“จำไว้ไม่มีใครช่วยเจ้าได้เยี่ยนอิง เรื่องราวทั้งหมดจะจบลงแบบไหนอยู่ที่เจ้าจะบงการมัน”เยี่ยนอิงเดินออกจากห้องของฮองเฮาหลี่หลันซื่อด้วยท่าทางที่ไม่เหมือนเดิม เมื่อก่อนเคยเป็นเด็กสาวที่อ่อนแอและขี้ระแวง แต่ตอนนี้ภายใต้คำแนะนำของฮองเฮาเยี่ยนอิงได้เริ่มสร้างกำแพงขึ้นในใจของตัวเอง ความเจ็บปวดที่เคยมีนั้นกำลังจะถูกแทนที่ด้วยความแข็งแกร่งและความอาฆาตแค้นที่เติบโตขึ้นทุกวันความคิดของเยี่ยนอิงก็เริ่มมุ่งไปยังการแก้แค้นหว่านชิง คนที่มาแย่งทุกสิ่งทุกอย่างไปแม้กระทั่งท่านแม่ทัพไป๋เหวินหลงที่เยี่ยนอิงเคยคิดว่าเป็นของตัวเอง"พี่สาว พี่หว่านชิง…อย่าได้คิดว่าเจ้าจะได้เป็นฝ่ายชนะในเรื่องนี้ ข้าจะเป็นคนวางหมากบนกระดานเองต่อจากนี้"พึมพำเบาๆน้ำเสียงแฝงไปด้วยความเจ็บแค้น การแสดงอ่อนหวานที่หว่านชิงทำไปนั้นที่ผ่านมา มันช่างน่าหมั่นไส้ในสายตาของเยี่ยนอิง เหมือนกับว่าหว่านชิงกำลังเป็นนางเอกที่ทุกคนหลงรักส่วนเยี่ยนอิงกลับเป็นเพียงตัวร้ายที่ไม่มีใครต้องการแต่แล้ววันนี้มันจะต้องจบลงด้วยดี ใครจะพลิกสถานะการณ์ช่วงชิงโอกาสได้ดีกว่ากันใบหน้าของเยี่ยนอิงเผยรอยยิ้มที่เย็นชา สายตาของกลายเป็นแววที่แฝงไปด้วยความคิดบา
เยี่ยนอิงเดินเข้ามาในตำหนักของฮองเฮาหลี่หลันซื่อด้วยท่าทีหดหู่และแสนจะเจ็บปวด สายตาเศร้าสร้อยนั้นเหมือนจะบอกเล่าความทรมานในใจจนฮองเฮาต้องหันมามองอย่างสงสัย“เยี่ยนอิงเกิดอะไรขึ้น”“ท่านแม่...ข้าทำอะไรผิดไปหรือ...อึกๆๆๆๆ” เยี่ยนอิงเอ่ยขึ้นเสียงแหบพร่าก่อนจะปาดน้ำตาที่เริ่มไหลลงมาหยุดอยู่ที่กลางห้องสะอื้นตัวโยนเต็มที่กับอารมณ์ของตัวเองที่อัดแน่นมาจากจวนท่านแม่ทัพจึงเริ่มพร่ำเพ้อราวกับคนที่ไม่มีทางออก“ข้าเกลียดข้าโกรธ...ท่านแม่ทัพข้าเกลียดเขาฮืออออ...เขากลับไปหาหว่านชิง...ท่านแม่ทัพปกป้องพี่หว่านชิง ไม่มีข้าในสายตาด้วยซ้ำ...ไม่ยอมรับไมตรีของข้าเลย...” เสียงที่พร่ำเพ้อของเยี่ยนอิงช่างแหบแห้ง มีแต่ความเจ็บปวดปะปนกับการยอมแพ้ในใจ“ทำไมต้องเป็นหว่านชิง...ทำไมพี่หว่านชิงถึงได้แย่งทุกอย่างไปจากข้าเสมอเลย…” เยี่ยนอิงยกมือทาบอกและพูดด้วยเสียงสะอื้น“เสด็จแม่ ข้า…ข้าเจ็บใจ...ที่เขา...เอาแต่ปกป้องพี่หว่านชิง..ยิ่งทำให้ข้าหมดกำลังใจ...”ฮองเฮาหลี่หลันซื่อฟังอยู่เงียบๆไม่พูดอะไร“เสด็จแม่ ข้าไม่งดงามหรือ ข้าไม่อ่อนหวานหรือ ข้าจริงใจไม่พอหรือไร ฮืออออออ”เยี่ยนอิงพูดจบราวกับว่าคำพูดทั้งหมดนั้นจะสะท
มือใหญ่ของฮ่องเต้หลี่เซวียนอี้ยังสั่นน้อยๆ ด้วยความโกรธและหวาดกลัวในสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น ตลอดทางกลับตำหนักสีหน้ามีแต่ความกังวลเต็มไปหมด ราวกับอยากจะให้ลูกน้อยที่รักนั่งอยู่ในอกไม่ห่างไปไหนอีกเลยพอกลับถึงตำหนักก็พาหว่านชิงไปนั่งลงกับเบาะนุ่มๆ พลางเอื้อมมือจับแก้มของหว่านชิงด้วยแววตาอาทรที่แทบจะร้องไห้ออกมา“ชิงเอ๋อร์ เจ้าต้องบอกพ่อมาให้หมด เกิดอะไรขึ้นกันแน่ เจ้าไปอยู่ที่ใด ใครจับตัวเจ้าไป แล้วมันทำอะไรกับเจ้าบ้างหรือไม่” น้ำเสียงของฮ่องเต้หลี่เซวียนอี้เต็มไปด้วยความเจ็บปวดปนโกรธ ราวกับหากรู้ตัวคนร้ายเมื่อใด เขาจะสังหารให้สิ้นทั้งตระกูลหว่านชิงมองฮ่องเต้ที่โกรธจนตัวสั่นก็ใจอ่อน แต่ก็ยังคงยิ้มอ่อนเอาไว้เพื่อปลอบโยน“ท่านพ่ออย่าได้กังวลไปเลยเจ้าค่ะ ลูกไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร มีเพียงถูกจับตัวไปอยู่ที่แห่งหนึ่ง พวกนั้นแต่งกายคล้ายกัน ใช้อาวุธแบบเดียวกัน ลูกเดาว่าไม่ใช่โจรเร่ร่อนทั่วไปแน่นอน เห็นทีเป็นกลุ่มคนที่ต้องมีเจ้านายอยู่เบื้องหลังและสั่งมาโดยตรง”“เจ้านาย…เจ้ามั่นใจหรือ” หลี่เซวียนอี้ขมวดคิ้ว“ลูกมั่นใจเจ้าค่ะ เห็นได้ชัดว่าพวกนั้นไม่ได้ทำอะไรตามใจแต่ทำตามคำสั่ง ลูกคิดว่าพวกมันเป็นกล
ส่วนขันทีหนุ่มหลายคนพากันตัวสั่นงันงก หัวแทบจรดพื้นไม่กล้าเงยหน้าฮ่องเต้สะบัดพระหัตถ์ยกฉลองพระองค์ขึ้นกึ่งเดินกึ่งวิ่ง เสด็จออกจากตำหนักทันที เสียงยังดังลั่น“ไป! ไปกับข้า! พาข้าลูกสาวข้ากลับมาเดี๋ยวนี้! ข้าอยากเห็นหว่านชิงให้เร็วที่สุด!”“ฝ่าบาทใจเย็นหน่อยไหนบอกว่าท่านแม่ทัพเหมาะกับองค์หญิงใหญ่ที่สุดแล้ว” จื่อกงยังไม่ยอม “เหอะตอนนี้ไม่เหมาะแล้ว ไม่มีใครเหมาะกับลูกข้าตอนนี้ข้าเริ่มเอนเอียงไปทางท่านราชครูแล้ว” ก้าวเดินฉับๆๆบรรดาข้ารับใช้พากันวิ่งตามหลังกันขวักไขว่คล้ายงานใหญ่ บ้างสะดุด บ้างหกล้มแต่ไม่มีใครกล้าโวยวาย ขบวนเสด็จยกขบวนวุ่นวายเหมือนกำลังออกรบ จนทุกคนลอบถอนหายใจในใจว่า นี่มิใช่แค่พระบุตรธิดา แต่ราวกับเป็นดวงใจทั้งดวงของฝ่าบาททีเดียวหน้าประตูจวนแม่ทัพ หว่านชิงยืนรออยู่ ดวงหน้างดงามแม้ยังมีความซีดจางจากเหตุการณ์ที่ผ่านมา แต่เมื่อเห็นขบวนเสด็จของฝ่าบาทมาถึง หว่านชิงก็ยิ้มบางๆ พลันซื่อซื่อรีบวิ่งเข้ามาพยุงให้นายหญิงของตนยืนมั่นคงกว่าเดิม ส่วนภายในลานกว้างนั้น ไป๋เหวินหลงยืนสงบนิ่ง ดวงตาคมเข้มทอแววไม่ประมาท มือกอดกระบี่ไว้แน่นประหนึ่งจะประกาศว่าจวนนี้มีเขาเป็นโล่กำแพงไม่นานนั
หว่านชิงหันไปยิ้มบางๆ ให้เยี่ยนอิง เอียงศีรษะเล็กน้อยพลางเอ่ยเสียงนุ่มราวกับไม่ตั้งใจแทงใจดำ“งั้นเจ้ากลับตำหนักไปก่อนเถอะ ข้ากับท่านแม่ทัพยังมีธุระเล็กน้อยต้องคุยกัน เจ้าเดินดีๆ นะ ระวังจะสะดุดเป็นลมกลางทางอีกล่ะ”ว่าแล้วก็โบกมือลาอย่างอารมณ์ดีเยี่ยนอิงที่หน้าเสียไปถนัดตากัดริมฝีปากแน่นนัยน์ตาแดงก่ำเล็กน้อยแต่ก็ฝืนค้อมกายรับคำพลางหมุนกายออกไปอย่างไม่เต็มใจนัก ฝีเท้าของนางเร่งรีบหว่านชิงยิ้มมุมปากอย่างผู้ชนะ ก่อนจะเดินอ้อยอิ่งมานั่งลงบนเก้าอี้ในห้อง นางเท้าคางมองไปที่ร่างของไป๋เหวินหลงแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงกึ่งหยอกกึ่งตำหนิ“ท่านนี่ก็ช่างเย็นชาเหลือเกินนะ ไม่รักษาน้ำใจเยี่ยนอิงสักนิด นางเฝ้ารอท่านทั้งวันทั้งคืน พอได้เจอหน้าท่าน ท่านกลับไม่พูดปลอบไม่ยื้อให้นางอยู่ดูแลบ้างสักคำ ให้นางดูแลท่านก็ดีจะตาย”ไป๋เหวินหลงยืนนิ่ง ใบหน้าคมเข้มขรึมลงทันตา ริมฝีปากเม้มแน่นก่อนจะเอ่ยเสียงหนักแน่น“ไม่หรอก ไม่จำเป็นข้ากับองค์หญิงรอง…ไม่ได้มีอะไรพิเศษ” น้ำเสียงไม่ได้แข็งกร้าวแต่แฝงความจริงจังแน่วแน่ชัดเจนหว่านชิงเลิกคิ้วเล็กน้อย แววตาประกายวิบวับเหมือนเจอของเล่น หว่านชิงหัวเราะเบาๆ พลางเอนกายพิงเก้าอ
สิ้นคำบรรยากาศรอบตัวแทบหยุดนิ่งไป ไป๋เหวินหลงหน้าแดงจัดจนถึงใบหู ตาเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อยราวกับไม่เชื่อว่าองค์หญิงใหญ่หว่านชิงตรงหน้าจะกล้าพูดอะไรเช่นนั้นออกมาต่อหน้าธารกำนัล (แมวระบบ: แม้ปกติจะทำประจำอยู่แล้วก็เถอะนะเจ้าคะ) ก่อนเสียงตะกุกตะกักดังหลุดออกมา“ขะๆๆ …ข้า…กินเองได้!” ไป๋เหวินหลงรีบคว้าถ้วยยาจากมือหว่านชิงแทบจะทันทีแล้วกระดกยาลงคออย่างรวดเร็วเหมือนคนหนีภัยพิบัติแก้มที่แดงจัดก็ยิ่งแดงกว่าเก่าเพราะในหัวพลันเผลอจินตนาการไปตามคำพูดเล่นๆ ของหว่านชิงโดยไม่อาจควบคุมได้ด้านเยี่ยนอิงที่ยืนมองอยู่เงียบงันไปชั่วขณะเม้มริมฝีปากแน่นจนแทบจะกัดเลือดซิบ นัยน์ตาไหววูบปั่นป่วน เมื่อเห็นว่าคำพูดเพียงไม่กี่คำของหว่านชิงสามารถทำให้ไป๋เหวินหลงเสียท่าจนหน้าแดงยิ่งกว่าอะไรที่เยี่ยนอิงเคยเห็นหว่านชิงกลับเพียงอมยิ้มดวงตาแพรวพราว เพิ่งแกล้งคนสำเร็จก็แทบจะกลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่ก่อนพึมพำเสียงเบาราวกระซิบ“คนโบราณอย่างพวกเจ้าจะสู้สาวแซ่บอย่างข้าได้ยังไงกัน ข้ามันนักแสดงหญิงผู้ครองตำแหน่งนางร้ายสุดแซ่บเบอร์หนึ่งเชียว”ทันใดนั้นเอง เสียงใสๆ ของระบบก็ดังขึ้นในหัว【ติ้ง! ระบบมอบแต้มพิเศษ 200 แต้มมมม!】【ข้