เข้าสู่ระบบเมื่อมาถึงบ้านก็ลากนางเข้าห้อง ห้องที่นางห็นแล้วอยากออกไปนอนกลางลานดินเสียงยังดีกว่า ทั้งสกปรกทั้งเหม็นอับ ยายอ้วนนี้อยู่ได้อย่างไรกัน เสียงทุ้มของหลี่จื่อหานดังมา
"เจ้าเป็นอะไร วันนี้กล้าตบหน้าท่านย่า"
"ข้ามีอะไรต้องกลัวถึงไม่กล้า หลานสะใภ้ก็คน อีกอย่างนางไม่เกี่ยวข้องอันใดกับเจ้าด้วยซ้ำเป็นแค่หญิงหม้ายที่ท่านปู่เจ้าสมเพชแต่งเข้ามา ให้ข้าเรียกนางว่าท่านย่าข้าเรียกได้แต่ว่านางคู่ควรเป็นท่านย่าหรือ นี่ไอ้หน้าหล่อเจ้าแน่ใจนะถามจริงๆ หึๆๆ.....ยายแก่ไม่ยอมตายนั่นเอะอะก็ลงไม้ลงมือกับคนอื่น นางคิดว่าคนอื่นเขาไม่มีความรู้สึก เจ็บไม่เป็นหรืออย่างไร"
"ซูเว่ยหราน ไม่ว่าอย่างไรนางก็คือผู้อาวุโส"
"อาวุโสเพราะประสบการณ์และการวางตัวกับแก่เพราะเกิดก่อนมันแค่เส้นบางๆนะหลี่จื่อหาน ข้าทำได้มากกว่าตบหน้าสองแม่ลูกนั้นแน่ๆ ถ้ายังไม่กลัวตายก็เข้ามา เจ้าอยากนับญาติกับคนแบบนี้ข้าไม่ขัดใจ อย่างไรอีกไม่นานข้าก็หย่าเจ้าอยู่ดี ไอ้โย่ว..ส่วนเรื่องที่ว่าข้าวางยาเจ้า ลองทบทวนดูใหม่ไหม พ่อแมงกะพรุน"
แมงกระพรุนหรือ นางกำลังด่าเขาว่าหัวใสเหมือนแมงกระพรุน หรือก็คือคนไม่มีสมอง ซูเว่ยหรานไม่ยอมแพ้ ย่าเจ้าก็ไม่ใช่เป็นแค่ย่าเลี้ยงฉันยังต้องเกรงใจหล่อนอีกหรือไอ้โง่เอ๊ย มาที่นี่ยังไม่ถึงวันก็จะเลาะกระดูกฉันให้ไปเกิดใหม่ ชาติก่อนถูกพวกเก็บค่าคุ้มครองมาป่วน พอไม่จ่ายพาคนมาถล่มร้าน นี่ใครเจ๊หรานนะถูกเจ๊กระทืบจนขาหัแขนหัก ม้ามแตก ปอดทะลุ ไปแจ้งความว่าฉันทำร้ายร่างทั้งที่ตัวเองเป็นคนเริ่มก็มาสิคิดกว่ากลัวหรือ ยุคนี้ไม่มีสิทธิ์มนุษยชนคุ้มครองฉันกลัวหรือไง ก่อนจะเอ่ยกับคนตรงหน้า
"หลี่จื่อหาน จำคำข้าไว้นะจากนี้เป็นต้นไปถ้าจะมีใครสักคนต้องตาย ย่อมต้องไม่ใช่ข้าซูเว่ยหรานคนนี้กับลูกๆของข้าแน่ๆ หึ มีเขาให้ทิ้งลงเหว มีทะเลให้ถ่วงน้ำ ข้ากำจัดศพได้อย่างหมดจดเชียวล่ะ ไม่กลัวตายก็เข้ามา"
"เจ้ายอมนางหน่อยไม่ได้หรือไง ข้าสงสารท่านปู่ที่ต้องแบกรับความอับอาย"
เมื่อหลี่จื่อหานเอ่ยเช่นนี้จบซูเว่ยหรานก็สงบลง หลี่ต้าหยางเป็นคนดีนางสัมผัสได้จากความอบอุ่นที่ร่างเดิมได้รับ ก่อนที่นางจะเอ่ยกับหลี่จื่อหาน
"ข้าจะไปขอโทษท่านปู่เอง เจ้าเอาลูกไปกินข้าวเถอะ เช้ามาอาหารยังไม่ตกถึงท้องก็ใช้งาน คนอย่างนี้เจ้าอยากกตัญญูข้าไม่ว่าแต่อย่าลากข้ากับลูกข้าไปเกี่ยวข้อง หกปีมานี้ข้าทนมาพอแล้ว ยังดีที่เมื่อคืนข้าไม่ตาย เพราะหากข้าตายวิญญาณข้าจะมาลากยายแก่น่าตายนั่นลงนรกคนแรก"
จากนั้นซูเว่ยหรานเดินออกไปด้านนอกก่อนจะเดินไปหาหลี่ต้าหยางที่แคร่ไม้หน้าบ้านแล้วเอ่ยขอโทษเขาด้วยน้ำเสียงจริงใจ
"ท่านปู่ หลานสะใภ้ทำผิดไป ทำให้ท่านอับอายแล้วขออภัยเจ้าค่ะ"
"อืม เจ้านับว่ายังมีสำนึก ต่อไปก็หลีกเลี่ยงนางให้ห่างหน่อยเถอะนะแม่เจ้าแฝด"
"เจ้าค่ะ"
หลี่ต้าหยางมองเข้าไปยังด้านในของบ้าน จากนั้นก็นั่งถักอวนต่อราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น หลี่เย่าฟางถือตระกร้าปลาเดินกลับมาซูเว่ยหรานที่กำลังจะเดินเข้าห้องเข้าก็ตรงมาดูก่อนจะเอ่ย
"อาเล็กทำไมท่านไม่เอาปลาไปส่งแต่เอากลับมาเล่าเจ้าคะ"
หลี่เย่าฟางมองหน้าหลานสะใภ้ ปกติซูเว่ยหรานเชิดหน้าใส่นางตลอด รังเกียจกลิ่นคาวปลาจากตัวนางมิใช่หรือ วันนี้เกิดอะไรขึ้นจึงมาทักทายนางกันก่อนจะตอบคำถามหลานสะใภ้
"ข้าไปส่งปลาให้นายท่านฉางน่ะ แต่เกวียนวัวเกิดเสียทำให้ไปไม่ทันปลาเลยไม่สด ข้าเอากลับมาทำกินที่บ้านเรา ตัวไหนพอเก็บไว้กินพรุ่งนี้ได้ก็เก็บ"
"อ้อ..เป็นเช่นนั้นเอง ถ้างั้นข้าไม่รบกวนอาเล็กแล้ว ตามสบายเจ้าค่ะ"
ซูเว่ยหรานเดินเข้าห้อง หลี่จื่อหานเพิ่งอาบน้ำให้ลูกๆเรียบร้อย ความจริงเป็นหน้าที่นางแต่กลับมาใช้เขาสตรีน่าตาย อยากบีบคอเจ้าให้ตายยิ่งนัก ด้านนอกหลี่เย่าฟางนั่งลงบนแคร่กับบิดาก่อนจะเอ่ย
"ท่านพ่อนางดูแปลกไป"
"อืม อาจจะเพราะอยากลุกขึ้นมาทำดีกระมัง"
"ข้าจะยินดีมากหากนางรู้ความเช่นนี้ตลอดและทุกวัน"
ซูหว่านหว่านเดินไปทางที่อาเล็กของสามีกำลังทำปลาอยู่ นางเห็นหลี่เย่าฟางกำลังเลือกปลาที่พอจะหายใจได้ออกมา ส่วนที่ตายแล้วก็จะเป็นต้องทิ้ง ซูหว่านหว่านเดินเข้าไปหาก่อนจะเอ่ยถาม
"อาเล็กท่านทิ้งไปแบบนี้มิเสียดายหรอกหรือเจ้าคะ"
หลี่เย่าฟางเงยหน้ามองเจ้าของเสียงพูดก่อนจะทำท่าแปลกใจ ปกติหลานสะใภ้คนนี้ไม่สนใจเรื่องเงินทอง ไม่พอใจก็ไปเอากับหลานชายนาง พอท่านแม่ไม่ให้ก็ทะเลาะตบตีกัน ก่อนหน้าที่แต่งเข้ามานางนับว่ารูปร่างดี ไม่ผอมไม่อ้วน แต่พอคลอดลูกแล้ววันๆไม่ทำงานทำการเอาแต่ขี้เกียจกินกับนอนเท่านั้น ก่อนจะยิ้มให้แล้วตอบคำถามนาง
"เสียดายแล้วจะทำเช่นไรได้เล่า เว่ยหรานอยากกินหรือไม่ อาเล็กทำให้เจ้าได้นะ เห็นเจ้าบอกว่าเบื่อปลาแล้วถ้าไม่อยากกินก็ไม่เป็นไร"
"อยากสิเจ้าคะ แต่ว่า คือว่าท่านให้ข้าทำเองได้หรือไม่ ท่านกลับมาเหนื่อยๆข้าจัดการเรื่องนี้เองดีไหมเจ้าคะ"
"จะดีหรือ แต่ว่าเจ้าไม่เคยทำมาก่อนนะ"
"ข้าทำเป็น แค่เมื่อก่อนข้าขี้เกียจน่ะเจ้าค่ะ อาเล็กท่านช่วยดูลูกให้ข้าเสมอ เมื่อก่อนข้าหยาบคายใส่ท่านบ่อยๆต้องขออภัยด้วยเจ้าค่ะ ข้าถูกตีเกือบตายถึงได้รู้ว่าใครในบ้านนี้ที่ดีกับข้า ท่านช่วยดูเด็กๆหน่อยเดี๋ยวข้าทำมื้อเช้าเอง"
"อะ อ้อ ดะ ได้ๆ"
ฮ่องเต้ประกาศสละราชสมบัติเรียบร้อยแล้ว ทรงให้รัชทายาทครองราชย์ต่อจากพระองค์ในอีกสามปีข้างหน้า แม้ว่ารัชทายาทและขุนนางจะคัดค้านเพราะฮ่องเต้ยังทรงมีพระพลานามัยแข็งแรงแต่ทว่าทรงมีพระปณิธานแน่วแน่ทุกคนจึงไม่อาจเปลี่ยนพระทัยได้ทรงประกาศสละราชย์ทันทีที่รัชทายาทและพระชายากลับมาจากไปท่องเที่ยวและแวะไปขอบคุณใต้ซือหยวนคงได้เดือนกว่า ขณะนี้ผ่านมาสองปีแล้ว คู่แฝดอายุเก้าขวบย่างสิบขวบ แฝดสามได้สองขวบกว่า พระชายาทรงคลอดท่านหญิงหลังจากกลับมาจากไปเที่ยว และยามนี้ท่านหญิงสามอายุหนึ่งขวบสิบเดือนส่วนพระชายากำลังทรงพระครรภ์อีกครั้งได้สองเดือนแล้วเหลือเวลาอีกไม่กี่วันรัชทายาทจะต้องขึ้นครองราชย์แทนฮ่องเต้ เซียวฉู่หรานก็ขึ้นเป็นฮองเฮา เนื่องจากรัชทายาทมีพระทัยตั้งมั่นไม่รับสตรีเพิ่ม วังหลังจึงสงบสุขเสมอมาไม่มีเรื่องให้กวนใจแม้ว่าจะมีขุนนางบางคนที่ไม่ยอมแพ้บ้างก็ส่งบุตรสาวหลานสาวเข้ามาเป็นนางใน บางวคนก้ใช้เล่ห์เพื่อที่จะได้ขึ้นเตียงกับองค์รัชทายาท แต่กลับไม่เคยทำสำเร็จ สองสามีภรรยามีบทเรียนจากตอนที่หลิวถงร่วมมือกับนางหลิววางยาพวกเขามาแล้ว วิธีการต่ำช้าเหล่านั้นจึงไม่สามารถทำได้ครั้งที่สองยามนี้รัชทายาทไ
ภายในห้องหอเซียวฉู่หรานอาบน้ำผลัดอาภรณ์เรียบร้อยแล้ว ยามนี้ภายใต้ผ้าห่มนวมผืนหนา นางอยู่ภายใต้อาภรณ์บางเบาที่สวมแล้วให้แลเห็นส่วนเว้าส่วนโค้งและเรือนร่างเย้ายวน เรือนผมถูกปล่อยสยายเซียวฉู่หรานนอนตะแคงอยู่บนเตียงรอเจ้าบ่าวกลับมาเสียงฝีเท้าเดินใกล้เข้ามา เจ้าสาวหมาดๆเฝ้ามองไปยังประตู ได้ยินเสียงเขาสั่งให้บ่าวไพร่ถอยออกไปให้ห่าง กระทั่งประตูเปิดออก ร่างสูงในชุดเจ้าบ่าวเดินเข้ามา แสงตะเกียงส่องกระทบราวกับเซียนหนุ่มกำลังเยื้องกรายแปะ แปะ แปะ เซียวฉู่หรานตบลงข้างๆ ตัวเป็นเชิงสัญลักษณ์ให้เจ้าบ่าวของนางมานั่งลงข้างๆ นางลุกขึ้นนั่งก่อนจะเอามือเท้าไปด้านหลัง ชันขาขึ้นมาหนึ่งข้าง ชายกระโปรงร่นลงมาจนเห็นโคนขาขาวผ่องเสื่อตัวบางที่ปิดอะไรแทบไม่มิดนั้นสาบเสื้อเป็นเพียงไส้ไก่เส้นเล็กๆ ผูกเอาไว้ ปทุมถันสองข้างอวบอัดเพราะนางเพิ่งผ่านการคลอดบุตรมา จ้าวจื่อหานที่ดื่มมาพอควรเลือดหนุ่มสูบฉีดเมื่อเห็นภาพเย้วยวนตรงหน้าเขาเดินมานั่งลงบนเตียง โน้มตัวไปด้านหน้าเท้าแขนคร่อมนางเอาไว้ มือหนาอีกข้างลูบตั้งแต่ข้อเท้าเล็กเลื่อนขึ้นมาจนถึงโคนขาอ่อนนุ่ม เซียวฉู่หรานครางออกมา ก่อนที่คนตัวโตจะกอบกุมความอวบอิ่มเคล้น
เสียงบรรเลงมโหรีดังไปทั่วทั้งเมืองหลวง ขบวนรับเจ้าสาวยิ่งใหญ่ตัวเกี้ยวทำจาก ไม้จันทน์หอม เนื้อดีที่หายาก หรือไม้เนื้อแข็งชั้นเลิศ ตัวเกี้ยวมีขนาดใหญ่โอ่อ่ากว่าเกี้ยวทั่วไปอย่างเห็นได้ชัด พื้นผิวถูกเคลือบด้วย สีแดงชาดเข้ม ซึ่งเป็นสีมงคลสูงสุดสำหรับงานอภิเษกสมรสและประดับตกแต่งด้วย ทองคำเปลวบริสุทธิ์ จนเปล่งประกายทั่วทั้งเกี้ยว ตัวเกี้ยวแกะสลักเป็นรูปดอกโบตั๋นที่หมายถึงราชินีแห่งดอกไม้ ม่านของเกี้ยวเลือกใช้ผ้าไหมสีแดง ปักด้วยลวดลายสีทอง ใช้คนหามถึงสิบหกคนนับเป็นพิธีแต่งงานที่ยิ่งใหญ่อย่างไม่เคยมีมาก่อนองค์รัชทายาทจ้าวจื่อหานในชุดเจ้าบ่าวสีแดงสดปักลวดลายมังกรด้วยด้ายสีทองอร่าม ยามเมื่ออยู่บนหลังของอาชาสีขาวบริสุทธิ์ดุจหิมะต้องแสงพระอาทิตย์ ยิ่งทำให้รัชทายาทแห่งต้าเหยียนดูงดงามและสูงส่งราวเทพเซียน นางกำนัลในขบวนช่วยกันโปรยเหรียญอีแปะและลูกกวาดตามทางเดิน เด็กๆ และชาวบ้านแย่งกันเก็บไว้เพื่อเป็นมงคล ขบวนเคลื่อนไปตามท้องถนนจนมาถึงหน้าจวนสกุลเซียวจวนสกุลเซียวเมื่อมาถึงสกุลเซียวแล้วขันทีที่เดินนำขบวนมาก็ประกาศ"ได้ฤกษ์อันเป็นมงคลแล้ว! ขอเชิญองค์พระชายา ก้าวเข้าสู่เกี้ยวเพื่อเสด็จสู่พระราชว
จ้าวจื่อหานมองแฝดคนพี่ที่ยามนี้ใช้แซ่เซียวของท่านตาก่อนจะยิ้ม เขาเอานิ้วเขี่ยแก้มบุตรชาย สกุลเซียวไร้ผู้สืบทอดฝ่าบาททรงเห็นใจในชะตาและทอดพระเนตรเห็นความจงรักภักดีของสกุลเซียวมาตั้งแต่บรรพบุรุษ จึงพระราชทานบุตรชายคนที่สองของเขาให้ใช้แซ่เซียวสืบทอดสกุลมารดา เซียวอี้ให้ยินดีอย่างมาก อย่างน้อยสกุลเซียวก็ไม่สิ้นไร้ผู้สืบสกุลในยุคของเขาช่างเป็นพระเมตตายิ่งนัก เขาจำได้ดีถึงพระเมตตาในวันนั้น"เซียวอี้..สกุลเซียวของเจ้าจงรักภักดีมาตลอด ปกป้องราชวงศ์จนกระทั่งสกุลล่มสลายเราจึงอยากตอบแทนเจ้าสักครั้ง""ฝ่าบาท...กระหม่อมมิได้หวังอันใด ขอแค่พระองค์ทรงอยู่รอดปลอดภัยกลับมาปกครองแว่นแคว้นได้อย่างที่อดีตฮ่องเต้ทรงตั้งพระทัยก็เพียงพอแล้วพ่ะย่ะค่ะ""เอาล่ะ ท่านกลับไปรอฟังข่าวที่บ้านเถอะ"จากที่ทรงรับสั่งในวันนั้นวันต่อมาฉางกงกงก็มาประกาศราชโองการแต่งตั้งท่านชายรองจ้าวจื่อหลิงเป็นผู้สืบทอดสกุลเซียวของพระมารดา เซียวอี้ยังจำได้ดีตอนที่เขายื่นมือไปรับราชโองการ เขาถึงกับหลั่งน้ำตาลูกผู้ชายออกมา ฝ่าบาททรงมีพระเมตตายิ่งนัก รัชทายาทเองก็ยินดีที่จะให้สายพระโลหิตสืบทอดสกุลเซียวของเขาอย่างไม่เกี่ยงงอน เมื่อเซียวจื่อ
หลังจากประชุมเรียบร้อยจ้าวจื่อหานก็ตรงกลับจวนนอกเมือง ส่วนซูหานนั้นกลับไปรับหลี่เย่าฟางเพื่อจะไปเยี่ยมบุตรสาวเช่นกัน พ่อตากับบุตรเขยจึงไปทางเดียวกัน ขุนนางหลายๆ คนที่ไม่เห็นด้วยกับการที่จะให้สตรีเรียนหนังสือยังไม่รู้ว่ายามนี้ที่บ้านของพวกเขากำลังมีการเปลี่ยนแปลงสองเดือนก่อนหน้าพระชายาได้ส่งคนไปสอบถามความสมัครใจว่ามีคุณหนูบ้านใดหรือบุตรสาวบ้านไหนต้องการเรียนหนังสือบ้าง และมีหลายครอบครัวที่บรรดาฮูหยินและคุณหนูเหล่านั้นตอบรับและได้ทดลองเรียนไปกว่าเดือนครึ่งแล้วบทความที่ถวายฝ่าบาทเมื่อสิบวันก่อนบางบทความก็เป็นของคุณหนูเหล่านั้น บางคนมีความสามารถไม่แพ้บุรุษที่เป็นบัณฑิต บางคนมีความสามารถเหนือขุนนางด้วยซ้ำ ทั้งแนวคิดและการวางแผนเมื่อพวกเขากลับถึงบ้านก็โมโหยกใหญ่ต่อว่าต่อขานเรื่องการเปิดสำนักศึกษาหญิง ต่างวิจารณ์อย่างไม่กลัวเกรง ใต้เท้าทั้งหลายมารวมอยู่ที่จวนอำมาตย์ซ้ายกว่าสิบคน"พวกท่านว่าเราควรถวายฎีกาให้ฝ่าบาททรงพิจารณาอีกครั้งดีหรือไม่""นั่นน่ะสิขอรับท่านอำมาตย์ ไท่จื่อเฟยทรงมีความคิดอันตรายต่อบ้านเมืองเช่นนี้ได้อย่างไร มีที่ไหนให้สตรีสามารถเข้าศึกษาและเข้าสอบขุนนางได้ แค่
**ท้องพระโรง**ในท้องพระโรงยามนี้บรรดาขุนนางกำลังรอฝ่าบาทเข้าประชุมอยู่ ทรงตรัสว่าวันนี้มีเรื่องจะประกาศโดยทั่วกัน ซูหานและหลี่ต้าหยางมาด้วยกัน ซูหานจะไปรับพ่อตามาเข้าวังด้วยตนเองทุกวัน ขุนนางกำลังถกเถียงกันถึงเรื่องที่ฮ่องเต้จะประกาศวันนี้"ใต้เท้าหาน ท่านว่าฝ่าบาทจะทรงประกาศเรื่องสำคัญอันใดหรือ""ข้าเองก็ไม่รู้เช่นกัน ใต้เท้าซ่งแต่ข้าว่าน่าจะเรื่องสำคัญมาก ท่านคิดว่าวันนี้จะโต้แย้งเรื่องใดหรือไม่"ใต้เท้ากัวส่ายหน้าให้กับเขา ขุนนางอีกคนจึงมาตอบแทน"ใต้เท้าหาน...ท่านอยากจะกลับไปเลี้ยงหลานอยู่ที่บ้านหรือ อีกอย่างบุตรสาวบุตรชายท่านเพิ่งจะอายุสิบสอง สิบสามจะมีหลานที่ไหนให้ท่านเลี้ยงกัน"เมื่อใต้เท้าอีกคนเอ่ยจบใต้เท้ากัวจึงเอ่ยเบาๆ"พวกท่านเบาๆ หน่อย หากเรื่องวันนี้เป็นแนวคิดของไท่จื่อ หรือไท่จื่อเฟย แล้วพวกเราต่อต้าน ยังจะได้ทำงานรับใช้ราชสำนักกันอยู่หรือไม่"ขุนนางทั้งหมดพยักหน้าให้กันก่อนที่ใต้เท้าซ่งจะเอ่ย"ครั้งก่อนที่ถกเถียงกันเรื่องให้ไท่จื่อรับชายารองและสนมก็ถูกกวาดออกไปเกือบยี่สิบคน หากครั้งนี้ยังหาเรื่องคัดค้านอีก ไม่แน่ว่าอาจจะถูกกวาดออกไปได้""ก็จริงอย่างที่ท่านพูด ส่วนเร







