LOGINเส้าเฟิงพบหยวนหยวนในอีกครั้งเมื่อนางออกมาเล่นน้ำในลำธารกลับกลุ่มเพื่อน ๆ ก่อนต้องหนีแตกกระเจิง ด้วยมีบุรุษต่างเมืองเข้ามาเกี้ยว ฝ่ายนั้นวางแผนชั่วลักพาตัวนางเหล่านี้ไปเป็นสะใภ้ไว้ใช้งาน ด้วยคิดว่าคนเมืองจิง คือชาวเขา เป็นกลุ่มคนด้อยค่ากว่าคนในเมืองอื่น ด้วยเมืองจิงมีนักโทษถูกเกณฑ์มาใช้แรงงาน รวมถึงเหล่าขุนนางที่ทำความผิด ก็ถูกเนรเทศมาไว้ที่นี่ เมื่อถูกไล่ต้อนจากคุณชายผู้ต่ำช้า หยวนหยวนวิ่งหนีตายอย่างไม่คิดชีวิต นางอยู่ในป่าตั้งแต่จำความได้ ได้รับการดูแล โดยนายพราน จึงคล่องแคล่วว่องไว ทว่าคนชั่ว มากันนับสิบคน ต่างไล่ต้อนนางประหนึ่งหากจับเป็นไม่ได้ ก็ขอเอาศพไปกระทำเรื่องน่าขยะแขยง “แม่นาง เลือกเอาเถิด จะเป็นของคุณชาย หรือ อยากถูก ตัด แขน ตัด ขา แล้วดองเอาไว้ดูเล่นในอ่างดินเผา!” คนผู้หนึ่งเอ่ย พร้อมเล็งธนูไปหานาง แต่อีกคนยกมือห้าม ด้วยการทำตุ๊กตา -มนุษย์ โหดร้ายกับนาง-เนื้อบางแสนน่ารัก “ใบหน้านี้งดงาม ดวงตากลมโต เอาไว้ใช้อุ่นเตียงดีกว่า” คุณชายเสื้อน้ำเงินท่าทางมีฐานะกล่าว “เหตุใดต้องรอให้นาน เท่านี้ยิ่งดี เนื้อ หวาน ไร้จริตมารยา เมียคนก่อนข้าก็แต่งเข้าเ
“ข้าไม่ใช่คนฉลาด แต่ไม่ได้โง่เขลา ในเมื่อลูกของข้า ก็เป็นท่านที่ประสงค์อยากทำให้เขาเกิด หากกล่าวว่า ในภายภาคหน้าเขาจะเป็นโอรสสวรรค์ เรื่องนี้ไม่เท่ากับลบหลู่เบื้องสูงหรือ โทษนี้ถึงขั้นประหารชีวิต” หยวนหยวนกล่าวตรงๆ ไม่อ้อมค้อม และรู้สึกกระดากอาย นางตกเป็นของชายผู้นี้ คนที่กำลังบงการให้นางกระทำเรื่องชั่วช้า “ไม่ใช่ข้าที่ประสงค์ให้เขาเกิด แต่เป็นฟ้าลิขิตไว้ อี๋เหนียงผู้หนึ่ง ที่สามารถพลิกประวัติศาสตร์ของแคว้นหัวหยาง เจ้าไม่ต้องดิ้นรนทำสิ่งใด เพียงแค่เดินตามแผนที่มีคนวางให้ และทำให้ข้าพึงพอใจ สิ่งง่ายดายเพียงเท่านี้ คงไม่ยากเกินความสามารถ ที่สำคัญคุณหนูมั่นใจได้อย่างไรว่า... ผู้ที่จะขึ้นนั่งบัลลังก์ต่อจากฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน มีเพียงแต่เหล่าอ๋องในเมืองหลวง!” หยวนหยวนไม่ได้รู้เรื่องราวใดเกี่ยวกับองค์ชายในสมัยฮองเต้องค์ปัจจุบันของแคว้นหัวหยาง นอกจากคนที่นางเคยหน้าเมื่อวันก่อน ก็เห็นมีเพียงรัชทายาท และเหลียงเซียนซี ส่วนองค์ชายห้า เหลียงหูเกอก็ออกบวช “ดูเหมือนสิ่งที่เจ้ากล่าว ไม่มีสิ่งใดเกี่ยวข้องกับข้าสักนิด” “คุณหนูโชคร้ายไปหน่อย ที่พลัดตำทะเลสาบดำ ในช่วงเวลา
“ให้เด็กๆ ทาน้ำมันหอมอีกหน่อยเจ้าค่ะ” หลัวฟูบอกหยวนหยวน แต่ยามนี้ใจคอนางไม่สู้ดี กระทั่งสวมเสื้อผ้างามเรียบร้อย และประดับปิ่นกับดอกไม้ที่ผมเสร็จ เหลียงเซียนซีก็มาหยุดที่หน้าเรือน ก่อนเข้าไปรอนางที่เรือนส่วนตัว หยวนหยวนรีบตามไป ทว่าเมื่ออยู่เงียบๆ ในห้องโถงโถงรับรอง นางเห็นว่าคนที่นั่งหันหลังให้ มองอย่างไรก็ไม่อาจเป็นองค์ชายสาม “รังเกียจข้าเช่นนั้นหรือ” “ทะ ท่านมาที่นี่ได้อย่างไรอินปั๋ว!” นางเรียกเขาเสียงดังเช่นนั้น ยามนี้ทั้งตกใจ และหวาดกลัว หากมีผู้อื่นจับได้ ทั้งนางและคนผู้นี้ยังจะมีชีวิตรอดหรอกหรือ! “ข้าย่อมต้องมาหาคุณหนูแปด เพื่อตรวจสอบว่า สิ่งที่ฝากฝังไว้ให้เรือนกายเจ้า ยามนี้มันก่อกำเนิดชีวิตน้อยๆ หรือยัง” หยวนหยวนไฉนจะรู้สึกสนุกไปกับเขา นางตั้งใจถอยหนี ทว่าสองขากลับไม่เชื่อฟังคำสั่ง จากนั้นเขาก็ลุกขึ้น แล้วเข้ามารั้งร่างบางแนบชิดกายแกร่ง อีกฝ่ายกระชากเสื้อนางออกเพียงครั้งเดียว สองเต้าอวบอัดก็เผยความงาม ต่อสายตาคมกริบ! หยวนหยวนพยายามเหลือเกินที่จะรวบรวมสติ แต่นางกำลังคลั่งในรสสิเน่หาอินปั๋ว นั่นคือสิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้ และเขาก็เหมือนอยาก
มือหนึ่งนั้นนวดเฟ้นหน้าอกทรงสวย ริมฝีปากบางที่อุ่นซ่านจูบไล้ไปตามซอกคอและแผ่นหลัง ส่วนอีกไล้ผิวกายลงไปช้าๆ กระทั่งแปะอยู่บนกลีบสีชมพูสวย “คนเถื่อน เจ้าข่มเหงผู้อื่นเช่นนี้หรือ” “โถ คุณหนู ข้าเพียงแค่อยากให้เราแนบสนิทกัน” เขาเอ่ยแล้วก็จูบแรงๆ ตามส่วนที่ไวต่อสัมผัส เมื่อนางครางเสียงหวานจัด นิ้วใหญ่ๆ ก็ทำหน้าที่ต่อ ด้วยการแทรกผ่านเข้าไปด้านในแอ่งเนื้องาม หยวนหยวนสั่นสะท้านไปทั้งร่าง นางอยากร้องประท้วง แต่ร่างกายกับตอบสนอง และพร้อมให้เขาเปลี่ยนจากนิ้วมือ แล้วใช้ความเป็นชายเข้าอันใหญ่โตเคลื่อนเข้าไปสู่ความคับแน่นนั้นแทน หยวนหยวนตื่นขึ้นมาในรุ่งเช้าอีกวัน และต้องแปลกใจเมื่อเห็นเซี่ยงอี่ คอยรับใช้อยู่ใกล้ๆ “ขะ ข้ามาที่นี่ได้อย่างไร” นางตื่นตระหนก เรื่องเมื่อคืนแน่นอนไม่ใช่ความฝัน หยวนหยวนร่วมรักอย่างโลดโผนกับคนเถื่อนที่อ้างตนว่าชื่ออินปั๋ว ซึ่งสามหน้ากากสีดำ “ไฟไหม้เมื่อคืนน่ากลัวมากเจ้าค่ะ คนในจวนราชครู จึงต้องย้ายไปข้างนอกก่อน และเมื่อคืน คุณหนูได้รับการช่วยเหลือจากองค์ชายสาม!” “เป็นไปได้อย่างไร!” หยวนหยวนส่งเสียงดังทีเดียว
คนที่เอ่ยชมตนอย่างน่าไม่อายเป็นเช่นนี้ และถึงนางจะหลับตา แต่ก็อมยิ้มในสีหน้า “คุณหนู มิได้กลัวโจรราคะเช่นข้าหรือ” “ฮึ ข้ารู้สึกพึงพอใจมากกว่า อย่างน้อยเจ้าก็ได้บอกสิ่งต่างๆ แก่ข้า หลายวันที่ผ่านมา ข้าไร้คนที่จะเปิดอกพูดด้วย แต่เมื่อพบเจ้า กลับคล้ายได้สนทนากับพบสหายรู้ใจ” “ฮ่าๆ ๆ เจ้าควร เกรงกลัวบุรุษบ้าง” หยวนหยวนยิ้มอีกหน รอยยิ้มนางขณะที่หลับตาพริ้ม ยั่วยวนเขา “คนเถื่อนเช่นท่าน ต้องการทำสิ่งใดกันแน่” ชายหนุ่มหัวเราะหึๆ แล้วบอกเสียงทุ้มจัด “สอนคุณหนูแปดขี่ม้ามนุษย์ เรื่องนี้จำเป็นยิ่ง ยามเข้าหอ เจ้าจะได้สร้างความรื่นเริงให้แก่คนกามใต้ด้านเช่นเซียงซี ให้เขา ได้หัดหลั่งน้ำวิสุทธิ์บ้าง เพื่อจะกลายเป็นคนฉลาดกว่านี้” ได้ยินถ้อยคำลามกหยวนหยวนก็ตื่นเต้น ใจนางสั่นไหว พอมือสากๆ แตะที่น่อง นางก็ผวาเล็กน้อย “รังเกียจคนเถื่อนหรือ” นางส่ายหน้า และบอกกับเขา “มิใช่ ข้าเพียงอยากรู้ว่า เจ้ามีชื่อหรือไม่” “คนเถื่อน ที่ดูแลม้าให้องค์ชายสาม สมควรมีชื่อไปเพื่อการใด” หยวนหยวนหัวเราะน้อยๆ นางชอบที่อีกฝ่ายสรรหาเรื่องมาทำให้หัวใจนางคันยุก
หยวนหยวนไม่รู้ว่าเหตุอันใด นางถึงไม่มีความเกรงกลัวชายผู้นี้ ทั้งที่เขาสวมหน้ากากอำพรางใบหน้าไว้ครึ่งหนึ่ง แต่นางกลับไว้ใจ และไม่ได้แสดงอาการต่อต้าน “เมื่อควบคุมเพลิงได้ ข้าจะปล่อยเจ้ากลับสกุลสวี่ แสร้งเล่นงิ้ว หลอกผู้คนต่อไป” เขาเอ่ยอย่างนั้น และพานางไปยังที่ๆ หนึ่ง เป็นเรือนไม้หลังเล็ก ด้านหลังมีสวนหิน และสระน้ำเลี้ยงปลาสวยงาม หยวนหยวนเริ่มปะติดปะต่อหลายสิ่งเข้าด้วยกัน หลายวันที่ผ่านมา เมื่อนางหลับฝัน และรู้สึกละม้าย ใกล้ชิดเส้าเฟิง ทั้งได้พบกับภาพในอดีต คงเป็นเขาผู้นี้ที่พานางหวนคืนสู่สิ่งเหล่านั้น “ท่านคือเส้าเฟิง...” นางถามเขา แต่อีกฝ่ายกลับหัวเราะเสียงทุ้มๆ ราวกับนางเป็นสตรีไร้เดียงสา “ข้าเป็นทุกอย่างของเจ้าคุณหนูแปด และเจ้าก็เป็นของข้าเช่นกัน” ได้ยินเขาเรียกนางเช่นนี้ รู้สึกรังเกียจ และเหตุใดต้องปกปิดตัวตน ทั้งยังทำเหมือนคนที่พร้อมจะสั่งสอนนางอยู่ตลอด “คิดอย่างไรถึงได้ตามสาวใช้ตาบอดออกมา” เขาถาม และนางไม่รู้ว่าสมควรตอบ หรือปิดปากเงียบเสีย คนผู้นี้ไว้ใจได้หรือ “ข้าถาม เหตุใดถึงไม่สื่อสารเล่า” “คือ ข้าไม่อยากเป็นอนุขององค์ชายสาม”







