แชร์

บทที่ 28 สำรวม

ผู้เขียน: BigM00N
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-05-22 22:24:54

หลังจากนั้นเพียงหนึ่งสัปดาห์ฮูหยินผู้เฒ่าสกุลหยวนก็พาหยวนอี้ที่ยังไม่หายดีมาเป็นแขกของจวนผิงกั๋วกง เนื่องจากบุรุษภายในจวนล้วนอยู่ในกองทัพทั้งหมดอีกทั้งยังรู้ถึงเจตนาของทางฝั่งสกุลหยวนแล้ว ฮูหยินผู้เฒ่าจึงรับแขกจากสกุลหยวนที่โถงกลางของเรือนชั้นใน โดยมีฮูหยินและลูกสะใภ้ทั้งสามคอยช่วยนางต้อนรับแขก

“เจียวเหม่ย ควบคุมสติอารมณ์แล้วออกมาจากหลังพุ่มไม้เดี๋ยวนี้เลย” เฉินเจียวเจียวเอ่ยกับญาติผู้น้องของตนด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“จะทำอย่างไรดี เขาจะต้องเข้าใจว่าข้าคือสตรีอัปลักษณ์ที่อยู่ในรูปผู้นั้นเป็นแน่” เฉินเจียวเหม่ยเอ่ยออกมาอย่างไม่สบายใจโดยไม่คิดจะสนใจถ้อยคำตักเตือนของเฉินเจียวเจียวเลยสักนิด

“ก่อนหน้านี้ท่านก็เคยเล่าให้ข้าฟังว่าเขาเห็นใบหน้าของท่านแล้วมิใช่หรือ ท่านบอกกับข้าเองว่าเขาถูกท่านลากตัวออกจากรถม้าแล้วโยนให้ผู้คุ้มกันของจวนเรา” เมื่อเฉินเจียวมี่เอ่ยเช่นนี้เฉินเจียวเหม่ยก็หันไปขึงตาใส่เฉินเจียวมี่ด้วยสายตาไม่พอใจอย่าเต็มที่

“เจ้าอย่าได้เอ่ยถึงเรื่องนั้นอีก ข้ายังคิดเสียดายอยู่เลยว่าในยามนั้นข้าน่าจะอ่อนโยนอีกสักนิด เอ่ยวาจาดีๆ กับเขาสักประโยคสองประโยค” เมื่อเฉินเจียวเหม่ยเอ่ยเช่นนี้ทั้งเฉินเจียวเจียวและเฉินเจียวมี่ก็ต่างส่ายหน้าให้กันอย่างรับไม่ได้กับท่าทีเช่นนี้ของนาง

“เจ้าวางใจเถิด ท่านย่าบอกกับข้าแล้วว่าที่คนสกุลหยวนมาที่นี่ในวันนี้ก็เพื่อพูดคุยเรื่องการหมั้นหมาย ก่อนหน้านี้เป็นเพราะคุณชายหยวนล้มป่วยจึงได้ยังไม่กล้าดำเนินการเรื่องการหมั้นหมาย แต่ยามนี้เขาหายดีแล้ว สาเหตุที่เข้าเมืองมาก็เพียงเพื่อขออภัยที่ก่อนหน้านี้ไม่ได้ส่งคนมาแจ้งให้เข้าใจในความจำเป็น” เฉินเจียวเจียวเอ่ยออกมาด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้มแต่เฉินเจียวเหม่ยก็ยังคงจ้องมองคนผ่านทางหน้าต่างของห้องโถงที่ยังเปิดอยู่ แม้ว่าระยะการมองเห็นจะทำได้แค่เพียงเห็นเงาคนเพียงไม่กี่คนแต่เฉินเจียวเหม่ยกลับไม่ยอมละสายตา

“ไม่เป็นไรๆ ข้าอายุน้อยถึงเพียงนี้ย่อมไม่ตำหนิท่านอยู่แล้ว ท่านไม่ได้ทำให้การแต่งงานของข้าล่าช้าไปเสียหน่อยแล้วข้าจะตำหนิท่านได้อย่างไร” เฉินเจียวเหม่ยเอ่ยออกมาดุจคนละเมอทำให้เฉินเจียวมี่ทอดถอนใจออกมาแล้วหันไปเอ่ยกับเฉินเจียวเจียวเสียงเบา

“ปล่อยนางไปเถิดเจ้าค่ะ ข้าว่าพวกเรารีบออกไปจากบริเวณนี้ดีหว่าหากพี่เจียวเหม่ยถูกผู้อื่นจับได้ก็เรื่องเป็นเรื่องของนาง ส่วนพวกเราควรจะไปนั่งจิบน้ำชาด้วยท่วงท่าอันงดงามเพื่อรอฟังข่าวดีกันดีกว่า”

“นั่นน่ะสิ ปล่อยให้นางนั่งขาแข็งไปเถิด อีกทั้งหากถูกจับได้ว่าแอบดู คุณชายหยวนอาจจะรู้สึกว่าว่าที่คู่หมั้นของเขาคนนี้ไร้กิริยาน่าเชิดชูไม่สมกับที่เกิดมาเป็นคุณหนูในสกุลใหญ่สักนิด” เมื่อเฉินเจียวเจียวเอ่ยเช่นนี้เฉินเจียวเหม่ยก็รีบลุกขึ้นในทันที

“ผู้ใดแอบดูกัน ไปเถิดพวกเราไปนั่งจิบน้ำชารอฟังข่าวดีด้วยท่วงท่าอันงดงามสมกับที่เป็นคุณหนูในสกุลใหญ่กันดีกว่า” เมื่อเฉินเจียวเหม่ยเอ่ยจบนางก็เดินนำหน้าไปด้วยกิริยาชดช้อยทิ้งให้เฉินเจียวเจียวและเฉินเจียวมีที่ยืนมองนางทางด้านหลังพร้อมกับรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความขบขัน

นั่งดื่มชาได้ไม่นานสาวใช้ของเฉินเจียวเหม่ยที่ไปนั่งรอฟังข่าวก็เดินเข้ามาเอ่ยรายงานด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม

“ขอแสดงความยินดีต่อคุณหนูรองด้วยเจ้าค่ะ ฮูหยินผู้เฒ่าตกลงทำสัญญาหมั้นหมายระหว่างท่านกับคุณชายหยวนแล้ว อีกไม่นานก็จะกำหนดวันแลกเปลี่ยนของหมั้นอย่างเป็นทางการเจ้าค่ะ” เมื่อสาวใช้เอ่ยเช่นนี้เฉินเจียวเหม่ยก็พยักหน้าด้วยท่าทางที่พยายามเก็บอาการอย่างเต็มที่

“ดีมาก นี่รางวัลของเจ้า ส่วนนี่คือเงินเล็กน้อยเจ้านำไปแบ่งกับสหายของเจ้าให้ทั่วถึง” เฉินเจียวเหม่ยเอ่ยพลางปลดถุงเงินสองถุงแล้วส่งให้สาวใช้ผู้นั้นอย่างใจกว้าง เฉินเจียวมี่ถึงกับเบิกตาขึ้นด้วยความประหลาดใจ

“ทำให้พี่เจียวเหม่ยใจกว้างได้ถึงขั้นนี้ได้ชะรอยว่าคุณชายหยวนผู้นี้จะต้องมีความไม่ใช่คนธรรมดาเป็นแน่” เมื่อน้องสาวเอ่ยเช่นนี้เฉินเจียวเหม่ยก็พยักหน้าอย่างอารมณ์ดี

“เขาเป็นบุรุษที่มีรูปโฉมงดงามสะดุดตามากที่สุดเท่าที่ข้าเคยเห็น เอาเป็นว่าบรรดาอนุของท่านพ่อของข้าไม่มีเลยสักคนที่สามารถเทียบเคียงเขาได้”

“เอ่อ พี่สาวไม่มีบุรุษคนใดชอบให้นำรูปโฉมของเขาไปเปรียบเทียบกับสตรีหรอกนะเจ้าคะ”

“ก็ใช่น่ะสิวันหน้าห้ามพวกเจ้าเอ่ยกับผู้ใดว่าข้าเคยเอ่ยวาจาชื่นชมเขาเช่นนี้ จำเอาไว้ด้วย” เฉินเจียวเหม่ยเอ่ยพลางโบกพัดเบาๆ ส่วนเฉินเจียวเจียวเอาแต่ก้มหน้าลงเพื่อปิดบังรอยยิ้ม

“ปีหน้าก็ปักปิ่นหลังจากนั้นจึงจะพูดถึงกำหนดวันแต่งงาน เจียวเจียวเจ้ามีศักดิ์เป็นญาติผู้พี่ของข้าคนที่จะได้แต่งงานก่อนก็คือเจ้า ถึงยามนั้นก็ไม่รู้ว่าฝ่าบาทจะทรงพระราชทานคู่ครองเช่นใดให้เจ้ากันนะ” เมื่อเฉินเจียวเหม่ยเอ่ยเช่นนี้เฉินเจียวเจียวก็เอ่ยกับนางด้วยน้ำเสียงหยอกเย้า

“เช่นนั้นวันหน้าเจ้าก็หาวิธีตีสนิทกับว่าที่คู่หมายของเจ้าให้ได้ เมื่อเจ้าสนิทสนมคุ้นเคยกับเขาดีแล้วก็อย่าได้ลืมขอให้เขาเอ่ยถึงเรื่องนี้กับองค์รัชทายาท ขอให้องค์รัชทายาทช่วยทูลกับฝ่าบาทให้ข้าด้วย ข้าผู้นี้ก็อยากได้สามีที่ดีดังเช่นผู้อื่นเช่นกัน” เฉินเจียวเจียวเอ่ยโดยไม่ได้คิดอันใดจุดมุ่งหมายของนางก็แค่เพียงต้องการหยอกเย้าเฉินเจียวเหม่ยแต่คิดไม่ถึงว่าเฉินเจียวเหม่ยกลับยึดถือเป็นจริงเป็นจัง

“ได้! เจ้าไม่ต้องกลัวข้าจะต้องตีสนิทกับคุณชายหยวนแล้วทำให้คุณชายหยวนชอบข้าให้ได้ วันหน้าเมื่อสนิทกันดีแล้วข้าจะขอให้เขาเอ่ยเรื่องแต่งงานของเจ้ากับองค์รัชทายาทอย่างแน่นอน” สำหรับเฉินเจียวเหม่ยแล้วนางยึดถือว่าเฉินเจียวเจียวและเฉินเจียวมี่เป็นเสมือนพี่สาวน้องสาวที่คลานตามกันออกมา หากนางมีหนทางที่จะทำให้พี่น้องของนางมีความสุขได้นางย่อมไม่ละความพยายามอย่างแน่นอน

“คุณหนูทั้งหลายมาหลบกันอยู่ที่นี่เอง” เฉินมามา มามาอาวุโสข้างกายของฮูหยินผู้เฒ่าสกุลเฉินเอ่ยออกมาด้วยท่าทีนอบน้อม

“ฮูหยินผู้เฒ่าให้บ่าวมาเรียนเชิญคุณหนูใหญ่และคุณหนูรองไปที่โถงกลางของเรือนชั้นในเจ้าค่ะ ฮูหยินผู้เฒ่าสกุลหยวนอยากพบพวกท่านและอยากมอบของขวัญขอบคุณให้แก่พวกท่านด้วยตนเองเจ้าค่ะ” เมื่อเฉินมามาเอ่ยเช่นนี้ทั้งเฉินเจียวเจียวและเฉินเจียวเหม่ยก็ต่างหันไปสบตากัน

“เจ้าจงสำรวม” เฉินเจียวเจียวเอ่ยเตือนญาติผู้น้องโดยไม่ออกเสียงซึ่งเฉินเจียวเหม่ยก็รีบพยักหน้าเพื่อรับคำในทันที

“ให้ข้าติดตามไปด้วยได้ไหมเจ้าคะ” เฉินเจียวมี่เอ่ยถามเฉินมามาด้วยน้ำเสียงออดอ้อน เฉินมามานิ่งงันไปชั่วครู่แต่เมื่อคิดได้ว่าเฉินเจียวมี่ยังไม่โตเต็มที่ย่อมจะเลี่ยงคำครหาได้ อีกทั้งอีกไม่นานสกุลเฉินกับสกุลหยวนก็จะเกี่ยวดองกันแล้วนางจึงตัดสินใจเอ่ยปากอนุญาตด้วยสีหน้าอ่อนโยน

“ย่อมได้เจ้าค่ะ แต่คุณหนูสามจะต้องสำรวมตนและห้ามซุกซนนะเจ้าคะ” เมื่อเฉินมามาเอ่ยเช่นนี้ทั้งเฉินเจียวเจียวและเฉินเจียวมี่ต่างหันไปมองเฉินเจียวเหม่ยกันอย่างพร้อมเพรียง

“ท่านเอ่ยเตือนผิดคนแล้ว” พวกนางเอ่ยออกมาพร้อมกันโดยมิได้นัดหมายเฉินเจียวเหม่ยส่งค้อนให้นางคนละหนึ่งทีแล้วจึงได้เอ่ยกับเฉินเจียวเจียวเสียงเบา

“เรื่องการตีสนิทของข้าเจ้าอย่าได้ลืมเชียว” เมื่อเฉินเจียวเหม่ยเอ่ยเช่นนี้เฉินเจียวเจียวก็เอ่ยวาจาตอบโต้เสียงเบาอย่างไม่ยอมแพ้

“หากเจ้าตีสนิทไม่ได้ก็ช่างเถิด หากข้าไม่พึงใจคู่ครองที่ฝ่าบาททรงประทานให้ข้าก็แค่หาเรื่องให้เขาและไม่ยอมแต่งงาน ถึงยามคนที่จะต้องร้อนใจก็คงเป็นเจ้าแล้วพี่สาวยังไม่ได้แต่ง คนเป็นน้องก็ยากจะได้แต่ง”

“เจียวเจียว!” เฉินเจียวเหม่ยเอ่ยออกด้วยน้ำเสียงที่ไม่เบาเลย

“คุณหนูรองได้โปรดสำรวมด้วยเจ้าค่ะ” เฉินมามาหันมาเอ่ยเตือนด้วยสีหน้าจริงจังทำให้ทั้งเฉินเจียวเจียวและเฉินเจียวเหม่ยหันไปฟาดฟันกันทางสายตาแทน

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ข้ามาทวงแค้นแม่ดอกบัวขาว   บทที่ 32 ไม่สุขสบาย

    เช้าวันรุ่งขึ้นเมื่อรู้ว่าเฉินเจียวเจียวและเฉินเจียวเหม่ยจะออกไปพบสหายเฉินเจียวมี่ก็ขอติดตามไปด้วยอย่างกระตือรือร้น เมื่อทั้งเฉินเจียวเจียวและเฉินเจียวเหม่ยรับปากว่าจะช่วยกันดูแลน้องสาวอย่างดี หวงซื่อจึงไม่ได้เหนี่ยวรั้งบุตรสาวเอาไว้ นอกจากจะกำชับว่าให้เชื่อฟังพี่สาวและห้ามซุกซนแล้วนางก็ไม่คิดจะเอ่ยวาจาเหนี่ยวรั้งอันใดอีก ด้วยรู้ดีว่าทั้งเฉินเจียวเจียวและเฉินเจียวเหม่ยเป็นเด็กรู้ความย่อมดูแลน้องเล็กอย่างเฉินเจียวมี่ได้อย่างแน่นอนเมื่อไปถึงหอหลิงฟางคนขององค์หญิงเก้าหลี่ถังหรูก็มารอพวกนางอยู่ก่อนแล้ว สามสาวสกุลเฉินถูกพาไปที่ห้องรับรองพิเศษที่องค์หญิงเก้าจองเอาไว้ซึ่งในห้องรับรองพิเศษแห่งนั้นมีองค์หญิงเก้าและหวังฮุ่ยหลิงนั่งรออยู่ก่อนหน้านี้แล้ว“ไม่รู้เป็นเพราะเหตุใด ทุกครั้งที่นัดกันทั้งเจียวเจียวและเจียวเหม่ยมักจะมาถึงสถานที่นัดหมายเป็นคนสุดท้ายเสมอ” องค์หญิงเก้าเอ่ยออกมาด้วยสีหน้าเบื่อหน่ายแต่หวังฮุ่ยหลิงกลับเอ่ยวาจาแก้ตัวให้สหายด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม“จวนของพวกนางอยู่ไกลจากที่นี่ย่อมต้องมาถึงช้ากว่าเป็นธรรมดา”“แน่นอนว่านอกจากจากจวนจะอยู่ไกลแล้ว ย่อมต้องเป็นเพราะวันนี้พวกข้าพาน้องเล็

  • ข้ามาทวงแค้นแม่ดอกบัวขาว   บทที่ 31 ไม่ชอบ

    กว่าจะถึงเทศกาลหยวนเซียวยังต้องผ่านเทศกาลฉลองปีใหม่ไปเสียก่อน เฉียวซื่อจึงยังไม่ได้เอ่ยเรื่องนี้กับเฉินเจียวเจียว แม้ว่าจวนผิงกั๋วกงจะต้องฉลองเทศกาลกันอย่างเงียบเหงาอยู่บ้างเพราะปีนี้บุรุษภายในจวนล้วนยังอยู่ที่หัวเมืองชายแดนแต่ก็ยังคงมีบรรยากาศของความเป็นมงคลเฉินเจียวเจียว เฉินเจียวเหม่ยและเฉินเจียวมีช่วยกันปักผ้าเพื่อมอบเป็นของขวัญให้แก่ผู้อาวุโสภายในจวน ส่วนบ่าวไพร่ก็ล้วนได้รับเงินทองและเครื่องประดับจากเจ้านายเพื่อเป็นของขวัญในวันขึ้นปีใหม่กันอย่างถ้วนหน้า สิ่งที่ทำให้ผู้คนภายในจวนมีความสุขมากที่สุดก็คือจดหมายที่มาจากชายแดนทางเหนือ ฮูหยินผู้เฒ่ายิ้มออกมาอย่างปลาบปลื้มใจเมื่อรู้ว่าบุตรชายและหลานชายของนางยังคงปลอดภัยและมีความเป็นอยู่ที่ดีเฉินเจียวเจียวมองบรรยากาศที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มของคนทั้งจวนด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มเช่นเดียวกัน คืนส่งท้ายปีพวกนางล้วนแล้วแต่แต่งกายกันอย่างดงามมากเป็นพิเศษเพื่อกินอาหารร่วมกันและนั่งพูดคุยกันเพื่อรอส่งท้ายปี เสียงประทัดและดอกไม้ไฟดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วทั้งตรอกสุ่ยอัน เฉินเจียวเจียวออกไปยืนมองท้องฟ้าที่ประดับประดาไปด้วยดอกไม้ไฟด้วยสีหน้าสงบนิ่ง

  • ข้ามาทวงแค้นแม่ดอกบัวขาว   บทที่ 30 เฉียวซื่อเข้าวัง

    มารดาเลี้ยงคิดเช่นไรเฉินเจียวเจียวไม่อาจจะรู้ได้ แต่สิ่งที่รู้ก็คือชีวิตในช่วงนี้ของนางนับว่ามีความสุขมากทีเดียว ได้ย้อนกลับมาเกิดใหม่ในร่างของตนเอง ได้แก้ไขความผิดพลาดที่เคยเกิดในชีวิตของชาติก่อนและที่สำคัญได้กลับมาปรนนิบัติฮูหยินผู้เฒ่าอีกครั้ง แม้จะรู้ว่าไม่ว่านางจะทำอย่างไรก็ไม่อาจจะทำให้ฮูหยินผู้เฒ่ารอดพ้นจากความแก่ชราและความตาย แต่สิ่งที่นางทำได้ก็คือคอยปรนนิบัติพัดวีและทำให้ผู้อาวุโสของนางมีความสุขมากที่สุดเท่าที่นางจะสามารถทำได้“เหตุใดช่วงนี้มารดาเลี้ยงของเจ้าจึงได้เข้าวังบ่อยครั้งขึ้น” เมื่อฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยถามเช่นนี้เฉินเจียวเจียวก็ส่ายหน้า“ข้าเองก็ไม่รู้เช่นกันเจ้าค่ะ” เฉินเจียวเจียวเอ่ยตอบอย่างไม่ได้ใส่ใจเท่าใดนัก ไม่ว่าอย่างไรนางก็เคยเตือนเฉียวซื่อไปแล้วว่าแต่ละตำหนักของบรรดาพระสนมน่าจะมีคนของฝ่าบาทซุกซ่อนอยู่ มารดาเลี้ยงของนางไม่ใช่คนโง่ย่อมจะสามารถหลีกเลี่ยงการทำให้ฝ่าบาทไม่พึงพอพระทัยได้ทั้งคำพูดและการกระทำอยู่แล้วแน่นอนว่าทางด้านเฉียวซื่อที่เข้าออกวังบ่อยครั้งขึ้นย่อมจะต้องระมัดระวังทุกคำพูดและการกระทำของตนเองเป็นอย่างดี ช่วงนี้นางเข้าวังบ่อยขึ้นก็แค่เพียงอยากสานสั

  • ข้ามาทวงแค้นแม่ดอกบัวขาว   บทที่ 29 ความในใจของเฉียวซื่อ

    เมื่อสาวน้อยสกุลเฉินทั้งสามไปถึงโถงกลางก็พบว่าแขกที่มาไม่ได้มีแค่เพียงคนสกุลหยวนแต่กลับมีองค์รัชทายาทนั่งดื่มนำ้ชาด้วยท่าทีสงบนิ่งอีกฝั่งหนึ่งด้วย เฉินเจียวเจียวนิ่งงันไปครู่หนึ่งแต่เฉินเจียวเหม่ยกลับรีบรั้งนางให้ก้าวเท้าเข้าไปในห้องโถงพร้อมกัน“ถวายพระพรองค์รัชทายาทเพคะ” ทั้งสามคารวะพร้อมกันอย่างงดงาม องค์รัชทายาทเงยหน้าขึ้นแล้วยิ้มออกมา“พวกเจ้าไม่ต้องมากพิธี” เมื่อเขาเอ่ยเช่นนี้พวกนางก็ก้มหน้าลงแล้วหันไปคารวะฮูหยินผู้เฒ่าสกุลหยวนและหยวนอี้ด้วยสีหน้าสงบนิ่ง ภาพสตรีรุ่นเยาว์ทั้งสามที่รู้มารยาทและงดงามสมวัยทำให้ฮูหยินผู้เฒ่าสกุลหยวนอดยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจไม่ได้ ส่วนหยวนอี้นั้นเขาไม่กล้ามองสตรีทั้งสามเท่าใดนักไม่ว่าอย่างไรการเข้ามาในเรือนชั้นในของผู้อื่นเช่นนี้ก็ออกจะเป็นเรื่องที่ขัดต่อธรรมเนียมมากเกินพอแล้ว เพียงแต่เมื่อเด็กสาวทั้งสาวเดินไปนั่งลงข้างกายของผู้อาวุโสของตนเองแล้ว เขาก็อดจ้องมองไปทางข้างกายของฮูหยินสามของสกุลเฉินครู่หนึ่งไม่ได้สีหน้าที่ทั้งขัดเขินและพึงพอใจของหยวนอี้ไม่ได้รอดพ้นไปจากการสังเกตของฮูหยินผู้เฒ่าสกุลหยวนและองค์รัชทายาทหลี่ไท่หลง สองยายหลานหันไปสบตากันครู่หนึ่

  • ข้ามาทวงแค้นแม่ดอกบัวขาว   บทที่ 28 สำรวม

    หลังจากนั้นเพียงหนึ่งสัปดาห์ฮูหยินผู้เฒ่าสกุลหยวนก็พาหยวนอี้ที่ยังไม่หายดีมาเป็นแขกของจวนผิงกั๋วกง เนื่องจากบุรุษภายในจวนล้วนอยู่ในกองทัพทั้งหมดอีกทั้งยังรู้ถึงเจตนาของทางฝั่งสกุลหยวนแล้ว ฮูหยินผู้เฒ่าจึงรับแขกจากสกุลหยวนที่โถงกลางของเรือนชั้นใน โดยมีฮูหยินและลูกสะใภ้ทั้งสามคอยช่วยนางต้อนรับแขก“เจียวเหม่ย ควบคุมสติอารมณ์แล้วออกมาจากหลังพุ่มไม้เดี๋ยวนี้เลย” เฉินเจียวเจียวเอ่ยกับญาติผู้น้องของตนด้วยน้ำเสียงเย็นชา“จะทำอย่างไรดี เขาจะต้องเข้าใจว่าข้าคือสตรีอัปลักษณ์ที่อยู่ในรูปผู้นั้นเป็นแน่” เฉินเจียวเหม่ยเอ่ยออกมาอย่างไม่สบายใจโดยไม่คิดจะสนใจถ้อยคำตักเตือนของเฉินเจียวเจียวเลยสักนิด“ก่อนหน้านี้ท่านก็เคยเล่าให้ข้าฟังว่าเขาเห็นใบหน้าของท่านแล้วมิใช่หรือ ท่านบอกกับข้าเองว่าเขาถูกท่านลากตัวออกจากรถม้าแล้วโยนให้ผู้คุ้มกันของจวนเรา” เมื่อเฉินเจียวมี่เอ่ยเช่นนี้เฉินเจียวเหม่ยก็หันไปขึงตาใส่เฉินเจียวมี่ด้วยสายตาไม่พอใจอย่าเต็มที่“เจ้าอย่าได้เอ่ยถึงเรื่องนั้นอีก ข้ายังคิดเสียดายอยู่เลยว่าในยามนั้นข้าน่าจะอ่อนโยนอีกสักนิด เอ่ยวาจาดีๆ กับเขาสักประโยคสองประโยค” เมื่อเฉินเจียวเหม่ยเอ่ยเช่นนี้ทั้ง

  • ข้ามาทวงแค้นแม่ดอกบัวขาว   บทที่ 27 ผลกระทบ

    ทางฝังองค์รัชทายาทหลี่ไท่หลง หลังจากที่รู้ว่าญาติผู้พี่ต่างสกุลพ้นขีดอันตรายแล้วเขาพลันวางใจลง ส่วนฮูหยินผู้เฒ่าสกุลหยวนนั้นเมื่อเห็นว่าหลานชายคนโตของนางอยู่ในมือของหมอหลวงแล้วนางก็วางใจลงได้ อันที่จริงนางวางใจตั้งแต่ตอนที่เห็นเฉินเจียวเจียวโรยยาห้ามเลือดลงไปบนบาดแผลแผลแล้ว ท่าทีสงบเยือกเย็นและการอธิบายด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความเชื่อมั่นของเด็กสาวผู้นั้นทำให้จิตใจอันเคร่งเครียดของนางพลอยผ่อนคลายไปด้วย ยิ่งเมื่อได้เห็นว่าองค์รัชทายาทติดตามมาเพื่อปกป้องคุ้มครองนางและหลานชาย ความเชื่อมั่นในความปลอดภัยก็ยิ่งมีมากขึ้นไปอีกฮูหยินผู้เฒ่าสำรวจห้องโถงของเรือนหลังใหญ่ที่ตั้งอยู่ใกล้กับอุทยานหลวงด้วยความสนใจ เรือนแห่งนี้แม้ว่าจะตกแต่งอย่างเรียบง่ายแต่กลับใช้แต่ของดีและมีราคา นางหันไปจ้องมองหลานชายผู้สูงศักดิ์ของตนเองอีกครั้งแล้วจึงได้แต่ทอดถอนใจออกมา“องค์รัชทายาท พระองค์ทรงปลูกเรือนเอาไว้ข้างนอกเช่นนี้ไม่รู้ว่าฝ่าบาททรงรู้เรื่องนี้หรือไม่” เมื่อฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยเช่นนี้เขาก็หันไปส่งยิ้มให้แก่นางแล้วเอ่ยออกมาด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม“ย่อมไม่รู้อยู่แล้ว แต่ท่านยายไม่ต้องกังวลต่อให้ทรงรู้เรื่องนี้ก็แ

  • ข้ามาทวงแค้นแม่ดอกบัวขาว   บทที่ 26 ถูกกักบริเวณ

    เมื่อเฉินเจียวเจียวและเฉินเจียวเหม่ยนั่งรถม้าย้อนกลับมาทางเดิมก็พบว่าในยามนี้ชายชุดดำถูกจัดการจนหมดแล้ว บรรดาผู้คุ้มกันของพวกนางต่างก็ได้รับบาดเจ็บกันไม่น้อยเลย โชคดีที่ได้คนของเซียวอวิ๋นหยวนช่วยเหลือเอาไว้จึงยังไม่มีผู้ใดสูญเสียชีวิต“ขอบคุณคุณชายเซียวมากเจ้าค่ะ” ทั้งเฉินเจียวเจียวและเฉินเจียวเหม่ยต่างเอ่ยออกมาพร้อมกัน“เป็นหน้าที่ของข้าอยู่แล้ว” เซียวอวิ๋นหยวนเอ่ยเพียงเท่านี้แล้วก็ไม่ได้เอ่ยอันใดออกมาอีก“...” เฉินเจียวเจียวกับเฉินเจียวเหม่ยจ้องมองเขาครู่หนึ่งเมื่อเขาเอ่ยออกมาเช่นนี้พวกนางก็หาถ้อยคำที่จะเอ่ยต่อไม่ถูก พวกนางหันสบตากันแล้วจึงได้เอ่ยอำลาเขาด้วยสีหน้านอบน้อม แล้วจึงส่งคนไปนำรถม้ามารับผู้คุ้มกันที่ได้รับบาดเจ็บเพื่อพาพวกเขาไปหาหมอ หลังจากจัดการเรียบร้อยแล้วพวกนางจึงได้พากันกลับจวนโดยมีองครักษ์ขององค์รัชทายาทติดตามไปส่งจนถึงจวน“เกิดเรื่องใดขึ้น” ทั้งฮูหยินผู้เฒ่า เฉียวซื่อ หวงซื่อ โม่ซื่อและเฉินเจียวมี่ต่างมารอพวกนางที่หน้าประตูจวน เมื่อเฉียวซื่อเห็นว่าบนชุดกระโปรงของเฉินเจียวเจียวมีเลือดติดอยู่นางก็รีบเดินเข้าไปสำรวจเนื้อตัวของเฉินเจียวเจียวด้วยสีหน้าร้อนใจในทันที“ข้าไ

  • ข้ามาทวงแค้นแม่ดอกบัวขาว   บทที่ 25 ติดค้างน้ำใจ

    องค์รัชทายาทหลี่ไท่หลงจ้องมองหญิงชราด้วยสายตาอ่อนโยน เขาเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่แสดงออกถึงความอ่อนโยนและพยายามปลอบประโลมอย่างเต็มที่“ท่านยายไม่ต้องกังวล อีกสักครู่รถม้าของข้าก็จะตามมาถึงแล้ว พวกเราพาเขากลับไปที่จวนของท่านยายก่อนแล้วข้าจะให้คนไปพาตัวหมอหลงไปสมทบกับพวกเราที่นั่น” เมื่อองค์รัชทายาทเอ่ยเช่นนี้เฉินเจียวเหม่ยก็ลงจากที่นั่งบังคับรถม้าแล้วเปิดผ้าม่านเพื่ออำนวยความสะดวกให้องค์รัชทายาทในทันที เขารีบเข้าไปประคองหญิงชราลงจากรถม้าพลางสำรวจร่างกายของหญิงชราด้วยความเป็นห่วง เมื่อเห็นว่าหญิงชราปลอดภัยดีแล้วจึงได้หันไปมองด้านในรถม้าที่มีบุรุษที่ได้รับบาดเจ็บนอนคว่ำหน้าอยู่และมีเฉินเจียวเจียวนั่งอยู่ข้างกายของบุรุษผู้นั้น“เขาเป็นอย่างไรบ้าง” องค์รัชทายาทกระแอมพลางถามออกมาด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนมากกว่าปกติ“เลือดหยุดไหลแล้วเพคะ เพียงแต่บาดแผลสาหัสเอาการคงต้องให้ท่านหมอตรวจสอบดูอีกทีเพคะ” เฉินเจียวเจียวเอ่ยตอบด้วยสีหน้าอึดอัด เมื่อดูจากสถานการณ์แล้วหากเมื่อครู่นี้เฉินเจียวเหม่ยไม่เข้าไปช่วย สองย่าหลานคู่นี้ก็น่าจะยังคงปลอดภัยอยู่ในรถม้าจนกว่าองค์รัชทายาทจะไปถึง เพราะฟังจากที่องค์รัชทายา

  • ข้ามาทวงแค้นแม่ดอกบัวขาว   บทที่ 24 สองย่าหลานสกุลหยวน

    ทางฝ่ายของเฉินเจียวเหม่ยนั้นเมื่อได้ประมือกับชายชุดดำเพียงไม่กี่กระบวนท่าก็พอจะรับรู้แล้วว่าคนกลุ่มนี้ไม่ใช่โจรป่าธรรมดาอย่างที่ตนเองเข้าใจ เมื่อรู้ว่าสู้ไม่ได้นางก็คอยมองหาช่องทางที่จะถอนตัว เพียงแต่คนที่นั่งในรถม้ายังมีผู้โดยสารนั่งอยู่ด้านใน หากนางทอดทิ้งแล้วหนีไปพวกเขาก็ย่อมจะต้องตายและนางก็คงจะรู้สึกผิดไปตลอดชีวิตเป็นแน่‘ในเมื่อคิดจะช่วยแล้วก็ต้องช่วยให้ถึงที่สุด นางเปิดผ้าม่านของรถม้าขึ้นดึงชายหนุ่มผู้หนึ่งออกมาแล้วผลักเขาไปให้ผู้คุ้มกันที่ติดตามอารักขานางมาโดยตลอด สั่งให้ผู้ติดตามคนนั้นรีบพาชายหนุ่มผู้นั้นหนี ส่วนตนเองนั้นก็ประคองหญิงชราออกจากรถม้าด้วยท่าทางคล่องแคล่ว’“อี้เอ๋อ” หญิงชราผู้นั้นเอ่ยเรียกชายหนุ่มรูปร่างผอมบางด้วยสีหน้าเป็นห่วง แต่เมื่อเห็นว่าเขาปลอดภัยดีแล้วมีเพียงนางและสาวน้อยที่มาช่วยกับสาวใช้อีกหลายคนของตนที่ยังคงติดอยู่ท่ามกลางวงล้อมของชายชุดดำกลุ่มนี้“ท่านย่า!” บุรุษหนุ่มที่ถูกช่วยเอาไว้ส่งเสียงเรียกหญิงชราด้วยความเป็นห่วง ทำให้กลุ่มชายชุดดำหลายคนพุ่งความสนใจไปทางเขา ทั้งที่ก่อนหน้านี้เขาเกือบจะหนีพ้นและไปจนเกือบถึงรถม้าที่เฉินเจียวเจียวนั่งอยู่แล้ว กลุ่มชา

สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status