Share

ข้าลิขิตใหม่ก็ได้

ในขณะที่หนิงอันกำลังคิดอะไรเรื่อยเปื่อย “ลูกรักของแม่ เจ้าอย่าเป็นอะไรนะ” เสียงนั้นดังขัดความคิดของเจ้าตัว ทำให้เด็กหญิงรีบลุกจากเก้าอี้เดินมายังเตียงนอนพร้อมปีนกลับขึ้นไปอย่างรวดเร็ว

“ละเมอหรอกหรือ” เด็กหญิงมองไปยังใบหน้าของหญิงสาวที่เป็นมารดาของร่างเดิมอย่างสงสารและเห็นใจ

“ต่อไปนี้ท่านคือแม่ของข้า” อันอันกล่าวออกมาอีกครั้ง จากนั้นเธอก็หลับตาลงอย่างเหนื่อยอ่อน

เช้าวันต่อมา เสียงนกส่งเสียงเจื้อยแจ้วทำให้ร่างเล็กขยับเปลือกตาก่อนจะลืมตากลมโตมองเพดานห้องนอนอย่างครุ่นคิด ว่าเรื่องเมื่อคืนของตนเป็นเพียงฝันหรือเรื่องจริง กระนั้นเจ้าตัวจึงได้หยิบกระดาษแผ่นหนึ่งออกมาซึ่งเป็นลายมือของตนไม่ผิดแน่

“คุณหนูตื่นแล้วหรือเจ้าคะ ข้าน้อยจะไปเรียนฮูหยิน” สาวใช้อายุเจ็ดปีกล่าวอย่างดีใจพร้อมก้าวเท้าวิ่งออกไปอย่างรวดเร็วโดยที่อันอันได้แต่มองตามตาปริบ ๆ

‘อะไรจะรวดเร็วปานนั้นแม่คู๊ณ’ อันอันได้แต่มองตามแผ่นหลังของร่างนั้นโดยไม่ทันได้ปริปาก

เด็กหญิงกึ่งนั่งกึ่งนอนเอาหลังพิงหัวเตียงอยู่สักพักก็ได้ยินเสียงเอะอะมาจากทางประตู

“ลูกรักของแม่เจ้าฟื้นแล้ว ขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์” หญิงสาวรูปร่างอรชรใบหน้ารูปไข่ผมสีดำเกล้าขึ้นปักปิ่นเรียบร้อยงดงามรีบก้าวเท้าเดินเข้ามากอดเด็กหญิงที่หันมามองเธอพร้อมรอยยิ้มบางอย่างรวดเร็ว

“ท่านแม่ ข้าขอโทษนะเจ้าคะที่ทำให้ท่านเป็นกังวล” เด็กหญิงตัวน้อยกระชับอ้อมกอดของตนกับมารดาแน่นกล่าวเสียงเบา

“แม่ไม่เป็นอะไรจ้ะ ขอแค่ลูกปลอดภัยก็พอ” หญิงงามกล่าวปลอบลูกเสียงอ่อน

สองคนแม่ลูกต่างสนทนากันอยู่สักพัก หญิงชราก็เดินเข้ามาโดยมีบ่าวช่วยประคองไม่ห่างกาย

“หลานสาวของย่าเจ้าหายดีแล้วอย่างนั้นหรือ” หญิงชรานั่งลงข้างเตียงของเด็กหญิงถามออกมา ในขณะเดียวกันอันอันก็โผเข้ากอดร่างอวบของย่าแน่น

“ท่านย่า อันอันหายดีแล้วเจ้าคะ ข้าคิดถึงท่านมากเลย” เด็กหญิงกล่าวเสียงหวานแม้จะคล้ายว่าประจบแต่คำพูดนั้นออกมาจากใจทุกคำ เนื่องจากหญิงชราคนนี้เหมือนกับยายที่เสียไปราวพิมพ์เดียวกัน

‘จะว่าไปท่านแม่ก็ดูคล้ายแม่ของเราจากภาพถ่าย ส่วนท่านพ่อเมื่อวานยังเห็นไม่ชัด’ หนิงอันคิด

“ปากน้อย ๆ ของเจ้านี่ช่างหวานปานน้ำผึ้งเสียจริง อยากได้อะไรล่ะบอกย่ามา ยกเว้นดาวกับเดือนแล้วย่าจะเอามาให้” หญิงชราลูบหัวเล็กของหลานสุดที่รักกล่าวเอาใจ

“ข้าไม่ได้หวังอะไรสักหน่อย ข้าคิดถึงท่านย่าจริง ๆ นะเจ้าคะ” หนิงอันยู่หน้าแลบลิ้นน้อยออกมาทำให้หญิงต่างวัยที่อยู่ภายในห้องหัวเราะให้ท่าทางของเด็กหญิงอย่างเอ็นดู

เสียงหัวเราะดังออกมาจนถึงด้านนอก ทำให้ชายหนุ่มผู้กลับมาถึงจวนรู้สึกได้ถึงความสุข

“หัวเราะอะไรกันหรือขอรับ เสียงดังออกไปจนถึงหน้าประตูเชียว” ชายหนุมรูปงามในชุดขุนนางขั้นสองตำแหน่งเสนาบดีสำนักตรวจราชการเดินส่งเสียงมาก่อนตัว

“หัวเราะท่าทางทะเล้นของบุตรสาวเจ้านะสิ” หญิงชราตอบเสียงเนิบช้าใบหน้ายังแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้ม

“ท่านพ่อ!” หนิงอันเรียกบุรุษหนุ่มเสียงดังอย่างดีใจ ‘เราได้กลับมาอยู่กับครอบครัวของตนใช่ไหม ดีใจจัง ขอบคุณนะเด็กน้อย’ อันอันคิดอย่างยินดีแม้ว่าจะต้องเผชิญชะตากรรมคราวเคราะห์เธอก็ไม่หวั่น

“ว่ายังไงลูกรัก เจ้าหายดีแล้วอย่างนั้นหรือ” หยูเจียงเดินเข้าไปใกล้ลูกสาวตัวน้อยเอ่ยถามอย่างอ่อนโยน

“หายแล้วเจ้าค่ะ ตะ...แต่ว่าข้ามีเรื่องไม่สบายใจยิ่งอยากจะบอกท่าน” เด็กหญิงหลุบตาลงต่ำน้ำเสียงลังเล

เนื่องจากเธอตัดสินใจดีแล้วที่จะหลีกเลี่ยงหายนะตามเนื้อเรื่องที่ตนเขียน ผู้ใหญ่ในบ้านทั้งสามคนต่างมองหน้ากันไปมา จากนั้น

“พวกเจ้าออกไปให้หมด ปิดประตูด้วย กวนมามาเจ้าไปเฝ้าหน้าประตูอย่าให้ใครแอบฟัง” เสียงอันเต็มไปด้วยอำนาจของหญิงชราเอ่ยไล่ข้ารับใช้ภายในห้อง

“เจ้าค่ะนายหญิงผู้เฒ่า” หญิงรับใช้ผู้สูงวัยรับคำ ก่อนจะถอยร่นออกไปจากเรือนนอนของเด็กสาวตัวน้อย

“หลานรัก เจ้ามีอะไรก็พูดออกมาเถอะ” ผู้สูงวัยหนึ่งเดียวกล่าวเนิบช้าลูบหัวเล็กของเด็กหญิงอย่างรักใคร่

“ท่านย่า ท่านพ่อ ท่านแม่เจ้าคะ มันอาจจะเหลือเชื่อสักหน่อย ตะ...แต่ข้าฝันเจ้าค่ะ ในฝันมีท่านปู่คนหนึ่งมาบอกข้าว่า ให้ท่านพ่อรีบไปลาออกจากราชการซะภายในวันพรุ่ง หาไม่ครอบครัวของพวกเราจะล่มจมยากไร้ไม่มีแม้แต่ข้าวสารกรอกหม้อ ในฝันนั้นข้ากลัวมาก

ท่านปู่ยังย้ำอีกว่าให้เก็บสิ่งของมีค่าซ่อนให้ดี เดินทางไปอยู่ชนบทเสีย หากใครจะหัวเราะว่าตกอับก็ปล่อยเขา ให้รักษาชีวิตรอดเอาไว้ก่อน” หนิงอันรีบกล่าวออกมาอย่างหวาดกลัวน้ำตาคลอหน่วย

จากนั้นนางก็โผเข้ากอดมารดาเอาหัวเล็ก ๆ นั้นซบอกของผู้เป็นแม่แนบแน่นทำตัวสั่น ในขณะเดียวกันก็คอยชำเลืองมองใบหน้าของคนทั้งสามไปด้วย

ผู้ใหญ่ในบ้านต่างเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งกับคำพูดของคนตัวเล็ก ดังนั้นหนิงอันจึงได้เปิดไม้เด็ดทันที

            “ท่านปู่ยังบอกอีกว่าหากพวกท่านยังไม่เชื่อให้บอกว่าในตอนนี้หลานชายตระกูลหยูได้มาเกิดแล้ว” เด็กน้อยกล่าวออกมาท่าทางไร้เดียงสากะพริบตาปริบ ๆ

ทั้งที่มือยังไม่คลายจากอ้อมกอดอันอบอุ่นของมารดาผู้เบิกตากว้างหลังได้ยินคำกล่าวของบุตรตัวน้อย

            ผิดกับหยูเจียง ชายหนุ่มรีบลุกจากเก้าอี้วิ่งออกไปหน้าห้องทันที

            “พ่อบ้านรุ่ย ท่านรีบให้คนไปตามหมอมาด่วนที่สุด” เจ้านายหนุ่มสั่งการอย่างรวดเร็ว

            หมอเฒ่าอกสั่นขวัญแขวนเป็นอย่างมากที่ถูกจวนขุนนางตามตัวกลับมาในวันรุ่งขึ้น

            กระนั้นสิ่งที่เขาคิดกับตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง เพราะเมื่อเขาก้าวเท้าเข้าไปภายในห้องนอนของเด็กหญิง

ก็เห็นว่านางนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่สนทนากับมารดาอย่างปกติแตกต่างจากสภาพที่เห็นเมื่อวานเป็นคนละคน

            “ใต้เท้าไม่ทราบว่า” หมอชราชำเลืองมองท่าทางของขุนนางหนุ่มเปิดปากถามอย่างระวัง

            “ท่านหมอรบกวนช่วยตรวจชีพจรฮูหยินของข้าสักหน่อยเถอะพักนี้ข้าเห็นว่านางดูอิดโรยไม่น้อย”

            “ขอรับ” 

            หยวนฟานรู้สึกเขินอายเป็นอย่างมาก เนื่องจากนางไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองมีอาการคล้ายคนตั้งครรภ์ ทว่าสามีของนางก็ยังคงเอาใจใส่ยอมเชื่อคำพูดของบุตรสาว

            ใบหน้าของหมอชราเริ่มแสดงสีหน้าดีใจและผ่อนคลาย “ข้าน้อยขอแสดงความดีใจกับใต้เท้าด้วยขอรับ ฮูหยินของท่านมีชีพจรมงคล ทว่าอายุครรภ์ยังอ่อนนักในช่วงนี้ต้องระวังให้มาก  ข้าจะเขียนใบสั่งยาให้เดี๋ยวนี้”

            ขุนนางหนุ่มจับมือฮูหยินของตนแน่น จากนั้นชายหนุ่มก็สั่งพ่อบ้านตบรางวัลให้กับหมอชรา คล้อยหลังหมอเฒ่าเดินจากไป

            หลังจากเรื่องยินดีผ่านพ้น คนทั้งสามภายในห้องก็มีสีหน้าหนักใจขึ้นอีกครั้ง “ท่านแม่ พวกเราควรทำอย่างไรดี” หยูเจียงกล่าวกับมารดาเสียงเครียด

            “ท่านพ่อเจ้าคะ ท่านปู่ยังบอกมาอีกว่าหากท่านยังอยากรับราชการอีกละก็ ช่วยรอให้ข้าเติบโตจนถึงวัยปักปิ่นเสียก่อน เมื่อนั้นตระกูลของเราถึงจะปลอดภัย” หนิงอันจำเป็นต้องอุปโลกน์ท่านปู่ผู้ไม่มีตัวตนออกมาอีก

ทว่าภายในใจนั้น (ข้าพูดทุ่มเทจนหมดหน้าตักแล้ว เชื่อข้าเถอะ)

            ส่วนความคิดอีกด้าน ‘ขอโทษด้วยนะ เหล่าตัวเอกเห็นทีว่าข้าคนนี้คงต้องลิขิตชะตาของตนขึ้นมาใหม่เสียแล้ว ขอยืมวาสนาของพวกเจ้าก่อนก็แล้วกัน’

            “เจ้าไปทำตามที่พ่อของเจ้าบอกกับอันอันมาเถอะ วันพรุ่งรีบไปลาออกซะ อ้างว่าข้าล้มป่วยตรอมใจที่เห็นหลานสาวเจ็บไข้อาการเป็นตายเท่ากัน จำต้องเดินทางกลับหมู่บ้านชนบท” หญิงชราสั่งบุตรชายหลังจากไตร่ตรองดีแล้ว

            ‘โชคดีที่ว่าราชวงศ์เยว่มีฮ่องเต้ผู้ยึดมั่นในความกตัญญูเป็นหลัก ถึงแม้ว่าคนผู้นั้นจะเอาแต่ใจเกินไป หูเบามากไปหน่อยก็เถอะ’ หญิงชราคิด

โดยไม่ได้รู้เลยว่าลักษณะผู้นำของตนเป็นแบบนี้เกิดมาจากน้ำมือของเด็กหญิงผู้กำลังมองตัวเองตาแป๋ว

“เจ้าตัวน้อยยังมีอะไรอีกอย่างนั้นหรือ” หญิงชราถามหลานสาวผู้คล้ายอยากจะพูดอะไรแต่ไม่ยอมเอ่ยคำ

“ท่านย่า ให้พ่อบ้านรุ่ยไปตามหาชายวัยใกล้เคียงกับท่านพ่อที่ตรอกจู่เซียง เขามีชื่อว่ายงเผย ให้นำจดหมายฉบับนี้ส่งให้เขาเจ้าค่ะ” หนิงอันตัดสินใจกล่าวออกมาในที่สุดพร้อมกับนำจดหมายที่ตนได้แอบเขียนเอาไว้ช่วงที่รู้สึกตัวก่อนฟ้าสางออกมา

“เจ้าเป็นคนเขียนเองอย่างนั้นหรือแล้วเขียนไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน” หญิงชราถามอย่างสงสัยหลังจากเปิดอ่านจดหมายที่หลานสาวส่งให้ ลายมือนั้นเป็นระเบียบเรียบร้อยหนักแน่นไม่คล้ายลายมือของเด็กเล็กอีกทั้งหลานของนางนอนป่วยอยู่

อันอันสะดุ้ง ดีที่ไม่มีใครจับสังเกตทันก่อนที่เจ้าตัวจะพยักหน้าจริงจัง “เจ้าค่ะ ท่านปู่จับมือของข้าเขียนในฝัน รวมถึงยังกำชับมาด้วยว่าจะรอท่านอยู่ที่สะพานไน่เหอตามที่ได้สัญญาไว้” เด็กหญิงสบตากลมโตของตนกับดวงตาอันรื้นขึ้นเต็มไปด้วยหยาดน้ำของหญิงชรา

ภายในใจนั้นเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด ‘ข้าขอโทษนะเจ้าคะท่านย่า เอาไว้ข้าคนนี้จะตอบแทนท่านเป็นอย่างดีที่ต้องทำให้ท่านหลั่งน้ำตา’

“ปู่ของเจ้าบอกแบบนั้นเหรอ ตาแก่นี่ยังไม่ยอมไปเกิดอีก” หญิงชรายกชายเสื้อซับน้ำตากล่าวเสียงเบา

“ท่านย่าเจ้าคะ สะพานไน่เหอคือสถานที่ใด ข้าบอกให้ท่านปู่พาข้าไปดูแต่เขาปฏิเสธเสียงแข็งบอกว่ายังไม่ถึงเวลา” คำกล่าวของหนิงอันทำให้หญิงชราคลายความเศร้าเปลี่ยนเป็นตกใจทันที

“เจ้ายังไปไม่ได้นะลูก” หยวนฟานเดินเข้ามาโอบกอดลูกสาวกล่าวอย่างหวาดกลัว

“ตาแก่นั่นเอาใหญ่แล้ว กล้ามาพูดเรื่องแบบนี้ต่อหน้าหลานได้ยังไง เมื่อไหร่ที่ข้าได้พบเขานะจะตีให้หัวแตกเลย” หญิงชรากล่าวอย่างแค้นเคือง

หนิงอันจำต้องก้มหน้าลงอีกครั้ง กล่าวในใจถึงผู้ลาลับ ‘ท่านปู่อภัยให้ข้าด้วยนะเจ้าคะ ข้าแค่ไม่อยากให้ท่านย่าเป็นทุกข์เรื่องของท่านเพียงเท่านั้น’

เช้าวันต่อมาก่อนจะถึงเรื่องราวที่ฮ่องเต้สั่งลงโทษเนรเทศครอบครัวหยูสองสัปดาห์

หยูเจียงได้ยื่นหนังสือลาออกพร้อมถอดหมวกต่อหน้าพระพักตร์ด้วยเหตุผลตามที่มารดาแนะนำ

เมื่อเรื่องนี้ได้ถูกเปิดเผยออกมาจึงทำให้มีผู้คนต่างแซ่ซ้องในความกตัญญูของคนผู้นี้เป็นอย่างมาก ด้านฝ่าบาทก็ประทานข้าวของเงินทองให้กับเขาอีกสองหีบใหญ่

ทว่าชายหนุ่มได้ปฏิเสธออกไป “ฝ่าบาท ข้าน้อยรู้สึกซาบซึ้งถึงพระมหาธิคุณนี้เป็นล้นพ้น ดังนั้นกระหม่อมจึงขอรับไว้แค่ความเมตตาพ่ะย่ะค่ะ”

ฮ่องเต้ยิ่งรู้สึกพอใจในการกระทำของเขาเพิ่มขึ้นไปอีกเป็นเท่าตัว จึงทำให้ปิดโอกาสผู้ที่คิดจะยื่นฎีการ้องเรียนหยูเจียงจำต้องล่าถอย ในเมื่อคนผู้นั้นชิงลาออกไปก่อนก็ไม่จำเป็นต้องทำให้เรื่องราวใหญ่โต

ทางด้านพ่อบ้านรุ่ยเมื่อตามหาคนเจอแล้วเขาก็ส่งจดหมายจากคุณหนูน้อยให้คนผู้นี้ตามคำสั่ง

ยงเผยเปิดจดหมายอ่านทุกตัวอักษรในนั้นด้วยใจอันตื่นเต้น หากเป็นดั่งเช่นข้อความในจดหมายเขายินดีเป็นวัวเป็นม้าให้เจ้าของจดหมายชั่วชีวิตอย่างซื่อสัตย์

“ข้าจะทำตามที่ท่านผู้นั้นต้องการ รบกวนเจ้าไปเรียนนายท่านด้วยว่าอีกห้าวันข้าจะนำรถม้าที่ท่านต้องการไปส่งยังหน้าจวนด้วยตัวเองทั้งสามคัน” ชายวัยใกล้เคียงกับหยูเจียงตอบอย่างนอบน้อม

พ่อบ้านรุ่ยกำลังคิดอยากจะแก้ไขความเข้าใจผิด ทว่าหลังจากไตร่ตรองพ่อบ้านวัยกลางคนจึงคิดว่าให้คนผู้นี้เข้าใจผิดต่อไปก็ดีเหมือนกัน

ใครจะคิดว่าลายมือในจดหมายเป็นของเด็กหญิงวัยสี่ขวบ แม้แต่ตัวเขาขนาดเห็นเองกับตาก็ยังไม่อยากเชื่อ

ห้าวันต่อมา ภายในจวนหลังใหญ่ในตอนนี้ได้อ้างว้างมากกว่าเดิมแม้ในเวลาปกติคนจะน้อยกว่าจวนขุนนางใหญ่ท่านอื่นอยู่แล้วก็ตาม

“คุณหนูขอรับคนผู้นั้นนำรถม้ามาแล้ว พร้อมกับพาคนขับอีกสองคนมาด้วย” พ่อบ้านรุ่ยเดินเข้ามาเรียนคุณหนูตัวน้อยที่กำลังเดินตรวจตราสิ่งของคล้ายผู้ใหญ่

“ข้าจะออกไปพบเขาเจ้าค่ะ” หนิงอันเดินนำพ่อบ้านวัยกลางคนโดยมีเด็กรับใช้วัยเจ็ดขวบตามติดไม่ห่างกาย

หน้าจวนของอดีตท่านเสนาบดีสำนักตรวจราชการของฮ่องเต้ในยามนี้ ได้มีชายหนุ่มร่างใหญ่หนึ่งคนกับสองเด็กหนุ่มยืนอยู่ข้างรถม้าสภาพกลางเก่ากลางใหม่สามคัน ทั้งสามยืนรอคนภายในจวนอย่างเรียบร้อย

เสียงบานประตูสีแดงเปิดออก เด็กหญิงตัวน้อยเดินมาหยุดยืนต่อหน้าชายรูปร่างองอาจคนนั้น แต่ทว่าใบหน้าของเขากลับเต็มไปด้วยหนวดเครารกครึ้ม

“ท่านคือยงเผยใช่หรือไม่เจ้าคะ” เสียงหวานใสของเด็กหญิงในขณะที่มือน้อยจับชายเสื้อของเขากระตุกเบา ๆ 

ยงเผยก้มหน้าลงมามองใบหน้าน้อยของเด็กหญิงที่กำลังแหงนหน้ามองตนอย่างจับต้นชนปลายไม่ถูก

“ใช่ ข้าคือยงเผย หนูน้อยเจ้าเป็นใครกัน” ชายหนุ่มรูป ร่างใหญ่เอ่ยถามร่างเล็กจ้อยผู้ที่กล้าสบตาตนอย่างไร้อาการหวาดกลัวอย่างสนใจ

“ท่านยงขอรับ คุณหนูน้อยผู้นี้คือคุณหนูใหญ่ของจวนเรา คือคนที่ให้ข้าไปส่งจดหมายให้กับท่าน” พ่อบ้านรุ่ยกล่าวแนะนำคุณหนูของตน ในขณะเดียวกันก็เปิดเผยเรื่องของจดหมายออก มาด้วย

“ท่านล้อข้าเล่นอย่างนั้นหรือ เด็กตัวเท่านี้จะมารู้เรื่องของข้าได้ยังไง” แม้คำพูดจะดูสุภาพกับผู้สูงวัยทว่าแววตาของเขานั้นกลับคมกริบดุจกระบี่

“ท่านอาใจเย็นก่อนเจ้าค่ะ เรื่องในจดหมายนั้นจะเป็นจริงหรือเท็จเมื่อท่านติดตามข้าไปจนถึงเมืองซานไห่ข้ารับรองได้ว่าท่านจะรู้คำตอบเอง” หนิงอันกล่าวอย่างใจเย็นผิดกับอายุ

ทำให้ผู้ที่อยู่ด้วยกันหลายคนในตอนนี้ต่างมองไปทางเด็กหญิงด้วยความประหลาดใจ

ยงเผยมองสบเข้าไปยังดวงตากลมของเด็กหญิงผู้ที่ไม่มีทีท่าว่าจะหลบเลี่ยง หนึ่งผู้ใหญ่หนึ่งเด็กเล็กต่างจ้องตากันอยู่สักพัก

“ได้ ข้าจะลองเชื่อเจ้าดูสักครั้ง แต่ข้าขอเตือนหากข้อความในจดหมายไม่เป็นความจริง เจ้าต้องเตรีมรับกับสิ่งที่ตนเองก่อด้วยเช่นกัน” ยงเผยกล่าวข่มขู่ หนิงอันแย้มยิ้ม

“ท่านย่อมไม่ผิดหวัง แต่ข้าขอเตือนท่านสักหน่อยท่าน       อาหญิงนั้นหาได้ง้อง่ายไม่ เมื่อถึงเวลานั้นท่านอาจจะต้องให้ข้าช่วยเหลือก็ได้” คำกล่าวของหนิงอันทำให้ชายหน้าดุหนวดกระตุก

‘ข้ายงเผยอดีตหัวหน้านายกอง โดนเด็กตัวเล็กข่มขู่อย่างนั้นเหรอ นางหนูคนนี้ใจใหญ่เกินไปแล้ว’ 

เสียงหัวเราะอันรื่นเริงดังขัดจังหวะของชายหน้าหนวด “เสี่ยวจือ! เจ้าหัวเราะอะไร” ยงเผยตวาดเด็กหนุ่มวัยสิบหกอย่างโมโห

“เปล่าขอรับท่านอาจารย์ ข้าแค่นึกเรื่องขำขันได้ก็เลยหัวเราะเพียงเท่านั้น ใช่ไหมเสี่ยวเทา” เด็กหนุ่มตอบกลับเสียงกลั้วหัวเราะเช่นเดียวกับสหายของตนอีกคนที่กำลังยืนยิ้มอยู่เช่นกัน

หยูหนิงอันมองไปยังเด็กหนุ่มคนนั้น ‘เขาก็คือจือฉีสินะ ในอนาคตจะเป็นจอมยุทธ์ชื่อดังผู้ช่วยมือหนึ่งของตัวร้าย ไม่ได้! ข้าจะต้องแก้ไขชีวิตของเขาเช่นกัน เพราะจุดจบตัวร้ายไม่มีดีสักคน ส่วนอีกคนมู่เทาอย่างนั้นเหรอ

สองคนนี้จะแตกคอกันเพราะผู้หญิง เฮ้อ! ข้าทำไมซวยอย่างนี้ เอาเถอะในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็ค่อย ๆ แก้กันไปต้องสร้างภูมิคุ้มกันให้เด็กหนุ่มทั้งสองด้วยจะได้ไม่ตกหลุมพรางใครง่าย ๆ’

         

  

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ข้าเกิดใหม่เป็นคุณหนูตกอับตระกูลบัณฑิต   ตอนที่ 9 น้องสาว

    เมื่อรับรู้ว่าตอนนี้พวกเขาได้กลับมายังหมู่บ้านแล้วเด็กชายจึงเริ่มดิ้นรนออกจากอ้อมแขนแกร่งของคนที่โอบอุ้มยงเผยจำต้องปล่อยให้เขาลงยืนอยู่บนพื้นด้วยเกรงว่าเด็กคนนี้จะตกลงมาแล้วบาดเจ็บในจังหวะเดียวกันนั้นไม่มีใครคาดคิดว่าแม่ของเด็กชายได้เดินมาทางเขาสีหน้าเต็มไปด้วยความกลัวและจะกล้าลงมือกับเด็กตัวน้อยได้ลงคอเสียงเผียะ! ดังขึ้นทำให้ทุกคนหันไปยังต้นเสียงเป็นตาเดียว “แม่เคยบอกเจ้าว่าอย่างไรเหตุใดถึงไม่ฟัง” น้ำเสียงโกรธเกรี้ยวเจือด้วยเสียงสะอื้นของผู้ยังมีไม้เรียวเล็กอยู่ในมืออันสั่นเทาข้างนั้นพูดกับเด็กชายเสียงดัง “ฮือ ๆ ท่านแม่ข้าขอโทษเป็นข้าผิดเองท่านอย่าร้องไห้อีกเลย ต่อไปนี้ข้าให้สัญญาว่าจะไม่หุนหันพลันแล่นเช่นนี้อีก” เด็กน้อยผู้ถูกตีน้ำตาไหลอาบแก้มมอมทั้งสองข้างโอบเอวของมารดาแน่นกล่าวสำนึกผิดทั้งน้ำตา หญิงสาวคนนั้นรีบทิ้งไม้ในมือของตนลงก่อนย่อตัวลงนั่งโอบกอดเด็กชายตัวเล็กแน่นไม่แพ้กันส

  • ข้าเกิดใหม่เป็นคุณหนูตกอับตระกูลบัณฑิต   ตอนที่ 8 ไม่ยอมรับจริง?

    อันอันหยุดน้ำตาของตัวเองลงอย่างฉับพลัน มองซ้ายแลขวาอย่างระมัดระวังพลางตะโกนถามออกไปอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ“เจ้าเป็นใครคนหรือผี” ใจเต้นตุบตับในอกข้างซ้ายรัวเหมือนกลองศึกก็ไม่ปาน “เจ้าสิผี ข้าไม่ใช่ทั้งมนุษย์และผีนั่นแหละ ข้าคือผู้รับใช้ของเทพเสวียนอู่ผู้ยิ่งใหญ่เลยนะเจ้าเด็กมนุษย์ตัวเหม็น” น้ำเสียงอันหยิ่งผยองโต้กลับอย่างเผ็ดร้อน อันอันคิ้วกระตุกเมื่อได้ยินคำพูดของสิ่งมีชีวิตตัวนั้น ทำให้นางผู้ปากไวอดที่จะย้อนออกไปไม่ได้เช่นกัน“แหม ๆ ท่านเทพผู้รับใช้เสวียนอู่ผู้ยิ่งใหญ่หากท่านเก่งกาจจริงดั่งที่ว่าเห็นทีคงไม่ต้องร้องขอให้เด็กอย่างข้าช่วยหรอกกระมั้ง” สิ้นคำของเด็กหญิงสัตว์เทพก็ถึงกับอยากจะกระอักเลือดออกมา ‘หน็อยยัยเด็กตัวแสบกล้ายอกย้อนข้าเชียวหรือ หากหลุดออกไปได้ข้าจะทรมานเจ้าให้หนำใจเลย’สัตว์ตัวเล็กคิดอย่างเดือดดาลโดยลืมคำเตือนทั้

  • ข้าเกิดใหม่เป็นคุณหนูตกอับตระกูลบัณฑิต   ปีศาจ?

    หยูเจียงเมื่อรับรู้ได้ถึงความจริงใจของชาวบ้านเช่นนี้ยิ่งเป็นการตอกย้ำในการตัดสินใจให้ตั้งถิ่นฐานอยู่ที่นี่ไม่คิดเปลี่ยนใจมากขึ้น แต่ทว่าที่ดินผืนนี้เล็กเกินไปสำหรับการสร้างบ้านของครอบครัวตนที่มีกันอยู่หลายชีวิต“ท่านเผย ท่านจะอยู่กับข้าหรือว่าจะจากไปอย่างนั้นเหรอ” หยูเจียงเอ่ยถามชายวัยเดียวกัน เนื่องจากเขายังไม่รู้แน่ชัดว่าชายหนุ่มผู้นี้คิดอย่างไรจึงได้ถามออกมา คำถามอันแสนตรงไปตรงมาของหยูเจียงทำให้ยงเผยมีสีหน้าครุ่นคิดไปชั่วครู่ในขณะที่ยงเผยกำลังจะอ้าปากตอบคำถามของบัณฑิตหนุ่มดวงตาของเขาก็เบิกกว้างขึ้นเสียก่อน เมื่อมองเห็นร่างบางของหญิงสาวนางหนึ่งเดินจูงมือเด็กชายตัวน้อยมายังทิศทางที่ตนยืนอยู่หญิงสาวคนนั้นเองก็มีสีหน้าตกใจไม่แพ้กัน นางรีบอุ้มบุตรชายของตนเหน็บเข้าที่เอวพร้อมกับหันหลังเพื่อเตรียมจะวิ่งหนีทว่ายงเผยจะปล่อยให้นางสมประสงค์ได้อย่างไร ชายหนุ่มจึงรีบใช้วิชาตัวเบากระโจนมาทางนางอย่างรวดเร็ว ทำให้ชาวบ้านหลายคนต่างตกตะลึงเช่นเดียวกับหนิงอัน ‘โอ้! เจอเร็วกว่าท

  • ข้าเกิดใหม่เป็นคุณหนูตกอับตระกูลบัณฑิต   เป็นมิตร

    เสียงฝีเท้าม้าผสานกับเสียงล้อเกวียนของตัวรถบด ถนนดินลูกรังเดินเข้ามาในหมู่บ้านอย่างเชื่องช้า หนิงอันจึงเปิดหน้าต่างออกดูแต่แล้ว “แค่ก ๆ” เสียงไอยามฝุ่นฟุ้งเข้าปากและจมูกทำให้เด็กหญิงผู้มีวิญญาณมาจากอนาคตจำต้องปิดหน้าต่างทันที “เจ้าช่างซนเสียจริง” ผู้เป็นย่าเอ่ยติงแกมสงสารยามเห็นท่าทางของหลานสาวผู้กำลังไอหน้าดำหน้าแดง ผู้เป็นมารดาจึงได้นำผ้าเช็ดหน้าของตนมาเช็ดใบหน้าอันเลอะฝุ่นสีแดงให้ลูกน้อยอย่างเบามือ“ขอบคุณเจ้าค่ะ” เจ้าตัวเล็กกล่าวพร้อมรอยยิ้มกว้างทำให้หญิงต่างวัยทั้งสองอดรู้สึกเอ็นดูในความน่ารักนี้ไม่ได้จึงทำให้พวกนางยิ้มออกมา ยงเผยบังคับรถม้าจนกระทั่งมองเห็นชาวบ้านชายหนุ่มจึงได้หยุดรถม้าลง ชาวบ้านวัยกลางค

  • ข้าเกิดใหม่เป็นคุณหนูตกอับตระกูลบัณฑิต   ข้ายังอยู่ในนิยายของตนหรือไม่?

    เช้าวันรุ่งขึ้นคณะการเดินทางของครอบครัวหยูก็เริ่มออกเดินทางอีกครั้ง เมื่อพวกเขาเดินทางมาถึงศาลาเอ้อเทียน ยงเผยกับศิษย์เอกทั้งสองรวมถึงหยูเจียงก็มองเห็นเพียงความรกร้างว่างเปล่า ไร้ซึ่งร่องรอยใด ๆ ว่าสถานที่แห่งนี้เคยเกิดเรื่องร้ายใดขึ้น ย้อนกลับไปกลางดึกของเมื่อคืน หลังจากพระอาทิตย์ลาลับแสงจันทร์สาดส่องเข้ามาแทนที่ คนของทางการร่วมกับคนคุ้มกันของคนสกุลติงกลุ่มหนึ่งต่างโอบล้อมจัดการกลุ่มโจรร่วมร้อยโดยที่ไม่ให้พวกมันทันได้รู้ตัว เสียงฟาดฟันประหัต ประหารกันดังขึ้นท่ามกลางความเงียบของราตรีกาล ครั้นแล้วโจรกลุ่มใหญ่ก็ตกเป็นผู้แพ้ให้กับคนของทางการและกลุ่มคนคุ้มกันแม้ทางฝ่ายผู้บุกรุกจะมีบาดเจ็บบ้าง แต่ไม่เหมือนกับเหล่าโจรโฉดที่เหล่าพี่น้องของมันตกตายกันหลายคน หลังจากจัดการกับกลุ่มคนชั่วเรียบร้อยหัวหน้าคนของทางการก็จัดการเก็บกวาดจนไม่มีผู้ใดคิดว่าสถานที่แห่งนี้เคยเกิดเรื่องร้ายขึ้นกลับมายังปัจจุบัน หลังครอบครัวหยูเดินทางผ่านศาลาเอ้อเทียนจุดนี้มาแล้ว พวกเขากำลังจอดรถม้าตรงบริเวณหน้าทางแยกแห่งหนึ่ง

  • ข้าเกิดใหม่เป็นคุณหนูตกอับตระกูลบัณฑิต   ไม่เหมือนเดิม

    “ขอรับ ข้าน้อยจะทำตามที่นายท่านว่า” พ่อบ้านวัยกลางคนรับคำ ครั้นแล้วเขาก็รีบไปทำตามคำสั่งทันทีด้านยงเผยหลังจากได้ทราบเรื่องที่พ่อบ้านรุ่ยมาบอก แม้ภายในจะประหวั่น ทว่าใบหน้านั้นกลับเก็บอาการไม่แสดงออกมา“เรื่องนี้ข้าจะเป็นผู้จัดการเอง ท่านอย่าได้ห่วง” ชายหนุ่มกล่าวขึ้นอย่างหนักแน่นพ่อบ้านทำเพียงพยักหน้ารับไม่ถามสิ่งใดให้มากความจึงได้กลับไปรายงานผู้เป็นนายตามตรงคล้อยหลังพ่อบ้านรุ่ย ชายหนุ่มหนวดเคราครึ้มจึงได้เดินไปยังสัมภาระของตน เขารีบเขียนจดหมายอย่างรวดเร็วโดยที่ไม่มีใครทันได้สังเกตจากนั้นจึงได้เรียกหาศิษย์เอกอันดับหนึ่ง “เสี่ยวจือเจ้ารีบควบม้าไปทางศาลาเอ้อเทียนให้เร็วที่สุด จงนำจดหมายฉบับนี้ไปให้หัวหน้าต่ง จำไว้ว่าต้องให้ถึงมือ เข้าใจหรือไม่” ชายหนุ่มกำชับกับศิษย์ของตนด้วยใบหน้าเคร่งเครียดเช่นเดียวกับคำพูด“ขอรับท่านอาจารย์” เด็กชายวัยสิบหกประสานมือรับคำเน้นหนักเสียงกุบกับของม้าตัวใหญ่วิ่งฝ่าความมืดท่ามกลางแสงจันทร์สลัวออกไปโดยมีสายตาของผู้เป็นอาจ

  • ข้าเกิดใหม่เป็นคุณหนูตกอับตระกูลบัณฑิต   คิดสิคิด

    ในจังหวะที่หนิงอันกำลังมองพิจารณาเด็กหนุ่มทั้งสองอยู่ “คุณหนู นายท่านเรียกหาเจ้าค่ะ” เด็กหญิงรับใช้วัยสิบสามปีกระซิบข้างหูผู้เป็นนายเสียงเบาเมื่อเดินมาถึงหน้าประตูเรือน หนิงอันพยักหน้ารับรู้ก่อนจะหันหน้าไปสั่งพ่อบ้านวัยกลางคนอย่างสุภาพ “ท่านพ่อบ้านรุ่ยรถม้าทั้งสามคันในช่องลับให้แบ่งสิ่งของที่ข้าจัดเรียงไว้ใส่ลงไปเท่า ๆ กัน เรื่องนี้ท่านต้องเป็นผู้ตรวจสอบอย่าให้ตกหล่นนะเจ้าคะ” “ข้าน้อยทราบแล้วขอรับ” พ่อบ้านวัยกลางคนรับคำ เนื่องจากเขารู้ดีว่าสิ่งที่คุณหนูจัดเตรียมไว้นั้นมีอะไรบ้างของมีค่ามีอยู่ไม่มากหากเทียบกับหมึก กระดาษ ตำราของนายท่านที่ล้วนเป็นของมีค่าสำหรับบัณฑิต ย้อนกลับไปในขณะที่หนิงอันปรึกษาคนในครอบครัวในการจัดเก็บข้าวของ “ท่านแม่เจ้าคะ บ

  • ข้าเกิดใหม่เป็นคุณหนูตกอับตระกูลบัณฑิต   ข้าลิขิตใหม่ก็ได้

    ในขณะที่หนิงอันกำลังคิดอะไรเรื่อยเปื่อย “ลูกรักของแม่ เจ้าอย่าเป็นอะไรนะ” เสียงนั้นดังขัดความคิดของเจ้าตัว ทำให้เด็กหญิงรีบลุกจากเก้าอี้เดินมายังเตียงนอนพร้อมปีนกลับขึ้นไปอย่างรวดเร็ว“ละเมอหรอกหรือ” เด็กหญิงมองไปยังใบหน้าของหญิงสาวที่เป็นมารดาของร่างเดิมอย่างสงสารและเห็นใจ“ต่อไปนี้ท่านคือแม่ของข้า” อันอันกล่าวออกมาอีกครั้ง จากนั้นเธอก็หลับตาลงอย่างเหนื่อยอ่อนเช้าวันต่อมา เสียงนกส่งเสียงเจื้อยแจ้วทำให้ร่างเล็กขยับเปลือกตาก่อนจะลืมตากลมโตมองเพดานห้องนอนอย่างครุ่นคิด ว่าเรื่องเมื่อคืนของตนเป็นเพียงฝันหรือเรื่องจริง กระนั้นเจ้าตัวจึงได้หยิบกระดาษแผ่นหนึ่งออกมาซึ่งเป็นลายมือของตนไม่ผิดแน่“คุณหนูตื่นแล้วหรือเจ้าคะ ข้าน้อยจะไปเรียนฮูหยิน” สาวใช้อายุเจ็ดปีกล่าวอย่างดีใจพร้อมก้าวเท้าวิ่งออกไปอย่างรวดเร็วโดยที่อันอันได้แต่มองตามตาปริบ ๆ‘อะไรจะรวดเร็วปานนั้นแม่คู๊ณ’ อันอันได้แต่มองตามแผ่นหลังของร่างนั้นโดยไม่ทันได้ปริปากเด็กหญิงกึ่งนั่งกึ่งนอน

  • ข้าเกิดใหม่เป็นคุณหนูตกอับตระกูลบัณฑิต   กรรมของอันอัน

    “ในที่สุดก็จบสักที คราวนี้จะนอนพักให้ชุ่มปอดเลย เหนื่อยมาหลายวันขอสักตื่นเถอะ” น้ำเสียงแสดงความโล่งอกถอนหายใจยาวก่อนที่เธอจะฟุบหน้าลงกับโต๊ะโดยที่ไม่รู้เลยว่าเรื่องราวที่ตนได้ขีดเขียนเอาไว้นั้นจะทำให้ตัวละครในเรื่องขอแลกวิญญาณให้เจ้าของเรื่องได้เข้ามาใช้ชีวิตแทนตนเองหนิงอันคือชื่อของเจ้าของร่างที่กำลังหลับสนิทอยู่ในขณะนี้ เธอมีอาชีพแต่งนิยายแม้จะไม่ถึงกับโด่งดังแต่ก็มีผลงานออกมาให้นักอ่านได้เสพความสุขกันอย่างต่อเนื่องนิสัยส่วนตัวเป็นคนชอบความสงบเฉกเช่นชื่อของตน ดังนั้นหลังจากพ่อแม่เสียชีวิตไปจึงอาศัยอยู่คนเดียวมาโดยตลอด มีเพื่อนอยู่หนึ่งคนซึ่งก็คือบ.ก.สำนักพิมพ์ที่กำลังรอผลงานเรื่องที่แต่งค้างอยู่ในเช้าวันต่อมามีเสียงเคาะประตูหน้าห้องพักของหญิงสาวผู้สันโดษทว่าไร้ซึ่งการตอบรับ ทำให้ผู้มาเยือนรู้สึกไม่สบายใจเนื่องจากขาดการติดต่อจากเจ้าของห้องไปตั้งแต่เมื่อวาน ภายในห้อง ร่างโปร

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status