ตอนที่ 8 ไม่เหมือนที่คุยกันไว้
ผ่านมาสองคืนแล้วที่หนิงหนิงย้ายมาอยู่ที่บ้านของสามี และทั้งสองคืนเธอได้นอนคนเดียว สามียังไม่กลับมาบ้าน ตอนแรกนึกว่าเขาจะไปแค่คืนเดียว ที่ไหนได้หายไปเลย
"ดี!! นอนคนเดียวแสนจะสุขใจ"
"พี่สาว... ถิงถิงมีิอะไรจะบอก" ถิงถิงพูดพร้อมกับลอบมองไปด้วย
"นึกว่าถิงถิงจะเป็นผีเสื้อตัวน้อยอย่างที่เคยบอกไว้" เมื่อหันมาเจอเจ้าตัวกลมที่แยกกันเมื่อวันก่อนก็ค่อนข้างแปลกใจ
"เวลาไปที่อื่นก็เปลี่ยนเป็นอย่างอื่น เวลาอยู่กับผู้ผ่านทางก็เป็นแบบนี้ และสิ่งที่ถิงถิงจะบอกคือบ้านพี่สาวถูกยึดคืน... หายไปแล้ว..." ถิงถิงตัดสินใจบอกให้ผู้ผ่านทางรับรู้
"ยึดคืนคืออะไร แล้วของที่แลกไว้... เสื้อผ้าเครื่องใช้อีกมากมาย..."
"มีเหลือแค่บางอย่าง หากมีตัวช่วยมากไป กลัวพี่สาวไม่ดิ้นรนเอาตัวรอด" เปล่าหรอก... เธอกลัวเบื้องบนจะรับรู้... เพราะตอนนี้เธอช่วยเหลือคนผ่านทางไปอยู่หลายมิติ การที่ให้ตัวช่วยผู้ผ่านทางมากเกินไปมันจะมีผลตามมา เลยต้องยึดคืนบางส่วน ช่วยพอที่จะช่วยได้เท่านั้น...
"ที่ขุดดินเตรียมปลูกผักนี่ยังไม่ถือว่าดิ้นรนอีกเหรอ" หนิงหนิงกลอกตามองบน เธอคิดว่าตัวเองไม่ได้งอมืองอเท้า หรือรอตัวช่วยอย่างเดียว
"นั่นถือเป็นเรื่องดีเจ้าค่ะ แต่อย่างไร... พี่สาวก็ยังมีตัวช่วยเล็ก ๆ น่ารัก ๆ นะเจ้าคะ" ถิงถิงส่งยิ้มจนตาหยีเลยทีเดียว
"อะไรเล็ก ๆ น่ารัก" จากที่ก้มหน้าขุดดินก็รีบเงยหน้ามองเจ้าตัวเล็กอย่างอยากรู้ ตัวช่วยน่ารักมันมีหน้าตาเป็นยังไง
"มิติหรือช่องว่างขนาดเล็กกะทัดรัดเจ้าค่ะ ที่ใช้เก็บสิ่งของต่าง ๆ ส่วนสิ่งของที่แลกมาก็อยู่ในนั้นแล้วเจ้าค่ะ"
"รายละเอียดมีแบบไหน ใช้ยังไง บอกมาได้เลยถิงถิง พี่สาวรอฟังอยู่" ในเมื่อมันเปลี่ยนไปแล้ว สมบัติที่แม้แต่เป็นบ้านของตัวเองยังถูกยึดคืนก็คงต้องยอมรับ โวยวายไปก็คงช่วยอะไรไม่ได้
"ง่าย ๆ เลยมันคือ ช่องว่าง หรือ มิติ ที่อยู่ในสร้อยไข่มุก แค่คิดว่าต้องการอะไร สิ่งของที่อยู่ในนั้นจะออกมาตามที่ต้องการ และอยากเก็บอะไรก็แค่คิดหรือบอกว่าเก็บ สิ่งของก็จะเข้าไปอยู่ในช่องว่างทันที และทุกอย่างจะถูกจัดอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย แต่พี่สาวจะไม่สามารถเข้าไปได้นะเจ้าคะ มีแต่สิ่งของเท่านั้นที่สามารถเข้าไปได้"
"แล้วเครื่องแลกเปลี่ยนถูกยึดไปไหม"
"ไม่เจ้าค่ะ แต่เวลาแลกเปลี่ยนก็แค่ใส่ในกระเป๋านี้เท่านั้นเจ้าค่ะ" ถิงถิงหยิบกระเป๋าผ้าสะพายข้างส่งให้พี่สาวคนงาม
"ทุกอย่างหยิบออกมาจากในนี้ได้เพียงคิดใช่ไหม แล้วถ้าอยากแลกของเราจะรู้ได้ยังไงว่าแลกอะไรได้บ้าง ของที่สามารถเอามาแลกได้ก็ถูกยึดคืนไปหมดแล้ว ถิงถิงเด็กดี... บอกพี่สาวให้ละเอียดกว่านี้ได้ไหม ไม่ใช่บอกทีละนิดทีละหน่อยแบบนี้" หนิงหนิงวางมือจากงานมาหยิบกระเป๋าสะพายข้างที่เด็กน้อยยื่นมาให้ และให้เด็กน้อยบอกทุกเรื่อง เพราะเท่าที่รู้จักภูตน้อยถิงถิงไม่เคยบอกอะไรหมดในครั้งเดียว
"จริง ๆ แล้วพี่สาวควรถาม และควรใส่ใจกว่านี้ เวลาถิงถิงบอกอะไรพี่สาวก็ก้มหน้าทำงาน มัวแต่ขุดดินไม่สนใจฟังเลย"
"ตอนนี้วางมือแล้ว บอกมาเลย"
หลังจากที่ตั้งใจฟังถิงถิง ก็ทำให้เข้าใจในหลาย ๆ อย่างมากขึ้น ถามว่าเสียใจไหมที่ทุกอย่างหายไป มันก็ต้องเสียใจและเสียดายอยู่แล้ว
หากรู้ว่าจะหายไป คงตัดใจให้ถิงถิงแลกอาหารไว้ทั้งหมดคงดีกว่านี้ ส่วนสิ่งของที่แลกไว้ตั้งแต่แรกก็ถูกเก็บในช่องว่าง ที่เป็นห้องสี่เหลี่ยมและถูกจัดเป็นสัดส่วนอย่างดี สิ่งของที่อยู่ในช่องว่างจะไม่เน่าเสีย แต่หากเอาออกมาใช้จะไม่มีให้ใหม่ หมดแล้วหมดเลย
หากอยากได้เพิ่มต้องหาสิ่งของมาแลกเปลี่ยน ซึ่งสิ่งของที่สามารถแลกได้นั่นคือสิ่งของทั่วไปที่อยู่ในโลกนี้ สามารถส่งเข้าไปได้ แต่ไม่ใช่ว่าทุกอย่างจะแลกได้ทั้งหมด เธอต้องทดลองใช้เอง
"เครื่องแลกเปลี่ยนชอบพวกของเก่าวัตถุโบราณอะไรแบบนั้น พี่สาวต้องไปหาตามโรงขยะน่าจะมีอยู่เยอะ เพราะบางอย่างที่มีค่าที่เครื่องต้องการ คนที่นี่เขาไม่ต้องการ เลยทิ้งไปหมด" ถิงถิงยังคงแนะนำ เพราะเท่าที่ดูพี่สาวคือคนผ่านทางที่ได้ตัวช่วยแปลกประหลาดที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา ทุกอย่างเลยต้องให้พี่สาวเป็นคนทดลองด้วยตัวเอง
"เข้าใจแล้ว พี่สาวอยู่ได้ ตอนเป็นเด็กไม่มีตัวช่วยยังรอดมาได้ ถิงถิงอย่าได้ห่วง เท่านี้ถือว่าดีแล้ว" หนิงหนิงบอกไปตามความจริง
ชีวิตก่อนกว่าจะสุขสบายก็ต้องดิ้นรน เรียนรู้มาสองชีวิตแล้ว อย่างน้อยเธอก็รู้ว่าควรทำตัวแบบไหน ต่อไปจะใช้ชีวิตในแบบที่ต้องการ ไม่ต้องมีเงินมากมายถึงขั้นเป็นเศรษฐี แต่เป็นคนที่มีความสุขมีเงินใช้ไม่ขาดมือเท่านั้นก็พอ
"ตอนแรกเหมือนจะดี มีความสุขมีเงินใช้ไม่ขาดมือนี่ฟังแล้วแปลก ๆ พี่สาวคิดดังจริง ๆ คนที่นี่หากร่ำรวยเร็วเกินไปจะถูกจับตามอง หากไม่มีคนหนุนหลังคอยช่วยเหลือก็ลำบาก ถิงถิงแค่เตือนไว้ และอย่าลืมช่วยเหลือคนที่พอจะช่วยได้ ถิงถิงต้องเดินทางไปดูผู้ผ่านทางคนอื่นก่อน อาจจะไม่ได้มาหาพี่สาวบ่อย ๆ ขอให้พี่สาวโชคดี มีครอบครัวที่มีความสุข มีสามีและลูกที่น่ารัก สร้างครอบครัวอย่างที่พี่สาวอยากมี ถิงถิงต้องไปแล้ว" ถิงถิงอวยพรพร้อมบอกลา
หน้าที่ของถิงถิงในมิตินี้หมดแล้ว เพราะเธอไม่สามารถช่วยผู้ผ่านทางได้ทุกเรื่อง บางเรื่องเป็นความลับไม่สามารถเปิดเผยได้ ก็ต้องให้พี่สาวจัดการเอง อีกอย่างนายหญิงไม่ได้มาจุติที่มิตินี้ เธอต้องทำหน้าที่ของตัวเองต่อไปเช่นกัน
"ขอบใจนะถิงถิง ฝากดูยัยนางมารหรือยัยตัวร้ายด้วย ยัยนั่นยิ่งเอาแต่ใจ ฝากบอกด้วยว่าขอให้มีความสุข มีครอบครัวที่น่ารักอย่างที่ยัยตัวร้ายใฝ่ฝัน และฉันขออวยพรให้ถิงถิงเจอคนที่ตามหาเร็ว ๆ ขอบใจมาก พี่สาวอยู่ได้ สบายมากเท่านี้เอง ช่วยเหลือคนที่ช่วยได้ ไม่หาเรื่องใครก่อน แต่หากโดนรังแกก็จัดเต็ม!!" หนิงหนิงเข้าไปกอดเจ้าตัวเล็ก อย่างน้อยถิงถิงก็คือคนที่คอยช่วยเหลือ
เป็นแบบนี้ดีแล้วหากช่วยมากไปมันอาจทำให้เธอนิสัยเสีย ดิ้นรนบ้างแบบนี้ดีกว่า ชีวิตจะได้มีสีสัน เสียดายแต่สิ่งของบางอย่างที่อยู่ในบ้านเพียงเท่านั้น
"รูปภาพ สิ่งของส่วนตัว ชุดชั้นใน เสื้อผ้าบางส่วน ถิงถิงจะตามกลับมาให้ พี่สาวอย่าห่วงเลย แต่บ้านคงไม่ได้" ถิงถิงรู้ว่าผู้ผ่านทางต้องคิดถึงที่จากมาเป็นอย่างมาก เพราะเธอยังคิดถึงทุ่งดอกไม้ ทุ่งหญ้าที่เติบโตมาเช่นเดียวกัน
"หากมันลำบากเกินไปอย่าทำ ดูแลตัวเองด้วย" หนิงหนิงค่อนข้างเข้าใจในหลาย ๆ อย่างมากพอสมควร
"ไม่น่าเชื่อว่านางร้ายแบบพี่สาวจะมีความคิดที่ดี" ถิงถิงยิ้มรับจนตาหยี
"ฉันสวย ก็ต้องคิดดีเป็นธรรมดา" หนิงหนิงหัวเราะคิกคักกับเจ้าตัวเล็ก
"ขอถอนคำพูดก่อนหน้านี้" ถิงถิงกลอกตามองบนทันที นึกว่าโรคหลงตัวเองจะหายไปแล้ว
เมื่อทั้งสองล่ำลากันเรียบร้อยแล้ว ก็ถึงเวลาที่หนิงหนิงจะต้องทำงานต่อ เมื่อมองออกไปไม่เห็นถิงถิงก็ทำให้รู้สึกใจหาย เธอเลยทำงานเพื่อให้ลืมความรู้สึกนี้ เธอจัดการขุดแปลงผักได้สามแปลงตามที่ตั้งใจไว้ ก่อนที่จะเตรียมไปตักน้ำที่ลำธาร ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบ้านมากนัก หนิงหนิงทำงานจนลืมว่าแต่ก่อนตัวเองนั้นใช้ชีวิตแบบไหน เพราะเธอคิดว่าไม่ทำก็อดตาย สิ่งไหนทำได้ก็ต้องทำ
ถึงจะมีช่องว่างมีอาหารมากพอที่จะอยู่ได้อีกหลายเดือน แต่หากไม่ทำหรือหามาเพิ่มก็ต้องหมดไป หนิงหนิงเอาที่นอน หมอน ผ้าห่มที่มีในช่องว่างมาปูไว้ที่เตียงเตา เสื้อผ้าที่สามารถเอาออกมาใส่ได้ในยุคนี้ก็ยังอยู่ครบ เธอหยิบออกมาแขวนไว้ด้านนอก เพื่อความสะดวกเวลาที่จะหยิบใช้ แล้วจัดบ้านหลังน้อยที่ไม่มีอะไรในวันแรก ให้น่าอยู่มากกว่าเดิม ยังดีที่สิ่งของที่มีทุกอย่างเข้ากับยุคสมัยนี้
เมื่อทำงานเรียบร้อยแล้ว ยังพอมีเวลาที่จะเดินสำรวจรอบ ๆ บริเวณ หนิงหนิงเลยสะพายกระเป๋าผ้าหรือก็คือเครื่องแลกเปลี่ยน ออกเดินสำรวจเพื่อหาต้นไม้แปลก ๆ จะได้ทดลองใช้เครื่องไปในตัว จะได้รู้ว่าแลกอะไรได้บ้าง ถึงเหนื่อยแต่เพราะทุกอย่างไม่แน่นอน เธอเลยไม่อยากปล่อยให้เวลาผ่านไปอย่างไร้ประโยชน์
"หวังว่าต้นไม้ใบหญ้าจะมีราคาบ้างนะ" ปิดประตูรั้วได้ก็เดินออกไปทางด้านหลังของหมู่บ้าน แถวนี้ยังพอมีผู้คนเดินขึ้นเขาหาของป่า และถัดไปอีกฝั่งเป็นลำธาร มีชาวบ้านไปหาปลาอยู่ตลอด แต่เท่าที่รับรู้จากความทรงจำ ปลามีแต่เหลือน้อย เพราะปลาเป็นอาหารที่ไม่ต้องเสียเงินซื้อใครจับได้ก็มีอาหารดี ๆ ได้กิน บางครั้งยังเอามาขายได้ด้วย แต่ก็ต้องแอบขาย เพราะทางการยังห้ามค้าขาย พอว่างจากงานชาวบ้านเลยชอบที่จะมาหาปลา มีแม่น้ำ ลำคลองที่ไหน ต้องมีคนออกมาหา กุ้ง หอย ปู ปลา มันเลยไม่น่ากลัวสักเท่าไหร่ เลยทำให้หนิงหนิงกล้าที่จะเดินออกไปสำรวจรอบ ๆ บริเวณ
หลังจากที่หนิงหนิงออกไปแล้ว คนเป็นสามีก็กลับมาถึงบ้านพอดี ฉิงหมิงเดินเข้าบ้านด้วยความแปลกใจ สองวันที่เขาไม่อยู่เหมือนบ้านจะเปลี่ยนไป เขาวางกระเป๋าลงก่อนจะเดินสำรวจจนทั่วบริเวณบ้าน ทุกอย่างในบ้านถูกจัดอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย มีสิ่งของเพิ่มมาด้วยเช่นกัน ทำให้เขาสงสัยเกี่ยวกับตัวตนของภรรยามากกว่าเดิม เพราะก่อนหน้านี้เขาสอบถามมาจากคนรู้จักมาแล้วว่าภรรยาของเขามีชีวิตที่ยากลำบาก อยู่ในบ้านก็ต้องทำงานทุกอย่างและต้องทำให้กับทุกคน ไม่เคยได้ออกไปไหน
ที่สำคัญสิ่งของทุกอย่างมีคุณภาพดี คนทั่วไปไม่น่าจะมีสิ่งของแบบนี้ บางอย่างเหมือนสินค้าที่หาซื้อได้ทั่วไป แต่พอสัมผัสก็รับรู้ได้ทันทีว่ามันแตกต่าง เขาคิดว่าในตัวเมืองใหญ่ ๆ หรือแม้แต่ในเมืองปักกิ่งก็ไม่น่าจะมีสินค้าแบบนี้วางขาย คนอื่นอาจมองไม่รู้ แต่เขาที่ช่างสังเกตสิ่งต่าง ๆ เขารับรู้ได้ทันทีว่าภรรยาของเขาต้องมีอะไรปิดบังแน่นอน
หนิงหนิงที่ออกมาสำรวจพื้นที่ไม่รู้เลยว่ากำลังถูกสามีจ้องจับผิด เธอคิดว่าตัวเองนั้นรอบคอบพอสมควร แม้แต่ชุดที่เธอใส่อยู่ในตอนนี้ก็ไม่แตกต่างจากคนอื่นสักเท่าไหร่ สิ่งของที่เอาออกมาใช้ก็เช่นเดียวกัน เธอคิดว่าตัวเองแนบเนียนแล้ว รอบคอบแล้ว แต่เธอกลับไม่รู้ว่าสามีสงสัยเธอตั้งแต่วันแรกที่เจอ ตั้งแต่ได้ยินสำเนียงการพูดที่ไม่เหมือนคนที่นี่ เธอคิดกังวลแต่เรื่องอื่น จนหลงลืมเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้...
ความเคยชินที่หนิงหนิงพูดด้วยสำเนียงที่ติดปากตั้งแต่อยู่โลกเดิม เป็นเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่หนิงหนิงมองข้ามไป...
โดยที่เจ้าตัวไม่รู้เลยว่า... ในคืนนี้จะถูกหมาป่าไล่ต้อนจนจนมุม...
ตอนที่ 48 บทส่งท้ายห้าปีผ่านไป ทุกสิ่งทุกอย่างเริ่มเข้าที่เข้าทาง ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจหรือสุขภาพร่างกายของคนในครอบครัว หลี่อี้สามารถเดินเองได้โดยไม่ต้องใช้ไม้ค้ำยันช่วยแล้ว สามารถช่วยงานลูกเขยได้อย่างสบายซูหรงเป็นคุณย่าและคุณย่าทวดที่แข็งแรงเช่นเดียวกัน รับหน้าที่ช่วยหลานเขยและลูกชายในการดูแลสวนผัก บ่อปลา และโรงเพาะเห็ดที่ตอนนี้ขยายใหญ่ขึ้นกว่าเดิมรัฐบาลเริ่มเปิดให้ประชาชนซื้อขายที่ดินเป็นของตัวเองแล้ว จึงทำให้ครอบครัวของหนิงหนิงซื้อที่ดินเพิ่มเพื่อขยายพื้นที่ทำกิน และตอนนี้ก็เริ่มเปิดให้ทำการค้าได้อย่างเสรีอีกด้วย แต่หนิงหนิงก็ยังทำการค้ากับตระกูลจ้าวเหมือนเดิม เพราะว่าทำกันมาตั้งแต่แรกเริ่ม และเธอเน้นขายส่งมากกว่าขายปลีกหนิงหนิงไม่ได้ย้ายไปอยู่ในเมืองเหมือนคนอื่น ๆ ที่นิยมเข้าไปอยู่ในเมือง เนื่องจากมีการเปิดให้ค้าขายอย่างเสรีแล้ว จึงทำให้คนนิยมย้ายเข้าไปอยู่ในเมืองเพราะสามารถเปิดร้านค้าขาย คนเลยย้ายเข้าไปอยู่ในเมืองเป็นจำนวนมาก แต่เธอยังอยู่ที่เดิม บ้านหลังเดิม เธอคุ้นเคยกับที่นี่ เธอชอบที่จะอยู่แบบนี้ มันไม่ได้วุ่นวาย มีแต่คนกันเองและคนในครอบครัวเพียงเท่านั้นส่วนครอบครัวเหอได้ย
ตอนที่ 47 ครอบครัวเราใหญ่มากหนิงหนิงกลับมาอยู่บ้านได้เกือบสองอาทิตย์แล้ว การเลี้ยงลูกของเธอไม่ค่อยวุ่นวายสักเท่าไหร่ เพราะฝาแฝดเลี้ยงง่าย กินแล้วก็นอนอย่างเดียว วันนี้เป็นวันแต่งงานของเหอหยวน ซึ่งคนที่เป็นเถ้าแก่ไปสู่ขอเจ้าสาวก็คือครอบครัวของเธอนั่นเอง แต่งเสร็จก็เข้ามาอยู่รวมกับครอบครัวของเธอ เพราะพวกเขายังไม่ได้สร้างบ้าน ก็เลยยังอยู่ที่บ้านหลังเดิมซึ่งตั้งอยู่ตรงสวนหลังบ้านนั่นเองหนิงหนิงก็ไม่อยากให้ทั้งสามคนออกไปอยู่ที่อื่น หากสร้างบ้านเสร็จเรียบร้อยแล้วค่อยย้าย แบบนั้นจะสบายใจมากกว่า เพราะอยู่ด้วยกันมานานและรู้ว่าพวกเขาเป็นแบบไหน มันเลยทำให้เธอค่อนข้างเป็นห่วงสามพี่น้องบ้านเหอมากพอสมควร"วันนี้ลูกสาวของพ่อแต่งตัวสวยจังเลย... " ฉิงหมิงเข้ามาในบ้านเห็นเจ้าตัวเล็กใส่ชุดสีแดง บ่งบอกถึงวันมงคล ถึงแม้จะห่อด้วยผ้าห่มหนานุ่ม แต่เขาก็ยังชมลูกสาวอยู่ดี"พาเฟยเฟยออกไปก่อนก็ได้ เดี๋ยวฉันจะตามไปทีหลัง ให้หยางหยางกินนมให้เสร็จก่อน ยังไม่ยอมหยุดกินเลยสงสัยจะหิว" หนิงหนิงก้มมองลูกชายที่กำลังดูดนมไม่ยอมหยุดกินสักที เอาออกก็ร้องจึงต้องปล่อยให้กินต่อ"อย่าดีกว่า... กลัวคนอยากอุ้มเฟยเฟย เดี๋ยวคนสว
ตอนที่ 46 กลับบ้านนับเป็นเวลาเกือบหนึ่งเดือนที่หนิงหนิงคลอดฝาแฝดชายหญิง ปกติแล้วหลังคลอดเด็กจะพักอยู่ที่โรงพยาบาลไม่เกินอาทิตย์ แต่หนิงหนิงกลับอยู่ถึงหนึ่งเดือนไม่ใช่ว่าร่างกายไม่แข็งแรง ทุกอย่างสมบูรณ์แข็งแรงดีหมด แข็งแรงทั้งแม่และลูก แต่เพราะความเป็นห่วงที่สามีมีให้ทั้งแม่และลูกเลยให้อยู่ที่โรงพยาบาลก่อน เพราะถ้าอยู่ที่โรงพยาบาลยังมีปู่และมีย่าทวดอยู่เป็นเพื่อนอีกด้วยหากให้หนิงหนิงบอกเล่าถึงโรงพยาบาล ก็คงไม่แตกต่างจากโรงพยาบาลเอกชนในโลกที่จากมา หากจ่ายค่ารักษาก็สามารถอยู่ได้นานตามที่ต้องการได้เลย ทั้งที่โรงพยาบาลนี้คือโรงพยาบาลของรัฐ ซึ่งเธอก็ไม่ค่อยเข้าใจระบบการทำงานของพวกเขาสักเท่าไหร่อีกเหตุผลหนึ่งที่สำคัญนั่นคือ รอกลับบ้านพร้อมกับปู่ ซึ่งตอนนี้อาการถือว่าดีขึ้นมาก สามารถช่วยเหลือตัวเอง เดินเองในระยะใกล้ได้แล้ว แต่หากเดินในระยะไกลยังใช้ไม้ค้ำยันช่วยพยุงหมอจึงอนุญาตให้กลับบ้านได้ แล้วค่อยหัดเดินบ่อย ๆ และต้องมาหาหมอตามนัดทุกครั้งเพื่อติดตามอาการ ซึ่งพ่อก็รับปากหมอทุกอย่าง เพราะอยากกลับพร้อมหลานแฝด ไม่อยากอยู่ที่โรงพยาบาลอีกแล้วส่วนลูกฝาแฝดของเธอเป็นผู้หญิงและผู้ชายแฝดพี่เป็
ตอนที่ 45 พวกเรามาแล้ว...เมื่อคนเราตั้งใจทำอะไร จึงเป็นเรื่องง่ายที่มันจะสำเร็จ เจ้าก้อนแป้งที่บอกว่าจะปั้นแล้วเกิดการตื่นเต้นในวันนั้น... ผลออกมาเป็นเจ้าก้อนแป้งที่อยู่ในท้องของคนเป็นแม่ในวันนี้ แต่ไม่รู้ว่าเจ้าก้อนแป้งจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงเท่านั้นเองชายหรือหญิงไม่รู้ แต่ที่รู้ ๆ คนที่แพ้ท้องอย่างหนักกลับเป็นว่าที่คุณพ่อ!!"ไหวไหมคะ" หนิงหนิงเข้ามาลูบหลังสามีที่ตอนนี้นั่งหลับตาพิงกำแพงห้องน้ำอย่างหมดแรง"ขอพักสักหน่อยนะเมียจ๋า ตอนนี้ไม่ไหวจริง ๆ " ฉิงหมิงกอดภรรยาพร้อมกับซุกหน้าไว้บริเวณหน้าอกของภรรยา"ไปนอนบนเตียงไหม" หนิงหนิงเสนอ เพราะเขากินอะไรเข้าไปก็อาเจียนออกมาจนหมด ดูแล้วน่าจะหมดแรง"ต้องไปดูงานก่อน" เพราะวันนี้คือวันที่จับปลาจำนวนมาก เขาอยากไปดูด้วยตัวเอง"ฉันจะไปดูให้ ไม่ต้องห่วง ทนอีกหน่อย เคยได้ยินว่าแพ้ท้องแค่ไม่กี่เดือน" หนิงหนิงปลอบใจสามี เธอไม่รู้หรอกว่าแพ้ท้องเป็นแบบไหน เพราะเธอยังปกติดีทุกอย่าง"คนเราตั้งครรภ์กี่เดือนถึงจะคลอด" ฉิงหมิงหลับตาอยู่แต่ก็ยังถามคำถามที่ตัวเองอยากมั่นใจ... ว่าที่ตัวเองรู้มามันตรงกันไหม"เจ็ดถึงเก้าเดือน แต่ส่วนมากจะคลอดตอนเก้าเดือน แต่บา
ตอนที่ 44 มาเถิดนะ... เจ้าก้อนแป้ง NC+++เมื่อหลายสิ่งหลายอย่างเข้าที่เข้าทางตามที่เคยพูดไว้ก็ถึงเวลาปฏิบัติภารกิจปั้นเจ้าก้อนแป้ง ซึ่งคนที่ตื่นเต้นที่ก็หนีไม่พ้นฉิงหมิง ทั้งที่ทำอยู่แทบทุกวัน แต่วันนี้กลับตื่นเต้นเป็นพิเศษภรรยาบอกว่าหยุดกินยาคุมกำเนิดแล้ว และวันนี้คือวันดี หากอยากมีเจ้าตัวเล็กก็ต้องเป็นวันนี้ เพราะวันนี้คือ วันไข่ตก เขาไม่ค่อยเข้าใจสักเท่าไหร่ รู้แต่ว่าวันนี้คือวันที่เขาต้องปั้นเจ้าก้อนแป้งเท่านั้นเอง ภายในห้องนอนใหญ่ที่ปกคลุมไปด้วยความสลัว ฉิงหมิงนั่งจ้องหน้าภรรยาที่กำลังนั่งอยู่บนเตียงขนาดใหญ่ มันน่าแปลกตรงที่ว่าทุกครั้งเขาไม่เคยกังวล แต่พอถึงเวลาจริง ๆ ทำไมเขาต้องกังวลมากขนาดนี้ก็ไม่รู้"คุณรู้ไหมว่า... หากเครียดมากเกินไป สิ่งที่คุณต้องการมันจะไม่สำเร็จ" ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี คนที่พูดอยู่แทบทุกวันว่าอยากมีลูก แต่พอถึงเวลากลับนั่งจ้องหน้าเธอ ไม่ทำอะไรทั้งนั้น"คุณฟังมาจากไหน จำผิดหรือเปล่า ผมแค่กำลังคิดว่าจะทำท่าไหนดี จะลองท่าไหนก่อน ลูกชายและลูกสาวจะต้องใช้ท่าไหน... ผมกำลังคำนวณและใช้ความคิดเท่านั้นเอง" บอกภรรยาไปแบบนั้น แต่ความจริงแล้วเขากำลังตื่นเต้นเป็
ตอนที่ 43 เข้าที่เข้าทางผ่านมาสามเดือนแล้ว ตั้งแต่วันที่เริ่มแลกเปลี่ยนกับแก๊งวัยรุ่นฟันน้ำนม หนิงหนิงได้ผู้ช่วยตัวน้อยมาคอยช่วยรดน้ำผัก และให้ช่วยงานเล็ก ๆ น้อยๆ เท่าที่พอจะทำได้ หนิงหนิงส่งผลผลิตขายให้กับตระกูลจ้าวไปหลายรอบแล้ว ตอนนี้เธอมีคนมาช่วยงานเพิ่มแล้ว นั่นคือครอบครัวของป้าเหลียน หลังจากวันนั้นที่นัดพูดคุยกัน เธอได้ชักชวนให้มาช่วยงาน โดยมาดูแลที่ดินผืนใหม่ที่ตอนนี้มีแปลงผักและมีบ่อปลาจำนวนมากในหมู่บ้านรู้แล้วว่าหนิงหนิงรับแลกเปลี่ยนสิ่งของ ชาวบ้านก็นำสิ่งของมาแลกเปลี่ยน ถึงแม้จะได้ของเล็ก ๆ น้อย ๆ กลับไป แต่ก็ยังดีกว่าทิ้งไว้แบบนั้น จึงกลายเป็นรายได้อีกทางให้ชาวบ้านได้นำของที่ไม่ได้ใช้แล้วมาแลกเปลี่ยนเป็นเงินบ้าง อาหารบ้าง"พี่สาว... จะมีโรงเรียนในหมู่บ้านจริง ๆ เหรอ" เหอเหรินถามคำถามนี้มาหลายรอบแล้ว ถามตั้งแต่เช้าก็ยังไม่หยุดถามสักที "ยังไม่แน่ใจ ต้องรอดูว่ายื่นเรื่องผ่านไหม" หนิงหนิงตอบแบบเดิม และตอบคำถามทุกครั้งที่เหอเหรินถาม จนจำไม่ได้แล้วว่าตอบไปกี่ครั้งแล้ว ที่เหอเหรินยังถามคำถามนี้ เพื่อให้เด็ก ๆ ทุกคนได้ยินและได้ฟังคำตอบ เพราะตอนนี้ที่บ้านของพี่สาวไม่ได้มีเธอเป็น