ช่วงนี้โรงยาเจี้ยนคังต้องเร่งผลิตสินค้าเติมคลังตามคำสั่งซื้อที่รับมาจากงานเลี้ยงในวัง
ติงยวี่ถิงจึงต้องรับคนงานเข้ามาเพิ่มอีกหลายสิบคน พวกเขาขยันแข็งยิ่งถึงขั้นทำงานหามรุ่งหามค่ำไม่ยอมพัก นางจึงต้องดูแลเรื่องอาหารการกินอย่างดีเยี่ยม ถึงขั้นลงมือเข้าครัวทำอาหารด้วยตัวเองเสียเลย
หญิงสาวมีเสน่ห์ปลายจวักติดมาจากชาติภพที่แล้ว จึงมีลักษณะของความแปลกประหลาดของอาหารอยู่มาก ทำเอาสาวใช้ทั้งสองสนเท่ห์ยกใหญ่ พวกนางตั้งหน้าตั้งตารอกินอาหารฝีมือนางเหมือนเด็กๆ ทุกวัน
“ข้าสั่งคนงานที่ตลาดเข็นผักและแล่เนื้อมาส่งแล้ว ข้าจะไปหาซื้อเพิ่มแค่เล็กน้อย พวกเจ้าทำงานอยู่ที่นี่แหละ ไม่ต้องตามมา”
“เจ้าค่ะ”
เสี่ยวจิงกับเจียวมิ่งรับคำขณะทำงานมือเป็นระวิง แม้ไม่รู้และไม่คาดคิดว่าเจ้านายของตนจะทำร้านยาได้ก็ตาม
ติงยวี่ถิงมองสาวใช้อย่างพึงพอใจ พวกนางสมองไว สามารถจดจำและเรียนรู้สิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อนได้รวดเร็ว เจ้าของร่างเก่าผู้นั้นได้ครอบครองอัญมณีล้ำค่าโดยแท้ เพียงแต่ใช้งานผิดประเภทมาหลายปี ช่างน่าเสียดาย
เพราะนางรู้ซึ้งเช่นนี้จึงพยายามเก็บเงินให้มากที่สุดและใช้ไปกับการไถ่ตัวทั้งสองกลับมาดูแลกันและกัน เพื่อชดเชยความผิดที่ร่างเก่าเคยทำเอาไว้
ใช้เวลาเดินตลาดไม่นาน หญิงสาวได้วัตถุดิบสำหรับปรุงอาหารพอประมาณ
ระหว่างทางกลับโรงยาเจี้ยนคังต้องผ่านหอไหลฟู่ นางจึงขึ้นไปชั้นสอง เข้าไปทักทายฮูหยินเจ้าของโรงน้ำชาตามประสาคู่ค้าชั้นดี หลังยื่นไมตรีต่อกันอย่างจริงใจ สนทนาครู่ใหญ่ หญิงสาวก็ขอตัวกลับ
ครั้นกลับออกมาตรงระเบียงชั้นสองดวงตาเจ้ากรรมพลันเห็นชายหญิงคู่หนึ่งกำลังเดินกระหนุงกระหนิงอยู่ตรงริมถนนด้านล่างโรงน้ำชา
ฝ่ายชายหล่อเหลางามสง่าเปล่งประกายจนแสบตา คนผู้นั้นมิได้มีดีแค่ใบหน้าคมคาย แต่เรือนกายของเขา สามารถเรียกได้ว่าสมส่วนสมบูรณ์แบบ
บุรุษหนุ่มรูปงามราวหยกสลัก บุคลิกสุขุมล้ำลึก ภูมิฐานเฉลียวฉลาด
ท่าทางสง่างามปานนั้น ยังไม่นับรวมรูปโฉมโดดเด่นสะดุดตา พาให้หญิงสาวใจสั่นหวั่นไหว
ส่วนฝ่ายหญิงน่ะหรือ? ฮึ! ติงยวี่ถิงเบิกตาเพ่งมอง แน่นอนนางรู้จักพวกเขาเป็นอย่างดี
อดีตสามีผู้หล่อเหลาของนางกับสตรีคนใหม่ของเขา
ฝ่ายหญิงเดินตามติดชนิดแนบชิดแทบจะคลอเคลีย คอยพะเน้าพะนอออดอ้อนฝ่ายชายไม่ห่าง
เซียวหงเย่กับเหวินฟาง...
นางผู้นั้นแทรกกลางระหว่างเราสำเร็จแล้วกระมัง หรือเป็นเขาที่ยอมเปิดทางให้หญิงอื่นเข้ามาโดยง่าย
ฮึ! ทีกับติงยวี่ถิงผู้เป็นภรรยา เขากลับทำตัวเย่อหยิ่งห่างเหินรังเกียจหนักหนา
แต่กับเหวินฟางที่เพิ่งคบหากันก่อนหย่าเพียงไม่นานกลับสนิทสนมเกินหน้าเกินตา
เดินอย่างไรจนเหมือนจะสิงร่างกันอยู่แล้วล่ะนั่น ฮึ! หมั้นไส้!
หากถิงถิงไม่เคยผ่านคืนวสันต์เร่าร้อนกับอดีตสามี คงไม่รู้สึกอันใด เขายอมให้นางใกล้ชิดก่อนหย่ากันด้วยไง!
และอารมณ์หึงหวงมักอยู่เหนือเหตุผลเสมอ
ตะกร้าไม้ไผ่ใส่วัตถุดิบปรุงอาหารทั้งเนื้อวัวเลือดไก่เครื่องในสัตว์ถูกสาดโครม เข้าเป้าคู่ชู้ชูชื่นพอดิบพอดี
เลือดสีแดงฉานคาวคลุ้งไปทั่วบริเวณ
บุรุษหนุ่มชุดขาวหล่อเหลากลายร่างเป็นทะเลเลือด สตรีโฉมงามชุดสีชมพูอ่อนหวานเองก็ไม่พ้นคราบเหม็นโฉ่
สภาพชายหญิงที่เคียงคู่งดงามอย่างโดดเด่นเมื่อครู่พลันเปลี่ยนไปกลายเป็นน่าเกลียดในพริบตา
โดนเฉพาะฝ่ายบุรุษที่รูปงามปานเทพเซียนผู้นั้น หึหึ! หมดหล่อทันตา สมน้ำหน้า!
ติงยวี่ถิงผุดรอยยิ้มร้ายกาจ สะใจเป็นที่สุด
บนระเบียงโรงน้ำชาชั้นสอง สตรีผู้หนึ่งยืนกอดอกเชิดหน้าทอดสายตาชื่นชมผลงานสาดเลือดของตนเองนิ่งๆ นางเลิกคิ้วมองเจ้าของใบหน้าคมคายอย่างต้องการท้าทาย
ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้น ดวงตาคู่คมที่สะท้อนภาพนางฉายแววประหลาด รอยยิ้มร้ายกาจผุดขึ้นที่ริมฝีปากเช่นกัน
ผู้ใดว่าติงยวี่ถิงตกต่ำกลายเป็นสตรีไม่สู้คนแล้วปะไร ไม่เจอกันนาน ไฉนยังน่ากลัวอยู่ เหวินฟางให้รู้สึกขนลุกซู่โดยไม่รู้ตัว
เจ็ดปีต่อมาผลพวงจากการเปิดศึกรักทั้งบนเตียงนอน โต๊ะตั่ง กระทั่งห้องอาบน้ำ ทำอย่างเร่าร้อนทุกค่ำคืนไม่มีผ่อนปรน และติงยวี่ถิงยังดื่มยาบำรุงทุกวัน นางจึงตั้งครรภ์หัวปีท้ายปี จนตอนนี้มีลูกแล้วถึงสี่คน ผู้หญิงสองผู้ชายสอง วุ่นวายมากติงยวี่ถิงจึงกลายเป็นแม่บ้านเต็มตัว มีหน้าที่ดูแลเงินทั้งหมดของสามี เลี้ยงดูลูกน้อย คอยสั่งสอนอย่างเต็มที่ นางเลี้ยงแบบผสมผสานสองยุคสมัย เด็กๆ จึงมีอิสระทางความคิดบนเหตุผลและความเข้าใจ นอกจากนี้ ติงยวี่ถิงยังฝึกทำอาหารจนช่ำชองระดับแม่ครัวมืออาชีพแบบครัวผสมสองยุคสมัย เพื่อคอยทำอาหารอร่อยๆ แปลกใหม่ให้ทุกคนได้กินอย่างอิ่มหนำ และที่ขาดมิได้คือนางยังชอบทำตัวสะสวย รอคอยสามีกลับจากทำงาน ตอนนี้เซียวหงเย่มีกิจการมากมายและหลากหลายยิ่งนัก เขาขยันยิ่ง ยังสร้างกลุ่มการค้าใหม่โดยไม่ขึ้นต่อสกุลเซียว เป็นลักษณะคู่ค้าผูกขาดสกุลเซียว ชื่อว่าหลีเหว่ยโยว พอเซียวหงเย่กลับจากทำงานก็ได้เวลาอาหาร ทุกคนรับประทานพร้อมหน้าพร้อมตาบนโต๊ะในโถงหลัก ยามนี้คือช่วงเวลาพิเศษ ทุกคนได้พูดคุยอย่างเป็นกันเอง ต่างเล่าถึงเรื่องราวที่ได้เจอในแต่ละวัน แบ่งปันประสบการณ์ จากพ่อสู่ลูก จากสามีสู่ภร
เรือนพำนักชั่วคราว ห่างจากตัวเมืองจินโจว รอบด้านคือชายป่าชานเมือง ห่างไกลบ้านเรือนผู้คน ร้างชาวบ้านเดินทางสัญจรผ่านไปมาอนุกัว อนุเจีย อนุฉิน อนุฉู่ ล้วนอำพรางกายเก็บตัวอยู่ที่นี่ โดยมีจอมยุทธสี่คนคอยดูแลไม่ห่าง ตั้งแต่วันไฟไหม้ กระทั่งวันนี้ เหล่ายอดฝีมือทั้งสี่ล้วนเป็นคนของหลินซิงเยียน พระชายาอันเป็นที่รักขององค์ชายสี่เจิ้งจื่อหมิง ในห้องรับรอง พวกเขากำลังแบ่งตั๋วเงินกันเงียบๆ ตั๋วเงินเหล่านั้นล้วนเอามาจากคลังในเรือนของเซียวหงเย่แน่นอนว่าตำแหน่งที่เก็บเงินเป็นเซียวหงเย่ที่ชี้เป้า ส่วนคนเข้าไปเอาคือหนึ่งในสี่จอมยุทธ ในขณะที่คนเผาเรือน ล้วนเป็นพวกเขาที่ช่วยกันลอบวางเพลิงอย่างสามัคคีแผนการทั้งหมดนี้ คนคิดขึ้นมาคือเซียวหงเย่ ติงยวี่ถิงย่อมให้ความร่วมมือเต็มที่ และได้หลินซิงเยียนช่วยเหลือเรื่องจัดหาเหล่าผู้เยี่ยมยุทธเข้าร่วมมือจัดการ ส่วนอนุกัวนั้น นางถูกคนของหลินซิงเยียนซื้อตัวไว้ก่อนแล้ว สตรีผู้นี้คือคนที่ปลุกปั่นและเสนอแผนการให้อนุคนอื่นฟัง ซึ่งอันที่จริงนางทำตามแผนที่ได้รับมอบหมายนั่นเองตามแผนการก็คือ จอมยุทธเข้าไปขโมยเงินในคลังของเซียวหงเย่มาจนหมดก่อนวางเพลิงเรือนหลังขอ
เซียวหงเย่พลันเข้าใจ เขาตกตะลึงนิ่งอึ้งไปครู่ใหญ่ ก่อนค่อยๆ หลับตาลงเชื่องช้า เอ่ยเสียงทุ้มต่ำอันสั่นเทาว่า “ข้ากลายเป็นคนพิการแล้วกระมัง เดินไม่ได้แล้ว ใช่หรือไม่?”ทุกคนพลันหลบตา เซียวอี้ถังกับเซียวฮูหยินเสมองไปทางอื่น ติงยวี่ถิงก็เช่นกัน พวกเขาเงียบงัน กลายเป็นบื้อใบ้ไปแล้วทั้งนั้นมีเพียงท่านหมอที่จำต้องยอมรับตามตรงกับคนป่วย “คุณชายเซียว ท่านยังมีชีวิตอยู่นั่นถือว่าดีที่สุดขอรับ...”หลายวันที่ดูแลทำแผลจนหายดี ทิ้งไว้เพียงร่องรอยแผลเป็นที่น่าเกลียด กลายเป็นบุรุษที่เสียโฉมเซียวหงเย่ก็ยิ่งทำใจไม่ได้ เขามักโวยวายลั่นเรือน ไม่มีใครได้เข้าใกล้สักคน แม้แต่เซียวอี้ถังกับเซียวฮูหยินก็ถูกเขาไล่ตะเพิดออกไป คงเหลือเพียงติงยวี่ถิงที่ไม่ยอมไปไหน“ข้าไม่อยากอยู่แล้ว ปล่อยให้ข้าตายเถอะ”“ไม่! หงเย่ ข้าจะอยู่กับท่าน”“แต่ข้ากลายเป็นชายอัปลักษณ์ ขาก็พิการ ไม่อาจทำให้เจ้ามีความสุขได้”“ไม่เป็นไรเลย ขอแค่ได้อยู่กับท่านเท่านั้น หงเย่”“ข้าไม่สามารถมอบบุตรให้เจ้าได้อีกแล้วนะ”“ข้าไม่มีลูกก็ได้ แค่มีท่านก็พอเจ้าค่ะ”“น้องหญิง...”“ท่านพี่...ได้โปรดอยู่กับข้านะเจ้าคะ”“หากข้ายอมอยู่ เจ้าห้ามไปที่ใดน
ภายใต้ท้องฟ้ายามพลบค่ำเริ่มมีแสงจันทร์สาดส่อง พลันเปลี่ยนเป็นสีแดงแสบตา กลุ่มควันพวยพุ่งขึ้นที่สูง เปลวเพลิงไหม้โหมแผดเผาเรือนชานทางด้านหลัง เกิดเสียงดังเปรียะๆ เศษไม้ติดไฟกระจัดกระจาย เกิดเป็นประกายแปลบปลาบปลิวว่อนในอากาศแสงแดงฉานและเสียงดังรวมถึงความร้อนที่แผ่ซ่านล้วนแล้วแต่น่ากลัวอย่างมากบ่าวรับใช้พากันวิ่งวุ่นวาย เกิดเป็นความโกลาหล หลายคนอุ้มถังไม้ใส่น้ำสาดโครมๆ เข้าเปลวไฟอย่างบ้าคลั่ง หลายคนเอาผ้าชุบน้ำเข้าไปกระหน่ำตีในพื้นที่ที่พอเอื้อมถึงได้ทุกคนที่อยู่ในงานเลี้ยงบริเวณเรือนหลักด้านหน้า รีบพาวิ่งกรูเข้ามาดูอย่างตกอกตกใจจุดที่ไฟไหม้คือเรือนหลังของเซียวหงเย่ ในเรือนนี้ล้วนเป็นที่อยู่ของอนุคนงามเพลิงร้อนลุกลามโหมกระหน่ำอย่างรวดเร็ว พริบตาเดียวก็มาถึงเรือนหลักของเซียวหงเย่ชายหนุ่มเบิกตาโพลง เขาหันไปทางเซียวอี้ถัง “ท่านพ่อ ในเรือนหลักของข้ามีคลังเงินส่วนตัวอยู่ขอรับ”คนฟังพลันตกใจ แต่คนพูดไม่อาจรอแล้ว เซียวหงเย่รีบวิ่งฝ่าเปลวเพลิงเข้าไปทันที “เงินข้า...”ความโกลาหลพลันวุ่นวายมากกว่าเดิมเซียวอี้ถังกับเซียวฮูหยินตะโกนก้อง “เย่เอ๋อร์...”ใช้เวลาหลายชั่วยาม ครึ่งค่อนคืนเลยทีเดี
ติงยวี่ถิงมองสายตาของเหล่าสตรีอย่างเข้าอกเข้าใจ เพราะตัวนางเองตอนมองสามีก็มีสายตาหื่นกระหายเช่นกัน ในขณะที่เซียวหงเย่กลับขนลุกชูชัน รู้สึกคล้ายเนื้อบนเขียงกำลังจะถูกแล่แล้วจับโยนให้นกแร้งทุ้มทึ้งอย่างไรอย่างนั้น ถึงเขาจะหล่อเหลา เอาใจเก่งและแซ่บสะท้านเกินต้าน แต่ก็มีเรี่ยวแรงเรื่องบนเตียงไว้ทำกับภรรยาแค่คนเดียว ไม่ได้อยากเสียวกับผู้หญิงอื่นไปทั่วหรอกนะ ยุคสมัยนี้ยังไม่มียาต้านไวรัสและยารักษาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ทั้งสองคนพากันเดินเข้ามาหันหน้าไปทางทิศเหนือ เห็นเป็นนายท่านเซียวนั่งอยู่นิ่งๆ ท่าทางเคร่งขรึมเย็นชา แววตาดุดันกดข่มผู้คน รอบกายแผ่ซ่านรัศมีน่าเกรงขาม บุคลิกเปี่ยมอำนาจบารมีของผู้มีอันจะกิน“มาแล้วหรือเย่เอ๋อร์...”นายท่านเซียวเอ่ยเนิบช้าทักทายบุตรชายเสียงเรียบ ปรายตามองติงยวี่ถิงด้วยสายตาเย็นเยียบ“เจ้าพานางมาด้วยเหตุใด? ไสหัวออกไป!”หูย! น่ากลัว...หญิงสาวคิดอย่างตื่นตระหนกเป็นที่สุด เอื้อมมือตนไปจับมือของสามีเบาๆ เอาอย่างไรดี? หากเป็นเมื่อก่อน ติงยวี่ถิงคนเก่าย่อมพุ่งตัวเข้าไปชี้หน้าด่าทอและปะทะคารมอย่างดุเดือดไร้ความเคารพ ไม่แปลกที่ผู้อาวุโสจะเกลียด แต่ถิงถิงคนนี้ไ
ใช้เวลาเดินทางนานถึงครึ่งเดือน ในที่สุดรถม้าจากเมืองหลวงก็ถึงเมืองจินโจวเมื่อสายสีทองจากทิศตะวันตกลดลง อันบ่งบอกเวลาพลบค่ำก็เห็นคฤหาสน์ที่ยิ่งใหญ่ของสกุลเซียวติงยวี่ถิงรู้สึกตื่นเต้นระคนหวาดหวั่นจนตัวสั่นนิดๆ เพราะเท่าที่จำได้นายท่านสกุลเซียวเป็นบุรุษที่น่ากลัวมาก ก่อนนี้เพราะมีนายท่านติง บิดาของร่างเก่า จึงพอบรรเทาบรรยากาศตึงเครียดอันน่ากลัวยามที่ต้องเจรจาต่อรองกันตอนนั้น แต่ตอนนี้ไม่มีบิดาและสกุลหนุนหลังนี่นาเซียวหงเย่เองก็รู้สึกแบบนั้นเช่นกัน ตาเฒ่าผู้นั้น แค่มองตายังขาสั่น ทั้งบ้าอำนาจไม่เปิดโอกาสให้คนโต้แย้งตอนนั้นร่างเก่าพลาดท่าเสียทีให้ติงยวี่ถิง ก่อนที่ชื่อเสียงจะมัวหมองจนกระทบการค้าจึงจัดการเกี่ยวดอง และอาจเพราะสกุลติงยังมีผลประโยชน์ร่วมกัน จึงแต่งงานฟ้าแลบ ต่อมายังใช้อำนาจหย่าให้แบบฟ้าผ่า จัดการเบ็ดเสร็จ เด็ดขาดไปหมด ไม่มีใครสามารถทัดทานได้สักคน“มีคนบอกว่าใต้หล้าแห่งนี้ บุรุษที่น่ายำเกรงที่สุดคือองค์ชายสี่เจิ้งจื่อหมิง แล้วเหตุใดพวกเราถึงไม่กลัวพระองค์” ติงยวี่ถิงถามอย่างสงสัยในตัวเอง“เพราะพระองค์เป็นสามีของสหายเจ้าอย่างไรเล่า ทุกคราที่พวกเราได้สิทธิ์พบพระพักตร์ล้วนมี