หลี่เฟยหลง ในชุดเสื้อคลุมหนา ถือดาบและมองไปรอบๆ ด้วยความระแวดระวัง หัวหน้าหมาเองก็เตรียมพร้อมเต็มที่ ด้วยประสบการณ์การเอาตัวรอดในป่าที่เขาเคยผ่านมา
เมื่อก้าวออกไปนอกกำแพงวัง ความหนาวเย็นก็แทรกซึมเข้าสู่กระดูก ลมพายุหิมะพัดโหมกระหน่ำจนแทบจะมองไม่เห็นทาง หิมะกองสูงท่วมหัว ผู้คนต่างหลบซ่อนตัวอยู่ในบ้านเรือนของตนเอง ถนนหนทางเงียบสงัดราวกับเมืองร้าง "ท่านแม่! หิมะหนักมากเลยนะขอรับ!" หลี่เฟยหลงกล่าวด้วยน้ำเสียงกังวล "เราจะหาอะไรกินได้ที่ไหนกันขอรับ!?" "เราจะต้องหาแหล่งอาหารที่สามารถทนต่อความหนาวเย็นได้ลูก" เหม่ยหลินตอบ "และแม่คิดว่า...แม่รู้แล้วว่าเราจะไปหาที่ไหน" เหม่ยหลินนำทางคณะของเธอไปยังบริเวณที่สูงกว่าปกติ ซึ่งเป็นที่ราบเชิงเขาที่เธอเคยสังเกตเห็นว่ามีพืชพรรณบางชนิดเติบโตอย่างหนาแน่นในช่วงฤดูร้อน เมื่อมาถึงบริเวณนั้น พวกเขาก็ต้องประหลาดใจ! แม้จะถูกปกคลุมด้วยหิมะหนา แต่ก็มี พืชชนิดหนึ่ง ที่ยังคงยืนต้นอยู่ได้อย่างแข็งแกร่ง ใบของมันเป็นสีเขียวเข้ม และมีรากที่ฝังลึกลงไปในดินที่เย็นจัด "นี่มัน... 'ผักหิมะสวรรค์'!" เหม่ยหลินอุทานด้วยความตื่นเต้น "ข้าเคยได้ยินชื่อของมันในตำราโบราณ มันเป็นพืชที่สามารถทนต่อความหนาวเย็นได้ดีเยี่ยม และมีสารอาหารสูงมาก!" พวกเขาเริ่มเก็บผักหิมะสวรรค์อย่างรวดเร็ว แม้จะยากลำบากเพราะมือชาด้วยความเย็น แต่ทุกคนก็เต็มไปด้วยความหวัง นี่คือแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์แห่งวิกฤตการณ์นี้ นอกจากผักหิมะสวรรค์แล้ว พวกเขายังค้นพบ "เห็ดน้ำแข็ง" ที่เติบโตอยู่ใต้ซากต้นไม้ที่ล้มตาย เห็ดชนิดนี้มีลักษณะเป็นสีขาวโปร่งแสงคล้ายน้ำแข็ง มีรสชาติหวานละมุน และมีสรรพคุณในการให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย "ดูเหมือนสวรรค์จะเมตตาพวกเรานะขอรับท่านแม่!" หลี่เฟยหลงกล่าวด้วยรอยยิ้ม "นี่แหละคือความมหัศจรรย์ของธรรมชาติลูก" เหม่ยหลินตอบ "แม้ในยามวิกฤต ธรรมชาติก็ยังคงมอบสิ่งดีๆ ให้แก่เราเสมอ" เผชิญหน้ากับ "มนุษย์น้ำแข็ง" และปริศนาที่ซ่อนอยู่ ขณะที่พวกเขากำลังรวบรวมเสบียงอยู่นั้น จู่ๆ ก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นจากด้านหลัง พร้อมกับเงาร่างของ ชายฉกรรจ์กลุ่มหนึ่ง ที่ปรากฏขึ้นจากพุ่มไม้! พวกเขาสวมเสื้อผ้าหนาหนักที่ทำจากหนังสัตว์ ใบหน้าปกคลุมด้วยหนวดเคราสีขาวโพลน และมีแววตาที่ดุดัน พวกเขาไม่ใช่ชาวบ้านทั่วไป แต่ดูเหมือนจะเป็นกลุ่มคนที่อาศัยอยู่ในป่าลึก "พวกเจ้าเป็นใคร!" หัวหน้าหมาตะโกนขึ้นอย่างระแวดระวัง ชายฉกรรจ์กลุ่มนั้นไม่ตอบ พวกเขาพุ่งเข้าใส่เหม่ยหลินและคณะทันที! พวกเขามีอาวุธที่ทำจากกระดูกและหินแหลมคม การเคลื่อนไหวของพวกเขาว่องไวและดุดัน ราวกับไม่รู้สึกถึงความหนาวเย็นเลยแม้แต่น้อย "พวกเขาคือ มนุษย์น้ำแข็ง!" ทหารองครักษ์นายหนึ่งตะโกน "ชนเผ่าที่อาศัยอยู่ในเทือกเขาน้ำแข็ง พวกเขาขึ้นชื่อเรื่องความดุร้ายและแข็งแกร่ง!"หลี่เฟยหลง ในชุดเสื้อคลุมหนา ถือดาบและมองไปรอบๆ ด้วยความระแวดระวัง หัวหน้าหมาเองก็เตรียมพร้อมเต็มที่ ด้วยประสบการณ์การเอาตัวรอดในป่าที่เขาเคยผ่านมาเมื่อก้าวออกไปนอกกำแพงวัง ความหนาวเย็นก็แทรกซึมเข้าสู่กระดูก ลมพายุหิมะพัดโหมกระหน่ำจนแทบจะมองไม่เห็นทาง หิมะกองสูงท่วมหัว ผู้คนต่างหลบซ่อนตัวอยู่ในบ้านเรือนของตนเอง ถนนหนทางเงียบสงัดราวกับเมืองร้าง"ท่านแม่! หิมะหนักมากเลยนะขอรับ!" หลี่เฟยหลงกล่าวด้วยน้ำเสียงกังวล "เราจะหาอะไรกินได้ที่ไหนกันขอรับ!?""เราจะต้องหาแหล่งอาหารที่สามารถทนต่อความหนาวเย็นได้ลูก" เหม่ยหลินตอบ "และแม่คิดว่า...แม่รู้แล้วว่าเราจะไปหาที่ไหน"เหม่ยหลินนำทางคณะของเธอไปยังบริเวณที่สูงกว่าปกติ ซึ่งเป็นที่ราบเชิงเขาที่เธอเคยสังเกตเห็นว่ามีพืชพรรณบางชนิดเติบโตอย่างหนาแน่นในช่วงฤดูร้อนเมื่อมาถึงบริเวณนั้น พวกเขาก็ต้องประหลาดใจ! แม้จะถูกปกคลุมด้วยหิมะหนา แต่ก็มี พืชชนิดหนึ่ง ที่ยังคงยืนต้นอยู่ได้อย่างแข็งแกร่ง ใบของมันเป็นสีเขียวเข้ม และมีรากที่ฝังลึกลงไปในดินที่เย็นจัด"นี่มัน... 'ผักหิมะสวรรค์'!" เหม่ยหลินอุทานด้วยความตื่นเต้น "ข้าเคยได้ยินชื่อของ
หลังจากเหตุการณ์ในแคว้นเยว่ เหม่ยหลินและคณะเดินทางกลับสู่แคว้นของตนอย่างปลอดภัย พร้อมกับมิตรภาพครั้งใหม่และข้อตกลงสันติภาพอันล้ำค่าที่นำพาสันติสุขมาสู่สองอาณาจักร องค์จักรพรรดิทรงปิติยินดีเป็นอย่างยิ่ง ทรงจัดงานเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่ และทรงยกย่องความดีความชอบของเหม่ยหลินและไป๋เฟิงอย่างสมเกียรติไป๋เฟิงได้รับการแต่งตั้งเป็นราชทูตพิเศษ มีหน้าที่กระชับความสัมพันธ์ระหว่างสองแคว้น และเขาก็แวะเวียนมาเยี่ยมเหม่ยหลินและครอบครัวอยู่เสมอ ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขากลายเป็นมิตรภาพที่แน่นแฟ้นและบริสุทธิ์แต่ความสงบสุขมักไม่จีรังยั่งยืน เมื่อเข้าสู่ฤดูหนาวปีนั้น พายุหิมะลูกใหญ่ที่สุดในรอบหลายสิบปีก็พัดถล่มอาณาจักรอย่างไม่คาดฝัน หิมะตกหนักต่อเนื่องเป็นเวลาหลายวัน ปกคลุมทั่วทั้งแคว้นด้วยผืนสีขาวโพลน อุณหภูมิลดต่ำลงอย่างรวดเร็ว ทำให้แม่น้ำลำคลองกลายเป็นน้ำแข็ง พืชผลทางการเกษตรเสียหายยับเยิน การคมนาคมหยุดชะงัก ผู้คนต้องเผชิญกับความหนาวเหน็บและความอดอยากวิกฤตการณ์ในวังหลวงและคำร้องจากองค์จักรพรรดิแม้แต่ในวังหลวงเองก็ได้รับผลกระทบจากพายุหิมะครั้งนี้ การขนส่งเสบียงอาหารจากภายนอกทำได้ยากลำบาก คลังเสบียงขอ
องค์จักรพรรดิเยว่เสวยซุปแห่งการฟื้นคืนชีพด้วยความลังเล พระองค์ทรงจิบซุปช้าๆ และทันใดนั้นเอง...พระองค์ก็ทรงไอออกมาอย่างรุนแรง! พร้อมกับอาเจียนออกมาเป็น เลือดสีดำ!เสียงฮือฮาดังไปทั่วท้องพระโรง ขันทีผู้นั้นถึงกับหน้าซีดเผือด"เป็นไปได้อย่างไร!" ขันทีผู้นั้นตะโกน "เจ้าแม่ครัวชั่ว! เจ้าวางยาพิษฝ่าบาท!""หยุดเดี๋ยวนี้!" ไป๋เฟิงก้าวออกมาข้างหน้าอย่างองอาจ "นี่ไม่ใช่ยาพิษ! แต่มันคือ ยาถอนพิษ! ที่กำลังขับยาพิษที่เจ้าแอบใส่ในยาอายุวัฒนะของพระบิดาข้ามานานหลายปี!"คำกล่าวของไป๋เฟิงทำให้ทุกคนถึงกับตกตะลึง ขันทีผู้นั้นถึงกับตัวแข็งทื่อ ใบหน้าของเขาซีดเผือดราวกับคนตาย"ฝ่าบาท!" ไป๋เฟิงคุกเข่าลงต่อหน้าองค์จักรพรรดิเยว่ "หม่อมฉันคือไป๋เฟิง... องค์ชายรองของพระองค์พะย่ะค่ะ!"องค์จักรพรรดิเยว่มองไป๋เฟิงด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสับสนและความหวัง พระองค์ทรงจำลูกชายของพระองค์ได้"ขันทีผู้นี้... เขาหลอกลวงพระองค์มาตลอดพะย่ะค่ะ!" ไป๋เฟิงกล่าวต่อ "เขาต้องการที่จะช่วงชิงอำนาจจากพระองค์ เขาแอบใส่ยาพิษลงในยาอายุวัฒนะของพระองค์ เพื่อให้พระองค์อ่อนแอ และควบคุมพระองค์ได้!"หลั
ความจริงที่เปิดเผยจากไป๋เฟิงทำให้เหม่ยหลินเข้าใจสถานการณ์ทั้งหมด เธอรู้ว่าภารกิจของเธอไม่ได้มีแค่การปรุงอาหารเพื่อรักษาองค์จักรพรรดิเยว่ แต่ยังรวมถึงการช่วยไป๋เฟิงเปิดโปงความจริง และหยุดยั้งแผนการชั่วร้ายของขันทีผู้นั้นด้วย"งั้นตอนนี้เราควรทำอย่างไรดีขอรับ?" หลี่เฟยหลงถาม"เราต้องหาวัตถุดิบที่เหมาะสมมาปรุงซุปแห่งชีวิตอมตะให้องค์จักรพรรดิเยว่" เหม่ยหลินกล่าว "แต่คราวนี้...เราจะไม่แค่ปรุงซุปบำรุงธรรมดา" เธอหันไปมองไป๋เฟิง "เราจะปรุงซุปที่สามารถ ล้างพิษ ออกจากร่างกายขององค์จักรพรรดิเยว่ได้!"ไป๋เฟิงพยักหน้า "ข้ารู้จักสมุนไพรบางชนิดในป่าต้องห้ามแห่งนี้ ที่มีสรรพคุณในการล้างพิษได้ แต่พวกมันหายากยิ่งนัก และมักจะเติบโตในที่ลับแล"ไป๋เฟิงนำทางพวกเขาเข้าไปลึกยิ่งกว่าเดิมในป่าต้องห้าม พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายที่ยากลำบากมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นสัตว์ประหลาดที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน พืชมีพิษที่ร้ายแรง และกับดักที่ถูกวางไว้โดยฝีมือมนุษย์"ท่านไป๋เฟิง! นั่นคืออะไรขอรับ!" หลี่เฟยหลงชี้ไปที่ต้นไม้ต้นหนึ่งที่มีผลไม้สีดำสนิท ดูเหมือนมีหนามแหลมคม"นั่นคือ 'ผลโลหิตทมิฬ'" ไป
การปรากฏตัวของไป๋หู่ราวกับสายฟ้าฟาดกลางป่าต้องห้าม! เหม่ยหลิน สบตาเขาด้วยความไม่เข้าใจปนประหลาดใจอย่างที่สุด หลี่เฟยหลงและหัวหน้าหมาต่างตะลึงงัน ไม่คาดคิดว่านายพรานหนุ่มผู้เคยช่วยชีวิตพวกเขาไว้ จะมาปรากฏตัวในชุดคลุมสีดำ และมีบทบาทในการช่วยเหลือพวกเขาในดินแดนศัตรูแห่งนี้"ไป๋หู่! ท่านมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร!?" เหม่ยหลินเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่นเครือไป๋หู่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ สายตาของเขาฉายแววหนักใจ แต่ก็มีความเด็ดเดี่ยวซ่อนอยู่ เขาก้มศีรษะให้เหม่ยหลินเล็กน้อย"ขออภัยท่านแม่เจียง ที่ข้าต้องปกปิดเรื่องราวบางอย่าง" ไป๋หู่กล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ "แท้จริงแล้ว...ข้าไม่ใช่แค่นายพรานธรรมดาในป่าแห่งนั้น""แล้วท่านเป็นใครกันแน่!?" หลี่เฟยหลงถามอย่างสงสัยระคนไม่ไว้วางใจไป๋หู่หันไปมองทหารที่ล้มลงอยู่กับพื้น ก่อนจะกล่าวต่อ "ข้าคือ ไป๋เฟิง... อดีตองค์ชายรองแห่งแคว้นเยว่"คำสารภาพของไป๋เฟิงราวกับระเบิดที่ลงกลางกลุ่ม! หลี่เฟยหลงและหัวหน้าหมาถึงกับเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึง พวกเขาไม่เคยคิดเลยว่าชายหนุ่มผู้ลึกลับที่ช่วยชีวิตพวกเขาไว้ จะมีฐานะสูงส่งถึงเพียงนี้ และที่สำคัญ... เขาคื
การเดินทางสู่ป่าต้องห้ามของแคว้นเยว่เริ่มต้นขึ้น เหม่ยหลิน หลี่เฟยหลง และหัวหน้าหมา พร้อมด้วยทหารนำทางสองสามนายจากแคว้นเยว่ ที่ดูท่าทางไม่เป็นมิตรเอาเสียเลยป่าต้องห้ามแห่งนี้แตกต่างจากป่าที่พวกเขาเคยเข้าไปอย่างสิ้นเชิง มันเต็มไปด้วยพืชพรรณรูปร่างแปลกประหลาดที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน และมีสัตว์ประหลาดที่ไม่รู้จักชื่อแฝงตัวอยู่ทั่วไป บรรยากาศของป่าเต็มไปด้วยกลิ่นอายของอันตรายและความลึกลับ"ท่านแม่! ดูนั่นขอรับ!" หลี่เฟยหลงชี้ไปที่ต้นไม้ต้นหนึ่งที่มีผลไม้สีม่วงเข้มดูน่ากลัว"อย่าไปแตะต้องนะลูก" เหม่ยหลินเตือน "ผลไม้บางชนิดในป่าแห่งนี้มีพิษร้ายแรง"พวกเขาระมัดระวังทุกย่างก้าว โดยเฉพาะจากทหารนำทางของแคว้นเยว่ที่คอยจ้องมองพวกเขาอยู่ตลอดเวลา ราวกับรอโอกาสที่จะสร้างปัญหาในขณะที่พวกเขากำลังเดินทางลึกเข้าไปในป่า จู่ๆ ก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นจากด้านหลัง พร้อมกับเงาร่างของ บุรุษลึกลับ ที่ปรากฏขึ้นจากพุ่มไม้ เขาสวมชุดคลุมสีดำปิดบังใบหน้า และมีท่าทางลับๆ ล่อๆ"ใครกันนั่น!" หลี่เฟยหลงตะโกน และชักดาบเตรียมพร้อมบุรุษลึกลับไม่ตอบ เขาเพียงแค่ชี้ไปที่ทหารนำทางของแคว้นเยว่ แล้วส่