จ้าวฝูหมิงรีบพุ่งทะยานเข้ามาและดึงร่างของไป๋มู่หลันออกมาจากจ้าวซือซือทันที ดวงตาคมจ้องมองแฝดน้องของตนเองด้วยสายตาเย็นชา จ้าวซือซือ เห็นเช่นนั้นก็ส่งเสียงเฮอะในลำคอด้วยความหงุดหงิดใจ
"อย่ายุ่งกับอนุของข้า!!!"
"พี่รอง ข้าเพียงพาน้องไป๋ไปเที่ยวชมวังหลวงเพียงเท่านั้นเพคะ"
"หึ!!! เที่ยวชมวังหลวงหรือ อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ทันเจ้า!"
"แล้วอย่างไร ข้าชอบนาง ข้าอยากอยู่ใกล้นาง หากเจ้าไม่พอใจก็มาทุบตีข้าสิ!"
จ้าวฝูหมิงลอบสบถด่าทอจ้าวซือซือในใจเป็นพันครั้ง หากนางเป็นบุรุษเขาคงได้ถีบนางกระเด็นออกไปนอกกำแพงวังหลวงเป็นแน่
"งานเลี้ยงจะเริ่มแล้ว เจ้าอย่าคิดก่อเรื่อง!"
"พูดมาก น่ารำคาญยิ่งนัก!!! น้องไป๋ ไว้เราค่อยมาพูดคุยกันอีกนะ"
"เพคะองค์หญิง"
ไป๋มู่หลันยิ้มให้จ้าวซือซืออย่างเป็นมิตร ในใจรู้สึกสงสัยไม่น้อยว่าเหตุใดจ้าวฝูหมิงต้องทำท่าทีไม่พอใจยามที่นางอยู่กับแฝดน้องของเขาเช่นนี้ด้วย
"อย่าเข้าใกล้นาง!!!"
"ทำไมเล่าเพคะ?"
"ไม่ต้องถาม!!!"
เช่นนั้นนางก็จะไม่ถามเขาอีก
ไป๋มู่หลันก้มหน้างุด ช่างเถิด ในเมื่อเขาไม่ให้นางถามนางเดินกลับไปนั่งที่เดิมอย่างว่าง่าย คราวนี้จ้าวฝูหมิงก็ตามมานั่งกับนางด้วย งานเลี้ยงเริ่มต้นขึ้นอย่างครึกครื้น เหล่านางรำต่างร่ายรำตามจังหวะเสียงพิณที่บรรเลงขับขาน เหล่าขุนนางชั้นสูง รวมถึงคุณหนูจากตระกูลใหญ่ต่างเข้าร่วมงานเลี้ยงในครั้งนี้ด้วย
แม้จะบอกว่าเป็นงานเลี้ยง แต่ครานี้จ้าวฝูหรงอยากจะใช้งานเลี้ยงในครั้งนี้เป็นการหาว่าที่พระชายาให้แก่จ้าวฝูหมิงไปด้วย เขาจึงเชิญสตรีจากตระกูลสูงส่งเข้าร่วมงานเลี้ยงในครั้งนี้ เผื่อว่าจะมีสตรีน้อยจากตระกูลใหญ่ที่ถูกตาต้องใจจ้าวฝูหมิงบ้าง
ไทเฮาทรงชรามากแล้ว จึงของดเข้าร่วมงานเลี้ยงในครั้งนี้ จ้าวฝูหรงเองก็เป็นห่วงเสด็จแม่ยิ่งนัก จึงยอมตามใจนาง
งานเลี้ยงดำเนินต่อไปเรื่อย ๆ ภายในงานปรากฏร่างของสตรีนางหนึ่ง ดวงตาของนางกลมโตเป็นประกายเหมือนดวงจันทร์ ริมฝีปากแดงระเรื่อ ใบหน้างดงามราวนางฟ้านางสวรรค์ นางคือ หลิวหยวนเหนียง บุตรสาวของท่านเสนาบดีกรมขุนนาง ปีนี้อายุได้สิบแปดปีแล้ว
ดวงตาคู่สวยจ้องมองจ้าวฝูหมิงอย่างไม่ลดละ นางได้ยินชื่อเสียงของเขามานาน ได้ยินมาว่าเขาเก่งกาจเชี่ยวชาญในการรบ อีกทั้งยังโหดเหี้ยมดุดันสมชายชาติทหาร นางชื่นชอบเขายิ่งนัก ยิ่งได้มีโอกาสมาพบเจอเขาเช่นนี้นางก็ยิ่งรู้สึกพึงพอใจเขาอยู่ไม่น้อย
ได้ยินมาว่าในจวนอ๋องมีนางบำเรออยู่มากมาย ไม่นานมานี้เขายังพาสตรีบ้านป่าคนหนึ่งกลับมาเป็นอนุอีกด้วย แต่ช่างเถิด อย่างไรเสียสตรีเหล่านั้นก็คงเป็นได้เพียงเท่านั้น จะมาเทียบกับนางที่เป็นพระชายาได้เช่นไรกัน
นางจะต้องได้แต่งเป็นพระชายาของเขาให้จงได้!!!
เหล่าขุนนางต่างร่ำสุราและพูดคุยสนทนาพาทีกันอย่างออกรสออกชาติ จ้าวฝูหรงปรายตามองไปโดยรอบ ก่อนจะหยุดสายตาเอาไว้ที่ หลิวหยวนเหนียง
สตรีนางนั้นได้ยินมาว่าเป็นสตรีที่งดงามเพียบพร้อม เก่งทั้งงานเย็บปัก วาดภาพ บรรเลงพิณ และคัดอักษร อีกทั้งยังเป็นบุตรสาวคนโตที่เกิดจากภรรยาเอกของท่านเสนาบดีกรมขุนนางอีกด้วย
ช่างเหมาะสมกับจ้าวฝูหมิงยิ่งนัก!
คนอย่างน้องรองหากไม่มัดมือชกเห็นทีคงจะไม่ยอมง่าย ๆ เป็นแน่
ก่อนหน้านี้เขาเองได้ลองเอ่ยหยั่งเชิงท่านเสนาบดีกรมขุนนางมาก่อนแล้ว ตาเฒ่าผู้นั้นไม่คิดจะทัดทานใด ๆ ด้วยซ้ำ อีกทั้งยังเห็นดีเห็นงามกับเขาด้วย หากน้องรองได้แต่งพระชายาที่ดีพร้อม มาจากตระกูลสูงส่งคอยเกื้อหนุน ย่อมต้องดีเป็นอย่างยิ่ง
เขาหันไปพยักหน้าให้ขันทีคนสนิทหนึ่งครั้ง ขันทีผู้นั้นย่อมรู้หน้าที่เป็นอย่างดี
"เรียนทุกท่าน ยามนี้ฝ่าบาททรงมีพระราชโองการทรงถวายสมรสพระราชทานให้แก่ชินอ๋องจ้าวฝูหมิงและคุณหนูหลิวหยวนเหนียง ขอให้ทั้งสองออกมารับราชโองการด้วย"
จ้าวฝูหมิงที่กำลังยกจอกสุราพลันชะงักไปเล็กน้อย ไป๋มู่หลันเองก็รู้สึกตกตะลึงไม่ต่างกัน
สมรสพระราชทาน? เขากำลังจะแต่งพระชายาเช่นนั้นหรือ?
ด้านหลิวหยวนเหนียงนั้นก็รู้สึกตื่นเต้นจนตัวสั่นไปหมด นางลอบมองจ้าวฝูหมิงด้วยแววตาที่เป็นประกาย ไม่อยากจะเชื่อเลย นางยังมิได้เอ่ยสิ่งใดด้วยซ้ำ ตำแหน่งพระชายาก็ตกเป็นของนางเสียแล้ว
จ้าวฝูหมิงสบถด่าทอจ้าวฝูหรงในใจเป็นหมื่นครั้ง บัดซบ!!! พี่ใหญ่ไม่คิดจะปรึกษาเขาสักคำ
จ้าวฝูหมิงเดินออกมารับราชโองการพร้อมกับหลิวหยวนเหนียงด้วยใบหน้าเรียบเฉย เขาปรายตามองสตรีที่ยืนอยู่ด้านข้างตนเองด้วยแววตาเรียบเฉย เอาเถิด!!! อย่างน้อยนางก็งดงาม ข้าเองก็เลี้ยงสตรีเอาไว้ในจวนมากมาย เพิ่มนางมาอีกสักคนจะเป็นไรไป
หลิวหยวนเหนียงที่ถูกเขาจ้องมองก็รู้สึกเขินอายเป็นอย่างมาก ยิ่งได้มองเขาใกล้ ๆ เช่นนี้ ก็ยิ่งถูกใบหน้าหล่อเหลาของเขากลืนกินหัวใจนางไปจนหมดสิ้น
ไป๋มู่หลันรู้สึกแปลกประหลาดยิ่งนัก นางรู้สึกราวกับว่าโลกนี้ช่างหม่นหมองและน่าหดหู่กว่าที่ผ่านมา
หลังจากงานเลี้ยงจบสิ้นลง จ้าวฝูหมิงก็พานางกลับจวนชินอ๋องทันที ระหว่างทางทั้งสองไม่ได้เอ่ยพูดจาใดใดต่อกันเลยแม้แต่ครึ่งคำ
รถม้าเคลื่อนมาจนถึงหน้าประตูจวนอ๋อง ไป๋มู่หลันเดินตามเขาเข้ามาในเรือนอย่างไม่รีบไม่ร้อน จ้าวฝูหมิงรู้สึกมึนเมาสุราอยู่บ้าง จึงให้นางกลับไปพักผ่อนเสีย
รุ่งเช้ามีเหล่าทหารในวังมาแจ้งแก่จ้าวฝูหมิง ว่าชาวเผ่าตงหูที่อาศัยอยู่ทางทิศเหนือ สมคบคิดกับแคว้นจ้าวก่อความวุ่นวาย ลงมือเข่นฆ่าทหารทางชายแดนทิศเหนืออย่างโหดเหี้ยม เพื่อหวังทวงคืนความยุติธรรมให้แก่ฉีอ๋อง
จ้าวฝูหมิงนำทหารร่วมแสนนายเดินทางไปที่ชายแดนทางเหนือทันที ก่อนจะออกจากจวนอ๋อง เขาสั่งให้ไป๋มู่หลันดูแลจวนให้ดี อย่าให้ขาดตกบกพร่อง ไป๋มู่หลันพยักหน้ารับคำเขาอย่างว่าง่าย
จ้าวฝูหมิงเดินทางร่วมครึ่งเดือนก็มาถึงที่ชายแดนทางทิศเหนือ ภาพที่เห็นทำเอาเขาถึงกับโมโหเลือดขึ้นหน้า
ท่านอาของเขานามว่า จ้าวเฟยหรง คือท่านอ๋องผู้ปกครองแคว้นจ้าวในขณะนี้ เขาเป็นน้องชายต่างมารดาของเสด็จพ่อ ด้วยเพราะเสด็จพ่อรักใคร่น้องชายผู้นี้เป็นอย่างมาก จึงมอบแคว้นจ้าวให้เขาปกครองเสีย แต่คาดไม่ถึงว่าเขากลับคิดทรยศต่อเสียนหยางเช่นนี้
เผ่าตงหูเป็นชนเผ่าป่าเถื่อนและบ้าอำนาจเป็นอย่างยิ่ง มีผู้นำนามว่า ข่านมู่เจี่ย เขาเป็นคนบ้าเลือดและเข่นฆ่าผู้คนไม่เลือกหน้า
เสด็จอาช่างโง่เขลายิ่งนักที่คิดก่อกบฏเช่นนี้
ไฟสงครามทางเหนือปะทุอย่างต่อเนื่อง แม้จะสามารถกวาดล้างเหล่าทหารของแคว้นจ้าวได้สำเร็จ แต่ทว่าจ้าวเฟยหรง และข่านมู่เจี่ย กลับหนีรอดเงื้อมมือของเขาไปได้
จ้าวฝูหมิงตัดสินใจทิ้งทหารไว้เฝ้าเขตชายแดนไม่กี่หมื่นนาย ส่วนเขาพาทหารที่เหลือกลับเมืองหลวงเสียนหยางเสียก่อน หากมีเหตุการณ์ใดไม่น่าไว้วางใจ ให้ส่งม้าเร็วมาแจ้งแก่เขาที่เสียนหยางทันที
จ้าวฝูหมิงตัดสินใจเดินทางกลับเมืองเสียนหยางทันที เขาเดินทางอย่างไม่รีบไม่ร้อนมีหยุดพักบ้างระหว่างทางเพียงเท่านั้น
ด้านไป๋มู่หลันนั้น เช้าวันหนึ่งที่นางกำลังตื่นนอน กลับพบว่าบนเตียงนอนของตนมีเลือดไหลซึมออกมาตามเรียวขาจนเปรอะเปื้อนเตียงนอนไปหมด
รอบเดือนของนางมาแล้ว!!!
ไป๋มู่หลันรู้สึกตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก นางทั้งรู้สึกปวดหน่วงที่ท้องน้อยเป็นอย่างยิ่ง ก่อนที่จ้าวฝูหมิงจะเดินทางไปปราบเหล่ากบฏเขาได้สั่งให้พ่อบ้านเฉินหาสาวใช้มาดูแลนางคนหนึ่ง นามว่าหนิงชุ่ย "หนิงชุ่ย""เจ้าคะนายหญิง"หนิงชุ่ยที่ได้ยินเสียงเรียกของไป๋มู่หลันจึงรีบวิ่งเข้ามาหานางทันที เมื่อได้เห็นเลือดมากมายไหลเปรอะเปื้อนบนเตียงนอน นางก็รู้ได้ทันที นายหญิงของนางมีรอบเดือนแล้ว หนิงชุ่ยคอยดูแลรับใช้ไป๋มู่หลันเป็นอย่างดี นางเป็นเพียงเด็กสาวอายุสิบห้าปี แต่มีรอบเดือนตั้งแต่อายุสิบสี่เพราะร่างกายของนางอ้วนท้วนสมบูรณ์ดี นางชื่นชอบไป๋มู่หลันเป็นอย่างมาก นายหญิงของนางทั้งใจดีและทำอาหารอร่อย "นายหญิง ปวดมากหรือไม่เจ้าคะ""อือ ข้าลุกไม่ไหว""รอสักครู่นะเจ้าคะ บ่าวจะไปหาเสื้อผ้ามาเปลี่ยนให้"หนิงชุ่ยไม่รอช้านางรีบไปนำน้ำอุ่นมาหนึ่งกะละมัง และใช้ผ้าสะอาดบิดชุบน้ำหมาด ๆ ทำความสะอาดร่างกายให้ไป๋มู่หลันเสียก่อน กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งทำให้ไป๋มู่หลันรู้สึกอยากอาเจียนเป็นอย่างมาก "รอบเดือนของสตรีครั้งแรกย่อมมากเช่นนี้เจ้าค่ะ รออีกสามสี่วันก็จะค่อย ๆ เบาบางลง นายหญิงอดทนหน่อยนะเจ้าคะ"ไป๋มู่หลันพยักหน้า
จ้าวฝูหมิงเอ่ยวาจาหยอกเย้านางด้วยน้ำเสียงที่แหบกระเส่า เขายื่นมือไปเชยคางนางให้เงยขึ้นมาสบสายตากับเขา ไป๋มู่หลันรู้สึกร้อนวูบวาบในกายเป็นอย่างยิ่ง ยามที่เขาจ้องมองนางราวกับนางเป็นกวางน้อยที่เขาจับมาได้ เมื่อถูกจ้องมองเช่นนี้นางจึงยิ่งรู้สึกเขินอายจนทำสิ่งใดไม่ถูก เขาใช้มืออีกข้างค่อย ๆ ปลดเสื้อผ้าอาภรณ์ของนางออกทีละชิ้นอย่างไม่รีบไม่ร้อน ในระหว่างนั้นก็โน้มใบหน้าเข้ามาซุกไซ้ดอมดมซอกคอขาวเนียนของนางอย่างหื่นกระหาย การกระทำของเขาช่างดูคล่องแคล่วยิ่งนัก ไม่นานร่างกายของนางก็ไร้ซึ่งสิ่งใดห่อหุ้มอีก กายสาวงามสะพรั่งกำลังเย้ายวนสายตาเหลือเกิน เขาช้อนอุ้มร่างบางของนางขึ้นไปวางลงบนเตียง แล้วจึงโน้มใบหน้าเข้าไปหานาง เขาทาบทับริมฝีปากหนาใหญ่ลงไปบนริมฝีปากบางสวยของนางอย่างดุดัน ลิ้นอุ่นร้อนสอดแทรกเข้าไปเกี่ยวกระหวัดกับลิ้นชื้นแฉะของนางอย่างย่ามใจ ไป๋มู่หลันเริ่มหายใจติดขัด นางพยายามจะใช้ฝ่ามือน้อย ๆ ผลักไสเขาออกไป แต่ทว่าคนร่างใหญ่กลับยิ่งบดขยี้ริมฝีปากนางอย่างไม่ยอมลดละ มือหนาทั้งสองข้างของเขาบีบขยำดอกบัวงามทั้งสองข้างที่ชูช่อบานสะพรั่งอย่างเอาแต่ใจ สองเต้าเต่งตึงของนางใหญ่โตเสียจนล้นไม้ล้นม
ไป๋มู่หลันตื่นนอนตั้งแต่ท้องฟ้ายังไม่สว่างเท่าใดนัก แม้จะรู้สึกปวดเมื่อยตามร่างกายไปบ้าง แต่ทว่านางก็ยังต้องลุกขึ้นมาหานั่นนี่ทำอยู่ดี ด้วยนิสัยที่ไม่อยู่นิ่งของนางย่อมต้องหาบางสิ่งบางอย่างทำอยู่ตลอดเวลา ไป๋มู่หลันคิดถึงความร้อนแรงของจ้าวฝูหมิงเมื่อคืนจึงก้มหน้างุดด้วยความเขินอาย แต่นับจากวันนี้จะเป็นเช่นไรเล่า เมื่อคืนเป็นคืนเข้าหอของเขากับพระชายา แต่จ้าวฝูหมิงกลับมานอนค้างกับนางที่เรือนท้ายสวนเช่นนี้ พระชายาคงมิพอใจเป็นอย่างมาก ไป๋มู่หลันล้างหน้าล้างตาจัดแต่งเสื้อผ้าอาภรณ์เรียบร้อยแล้ว นางจึงตรงไปที่โรงครัว ยามนี้ในจวนมีนายหญิงคนใหม่เข้ามาเพิ่มแล้ว เรื่องอาหารการกินคงจะต้องละเอียดรอบคอบมากขึ้นกว่าเดิม เหล่าสาวใช้ในโรงครัวเมื่อเห็นไป๋มู่หลันก็ทำความเคารพนางอย่างนอบน้อม ไป๋มู่หลันมองดูวัตถุดิบในครัวคราหนึ่งก่อนจะเริ่มลงมือทำอาหาร นางไม่รู้ว่าพระชายาจะทรงชอบเสวยสิ่งใดเป็นพิเศษหรือไม่ จึงสั่งให้คนเคี่ยวโจ๊กพุทราแดงเอาไว้หนึ่งหม้อ จากนั้นนางจึงหันไปหยิบเนื้อหมูอย่างดีมาล้างจนสะอาด เพื่อจะทำหมูตุ๋นน้ำแดง จ้าวฝูหมิงเป็นชายชาติทหาร อาหารทุกมื้อของเขาจึงต้องเน้นเนื้อสัตว์เป็นห
หลิงหลิงที่ได้เห็นจ้าวฝูหมิงก้าวเดินเข้ามาในเรือน พลันแข้งขาของนางก็อ่อนแรงไปเสียดื้อ ๆ หลิวหยวนเหนียงขมวดคิ้วมุ่น มิใช่ว่าเขาไปวังหลวงแต่เช้าแล้วหรือ? หึ!!! นางคิดเอาไว้ว่าจะให้อนุนางนี้นั่งคุกเข่าถวายน้ำชาให้นางสักหนึ่งชั่วยามเสียหน่อยจ้าวฝูหมิงปรายตามองหลิวหยวนเหนียงด้วยสายตาเย็นชา สิ่งที่เขาเกลียดมากกว่าสิ่งใด คือสตรีที่วางท่าทางเป็นใหญ่เช่นนี้ต่อหน้าเขา จวนนี้เป็นจวนของข้า ใครหน้าไหนมันกล้า ก็ลองดู!"ถวายพระพรท่านอ๋อง""เจ้านี่เก่งกาจมิเบาเลยนะ เพิ่งมาถึงวันเดียว ก็สร้างความวุ่นวายในจวนข้าได้แล้ว?""ทูลท่านอ๋อง เรื่องราวในเรือนหลังย่อมเป็นหน้าที่หม่อมฉันที่ต้องดูแลความเรียบร้อยเพคะ""ความเรียบร้อย?""เพคะ""ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ"จ้าวฝูหมิงเอียงคอมองนางก่อนจะเปล่งเสียงหัวเราะออกมาจนดังลั่นไปทั้งเรือน พ่อบ้านเฉินและเหล่าคนรับใช้ที่ได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกขนลุกขนชันมิใช่น้อย เขารับใช้ท่านอ๋องผู้นี้มานาน การที่พระองค์หัวเราะเสียงดังเช่นนี้มิใช่เรื่องดีเลย!มันหมายถึงในจวนต้องมีบ่าวในจวนหรือนางบำเรอสักคนถูกโบยจนตายหรือไม่ก็ขายทิ้งออกไปเสีย ไป๋มู่หลันทำได้เพียงก้มหน้างุดไม่เอ่ยสิ่งใด นางมิ
จวนตระกูลเสี่ยว เสี่ยวลู่หานกำลังรับจดหมายจากมือของบุรุษชุดดำผู้หนึ่งที่กระโดดพุ่งทะยานเข้ามาในเขตเรือนของเขา เสี่ยวลู่หานรับมาถือเอาไว้ก่อนจะนำจดหมายฉบับนั้นส่งมอบให้แก่บิดาของตนเอง เสี่ยวหลานผู้รั้งตำแหน่งอัครมหาเสนาบดีในวังหลวงผู้นี้ คือบิดาของเสี่ยวลู่หาน เขารับจดหมายจากบุตรชายมาเปิดอ่าน ก่อนจะต้องขมวดคิ้วมุ่น เมื่อไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง เขาจึงลงมือเขียนจดหมายตอบกลับอย่างไม่รีบไม่ร้อน ก่อนจะหันไปกำชับกับบุตรชายของตนเองด้วยสีหน้าที่ไม่สู้ดีเท่าใดนัก"กำชับนางว่าให้หาทางมัดใจจ้าวฝูหมิงให้ได้ มิเช่นนั้นแผนการของเราจะไม่ราบรื่น""ขอรับท่านพ่อ"เสี่ยวลู่หานเอ่ยรับคำเสียงเรียบ เสี่ยวหลานปรายตามองบุตรชายของตนเองคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยขึ้นมา "คิดจะทำการใหญ่อย่าได้ใจอ่อนเป็นอันขาด""ท่านพ่อขอรับ สิ่งที่ท่านกำลังจะทำ มันเท่ากับการคิดก่อกบฏเชียวนะขอรับ""หุบปาก!!! ที่ข้าทำไปทั้งหมดก็เพื่อตระกูลเสี่ยวของเรา ตระกูลจ้าวได้ครองแผ่นดินเสียนหยางมานานเกินไปแล้ว ถึงเวลาที่จะต้องปลดระวางเสียที!!! ไสหัวไป! รอคนมารับจดหมายไปส่งให้หลิวหยวนเหนียง กำชับนางให้เข้าใจด้วย ส่วนอีกฉบับ อย่าลืมส่งให้ 'เขา' ด้วยเล
จ้าวฝูหมิงสั่งให้พ่อบ้านเฉินหาพ่อครัวจากในวังหลวงเพื่อมาทำอาหารให้หลิวหยวนเหนียงโดยเฉพาะ คนภายนอกต่างเอ่ยพูดกันปากต่อปากว่าท่านอ๋องผู้นี้ช่างมีจิตใจรักใคร่พระชายาอยู่ไม่น้อย ถึงกับสั่งให้พ่อครัวจากในวังหลวงมาคอยปรนนิบัติพระชายาของตนเป็นอย่างดี แต่ใครเล่าจะรู้ว่าหลิวหยวนเหนียงต้องทนกล้ำกลืนความอัปยศขนาดไหน นางรอเขามาร่วมสำรับอยู่ทุกวันทุกคืน แต่เขากลับเอ่ยเพียงว่าอาหารในวังหลวงมิค่อยถูกปาก อีกทั้งยังดูงดงามเสียจนเขากินไม่ลง เขาไม่ชอบอาหารที่ดูจอมปลอมเหล่านี้แม้แต่น้อย สู้อาหารพื้น ๆ ที่อร่อยลิ้นยังมิได้ด้วยซ้ำ นี่เขากำลังจะเอ่ยให้นางรับรู้ว่านางด้อยกว่าอนุของเขาเช่นนั้นหรือ? หึ!!! เขาช่างเลวทรามจนเกินจะทน จ้าวฝูหมิงกำลังนั่งดื่มสุราอยู่ที่ศาลาริมสระน้ำอย่างสบายอารมณ์ วันนี้เขามิต้องเข้าวังไปควบคุมการฝึกรบของเหล่าทหารจึงได้มีเวลามาร่ำสุราให้สบายใจ พ่อบ้านเฉินที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เอ่ยปากถามเขาด้วยท่าทีกระอักกระอ่วนใจไม่น้อย "ท่านอ๋อง วันนี้เป็นวันที่สิบห้า ท่านอ๋องจะต้องทรงหลับนอนกับพระชายาที่เรือนปีกซ้ายนะพ่ะย่ะค่ะ"จ้าวฝูหมิงมิเอ่ยสิ่งใดออกมา เขาเพียงพยักหน้าเล็กน้อย เขาสั่งย้ายนางให้
แต่กลางดึกคืนนั้น จ้าวฝูหมิงกลับมิได้ไปหานางอย่างที่นัดหมายกับนางเอาไว้ เขาต้องเข้าวังหลวงอย่างเร่งเด่น เพราะจ้าวฝูหรงส่งคนมาแจ้งแก่เขาว่าพบร่องรอยของจ้าวเฟยหรง อ๋องแคว้นจ้าว และข่านมู่เจี่ย และยังพบว่าทหารที่เฝ้าเขตชายแดนทางทิศเหนือถูกลอบฆ่าไปหลายร้อยนาย "น้องรองมาแล้ว""ได้ยินว่าทหารเขตชายแดนถูกลอบสังหารหรือพ่ะย่ะค่ะ""ใช่แล้ว น้องรองเราจะทำเช่นไรดี?"จ้าวฝูหรงขมวดคิ้วมุ่น เรื่องปกครองความเป็นอยู่ของราษฎรเขาย่อมใส่ใจไม่มีขาดตกบกพร่อง แต่ถ้าเป็นเรื่องรบเขาไม่มีความเชี่ยวชาญเอาเสียเลย ยังมิอาจสู้น้องรองได้เสียด้วยซ้ำ "ข้าจะส่งหลัวเฉิงลู่ไปเฝ้าเขตชายแดนทิศเหนือเอาไว้ก่อน เขาเป็นทหารฝีมือดี อย่างไรเสียคงจะควบคุมสถานการณ์เอาไว้ได้"จ้าวฝูหรงที่ได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกวางใจไม่น้อย อย่างไรเสียเขาก็เชื่อมั่นในตัวน้องรองเป็นที่สุด"เช่นนั้นเจ้าจงจัดการเสียเถิด อ้อ น้องรอง เจ้าอยู่ร่ำสุรากับพี่ก่อนดีหรือไม่?""ไม่ละพ่ะย่ะค่ะ ข้ามีนัดกับอนุที่ท้ายจวน"จ้าวฝูหรงที่ได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มกรุ้มกริ่ม น้องรองนี่ไม่เบาจริงเชียว เดี๋ยวนี้กล้านัดกับสตรีเอาไว้เสียด้วย ก่อนจะเอ่ยถามจ้าวฝูหมิงด้วยน้ำเสียงห
จ้าวฝูหมิงขยับเข้าไปหานางทันที เหล่าสาวใช้ที่ได้ยินเสียงกรีดร้องที่ด้านนอกก็มิกล้าเข้ามา ด้วยเพราะเกรงว่าจะถูกจ้าวฝูหมิงลงโทษ เป็นหนิงชุ่ยที่มิสนใจสิ่งใด นางรีบวิ่งเข้าไปในโรงครัวและจุดเทียนให้ความสว่างเสียจนโรงครัวมีแสงไฟเต็มไปหมด ไป๋มู่หลันค่อย ๆ เงยหน้าไปมองแล้วจึงพบกับจ้าวฝูหมิง ให้ตายเถอะ!!! เขาเองหรือ นางก็คิดว่าผีเสียอีก!!!จ้าวฝูหมิงหันซ้ายแลขวาด้วยแววตาตื่นตระหนก เขามิกลัวศัตรู เขามิกลัวใครหน้าไหน แต่ทว่า...เขากลัวผี!"ไป๋มู่หลัน ไหนเล่าผีเทียนไข?"ไป๋มู่หลันที่ได้เห็นเช่นนั้นก็รู้สึกขบขันเป็นอย่างยิ่ง จ้าวฝูหมิงขมวดคิ้วจ้องมองนางทันที "เจ้าขบขันสิ่งใดกัน?""ท่านอ๋องเพคะ ไม่มีผีหรอกเพคะ""แล้วเหตุใดเมื่อครู่เจ้าจึงตะโกนออกมาเช่นนี้!!!""เอ่อ หม่อมฉันตกใจน่ะเพคะ ก็พระองค์ทรงส่องเทียนไขสว่างเพียงที่ใบหน้า หม่อมฉันจึง...""คิดว่าข้าเป็นผี!!!"ไป๋มู่หลันพยักหน้าหงึกหงักเพียงเล็กน้อย จ้าวฝูหมิงส่งเสียงเฮอะในลำคอ ก่อนจะลอบสบถในใจ บัดซบ!!! ข้าหล่อเหลาถึงเพียงนี้ยังกล้ามาว่าข้าเป็นผีเช่นนี้หรือ!!!"เจ้ามาทำสิ่งใดในโรงครัวมืด ๆ เช่นนี้?""หม่อมฉันจะมาต้มโจ๊กให้ท่านอ๋องน่ะเพคะ แต่
ยี่สิบปีต่อมา จ้าวฝูหมิงและไป๋มู่หลัน มีบุตรชายทั้งหมดสามคน และบุตรสาวทั้งหมดสามคน บุตรชายมีใบหน้าหล่อคมเช่นเดียวกับเขา ส่วนบุตรสาวก็มีใบหน้าละม้ายคล้ายไป๋มู่หลัน อีกทั้งยังมีหน้าอกใหญ่โตเหมือนกับมารดาอีกด้วย บุตรคนอื่น ๆ ดูเหมือนจะไม่สร้างปัญหาใดใด ยกเว้นเสียแต่ จ้าวเย่เหม่ยและจ้าวจื่อหรง ไม่นานมานี้จ้าวจื่อหรงได้ออกไปล่าสัตว์ในป่า ระหว่างทางกลับเขาได้แบกสตรีชาวบ้านนางหนึ่งมาด้วย และบอกว่าจะรับนางเป็นอนุ อีกทั้งยังขับไล่นางบำเรอออกไปจากเรือนจนหมด "จื่อหรง เจ้าไปพานางมาจากที่ใด?"จ้าวฝูหมิงในยามนี้ ใบหน้าของเขาแก่ชราลงไปไม่น้อย แต่ยังคงความหล่อเหลาและน่าเกรงขามเอาไว้อยู่ ดวงตาคมจ้องมองบุตรชายด้วยความสงสัย จ้าวจื่อหรงทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ ก่อนจะยกเท้าขึ้นมาวางพาดบนโต๊ะอย่างไม่เกรงกลัวเขาเลยแม้แต่น้อย "ข้าชอบนาง ข้าว่านางเหมือนท่านแม่มาก ท่านพ่อ ข้าชอบหน้าอกของนาง"จ้าวฝูหมิงขมวดคิ้วมุ่น บัดซบ!!! มันไปได้นิสัยจากใครมา ป่าเถื่อนยิ่งนัก!อ้อ!!! ลูกข้าย่อมต้องเหมือนข้าสินะ "เจ้าทำเช่นนี้มิถูกต้อง พานางไปส่งบิดามารดานางเสีย""ไม่ขอรับ! ได้ยินมาว่าตอนสมัยหนุ่ม ๆ ท่านพ
งานเลี้ยงดำเนินไปได้ด้วยดี ส่วนสาวใช้ของนางที่ถูกจ้าวซือซืออุ้มหนีหายไปนั้น ยามนี้กำลังซบหน้าอยู่ในอ้อมกอดของจ้าวซือซือด้วยความเขินอาย นี่มันเรื่องอะไรกัน?จ้าวฝูหมิงแต่งตั้งหลัวเฉิงลู่เป็นผู้ว่าการมนฑล และดูแลความเรียบร้อยของแคว้นหมิง รวมถึงมีศาลาว่าการ ศาลาร้องเรียน มีหอนางโลม โรงน้ำชา และสถานศึกษา โรงฝึกทหาร ทุกอย่างเหมือนเสียนหยางทั้งหมด เรียกได้ว่าเป็นเสียนหยางแห่งที่สอง เพียงแต่ว่าเขาไม่ได้ตั้งตนเป็นฮ่องเต้ก็เท่านั้น เขาอยากใช้ชีวิตเหมือนคนธรรมดาทั่วไป มีภรรยามีบุตร ไม่มีกฎเกณฑ์ใดใดตายตัว เขาชอบชีวิตอิสระเช่นนี้ หลายวันก่อนไป๋มู่หลันมาออดอ้อนเขาว่าอยากได้ปลามาว่ายเล่นในสระน้ำสักหลาย ๆ ตัวเขาเองแม้จะไม่ชอบปลาพวกนั้นเท่าใดนัก แต่ก็ยอมตามใจนางแต่โดยดี ขืนมาตอดข้าอีกข้าจะจับพวกมันต้มกินให้หมดเสีย คอยดูเถิด!!!ยามนี้ไป๋มู่หลันกำลังนั่งมองดูปลาในสระพลางแบ่งขนมแป้งในมือให้ฝูงปลาที่แหวกว่ายในน้ำ ลูก ๆ หลับไปหมดแล้ว นางเองก็รู้สึกเมื่อยล้าจึงอยากมานั่งริมสระบัวเพื่อผ่อนคลายเสียหน่อย ยามนี้อากาศก็ช่างร้อนอบอ้าวยิ่งนักจ้าวฝูหมิงเห็นชายายอดรักกำลังให้อาหารปลาอยู่ใต้แสงจันทร์ ก็รู้สึกว่
ยามนี้จวนอ๋องกำลังวุ่นวายเป็นอย่างมาก ด้วยเพราะต้องเตรียมตัวย้ายถิ่นฐานไปอยู่ที่แคว้นฉี จ้าวฝูหมิงเองก็ต้องจัดเตรียมการต่าง ๆ ให้พร้อมสรรพ เพื่อมิให้ภรรยาและลูก ๆ ลำบากมากนัก ในการเดินทางไกลเช่นนี้ จ้าวซือซือกำลังนั่งเล่นกับจ้าวเย่เหม่ยและจ้าวจื่อหรงอย่างสนุกสนาน วันนี้จ้าวฝูหมิงเรียกนางมาเพราะต้องการแบ่งสินเดิมของเสด็จแม่ให้นางเอาไว้ใช้ด้วย เพราะเขาต้องไปอยู่ที่อื่น คงจะไม่มีเวลามาดูแลร้านรวงเหล่านั้นเหมือนแต่ก่อนอีก "อะนี่ ข้าให้เจ้า""หมดนี่เลยหรือ?""ใช่ ร้านค้าในตรอกหลายสิบร้านข้ายกให้เจ้าทั้งหมด พร้อมโฉนดที่ดินอีกหลายหมู่ที่นอกเมือง และข้าหานางบำเรอสวย ๆ ให้เจ้าหลายสิบคนแล้ว เจ้ากลับเรือนไปคงได้เจอกับพวกนาง ส่วนร้านรวงที่ใกล้เคียงกับร้านของเจ้า ข้าฝากเจ้าดูแลแทนด้วย""ได้สิ ไม่มีปัญหา เฮ้อ!!! ข้าคิดถึงน้องไป๋ยิ่งนัก นางไปอยู่ไกลเช่นนี้ ข้าจะมองนมใครล่ะ"จ้าวฝูหมิงที่ได้ยินเช่นนั้นก็จ้องมองจ้าวซือซืออย่างเอาเรื่อง "บัดซบ!!! เจ้าแอบมองนมเมียข้าหรือ!!!""นานแล้ว อยากลองจับสักครา""หุบปาก!!! อย่าแม้แต่จะคิด!!!""ก็ได้แค่คิดเองเพคะ พี่รองข้าชอบภรรยาท่านจริง ๆ นะ ข้าหลงรักนาง""แล
ไป๋มู่หลันพักรักษาร่างกายอยู่ในจวนอ๋องโดยมีหมอหลวงจากในวังมาคอยปรนนิบัติเป็นอย่างดี จ้าวฝูหมิงเองหลังจากประชุมเช้าเรียบร้อยแล้ว และไม่ได้คุมทหารฝึกฝน เขาก็จะรีบกลับมาหานางกับลูกโดยเร็ว เจ้าก้อนแป้งทั้งสองอ้วนท้วนแข็งแรงสมบูรณ์ดี และยังมีแม่นมมาช่วยดูแลอีกทาง นางจึงเบาแรงลงไปได้เป็นอย่างมาก จ้าวซือซือเองก็มาเยี่ยมเยือนหลาน ๆ ของนางอยู่ทุกวันเวลาล่วงเลยมาจวบจนจ้าวเย่เหม่ยและจ้าวจื่อหรงอายุได้หกเดือนเศษ จ้าวฝูหมิงจึงพานางและลูกเข้าวังหลวงไปหาจ้าวฝูหรง โม่ฉือเองก็ตามมาด้วยเพราะมันติดเจ้าก้อนแป้งทั้งสองมาก"ใบหน้าเหมือนน้องรองยิ่งนัก""หึ ลูกข้าก็ต้องหน้าเหมือนข้าสิ ถามไม่เข้าท่า""เอาเถิด พี่ไม่อยากทะเลาะกับเจ้า"จ้าวฝูหรงไม่อยากถือสาหาความกับน้องรองผู้นี้ เพราะรู้ว่าเถียงไปอย่างไรก็ไม่มีวันชนะ "ฝ่าบาทเพคะ ทรงเสวยชาร้อนก่อนเถิดเพคะ"ไป๋มู่หลันหันไปมองสตรีผู้หนึ่งที่เดินเข้ามาพร้อมกับชาร้อนในมือ นางแต่งตัวไม่เหมือนกับนางกำนัลหรือสตรีชาวเสียนหยางเลยแม้แต่น้อย หญิงสาวผู้นั้นเงยหน้าขึ้นมามองไป๋มู่หลันคราหนึ่งด้วยแววตาเรียบเฉย ก่อนจะก้มหน้าก้มตาเทน้ำชาให้จ้าวฝูหรงต่อ ด้านจ้าวฝูหมิงเองก็ปร
ผ่านไปหลายวันกว่าที่เสียนหยางจะเก็บกวาดซากศพของเหล่าทหารที่ล้มตายออกไปจากเมืองหลวงจนหมด ทหารเสียนหยางที่ล้มตายถูกฝังอย่างดี ส่วนทหารแคว้นจ้าวและเผ่าตงหูถูกนำไปโยนเป็นอาหารสัตว์ในป่าเสีย จ้าวฝูหรงได้กลับมาเป็นฮ่องเต้อีกครา แม้จะมีสนมมากมายในวังหลวง แต่เขาก็ไม่คิดแต่งตั้งใครเป็นฮองเฮา เพราะยังฝังใจกับเหตุการณ์ก่อนหน้านี้อยู่ ฉู่อ๋องและเว่ยอ๋องได้รับรางวัลพระราชทานมากมายที่เข้าร่วมช่วยเหลือทำศึกในครั้งนี้ จ้าวฝูหรงเองก็จัดงานเลี้ยงเฉลิมฉลองให้เหล่าทหารที่ร่วมรบอย่างสมเกียรติและยิ่งใหญ่ เหล่าราษฎรต่างกลับมาใช้ชีวิตกันเช่นเดิมอีกครั้งหนึ่ง จวนตระกูลเสี่ยวถูกปิดร้างเอาไว้ พร้อมกับหลุมศพของเสี่ยวลู่หานที่ถูกฝังเอาไว้ในนั้น ผู้คนต่างไม่กล้าเหยียบย่างเข้าไปใกล้เพราะถือเป็นพื้นที่ต้องห้าม จ้าวฝูหรงได้พระราชทานแคว้นจ้าวให้จ้าวฝูหมิงเพิ่มอีกหนึ่งแคว้น ด้วยเพราะน้องรองของเขาต่อสู้ร่วมรบอย่างสุดกำลัง สร้างความดีความชอบเป็นอย่างมาก ส่วนจ้าวซือซือนั้นเขาพระราชทานตำหนักใหม่ให้นางที่นอกวังหลวง และยังส่งนางบำเรอไปให้นางเพิ่มอีกด้วย เพื่อหลีกเลี่ยงป้องกันน้องหญิงของเขาจะมาลวนลามนางสนมในวังอีก แต่ถึ
เสี่ยวลู่หานพาไป๋มู่หลันมุ่งหน้ามายังด้านหลังประตูวัง แต่กลับพบกับเหล่าทหารของจ้าวเฟยหรงและข่านมู่เจี่ยที่เดินขวักไขว่เต็มไปหมด พวกมันช่างใจหยาบช้ายิ่งนัก เข่นฆ่าเด็กและคนแก่ชรา อีกทั้งยังฉุดคร่าสตรีเสียนหยางอย่างไร้ซึ่งความปรานี "คุณชายขอรับ คุณหนูเสี่ยวหนิงปลิดชีพตนเองแล้ว ส่วนท่านเสี่ยวหลานถูกข่านมู่เจี่ยจับตัวไว้ขอรับ"เสี่ยวลู่หานหันไปพยักหน้าให้คนรับใช้ที่เขาส่งไปสืบข่าว ก่อนจะหลับตาลงอย่างช้า ๆ ยามนี้ผ่านมาหลายสิบวันแล้วที่เสียนหยางถูกกุมอำนาจเอาไว้ทั้งหมด และปกครองโดยจ้าวเฟยหรงและข่านมู่เจี่ยท่านพ่อถูกจ้าวเฟยหรงและข่านมู่เจี่ยหักหลังเสียแล้ว ท่านพ่อประมาทเกินไป ไว้ใจสองคนนั้นมากเกินไป 'เขา' ที่ท่านพ่อส่งจดหมายติดต่อมาตลอดก็คือจ้าวเฟยหรงและข่านมู่เจี่ย ท่านพ่อตกลงก่อสงครามร่วมกันกับคนเหล่านั้น เดิมทีท่านพ่อคิดจะตลบหลังสองคนนั้นอีกที แต่คาดไม่ถึงว่าจ้าวเฟยหรงและข่านมู่เจี่ยจะยกทัพมามากมายเช่นนี้ ตระกูลเสี่ยวจบสิ้นแล้ว!!!ไป๋มู่หลันที่เห็นเขามีใบหน้าเศร้าใจเช่นนั้นก็รู้สึกสงสารจับใจ เสี่ยวลู่หานที่ได้เห็นแววตาเห็นใจจากนางก็ยิ่งรู้สึกผิดในใจเป็นอย่างยิ่ง นางคงยังมิรู้ว่าเขาคือ
เสียงเหล่าทหารที่พุ่งเข้ามาทางประตูหน้าจวน และเข่นฆ่าคนในจวนอ๋องจนหมดสิ้น ภาพของนางกำนัลมากมายที่ล้มตายอยู่ตรงหน้า ทำให้นางตื่นตระหนกจนมือสั่น นางกอดโม่ฉือเอาไว้แนบอกด้วยความหวาดกลัว "พระชายา!!! ทรงหนีก่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ!!!"พ่อบ้านเฉินรีบเข้ามาหาไป๋มู่หลัน และนำทางนางหนีออกทางประตูด้านหลังจวนอ๋อง เสียงดาบยังคงดังเป็นระยะปะปนกับเสียงกรีดร้องอย่างน่าเวทนาของเหล่าสาวใช้ที่ถูกเข่นฆ่าฉึบ!!!"กรี๊ดดดดด!!!"พ่อบ้านเฉินถูกธนูยิงที่ด้านหลังจนบาดเจ็บล้มลงไปกองกับพื้น ไป๋มู่หลันที่ตกใจเป็นอย่างมาก นางจึงชะงักอยู่กับที่ ไม่กล้าขยับกายเคลื่อนไหวอีก เสียงธนูลอยมาตามสายลมก่อนจะพุ่งตรงเข้ามาหานางอย่างรวดเร็ว ไป๋มู่หลันกับหนิงชุ่ยกอดกันแน่น คิดเพียงว่าคงมิรอดเป็นแน่แท้เคร้ง!!!เสียงดาบกระทบกับลูกธนูทำให้สติของไป๋มู่หลันกลับคืนมาทันที "คุณชาย!!!""มาหลบอยู่ข้างหลังข้าเร็วเข้า!!!"เสี่ยวลู่หานรีบเข้ามาต่อสู้กับเหล่านักฆ่าที่ท่านพ่อของเขาส่งมาทันที เขาได้ยินท่านพ่อเอ่ยกับนักฆ่าเหล่านั้นเมื่อครึ่งเดือนก่อน ว่าจะส่งคนมาฆ่านาง เขาไม่มีวันยอมเด็ดขาด ยิ่งเห็นนางตั้งครรภ์เช่นนี้เขายิ่งรู้สึกผิดในใจ เขาอำมหิ
ย่างเข้าสู่ช่วงเหมันตฤดู (ฤดูหนาว) ในวังหลวงก็เกิดเรื่องน่าเศร้าขึ้น เมื่อไทเฮาทรงสิ้นพระชนม์ด้วยโรคชรา เหล่าราษฎรทั่วทั้งเมืองเสียนหยางต่างสวมชุดสีขาวเพื่อถวายความอาลัยเป็นครั้งสุดท้ายจ้าวฝูหมิงและไป๋มู่หลันเองก็ไว้ทุกข์ให้แก่พระมารดาเป็นเวลาหนึ่งปีเช่นกัน ยามนี้ท้องของนางเริ่มเห็นชัดมากยิ่งขึ้น จ้าวฝูหมิงเองก็คอยดูแลเอาใจใส่นางอย่างไม่ให้คลาดสายตาบ่ายวันนั้นมีราชโองการด่วนจากจ้าวฝูหรง ให้จ้าวฝูหมิงเดินทางไปชายแดนทางเหนืออย่างเร่งด่วน เพราะหลัวเฉิงลู่ส่งข่าวด่วนมาแจ้งทางวังหลวงว่า ยามนี้จ้าวเฟยหรงและข่านมู่เจี่ย นำทัพทหารหลายแสนนาย เข่นฆ่าเหล่าทหารที่ชายแดนจนตกตายไปหลายหมื่นนายแล้ว เหล่าชาวบ้านต่างหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่ง สงครามนี้กินพื้นที่ไปถึงสามแคว้น ฉู่อ๋องและเว่ยอ๋องที่ยังคงสวามิภักดิ์ต่อเสียนหยางร่วมสู้รบเพื่อปกป้องแคว้นทั้งสามจากจ้าวเฟยหรงและข่านมู่เจี่ยอย่างสุดกำลัง ไป๋มู่หลันที่ได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก บิดาของนางในยามนี้จะยังปลอดภัยอยู่หรือไม่? ยิ่งคิดนางก็ยิ่งวิตกกังวล อีกใจหนึ่งก็ห่วงจ้าวฝูหมิงเหลือเกิน ได้ยินมาว่าสงครามครั้งนี้หนักหนาสาหัสกว่าหลายครั้
ไป๋มู่หลันที่ได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกสงสารพ่อบ้านเฉินจับใจ นางจึงหันไปเอ่ยปากบอกกับจ้าวฝูหมิงด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน "ไม่ใช่ความผิดพ่อบ้านเฉินหรอกเพคะ ช่วงนี้หม่อมฉันมิค่อยอยากอาหาร จึงทำให้กินอะไรก็รู้สึกไร้รสชาติ อย่าโบยพ่อบ้านเฉินเลยเพคะ"พ่อบ้านเฉินที่ได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกโล่งใจเป็นอย่างยิ่ง ในใจรู้สึกเคารพพระชายาผู้นี้ขึ้นมามากกว่าเดิมอีกหลายส่วน จ้าวฝูหมิงที่ได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้าเล็กน้อย เขาเคยได้ยินเสด็จแม่เล่าให้ฟังว่าตอนที่ทรงตั้งครรภ์ เสด็จพ่อทรงตามใจเสด็จแม่ทุกอย่าง เช่นนั้นเขาต้องตามใจนางถึงจะถูกสินะ พ่อบ้านเฉินที่เห็นว่าท่านอ๋องทรงอารมณ์ดีแล้ว จึงเอ่ยถามขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่ตะกุกตะกัก "ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ จะทรงให้พระชายาพักที่เรือนไหนหรือพ่ะย่ะค่ะ""ถามโง่ ๆ มาพักกับข้าสิ! สั่งคนไปย้ายของของพระชายามา""เอ่อ... แล้วทรงต้องเข้าวังไปถวาย...""ไม่เข้า!!! ที่นี่จวนข้า เมียข้าไม่จำเป็นต้องลำบากเช่นนั้น รอข้าอารมณ์ดีข้าจะพานางเข้าวังเอง!"พ่อบ้านเฉินพยักหน้ารับ ก่อนจะรีบสั่งคนไปจัดการตามรับสั่งให้เรียบร้อย จ้าวฝูหมิงหันมามองไป๋มู่หลันที่กำลังนั่งแกะส้มผลโตเข้าปากด้วยความเอร