหมือนคุณชายในตระกูลใหญ่ แต่ทว่าความน่าเกรงขามและสูงศักดิ์ของเขากลับไม่ลดลงไปเลยแม้แต่น้อย
จ้าวฝูหมิงขมวดคิ้วจ้องมองนางด้วยแววตาที่ครุ่นคิด
"ขึ้นรถม้าเร็วเข้า จะมองดูความหล่อเหลาของข้าไปถึงเมื่อใดกัน เจ้ามีเวลาดูไปทั้งชีวิต ยังจะมาจ้องข้าอยู่ได้"
ไป๋มู่หลันก้มหน้างุดลอบเบ้ปากใส่เขาอย่างอดไม่ได้ เจ้าค่ะ!!! บุรุษรูปงาม บุรุษผู้หล่อเหลา
รถม้าเคลื่อนออกจากหน้าจวนอ๋องอย่างไม่รีบไม่ร้อน ระหว่างทางไป๋มู่หลันได้เอ่ยถามเขาขึ้นมา
"วันนี้ท่านอ๋องไม่เข้าวังหลวงไปสะสางงานหรือเพคะ?"
"ไม่ ข้าไม่มีอารมณ์ทำงานใดใดทั้งสิ้น นี่เจ้าไล่ข้าหรือ?"
"มิใช่นะเพคะ!!! หม่อมฉันเพียงถามดูเท่านั้น"
"อย่ายุ่งเรื่องของข้าอีก!!! เข้าใจหรือไม่?"
"เพคะ"
บัดซบ!!! นางจะถามทำไมกัน ข้ามีงานต้องทำทุกวันน่ะถูกแล้ว แต่ข้าไม่ทำ ข้าอยากพาอนุออกมาเดินตลาด ใครจะทำไม?
ไม่นานนักรถม้าก็หยุดลง เขาเดินลงไปก่อน ส่วนนางเดินตามเขาไปทีหลัง เขาไม่แม้แต่จะรอนางเลยด้วยซ้ำ นางเองก็วิ่งไล่ตามเขาไม่ทันเสียด้วย
จ้าวฝูหมิงหันหลังกลับไปมองไป๋มู่หลันด้วยความหงุดหงิดใจ สตรีนางนี้เดินชักช้ายิ่งนัก
หรือว่านางแกล้งเดินช้า ๆ เพื่อให้เขาอุ้มนาง?
หึ!!! สาวน้อยนางนี้ช่างยั่วยวนเก่งไม่เบา
จ้าวฝูหมิงหันหลังเดินตรงไปหานาง หวังจะอุ้มนางพาดบ่าอย่างเช่นที่เขาเคยทำ แต่ทว่าก็ปรากฏร่างของบุรุษรูปงามผู้หนึ่งที่ตรงเข้ามาจับแขนนางเอาไว้ ดึงรั้งนางไม่ให้ล้มลงไปกับพื้น เพราะไป๋มู่หลันรีบเดินตามจ้าวฝูหมิงจึงทำให้นางไม่ทันระวัง
จ้าวฝูหมิงจ้องมองบุรุษผู้นั้นด้วยสายตาเย็นชา
เสี่ยวลู่หาน!!!
เสี่ยวลู่หานเป็นบุตรชายคนโตของตระกูลเสี่ยว บิดาของเขารั้งตำแหน่งอัครมหาเสนาบดีของวังหลวง มีน้องสาวนามว่า เสี่ยวหนิง เป็นฮองเฮาอยู่ในวังหลวง
เสี่ยวลู่หานเป็นบุรุษที่เพียบพร้อมและรูปงาม เขามีนิสัยโอบอ้อมอารีและเห็นอกเห็นใจผู้อื่นอยู่ตลอด
"แม่นาง โปรดระวังด้วย เจ็บตรงไหนหรือไม่?"
ไป๋มู่หลันเงยหน้าไปมองเสี่ยวลู่หาน เมื่อเห็นว่าเขายื่นมือมาประคองจับแขนของนางเอาไว้จึงรีบผละออกจากเขาทันที
"ขอบคุณคุณชายเจ้าค่ะ ข้ามิเป็นอันใด"
นางจ้องมองชายหนุ่มผู้มีใบหน้ายิ้มแย้มอยู่ตลอดเวลา ดวงตาของเขาเปล่งประกายเจิดจ้าชวนมองเป็นอย่างยิ่ง
เสี่ยวลู่หานจ้องมองไป๋มู่หลันคราหนึ่ง สาวน้อยผู้นี้มีใบหน้าแตกต่างจากสตรีเมืองเสียนหยาง คงจะอพยพมาจากแคว้นอื่นเป็นแน่
"แม่นางมิใช่สตรีเสียนหยาง ใช่หรือไม่?"
"เอ่อ เจ้าค่ะ ข้ามาจากแคว้นฉี"
"อ้อ เช่นนั้นแม่นางมาทำสิ่งใดที่เมืองเสียนหยางกันเล่า?"
"มาเป็นเมียข้า!!! เจ้าไม่แหกตาดูให้ดีก่อนเล่าว่านางมากับข้า!!!"
ยังไม่ทันที่ไป๋มู่หลันจะเอ่ยตอบสิ่งใด เสียงเข้มทรงอำนาจของจ้าวฝูหมิงก็เอ่ยขึ้นมาเสียก่อน เขาเดินมากระชากตัวนางเข้าหาตนเอง ก่อนจะกอดรัดเอวบางของนางเอาไว้แนบกายของเขา สายตาเย็นชาจ้องมองเสี่ยวลู่หานด้วยความไม่พอใจ
"คารวะท่านอ๋อง"
"กองไว้ตรงนั้นละ ไสหัวไปเสีย"
"แม่นางไป๋ ข้าขอตัวลาก่อน"
"จะไสหัวไปเอง หรือจะให้ข้าถีบเจ้าไป?"
"คงมิบังอาจรบกวนเท้าท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมขอทูลลา"
เสี่ยวลู่หานเหลือบมองสาวน้อยในอ้อมกอดของจ้าวฝูหมิงอีกครา ก่อนจะเดินจากไป จ้าวฝูหมิงก้มลงไปมองไป๋มู่หลันด้วยแววตาที่ไม่พอใจเป็นอย่างมาก
"เจ้าเป็นอนุของข้าควรสำรวมกิริยาเอาไว้บ้าง มิควรเข้าใกล้ชายอื่นเช่นนี้"
"เพคะ"
เมื่อเห็นว่านางพยักหน้าไม่คิดโต้เถียงเขาก็รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมาไม่น้อย ชายหนุ่มโน้มใบหน้าลงมาหอมแก้มสีชมพูระเรื่อของนางครั้งหนึ่งอย่างย่ามใจ โดยมิสนใจสายตาของผู้คนในตลาดแม้แต่น้อย ไป๋มู่หลันรู้สึกอับอายจนแทบแทรกแผ่นดินหนี แต่มิอาจจะทัดทานเขาได้
เขาพานางเดินลัดเลาะทั่วตลาด อีกทั้งยังเข้าตรอกนั้นออกซอยนี้จนขาของนางแทบจะหมดเรี่ยวแรง
สิ่งของมากมายถูกซื้อกลับมาที่จวนอ๋องจนเต็มไปหมด ระหว่างทางเขายังควักตั๋วเงินหมื่นตำลึงให้นางอีกด้วย เขาเอ่ยเพียงว่าอยากได้สิ่งใดจงซื้อได้ตามใจชอบ เป็นอนุของเขามิต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายใดใดทั้งสิ้น
ไป๋มู่หลันพยักหน้ารับ จ้าวฝูหมิงยกยิ้มมุมปากด้วยความพึงพอใจ
ข้าให้เจ้ามากมายเช่นนี้ เจ้าจะได้มิต้องไปคิดถึงบุรุษใดอีก!!!
ยามนี้เป็นช่วงวสันตฤดูมาเยือน (ฤดูใบไม้ผลิ) เป็นช่วงเวลาที่อากาศค่อนข้างดีเป็นอย่างยิ่ง ฮ่องเต้จ้าวฝูหรงจึงทรงจัดงานภายในวัง ให้เหล่าขุนนางชั้นสูงสามารถมาร่วมงานเลี้ยงภายในวังได้ จ้าวฝูหมิงเองก็ต้องมาร่วมงานเลี้ยงนี้เช่นกัน เขาจึงสั่งให้คนเตรียมชุดให้ไป๋มู่หลัน เขาจะพานางเข้าวังหลวงไปด้วยกัน
ไป๋มู่หลันเป็นเพียงอนุ แท้จริงแล้วมิสมควรได้รับเกียรติเช่นนี้ แต่จะให้ทำเช่นไรเล่า ใครใช้ให้นางเป็นอนุของชินอ๋องล่ะ ใครจะกล้ามาต่อว่าดูแคลนนาง หากกล้าคงถูกชินอ๋องบั่นคอขาดกลางวังหลวงเป็นแน่
ไป๋มู่หลันติดตามจ้าวฝูหมิงเข้ามาในวังหลวงเพื่อร่วมงานเลี้ยง นี่เป็นครั้งแรกที่นางได้เปิดหูเปิดตาถึงเพียงนี้ ในวังมีแต่สตรีชนชั้นสูง แม้แต่นางกำนัลยังงดงามและแต่งกายเป็นระเบียบเรียบร้อย
ขันทีจัดที่นั่งของนางเอาไว้ใกล้ ๆ กับจ้าวฝูหมิง ยามนี้เขากำลังไปยกสุราถวายพระพรฮ่องเต้ นางจึงนั่งลงที่โต๊ะรอเขาด้วยท่วงท่าสง่างาม อาหารเริ่มนำออกมาทีละอย่างสองอย่าง ล้วนเป็นอาหารชั้นเลิศในวังหลวง การจัดเตรียมก็ดูงดงามยิ่งนัก
ไป๋มู่หลันจ้องมองขนมดอกกุ้ยฮวาในจานด้วยความสนใจ มันช่างดูน่ากินยิ่งนัก เนื้อแป้งเนียนละเอียด บ่งบอกถึงความพิถีพิถันของคนทำได้เป็นอย่างดี นางลองยื่นมือไปหยิบขนมดอกกุ้ยฮวาในจานใบเล็กมาลิ้มชิมรส ก็พบว่ารสชาติดีไม่น้อย นางจึงลองกัดเข้าปากอีกคำหนึ่ง
อื้มม!!! อร่อย
"เพิ่งรู้ว่าอนุของพี่รองชื่นชอบขนมในวังหลวงถึงเพียงนี้"
เสียงหวานใสปนความหยอกเย้าเอ่ยขึ้นมา ทำให้ไป๋มู่หลันชะงักไปเล็กน้อย นางวางขนมดอกกุ้ยฮวาในมือลง ก่อนจะหันไปมอง และพบกับสตรีผู้หนึ่ง นางสวมชุดสีเขียวดูสบายตา ทรงผมปล่อยยาวสยายปักเพียงปิ่นหยกสีเขียวหรูหราหนึ่งอัน ท่าทางของนางดูเป็นมิตรยิ่งนัก
"นี่คือองค์หญิงเล็ก เป็นเพียงอนุต่ำต้อยในจวนท่านอ๋อง ยังมิรีบถวายพระพรอีก!!!"
เสียงของนางกำนัลน้อยนางหนึ่งเอ่ยขึ้นด้วยความดูแคลน จ้าวซือซือที่ได้ยินเช่นนั้นจึงหันกลับไปจ้องนางกำนัลผู้นั้นเขม็ง ก่อนจะฟาดฝ่ามือลงไปบนใบหน้าของนางกำนัลน้อยจนเต็มแรง
"ลากนางไปตบปากหนึ่งร้อยครั้ง พี่สะใภ้ใช่คนที่เจ้าจะล่วงเกินได้หรือ?"
"ฮืออ องค์หญิง"
"ไสหัวไป!!! ตบปากสำนึกผิดเสีย"
จ้าวซือซือคร้านจะสนใจนางกำนัลผู้นั้นอีก นางหันกลับมามองไป๋มู่หลันที่ยืนขึ้นและทำความเคารพนางอย่างนอบน้อม จ้าวซือซือยื่นมือไปลูบแขนนางเล็กน้อย
ผิวนุ่มจัง! นางบำเรอในตำหนักของข้ามิเห็นจะมีใครผิวนุ่มเท่าอนุของพี่รองเลย
"ถวายพระพรองค์หญิงเพคะ"
"ไม่ต้องมากพิธี เอ่อ ปีนี้เจ้าอายุเท่าใด?"
จ้าวซือซือเห็นว่าไป๋มู่หลันมีใบหน้าไร้เดียงสาราวกับเด็กสาวอายุยังน้อย จึงลองหยั่งเชิงเอ่ยถามนางดูเสียหน่อย
"สิบเจ็ดปีเพคะ ปลายปีนี้ก็เข้าสิบแปดปีแล้วเพคะ"
โอวววว อายุยังน้อยนัก เป็นสตรีในฝันของข้าเลย ข้าอายุยี่สิบห้าปี นางอายุเพียงสิบเจ็ดปี น่าจะเข้ากันได้ดีทีเดียว
"เช่นนั้นเจ้าก็เรียกข้าว่าพี่หญิงเถิด"
"เอ่อ.."
"ข้าชื่อจ้าวซือซือ เป็นแฝดน้องของสามีเจ้า เจ้าชื่ออะไรหรือ?"
ไป๋มู่หลันค่อนข้างตกใจไม่น้อย ท่านอ๋องมีฝาแฝดด้วยหรือ เหตุใดเขาจึงไม่เคยบอกนางเลยเล่า?
แต่จะว่าไปนางเองก็ไม่ได้สำคัญถึงขนาดที่เขาจะต้องเอ่ยปากบอกนางทุกเรื่องนี่นา
"เจ้าชื่ออะไร?"
จ้าวซือซือที่เห็นไป๋มู่หลันเหม่อลอยจึงเอ่ยถามอีกครา
"ไป๋มู่หลันเพคะ"
"ชื่อเพราะเสียจริง น้องไป๋ มานี่เถิด พี่จะพาเจ้าเดินชมวังหลวง"
ไม่รอให้ไป๋มู่หลันได้ปฏิเสธคำเชิญชวน จ้าวซือซือรีบยื่นมือเรียวสวยมาโอบเอวบางของไป๋มู่หลันเอาไว้ นางลูบไล้ผิวนวลเนียนของไป๋มู่หลันอย่างย่ามใจ ไป๋มู่หลันไม่ได้รู้สึกสงสัยสิ่งใดแม้แต่น้อย นางคิดเพียงว่าองค์หญิงช่างดีต่อนางเหลือเกิน
จ้าวฝูหมิงที่กำลังร่ำสุรากับจ้าวฝูหรง เมื่อหันไปมองและพบว่าจ้าวซือซือกำลังโอบกอดไป๋มู่หลัน ดวงตาของเขาก็พลันเย็นเยียบขึ้นมาทันที
บัดซบ!!! เผลอมิได้ คิดจะพาอนุข้าไปทำมิดีมิร้ายเช่นนั้นหรือ!!!
จ้าวฝูหมิงรีบพุ่งทะยานเข้ามาและดึงร่างของไป๋มู่หลันออกมาจากจ้าวซือซือทันที ดวงตาคมจ้องมองแฝดน้องของตนเองด้วยสายตาเย็นชา จ้าวซือซือ เห็นเช่นนั้นก็ส่งเสียงเฮอะในลำคอด้วยความหงุดหงิดใจ "อย่ายุ่งกับอนุของข้า!!!""พี่รอง ข้าเพียงพาน้องไป๋ไปเที่ยวชมวังหลวงเพียงเท่านั้นเพคะ""หึ!!! เที่ยวชมวังหลวงหรือ อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ทันเจ้า!""แล้วอย่างไร ข้าชอบนาง ข้าอยากอยู่ใกล้นาง หากเจ้าไม่พอใจก็มาทุบตีข้าสิ!"จ้าวฝูหมิงลอบสบถด่าทอจ้าวซือซือในใจเป็นพันครั้ง หากนางเป็นบุรุษเขาคงได้ถีบนางกระเด็นออกไปนอกกำแพงวังหลวงเป็นแน่ "งานเลี้ยงจะเริ่มแล้ว เจ้าอย่าคิดก่อเรื่อง!""พูดมาก น่ารำคาญยิ่งนัก!!! น้องไป๋ ไว้เราค่อยมาพูดคุยกันอีกนะ""เพคะองค์หญิง"ไป๋มู่หลันยิ้มให้จ้าวซือซืออย่างเป็นมิตร ในใจรู้สึกสงสัยไม่น้อยว่าเหตุใดจ้าวฝูหมิงต้องทำท่าทีไม่พอใจยามที่นางอยู่กับแฝดน้องของเขาเช่นนี้ด้วย "อย่าเข้าใกล้นาง!!!""ทำไมเล่าเพคะ?""ไม่ต้องถาม!!!"เช่นนั้นนางก็จะไม่ถามเขาอีก ไป๋มู่หลันก้มหน้างุด ช่างเถิด ในเมื่อเขาไม่ให้นางถามนางเดินกลับไปนั่งที่เดิมอย่างว่าง่าย คราวนี้จ้าวฝูหมิงก็ตามมานั่งกับนางด้วย งานเลี้ยงเริ
ไป๋มู่หลันรู้สึกตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก นางทั้งรู้สึกปวดหน่วงที่ท้องน้อยเป็นอย่างยิ่ง ก่อนที่จ้าวฝูหมิงจะเดินทางไปปราบเหล่ากบฏเขาได้สั่งให้พ่อบ้านเฉินหาสาวใช้มาดูแลนางคนหนึ่ง นามว่าหนิงชุ่ย "หนิงชุ่ย""เจ้าคะนายหญิง"หนิงชุ่ยที่ได้ยินเสียงเรียกของไป๋มู่หลันจึงรีบวิ่งเข้ามาหานางทันที เมื่อได้เห็นเลือดมากมายไหลเปรอะเปื้อนบนเตียงนอน นางก็รู้ได้ทันที นายหญิงของนางมีรอบเดือนแล้ว หนิงชุ่ยคอยดูแลรับใช้ไป๋มู่หลันเป็นอย่างดี นางเป็นเพียงเด็กสาวอายุสิบห้าปี แต่มีรอบเดือนตั้งแต่อายุสิบสี่เพราะร่างกายของนางอ้วนท้วนสมบูรณ์ดี นางชื่นชอบไป๋มู่หลันเป็นอย่างมาก นายหญิงของนางทั้งใจดีและทำอาหารอร่อย "นายหญิง ปวดมากหรือไม่เจ้าคะ""อือ ข้าลุกไม่ไหว""รอสักครู่นะเจ้าคะ บ่าวจะไปหาเสื้อผ้ามาเปลี่ยนให้"หนิงชุ่ยไม่รอช้านางรีบไปนำน้ำอุ่นมาหนึ่งกะละมัง และใช้ผ้าสะอาดบิดชุบน้ำหมาด ๆ ทำความสะอาดร่างกายให้ไป๋มู่หลันเสียก่อน กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งทำให้ไป๋มู่หลันรู้สึกอยากอาเจียนเป็นอย่างมาก "รอบเดือนของสตรีครั้งแรกย่อมมากเช่นนี้เจ้าค่ะ รออีกสามสี่วันก็จะค่อย ๆ เบาบางลง นายหญิงอดทนหน่อยนะเจ้าคะ"ไป๋มู่หลันพยักหน้า
จ้าวฝูหมิงเอ่ยวาจาหยอกเย้านางด้วยน้ำเสียงที่แหบกระเส่า เขายื่นมือไปเชยคางนางให้เงยขึ้นมาสบสายตากับเขา ไป๋มู่หลันรู้สึกร้อนวูบวาบในกายเป็นอย่างยิ่ง ยามที่เขาจ้องมองนางราวกับนางเป็นกวางน้อยที่เขาจับมาได้ เมื่อถูกจ้องมองเช่นนี้นางจึงยิ่งรู้สึกเขินอายจนทำสิ่งใดไม่ถูก เขาใช้มืออีกข้างค่อย ๆ ปลดเสื้อผ้าอาภรณ์ของนางออกทีละชิ้นอย่างไม่รีบไม่ร้อน ในระหว่างนั้นก็โน้มใบหน้าเข้ามาซุกไซ้ดอมดมซอกคอขาวเนียนของนางอย่างหื่นกระหาย การกระทำของเขาช่างดูคล่องแคล่วยิ่งนัก ไม่นานร่างกายของนางก็ไร้ซึ่งสิ่งใดห่อหุ้มอีก กายสาวงามสะพรั่งกำลังเย้ายวนสายตาเหลือเกิน เขาช้อนอุ้มร่างบางของนางขึ้นไปวางลงบนเตียง แล้วจึงโน้มใบหน้าเข้าไปหานาง เขาทาบทับริมฝีปากหนาใหญ่ลงไปบนริมฝีปากบางสวยของนางอย่างดุดัน ลิ้นอุ่นร้อนสอดแทรกเข้าไปเกี่ยวกระหวัดกับลิ้นชื้นแฉะของนางอย่างย่ามใจ ไป๋มู่หลันเริ่มหายใจติดขัด นางพยายามจะใช้ฝ่ามือน้อย ๆ ผลักไสเขาออกไป แต่ทว่าคนร่างใหญ่กลับยิ่งบดขยี้ริมฝีปากนางอย่างไม่ยอมลดละ มือหนาทั้งสองข้างของเขาบีบขยำดอกบัวงามทั้งสองข้างที่ชูช่อบานสะพรั่งอย่างเอาแต่ใจ สองเต้าเต่งตึงของนางใหญ่โตเสียจนล้นไม้ล้นม
ไป๋มู่หลันตื่นนอนตั้งแต่ท้องฟ้ายังไม่สว่างเท่าใดนัก แม้จะรู้สึกปวดเมื่อยตามร่างกายไปบ้าง แต่ทว่านางก็ยังต้องลุกขึ้นมาหานั่นนี่ทำอยู่ดี ด้วยนิสัยที่ไม่อยู่นิ่งของนางย่อมต้องหาบางสิ่งบางอย่างทำอยู่ตลอดเวลา ไป๋มู่หลันคิดถึงความร้อนแรงของจ้าวฝูหมิงเมื่อคืนจึงก้มหน้างุดด้วยความเขินอาย แต่นับจากวันนี้จะเป็นเช่นไรเล่า เมื่อคืนเป็นคืนเข้าหอของเขากับพระชายา แต่จ้าวฝูหมิงกลับมานอนค้างกับนางที่เรือนท้ายสวนเช่นนี้ พระชายาคงมิพอใจเป็นอย่างมาก ไป๋มู่หลันล้างหน้าล้างตาจัดแต่งเสื้อผ้าอาภรณ์เรียบร้อยแล้ว นางจึงตรงไปที่โรงครัว ยามนี้ในจวนมีนายหญิงคนใหม่เข้ามาเพิ่มแล้ว เรื่องอาหารการกินคงจะต้องละเอียดรอบคอบมากขึ้นกว่าเดิม เหล่าสาวใช้ในโรงครัวเมื่อเห็นไป๋มู่หลันก็ทำความเคารพนางอย่างนอบน้อม ไป๋มู่หลันมองดูวัตถุดิบในครัวคราหนึ่งก่อนจะเริ่มลงมือทำอาหาร นางไม่รู้ว่าพระชายาจะทรงชอบเสวยสิ่งใดเป็นพิเศษหรือไม่ จึงสั่งให้คนเคี่ยวโจ๊กพุทราแดงเอาไว้หนึ่งหม้อ จากนั้นนางจึงหันไปหยิบเนื้อหมูอย่างดีมาล้างจนสะอาด เพื่อจะทำหมูตุ๋นน้ำแดง จ้าวฝูหมิงเป็นชายชาติทหาร อาหารทุกมื้อของเขาจึงต้องเน้นเนื้อสัตว์เป็นห
หลิงหลิงที่ได้เห็นจ้าวฝูหมิงก้าวเดินเข้ามาในเรือน พลันแข้งขาของนางก็อ่อนแรงไปเสียดื้อ ๆ หลิวหยวนเหนียงขมวดคิ้วมุ่น มิใช่ว่าเขาไปวังหลวงแต่เช้าแล้วหรือ? หึ!!! นางคิดเอาไว้ว่าจะให้อนุนางนี้นั่งคุกเข่าถวายน้ำชาให้นางสักหนึ่งชั่วยามเสียหน่อยจ้าวฝูหมิงปรายตามองหลิวหยวนเหนียงด้วยสายตาเย็นชา สิ่งที่เขาเกลียดมากกว่าสิ่งใด คือสตรีที่วางท่าทางเป็นใหญ่เช่นนี้ต่อหน้าเขา จวนนี้เป็นจวนของข้า ใครหน้าไหนมันกล้า ก็ลองดู!"ถวายพระพรท่านอ๋อง""เจ้านี่เก่งกาจมิเบาเลยนะ เพิ่งมาถึงวันเดียว ก็สร้างความวุ่นวายในจวนข้าได้แล้ว?""ทูลท่านอ๋อง เรื่องราวในเรือนหลังย่อมเป็นหน้าที่หม่อมฉันที่ต้องดูแลความเรียบร้อยเพคะ""ความเรียบร้อย?""เพคะ""ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ"จ้าวฝูหมิงเอียงคอมองนางก่อนจะเปล่งเสียงหัวเราะออกมาจนดังลั่นไปทั้งเรือน พ่อบ้านเฉินและเหล่าคนรับใช้ที่ได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกขนลุกขนชันมิใช่น้อย เขารับใช้ท่านอ๋องผู้นี้มานาน การที่พระองค์หัวเราะเสียงดังเช่นนี้มิใช่เรื่องดีเลย!มันหมายถึงในจวนต้องมีบ่าวในจวนหรือนางบำเรอสักคนถูกโบยจนตายหรือไม่ก็ขายทิ้งออกไปเสีย ไป๋มู่หลันทำได้เพียงก้มหน้างุดไม่เอ่ยสิ่งใด นางมิ
จวนตระกูลเสี่ยว เสี่ยวลู่หานกำลังรับจดหมายจากมือของบุรุษชุดดำผู้หนึ่งที่กระโดดพุ่งทะยานเข้ามาในเขตเรือนของเขา เสี่ยวลู่หานรับมาถือเอาไว้ก่อนจะนำจดหมายฉบับนั้นส่งมอบให้แก่บิดาของตนเอง เสี่ยวหลานผู้รั้งตำแหน่งอัครมหาเสนาบดีในวังหลวงผู้นี้ คือบิดาของเสี่ยวลู่หาน เขารับจดหมายจากบุตรชายมาเปิดอ่าน ก่อนจะต้องขมวดคิ้วมุ่น เมื่อไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง เขาจึงลงมือเขียนจดหมายตอบกลับอย่างไม่รีบไม่ร้อน ก่อนจะหันไปกำชับกับบุตรชายของตนเองด้วยสีหน้าที่ไม่สู้ดีเท่าใดนัก"กำชับนางว่าให้หาทางมัดใจจ้าวฝูหมิงให้ได้ มิเช่นนั้นแผนการของเราจะไม่ราบรื่น""ขอรับท่านพ่อ"เสี่ยวลู่หานเอ่ยรับคำเสียงเรียบ เสี่ยวหลานปรายตามองบุตรชายของตนเองคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยขึ้นมา "คิดจะทำการใหญ่อย่าได้ใจอ่อนเป็นอันขาด""ท่านพ่อขอรับ สิ่งที่ท่านกำลังจะทำ มันเท่ากับการคิดก่อกบฏเชียวนะขอรับ""หุบปาก!!! ที่ข้าทำไปทั้งหมดก็เพื่อตระกูลเสี่ยวของเรา ตระกูลจ้าวได้ครองแผ่นดินเสียนหยางมานานเกินไปแล้ว ถึงเวลาที่จะต้องปลดระวางเสียที!!! ไสหัวไป! รอคนมารับจดหมายไปส่งให้หลิวหยวนเหนียง กำชับนางให้เข้าใจด้วย ส่วนอีกฉบับ อย่าลืมส่งให้ 'เขา' ด้วยเล
จ้าวฝูหมิงสั่งให้พ่อบ้านเฉินหาพ่อครัวจากในวังหลวงเพื่อมาทำอาหารให้หลิวหยวนเหนียงโดยเฉพาะ คนภายนอกต่างเอ่ยพูดกันปากต่อปากว่าท่านอ๋องผู้นี้ช่างมีจิตใจรักใคร่พระชายาอยู่ไม่น้อย ถึงกับสั่งให้พ่อครัวจากในวังหลวงมาคอยปรนนิบัติพระชายาของตนเป็นอย่างดี แต่ใครเล่าจะรู้ว่าหลิวหยวนเหนียงต้องทนกล้ำกลืนความอัปยศขนาดไหน นางรอเขามาร่วมสำรับอยู่ทุกวันทุกคืน แต่เขากลับเอ่ยเพียงว่าอาหารในวังหลวงมิค่อยถูกปาก อีกทั้งยังดูงดงามเสียจนเขากินไม่ลง เขาไม่ชอบอาหารที่ดูจอมปลอมเหล่านี้แม้แต่น้อย สู้อาหารพื้น ๆ ที่อร่อยลิ้นยังมิได้ด้วยซ้ำ นี่เขากำลังจะเอ่ยให้นางรับรู้ว่านางด้อยกว่าอนุของเขาเช่นนั้นหรือ? หึ!!! เขาช่างเลวทรามจนเกินจะทน จ้าวฝูหมิงกำลังนั่งดื่มสุราอยู่ที่ศาลาริมสระน้ำอย่างสบายอารมณ์ วันนี้เขามิต้องเข้าวังไปควบคุมการฝึกรบของเหล่าทหารจึงได้มีเวลามาร่ำสุราให้สบายใจ พ่อบ้านเฉินที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เอ่ยปากถามเขาด้วยท่าทีกระอักกระอ่วนใจไม่น้อย "ท่านอ๋อง วันนี้เป็นวันที่สิบห้า ท่านอ๋องจะต้องทรงหลับนอนกับพระชายาที่เรือนปีกซ้ายนะพ่ะย่ะค่ะ"จ้าวฝูหมิงมิเอ่ยสิ่งใดออกมา เขาเพียงพยักหน้าเล็กน้อย เขาสั่งย้ายนางให้
แต่กลางดึกคืนนั้น จ้าวฝูหมิงกลับมิได้ไปหานางอย่างที่นัดหมายกับนางเอาไว้ เขาต้องเข้าวังหลวงอย่างเร่งเด่น เพราะจ้าวฝูหรงส่งคนมาแจ้งแก่เขาว่าพบร่องรอยของจ้าวเฟยหรง อ๋องแคว้นจ้าว และข่านมู่เจี่ย และยังพบว่าทหารที่เฝ้าเขตชายแดนทางทิศเหนือถูกลอบฆ่าไปหลายร้อยนาย "น้องรองมาแล้ว""ได้ยินว่าทหารเขตชายแดนถูกลอบสังหารหรือพ่ะย่ะค่ะ""ใช่แล้ว น้องรองเราจะทำเช่นไรดี?"จ้าวฝูหรงขมวดคิ้วมุ่น เรื่องปกครองความเป็นอยู่ของราษฎรเขาย่อมใส่ใจไม่มีขาดตกบกพร่อง แต่ถ้าเป็นเรื่องรบเขาไม่มีความเชี่ยวชาญเอาเสียเลย ยังมิอาจสู้น้องรองได้เสียด้วยซ้ำ "ข้าจะส่งหลัวเฉิงลู่ไปเฝ้าเขตชายแดนทิศเหนือเอาไว้ก่อน เขาเป็นทหารฝีมือดี อย่างไรเสียคงจะควบคุมสถานการณ์เอาไว้ได้"จ้าวฝูหรงที่ได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกวางใจไม่น้อย อย่างไรเสียเขาก็เชื่อมั่นในตัวน้องรองเป็นที่สุด"เช่นนั้นเจ้าจงจัดการเสียเถิด อ้อ น้องรอง เจ้าอยู่ร่ำสุรากับพี่ก่อนดีหรือไม่?""ไม่ละพ่ะย่ะค่ะ ข้ามีนัดกับอนุที่ท้ายจวน"จ้าวฝูหรงที่ได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มกรุ้มกริ่ม น้องรองนี่ไม่เบาจริงเชียว เดี๋ยวนี้กล้านัดกับสตรีเอาไว้เสียด้วย ก่อนจะเอ่ยถามจ้าวฝูหมิงด้วยน้ำเสียงห
ยี่สิบปีต่อมา จ้าวฝูหมิงและไป๋มู่หลัน มีบุตรชายทั้งหมดสามคน และบุตรสาวทั้งหมดสามคน บุตรชายมีใบหน้าหล่อคมเช่นเดียวกับเขา ส่วนบุตรสาวก็มีใบหน้าละม้ายคล้ายไป๋มู่หลัน อีกทั้งยังมีหน้าอกใหญ่โตเหมือนกับมารดาอีกด้วย บุตรคนอื่น ๆ ดูเหมือนจะไม่สร้างปัญหาใดใด ยกเว้นเสียแต่ จ้าวเย่เหม่ยและจ้าวจื่อหรง ไม่นานมานี้จ้าวจื่อหรงได้ออกไปล่าสัตว์ในป่า ระหว่างทางกลับเขาได้แบกสตรีชาวบ้านนางหนึ่งมาด้วย และบอกว่าจะรับนางเป็นอนุ อีกทั้งยังขับไล่นางบำเรอออกไปจากเรือนจนหมด "จื่อหรง เจ้าไปพานางมาจากที่ใด?"จ้าวฝูหมิงในยามนี้ ใบหน้าของเขาแก่ชราลงไปไม่น้อย แต่ยังคงความหล่อเหลาและน่าเกรงขามเอาไว้อยู่ ดวงตาคมจ้องมองบุตรชายด้วยความสงสัย จ้าวจื่อหรงทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ ก่อนจะยกเท้าขึ้นมาวางพาดบนโต๊ะอย่างไม่เกรงกลัวเขาเลยแม้แต่น้อย "ข้าชอบนาง ข้าว่านางเหมือนท่านแม่มาก ท่านพ่อ ข้าชอบหน้าอกของนาง"จ้าวฝูหมิงขมวดคิ้วมุ่น บัดซบ!!! มันไปได้นิสัยจากใครมา ป่าเถื่อนยิ่งนัก!อ้อ!!! ลูกข้าย่อมต้องเหมือนข้าสินะ "เจ้าทำเช่นนี้มิถูกต้อง พานางไปส่งบิดามารดานางเสีย""ไม่ขอรับ! ได้ยินมาว่าตอนสมัยหนุ่ม ๆ ท่านพ
งานเลี้ยงดำเนินไปได้ด้วยดี ส่วนสาวใช้ของนางที่ถูกจ้าวซือซืออุ้มหนีหายไปนั้น ยามนี้กำลังซบหน้าอยู่ในอ้อมกอดของจ้าวซือซือด้วยความเขินอาย นี่มันเรื่องอะไรกัน?จ้าวฝูหมิงแต่งตั้งหลัวเฉิงลู่เป็นผู้ว่าการมนฑล และดูแลความเรียบร้อยของแคว้นหมิง รวมถึงมีศาลาว่าการ ศาลาร้องเรียน มีหอนางโลม โรงน้ำชา และสถานศึกษา โรงฝึกทหาร ทุกอย่างเหมือนเสียนหยางทั้งหมด เรียกได้ว่าเป็นเสียนหยางแห่งที่สอง เพียงแต่ว่าเขาไม่ได้ตั้งตนเป็นฮ่องเต้ก็เท่านั้น เขาอยากใช้ชีวิตเหมือนคนธรรมดาทั่วไป มีภรรยามีบุตร ไม่มีกฎเกณฑ์ใดใดตายตัว เขาชอบชีวิตอิสระเช่นนี้ หลายวันก่อนไป๋มู่หลันมาออดอ้อนเขาว่าอยากได้ปลามาว่ายเล่นในสระน้ำสักหลาย ๆ ตัวเขาเองแม้จะไม่ชอบปลาพวกนั้นเท่าใดนัก แต่ก็ยอมตามใจนางแต่โดยดี ขืนมาตอดข้าอีกข้าจะจับพวกมันต้มกินให้หมดเสีย คอยดูเถิด!!!ยามนี้ไป๋มู่หลันกำลังนั่งมองดูปลาในสระพลางแบ่งขนมแป้งในมือให้ฝูงปลาที่แหวกว่ายในน้ำ ลูก ๆ หลับไปหมดแล้ว นางเองก็รู้สึกเมื่อยล้าจึงอยากมานั่งริมสระบัวเพื่อผ่อนคลายเสียหน่อย ยามนี้อากาศก็ช่างร้อนอบอ้าวยิ่งนักจ้าวฝูหมิงเห็นชายายอดรักกำลังให้อาหารปลาอยู่ใต้แสงจันทร์ ก็รู้สึกว่
ยามนี้จวนอ๋องกำลังวุ่นวายเป็นอย่างมาก ด้วยเพราะต้องเตรียมตัวย้ายถิ่นฐานไปอยู่ที่แคว้นฉี จ้าวฝูหมิงเองก็ต้องจัดเตรียมการต่าง ๆ ให้พร้อมสรรพ เพื่อมิให้ภรรยาและลูก ๆ ลำบากมากนัก ในการเดินทางไกลเช่นนี้ จ้าวซือซือกำลังนั่งเล่นกับจ้าวเย่เหม่ยและจ้าวจื่อหรงอย่างสนุกสนาน วันนี้จ้าวฝูหมิงเรียกนางมาเพราะต้องการแบ่งสินเดิมของเสด็จแม่ให้นางเอาไว้ใช้ด้วย เพราะเขาต้องไปอยู่ที่อื่น คงจะไม่มีเวลามาดูแลร้านรวงเหล่านั้นเหมือนแต่ก่อนอีก "อะนี่ ข้าให้เจ้า""หมดนี่เลยหรือ?""ใช่ ร้านค้าในตรอกหลายสิบร้านข้ายกให้เจ้าทั้งหมด พร้อมโฉนดที่ดินอีกหลายหมู่ที่นอกเมือง และข้าหานางบำเรอสวย ๆ ให้เจ้าหลายสิบคนแล้ว เจ้ากลับเรือนไปคงได้เจอกับพวกนาง ส่วนร้านรวงที่ใกล้เคียงกับร้านของเจ้า ข้าฝากเจ้าดูแลแทนด้วย""ได้สิ ไม่มีปัญหา เฮ้อ!!! ข้าคิดถึงน้องไป๋ยิ่งนัก นางไปอยู่ไกลเช่นนี้ ข้าจะมองนมใครล่ะ"จ้าวฝูหมิงที่ได้ยินเช่นนั้นก็จ้องมองจ้าวซือซืออย่างเอาเรื่อง "บัดซบ!!! เจ้าแอบมองนมเมียข้าหรือ!!!""นานแล้ว อยากลองจับสักครา""หุบปาก!!! อย่าแม้แต่จะคิด!!!""ก็ได้แค่คิดเองเพคะ พี่รองข้าชอบภรรยาท่านจริง ๆ นะ ข้าหลงรักนาง""แล
ไป๋มู่หลันพักรักษาร่างกายอยู่ในจวนอ๋องโดยมีหมอหลวงจากในวังมาคอยปรนนิบัติเป็นอย่างดี จ้าวฝูหมิงเองหลังจากประชุมเช้าเรียบร้อยแล้ว และไม่ได้คุมทหารฝึกฝน เขาก็จะรีบกลับมาหานางกับลูกโดยเร็ว เจ้าก้อนแป้งทั้งสองอ้วนท้วนแข็งแรงสมบูรณ์ดี และยังมีแม่นมมาช่วยดูแลอีกทาง นางจึงเบาแรงลงไปได้เป็นอย่างมาก จ้าวซือซือเองก็มาเยี่ยมเยือนหลาน ๆ ของนางอยู่ทุกวันเวลาล่วงเลยมาจวบจนจ้าวเย่เหม่ยและจ้าวจื่อหรงอายุได้หกเดือนเศษ จ้าวฝูหมิงจึงพานางและลูกเข้าวังหลวงไปหาจ้าวฝูหรง โม่ฉือเองก็ตามมาด้วยเพราะมันติดเจ้าก้อนแป้งทั้งสองมาก"ใบหน้าเหมือนน้องรองยิ่งนัก""หึ ลูกข้าก็ต้องหน้าเหมือนข้าสิ ถามไม่เข้าท่า""เอาเถิด พี่ไม่อยากทะเลาะกับเจ้า"จ้าวฝูหรงไม่อยากถือสาหาความกับน้องรองผู้นี้ เพราะรู้ว่าเถียงไปอย่างไรก็ไม่มีวันชนะ "ฝ่าบาทเพคะ ทรงเสวยชาร้อนก่อนเถิดเพคะ"ไป๋มู่หลันหันไปมองสตรีผู้หนึ่งที่เดินเข้ามาพร้อมกับชาร้อนในมือ นางแต่งตัวไม่เหมือนกับนางกำนัลหรือสตรีชาวเสียนหยางเลยแม้แต่น้อย หญิงสาวผู้นั้นเงยหน้าขึ้นมามองไป๋มู่หลันคราหนึ่งด้วยแววตาเรียบเฉย ก่อนจะก้มหน้าก้มตาเทน้ำชาให้จ้าวฝูหรงต่อ ด้านจ้าวฝูหมิงเองก็ปร
ผ่านไปหลายวันกว่าที่เสียนหยางจะเก็บกวาดซากศพของเหล่าทหารที่ล้มตายออกไปจากเมืองหลวงจนหมด ทหารเสียนหยางที่ล้มตายถูกฝังอย่างดี ส่วนทหารแคว้นจ้าวและเผ่าตงหูถูกนำไปโยนเป็นอาหารสัตว์ในป่าเสีย จ้าวฝูหรงได้กลับมาเป็นฮ่องเต้อีกครา แม้จะมีสนมมากมายในวังหลวง แต่เขาก็ไม่คิดแต่งตั้งใครเป็นฮองเฮา เพราะยังฝังใจกับเหตุการณ์ก่อนหน้านี้อยู่ ฉู่อ๋องและเว่ยอ๋องได้รับรางวัลพระราชทานมากมายที่เข้าร่วมช่วยเหลือทำศึกในครั้งนี้ จ้าวฝูหรงเองก็จัดงานเลี้ยงเฉลิมฉลองให้เหล่าทหารที่ร่วมรบอย่างสมเกียรติและยิ่งใหญ่ เหล่าราษฎรต่างกลับมาใช้ชีวิตกันเช่นเดิมอีกครั้งหนึ่ง จวนตระกูลเสี่ยวถูกปิดร้างเอาไว้ พร้อมกับหลุมศพของเสี่ยวลู่หานที่ถูกฝังเอาไว้ในนั้น ผู้คนต่างไม่กล้าเหยียบย่างเข้าไปใกล้เพราะถือเป็นพื้นที่ต้องห้าม จ้าวฝูหรงได้พระราชทานแคว้นจ้าวให้จ้าวฝูหมิงเพิ่มอีกหนึ่งแคว้น ด้วยเพราะน้องรองของเขาต่อสู้ร่วมรบอย่างสุดกำลัง สร้างความดีความชอบเป็นอย่างมาก ส่วนจ้าวซือซือนั้นเขาพระราชทานตำหนักใหม่ให้นางที่นอกวังหลวง และยังส่งนางบำเรอไปให้นางเพิ่มอีกด้วย เพื่อหลีกเลี่ยงป้องกันน้องหญิงของเขาจะมาลวนลามนางสนมในวังอีก แต่ถึ
เสี่ยวลู่หานพาไป๋มู่หลันมุ่งหน้ามายังด้านหลังประตูวัง แต่กลับพบกับเหล่าทหารของจ้าวเฟยหรงและข่านมู่เจี่ยที่เดินขวักไขว่เต็มไปหมด พวกมันช่างใจหยาบช้ายิ่งนัก เข่นฆ่าเด็กและคนแก่ชรา อีกทั้งยังฉุดคร่าสตรีเสียนหยางอย่างไร้ซึ่งความปรานี "คุณชายขอรับ คุณหนูเสี่ยวหนิงปลิดชีพตนเองแล้ว ส่วนท่านเสี่ยวหลานถูกข่านมู่เจี่ยจับตัวไว้ขอรับ"เสี่ยวลู่หานหันไปพยักหน้าให้คนรับใช้ที่เขาส่งไปสืบข่าว ก่อนจะหลับตาลงอย่างช้า ๆ ยามนี้ผ่านมาหลายสิบวันแล้วที่เสียนหยางถูกกุมอำนาจเอาไว้ทั้งหมด และปกครองโดยจ้าวเฟยหรงและข่านมู่เจี่ยท่านพ่อถูกจ้าวเฟยหรงและข่านมู่เจี่ยหักหลังเสียแล้ว ท่านพ่อประมาทเกินไป ไว้ใจสองคนนั้นมากเกินไป 'เขา' ที่ท่านพ่อส่งจดหมายติดต่อมาตลอดก็คือจ้าวเฟยหรงและข่านมู่เจี่ย ท่านพ่อตกลงก่อสงครามร่วมกันกับคนเหล่านั้น เดิมทีท่านพ่อคิดจะตลบหลังสองคนนั้นอีกที แต่คาดไม่ถึงว่าจ้าวเฟยหรงและข่านมู่เจี่ยจะยกทัพมามากมายเช่นนี้ ตระกูลเสี่ยวจบสิ้นแล้ว!!!ไป๋มู่หลันที่เห็นเขามีใบหน้าเศร้าใจเช่นนั้นก็รู้สึกสงสารจับใจ เสี่ยวลู่หานที่ได้เห็นแววตาเห็นใจจากนางก็ยิ่งรู้สึกผิดในใจเป็นอย่างยิ่ง นางคงยังมิรู้ว่าเขาคือ
เสียงเหล่าทหารที่พุ่งเข้ามาทางประตูหน้าจวน และเข่นฆ่าคนในจวนอ๋องจนหมดสิ้น ภาพของนางกำนัลมากมายที่ล้มตายอยู่ตรงหน้า ทำให้นางตื่นตระหนกจนมือสั่น นางกอดโม่ฉือเอาไว้แนบอกด้วยความหวาดกลัว "พระชายา!!! ทรงหนีก่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ!!!"พ่อบ้านเฉินรีบเข้ามาหาไป๋มู่หลัน และนำทางนางหนีออกทางประตูด้านหลังจวนอ๋อง เสียงดาบยังคงดังเป็นระยะปะปนกับเสียงกรีดร้องอย่างน่าเวทนาของเหล่าสาวใช้ที่ถูกเข่นฆ่าฉึบ!!!"กรี๊ดดดดด!!!"พ่อบ้านเฉินถูกธนูยิงที่ด้านหลังจนบาดเจ็บล้มลงไปกองกับพื้น ไป๋มู่หลันที่ตกใจเป็นอย่างมาก นางจึงชะงักอยู่กับที่ ไม่กล้าขยับกายเคลื่อนไหวอีก เสียงธนูลอยมาตามสายลมก่อนจะพุ่งตรงเข้ามาหานางอย่างรวดเร็ว ไป๋มู่หลันกับหนิงชุ่ยกอดกันแน่น คิดเพียงว่าคงมิรอดเป็นแน่แท้เคร้ง!!!เสียงดาบกระทบกับลูกธนูทำให้สติของไป๋มู่หลันกลับคืนมาทันที "คุณชาย!!!""มาหลบอยู่ข้างหลังข้าเร็วเข้า!!!"เสี่ยวลู่หานรีบเข้ามาต่อสู้กับเหล่านักฆ่าที่ท่านพ่อของเขาส่งมาทันที เขาได้ยินท่านพ่อเอ่ยกับนักฆ่าเหล่านั้นเมื่อครึ่งเดือนก่อน ว่าจะส่งคนมาฆ่านาง เขาไม่มีวันยอมเด็ดขาด ยิ่งเห็นนางตั้งครรภ์เช่นนี้เขายิ่งรู้สึกผิดในใจ เขาอำมหิ
ย่างเข้าสู่ช่วงเหมันตฤดู (ฤดูหนาว) ในวังหลวงก็เกิดเรื่องน่าเศร้าขึ้น เมื่อไทเฮาทรงสิ้นพระชนม์ด้วยโรคชรา เหล่าราษฎรทั่วทั้งเมืองเสียนหยางต่างสวมชุดสีขาวเพื่อถวายความอาลัยเป็นครั้งสุดท้ายจ้าวฝูหมิงและไป๋มู่หลันเองก็ไว้ทุกข์ให้แก่พระมารดาเป็นเวลาหนึ่งปีเช่นกัน ยามนี้ท้องของนางเริ่มเห็นชัดมากยิ่งขึ้น จ้าวฝูหมิงเองก็คอยดูแลเอาใจใส่นางอย่างไม่ให้คลาดสายตาบ่ายวันนั้นมีราชโองการด่วนจากจ้าวฝูหรง ให้จ้าวฝูหมิงเดินทางไปชายแดนทางเหนืออย่างเร่งด่วน เพราะหลัวเฉิงลู่ส่งข่าวด่วนมาแจ้งทางวังหลวงว่า ยามนี้จ้าวเฟยหรงและข่านมู่เจี่ย นำทัพทหารหลายแสนนาย เข่นฆ่าเหล่าทหารที่ชายแดนจนตกตายไปหลายหมื่นนายแล้ว เหล่าชาวบ้านต่างหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่ง สงครามนี้กินพื้นที่ไปถึงสามแคว้น ฉู่อ๋องและเว่ยอ๋องที่ยังคงสวามิภักดิ์ต่อเสียนหยางร่วมสู้รบเพื่อปกป้องแคว้นทั้งสามจากจ้าวเฟยหรงและข่านมู่เจี่ยอย่างสุดกำลัง ไป๋มู่หลันที่ได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก บิดาของนางในยามนี้จะยังปลอดภัยอยู่หรือไม่? ยิ่งคิดนางก็ยิ่งวิตกกังวล อีกใจหนึ่งก็ห่วงจ้าวฝูหมิงเหลือเกิน ได้ยินมาว่าสงครามครั้งนี้หนักหนาสาหัสกว่าหลายครั้
ไป๋มู่หลันที่ได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกสงสารพ่อบ้านเฉินจับใจ นางจึงหันไปเอ่ยปากบอกกับจ้าวฝูหมิงด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน "ไม่ใช่ความผิดพ่อบ้านเฉินหรอกเพคะ ช่วงนี้หม่อมฉันมิค่อยอยากอาหาร จึงทำให้กินอะไรก็รู้สึกไร้รสชาติ อย่าโบยพ่อบ้านเฉินเลยเพคะ"พ่อบ้านเฉินที่ได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกโล่งใจเป็นอย่างยิ่ง ในใจรู้สึกเคารพพระชายาผู้นี้ขึ้นมามากกว่าเดิมอีกหลายส่วน จ้าวฝูหมิงที่ได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้าเล็กน้อย เขาเคยได้ยินเสด็จแม่เล่าให้ฟังว่าตอนที่ทรงตั้งครรภ์ เสด็จพ่อทรงตามใจเสด็จแม่ทุกอย่าง เช่นนั้นเขาต้องตามใจนางถึงจะถูกสินะ พ่อบ้านเฉินที่เห็นว่าท่านอ๋องทรงอารมณ์ดีแล้ว จึงเอ่ยถามขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่ตะกุกตะกัก "ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ จะทรงให้พระชายาพักที่เรือนไหนหรือพ่ะย่ะค่ะ""ถามโง่ ๆ มาพักกับข้าสิ! สั่งคนไปย้ายของของพระชายามา""เอ่อ... แล้วทรงต้องเข้าวังไปถวาย...""ไม่เข้า!!! ที่นี่จวนข้า เมียข้าไม่จำเป็นต้องลำบากเช่นนั้น รอข้าอารมณ์ดีข้าจะพานางเข้าวังเอง!"พ่อบ้านเฉินพยักหน้ารับ ก่อนจะรีบสั่งคนไปจัดการตามรับสั่งให้เรียบร้อย จ้าวฝูหมิงหันมามองไป๋มู่หลันที่กำลังนั่งแกะส้มผลโตเข้าปากด้วยความเอร