(พี่ครีม!)
เสียงเรียกของน้องชายช่วยปลุกเธอให้หลุดจากความคิด ในขณะที่นั่งเหม่อลอยทบทวนถึงเรื่องราวที่ผ่าน
“ว่าไงคราม?”
ครามเป็นน้องชายคนกลาง ส่วนเค้กคือน้องสาวคนสุดท้อง อีกไม่นานเธอจะพาน้องๆ ย้ายเข้ามาอยู่ด้วยกันที่กรุงเทพ อาจจะเช่าหอเล็กๆ หรือไม่ก็อพาร์ตเมนต์ให้น้องอยู่
(ครามไม่อยากอยู่ที่บ้านแล้ว) เพราะชอบถูกพ่อดุด่าอยู่เป็นประจำเวลาพ่อโมโหหนักมักจะด่าทอลามปามไปถึงแม่แบบเสียๆ หายๆ สุดท้ายก็เอามาลงที่ลูก
“เกิดอะไรขึ้น?”
(พ่อชอบดุครามกับเค้ก ไม่อยากอยู่กับพ่อเลย) น้องชายทำหน้าเศร้า ถ้าได้ย้ายไปอยู่กับพี่สาวคงจะดีกว่านี้
“อดทนก่อนได้ไหม อีกไม่กี่เดือนก็จะปิดเทอมแล้ว พี่จะรีบไปรับนะ”
(พี่ครีมพูดแล้วนะว่าจะมารับครามกับเค้กไปอยู่ด้วย)
“พี่สัญญา”
(ครามกับเค้กจะรอพี่นะ)
“ครามต้องดูแลตัวเองดีๆ นะ พี่ฝากดูแลน้องด้วย” ครีมยิ้มให้น้องผ่านโทรศัพท์ ถ้าเกิดมาตัวคนเดียวคงตัดสินใจอะไรได้ง่ายกว่านี้ แต่เธอยังมีน้องทั้งสองคนที่ต้องดูแล ยังไงก็ทิ้งไม่ได้
(เค้กบ่นคิดถึงพี่ทุกวันเลย ครามก็คิดถึงพี่เหมือนกัน)
“รอพี่หน่อยนะ”
(ครามจะรอพี่)
“เป็นยังไงบ้าง มีเงินไปโรงเรียนกันไหม”
(มีเยอะเลย พี่ฌอห์ณโอนเข้าบัญชีส่วนตัวให้ครามกับเค้กคนละหมื่นต่อเดือนเลยนะ)
“เก็บไว้ดีๆ นะ อย่าให้พ่อรู้เด็ดขาด” แค่รู้ว่าน้องมีเงินไปโรงเรียนไม่ขัดสน ก็รู้สึกโล่งใจในระดับนึง
(พ่อไม่รู้หรอก ครามกับเค้กเก็บไว้อย่างดี)
ครีมสะอึกรู้สึกจุกขึ้นกลางหน้าอก ร่างกายของเธอกำลังแย่ลงทุกวัน
“แค่นี้กะ…ก่อนนะ พี่รู้สึกไม่ค่อยสบาย แล้วจะโทรหาใหม่”
(พี่อย่าลืมกินยาด้วยนะ สีหน้าของพี่ดูไม่ค่อยดีเลย)
ติ๊ด! ครีมกดวางสายก่อนจะรีบวิ่งเข้ามาในห้องน้ำนั่งโก่งคอจาเจียนลงชักโครกอย่างหมดเรี่ยวแรง
“อึก!” มือเล็กยกขึ้นปาดเหงื่อบนใบหน้าทั้งน้ำหูน้ำตา หลังจากอ้วกเป็นรอบที่หกของวัน
พอหันหลังมาถึงกลับสะดุ้ง เมื่อเห็นฌอห์ณยืนจ้องมองอยู่หน้าประตู เขาสวมใส่กางเกงบ็อกเซอร์เพียงตัวเดียว หยดน้ำเกาะตามใบหน้าหล่อเหลา เส้นผมดำขลับยังเปียกชื้นเหมือนคนเพิ่งอาบน้ำเสร็จมาหมาดๆ
“เป็นอะไรนักหนา วันนี้เห็นอ้วกตั้งแต่เช้าแล้ว”
“ไม่รู้เหมือนกัน ครีมเพลียมากเลย”
“ถ้าไม่ไหวก็ไปหาหมอสิ”
ร่างสูงเดินผ่านเธอไปหยุดอยู่ที่หน้าตู้เสื้อผ้า เขาครุ่นคิดเลือกชุดที่จะสวมใส่อยู่นาน เพราะวันนี้มีนัดสำคัญ
“แล้วฌอห์ณจะออกไปไหน”
“พวกไอ้เจฟโทรตาม เดี๋ยวรีบไปรีบมา”
“อยู่เป็นเพื่อนครีมได้ไหม”
“ก็บอกอยู่ว่าเดี๋ยวรีบไปรีบมา”
“ทำไมถึงสนใจแต่คนอื่นมากกว่าครีมที่กำลังป่วยอยู่เหรอ” ดวงตามกลมโตเต็มไปด้วยความน้อยอกน้อยใจ
“อยู่ด้วยกันแล้วช่วยอะไรได้ ฌอห์ณไม่ใช่หมอ” แต่สิ่งที่เขาตอบกลับมายิ่งทำให้รู้สึกเจ็บช้ำมากกว่าเดิม
“ถ้าครีมอยากหายก็กินยาแล้วไปนอนพักหรือไม่ก็ไปโรงพยาบาล”
“…..”
ฌอห์ณหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแนบหู พร้อมก้มลงตัวใส่รองเท้าผ้าใบคู่โปรด
(เออ! กูรู้แล้วไอ้สัดเจฟ มึงจะโทรจิกทำเชี่ยอะไรนักหนา กำลังจะออกจากบ้าน อีกชั่วโมงเจอกัน)
ใบหน้าหล่อเหลาโน้มริมฝีปากลงมาหอมแก้มเธอฟอดใหญ่ทั้งสองข้าง ก่อนที่แฟนหนุ่มจะรีบออกจากห้องไป การกระทำของเขาเมื่อสักครู่ไม่ได้ช่วยให้เธอรู้สึกดีขึ้นมาบ้างเลย
“ฮึก…” หยดน้ำตาที่กักเก็บไว้รินไหลงอาบลงใบหน้าจนเปียกชุ่มสุดท้ายก็มีแค่เธอที่ต้องอยู่ดูแลตัวเอง
-คลินิก-
ครีมหอบเรี่ยวแรงที่มีอยู่น้อยนิด เดินลงจากคอนโดไปขึ้นรถแท็กซี่เพื่อมาคลินิกใกล้บ้าน
ได้แต่นั่งมองคู่รักคนอื่นที่มาด้วยกัน แต่ข้างกายเธอกลับไม่มีใคร เธอถูกซักประวัติอยู่หน้าเคาน์เตอร์นานสองนานจนได้มานั่งรอคิว ทั้งโดนขอตรวจเลือด ขอตรวจปัสสาวะ ดูยุ่งเหยิงไปหมด
“คุณคัทลียา วรารักษ์ เชิญห้องตรวจสามค่ะ”
เมื่อได้ยินพยาบาลขานชื่อ จึงรีบลุกเดินเข้าไปในห้องสี่เหลี่ยมแคบๆ ที่มีคุณหมอท่าทางใจดีรออยู่ก่อนหน้า
“เดี๋ยวคุณหมอขอซักประวัติอีกหน่อยนะคะ”
“ได้ค่ะ”
“มีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่คะ?”
“…..” ริมฝีปากเล็กอึกอักไม่กล้าตอบ ไม่คาดคิดว่าจะโดนคำถามแบบนี้
“ตอบหมอตามความจริงนะคะ เพื่อเป็นประโยชน์ของคนไข้เอง มีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุดตอนไหนคะ?”
“เมื่อตอนเย็นค่ะ” ก่อนที่ฌอห์ณจะออกจากบ้านไป เขาเพิ่งเข้ามีอะไรกับเธอมาหมาดๆ
“แล้วประจำเดือนมาครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่คะ พอจะจำได้ไหม เอาคร่าวๆ ก็ได้ค่ะ”
หัวใจดวงน้อยเริ่มเต้นเร็วขึ้นเมื่อนึกย้อนกลับไป ประจำเดือนขาดไปนานแล้วจนเธอเองก็หลงลืม
“ดะ…เดือนที่แล้วค่ะ”
“ถ้างั้นเรียกแฟนเข้ามารอฟังผลพร้อมกันเลยค่ะ”
“ฉันมาคนเดียวค่ะ”
“โอเคค่ะไม่เป็นไร เดี๋ยวขึ้นเตียงนอนเลยนะคะ”
ครีมยิ่งงงไปกันใหญ่ แค่รู้สึกเพลียทำไมถึงต้องให้เธอขึ้นไปนอนบนเตียง
ส่วนเรื่องท้องไม่ท้องไม่เคยอยู่ในความคิดเพราะเธอกินยาคุมมาตลอดระยะเวลาสี่ปีก็ไม่เห็นว่ามันจะมีปัญหาอะไร
“สรุปว่าฉันเป็นอะไรเหรอคะหมอ?”
“ตอนนี้หมอยังไม่ค่อยชัวร์นะ แต่ถ้าเอาให้แน่ก็ต้องอัลตราซาวด์ดูก่อน”
-สนามแข่งรถ-
การปรากฏตัวของ ‘ชลากร กิจธาดาวงศ์’ สามารถเรียกความสนใจจากผู้คนรอบข้างได้เป็นอย่างดี
ร่างสูงใบหน้าหล่อเหลา ริมฝีปากคาบมวนบุหรี่เดินเข้ามาในสนามด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์ ทรงผมถูกเสยขึ้นแบบลวกๆ แต่ทำให้ดูดีโดดเด่นจนผู้คนแถวนั้นเหลียวมอง
‘ผู้ชายอะไรหล่อเป็นบ้าเลย ทำไมเพิ่งเคยเห็นของดีขนาดนี้’
‘ใช่ลูกชายส.ส.ที่เป็นข่าวบ่อยๆ ป่ะ ทรงโคตรแบด’
‘วีรกรรมโคตรเยอะเลยคนนี้ แต่พ่อแม่งรวยมีอิทธิพลคับฟ้าเลยรอดคุกมาได้’
‘ไม่มีใครกล้ายุ่งกับมันหรอก’
เสียงซุบซิบนินทารอบข้างดังขึ้นเมื่อชายหนุ่มเดินผ่านหน้าไป ถ้าเกิดว่าเขาอารมณ์เสียกว่านี้อีกหน่อยคงจะเดินเข้าไปซัดหน้าทีละคนให้หงายหลัง
“ไอ้ฌอห์ณทางนี้!”
‘เจฟ’ เพื่อนสนิทที่เป็นเจ้าของสนามตะโกนเรียกอยู่ไม่ไกล ฌอห์ณรีบเดินตรงเข้าไปยังที่นั่งรวมกลุ่มบนอัฒจันทร์
“ฝั่งนั้นลงเดิมพันหนึ่งล้าน แล้วมึงจะเอาเท่าไหร่”
“มีปัญญาลงแค่ล้านเดียว เสือกมาท้ากูแข่ง เสียเวลาฉิบหาย!”
ฌอห์ณสบถอย่างหัวเสีย ในวงการนี้ก็ถือว่าเก่งอยู่พอตัว
“พวกมันได้ยินว่าข่าวว่ามึงเพิ่งยกห้องเครื่องใหม่หมดไปหลายล้าน เลยอยากมาลองรถกับมึง”
“ฝากไปบอกพวกมัน ถ้าจะลองกับกูเอามาห้าล้าน ถ้าไม่ได้กูไม่ลงขับ”
“จัดไป” เจฟรับคำสั่งก่อนจะรีบเดินออกไป
“แดกเหล้าหน่อยไหม จะได้แก้เซ็ง”
คชายื่นขวดเหล้าให้มื่อเห็นท่าทางหัวเสียของเพื่อนชาย ฌอห์ณยกขวดเหล้าเพียวๆ กรอกใส่ ปากพร้อมกลืนลงคออึกใหญ่
“ขนาดมีเมียแล้ว ยังมีสาวสวยส่งสายตามาอ่อย เพื่อนกูเสน่ห์แรงจริง”
“รกหูรกตาฉิบหายเลย!” นอกจากไม่ชอบแล้วยังรู้สึกรำคาญ
“แล้วเมียมึงเป็นยังไงบ้าง สบายดีไหม?” มอสที่นั่งเงียบอยู่นานเอ่ยถามตามประสาคนสนิทกัน
“ไม่ค่อยเท่าไหร่ เวียนหัวมาหลายวันแล้ว” น้ำเสียงและท่าทางของฌอห์ณดูอ่อนลงเมื่อพูดถึงแฟนสาว
“แล้วพาไปหาหมอยัง?” มอสยังคงถามต่อ
“ถ้ายังไม่หาย กูว่าจะพาไปพรุ่งนี้”
ครืด~ โทรศัพท์เครื่องหรูแผดเสียงร้องดังขึ้นเป็นระยะ ฌอห์ณเหลือบสายตามองไปยังรายชื่อบนหน้าจอแต่ไม่ยอมกดรับสักที
“ครีมโทรมาตั้งหลายสายทำไมรับ”
“อีกไม่นานต้องเตรียมตัวลงสนาม กูไม่อยากเสียสมาธิ”
คิดว่าครีมคงโทรมางอแงใส่เขาเหมือนทุกครั้ง ทั้งๆ ที่อีกไม่นานก็ต้องกลับบ้านไปเจอกัน เขายัดโทรศัพท์ใส่ลงในกระเป๋ากางเกงและไม่คิดจะหยิบมันขึ้นมาดูอีก