Masukผมจำได้ว่าตอนเด็กๆ ผมไม่เคยสมหวังกับความรักเลยสักครั้งเดียว
ตอน ป.6 เอาปากกาแทงมือเพื่อนจนเป็นรู เพราะมันมารังแกผมก่อน แล้วไอ้ตัวผมมันก็ไม่ชอบให้ใครมาทำฝ่ายเดียวซะด้วย เลยจับมือมันวางไว้กลางโต๊ะแล้วทุบปากกาเข้าหลังมือจนเลือดโชก เรียกได้ว่าช่ำประสบการณ์ตั้งแต่ยังเด็ก อาจเพราะถูกแม่เลี้ยงมาแบบไม่สนใจ แล้วตอนนั้นผมแม่งอยู่กับปู่ด้วย แล้วปู่ก็เอาแต่สำมะเลเทเมา แต่ก็ส่งเสียเรียนทุกปี
ผมจำได้ว่าผมรักปู่มาก เรียน ม.1-ม.3 ปู่เข้าห้องปกครองเพราะความใจร้อนหัวรุนแรงของผมไม่รู้กี่ร้อยครั้ง ผมทำคนได้เลือดปางตายมานับยี่สิบคนได้ แต่สิ่งที่ปู่มักทำกับเด็กมีปัญหาอย่างผมคือการบอกแค่ว่า ‘ไม่เป็นไร ปู่รับผิดชอบเอง’
ผมรักปู่มาก แบบโคตรรัก เหมือนท่านเป็นครอบครัวคนสุดท้ายในชีวิตผม ทุกวันนี้ในห้องก็ยังเก็บกระดูกของปู่จากวันเผาใส่อัฐิไว้บูชาวันพระตลอด ผมมักจะทำบุญให้แค่คนที่คิดว่าสำคัญกับชีวิต เพราะผมไม่เชื่อเรื่องบาปบุญ (แต่เชื่อเรื่องของขลังก็เลยสักยันต์เสือคู่ที่กลางหลังเอาไว้) แต่ปู่ผมเชื่อ ปู่ผมฝากไว้ก่อนตายว่าทำบุญสะสมไว้เยอะๆ เกิดชาติหน้าจะได้เป็นคนดี ผมเลยสั่งสมบุญให้ดวงวิญญาณปู่แทนซะเลย
เด็กผู้หญิงทุกคนในโรงเรียนกลัวผมมาก ช่วงนั้นผมมักอยู่กับพวกกลุ่มที่ติดยากัน (แต่ไม่ได้ติดด้วย) ชอบนั่งกับผู้หญิงแรดๆ ที่ติดบุหรี่และแซวสาวไปทั่ว จนผู้คนพูดกันปากต่อปาก คิดเอาเองว่าผมคือเสือผู้หญิงประจำโรงเรียน
ทั้งๆ ที่ตั้งแต่เกิดมา กูยังไม่เคยได้สัมผัสประสบการณ์เสียวกับผู้หญิงเลยสักครั้ง
ทุกวันนี้ที่ยังคบอยู่ก็เพื่อนสมัย ม.ต้น ทั้งนั้น เพราะพอต่อ กศน. เองหลังปู่เสีย ก็มีแต่ศัตรูมากกว่ามิตร ไอ้คำว่าแฟนอะไรนั่นก็ไม่เคยได้รู้จัก เพราะพอจะได้จริงจังกับใครสักคน เขาก็กลัวกูกันหมดทุกคน
ผู้หญิงที่ถึงเนื้อถึงตัวและเป็นเพื่อนกันส่วนใหญ่ มีผัวแล้ว และก็ไม่รู้ว่าตัวเองชอบผู้หญิงแนวไหนกันแน่ แต่ทุกคนก็ตัดสินผมกันไปหมดจากสันดานภายนอกและสังคมการคบหาที่มักจะอยู่แต่กับพวกผู้หญิงแรงๆ
ไม่รู้ดิ ไม่อยากอธิบายให้ใครฟังด้วยว่าตัวเองเป็นยังไง รู้สึกเปล่าประโยชน์
จะเข้าใจยังไงก็ให้เข้าใจไปยังงั้นละกัน
เอาตรงๆ นะ ผมไม่รู้วิธีเข้าหาผู้หญิงเลย ผมไม่รู้ว่าต้องจีบยังไง ต้องเอาใจยังไงผู้หญิงถึงจะชอบ ก็ผมไม่เคยมีประสบการณ์ด้านนี้เลยนี่หว่า
ตลกร้ายดี ประสบการณ์ชีวิตเยอะยิ่งกว่าวรรณคดี แต่ประสบการณ์รักไม่เคยมีให้ตกถึงท้อง
เอาจริงๆ ไอ้เอิ้นอ้ายนั่น มันอาจจะเป็นผู้หญิงคนแรกและคนเดียวที่มนุษย์ซิงอย่างผมจะมีโอกาสได้ใกล้ชิดก็ได้
แต่ไม่รู้ว่ะ ไม่ชอบผู้หญิงซื่อบื้อ ชอบคนที่พูดคำเดียวรู้เรื่องไม่เอ๋อ อีกอย่าง... ต้องไม่พูดภาษาอื่นที่ผมไม่เก็ท (ถึงผมจะแปลคำที่มันพูดรู้เรื่องแบบงงๆ ก็เหอะ)
ตึกตัก ตึกตัก
แต่กลับมาในเวลาปัจจุบัน ถึงจะเกริ่นไปแบบนั้นก็เถอะ แต่ยังไงไอ้เด็กเวรนั่นก็คือผู้หญิงอยู่ดี
กูก็ยังใจเต้นไม่เลิกเลย คือปกติจะเห็นแค่ตอนก้มต่ำ แต่วันนี้พอได้ย้ายมาอยู่ร่วมกันจริงๆ ถึงได้รู้ว่าแม่งโคตรเอ๋อเหรอ เดินโทงๆ นมทะลักเข้าห้องน้ำไปแบบนั้นโดยที่ไม่ระแวงผมเลยสักนิด
หรือตัวผมมันไม่มีความเป็นผู้ชายเหรอวะ
ต้องแสดงออกถึงความเป็นใหญ่ของช้างเท้าหน้าให้แม่งประจักษ์สักหน่อย
คิดแล้วก็นั่งกระดิกตีนจนกระทั่งได้ยินเสียงเปิดประตูห้องน้ำของคนข้างหลัง ผมยันตัวลุกขึ้นพรวดพราด แล้วหมุนตัวหันกลับไปเพื่อประจันหน้ากับเธอแล้วตั้งท่าชี้หน้าประกาศิตว่า มึงเป็นผู้หญิงนะ อย่าแต่งตัวแบบนั้นมาให้เห็นอีก
แต่พอหันไปเห็นภาพตรงหน้า ปากผมก็เผยอกว้าง เสียงแม่งไม่ออก
ก็ไอ้เอ๋อนี่มันดันนุ่งแค่ผ้าเช็ดตัวผูกปมทับเดียวแบบเห็นหน้าอกหน้าใจใหญ่เกินตัวที่ล้นทะลักขอบผ้าชัดเจน ส่วนมือก็หิ้วกางเกงในกับชั้นในโทงๆ แบบไม่อายเทวดาหน้าอินทร์
คือจะยังไงก็ช่าง แต่คือกูเห็นเต็มๆ เลยไง แบบจะจะ
เนื้อนมไข่ ครบสูตร
“มะ... มึง” ผมอ้าปากจะด่า แต่เสือกด่าไม่ออก ดวงตาเจ้ากรรมก็หลุบมองต่ำอยู่นั่นแหละ ก็แม่งเป็นวิวดีๆ ที่หาได้ยากต่อการรับชมในชีวิตชายโสดอย่างผมเลย
แต่ไม่ได้ดิ แม่งเป็นน้อง จำไว้ว่ามันเป็นน้อง!
“... อ๋า!” เหมือนปฏิกิริยาสะเทิ้นอายของยัยเด็กเปรตนี่จะดีเลย์ มันอ้าปากกว้างเบิกตาโตออกมาหลังจากยืนหวิวอยู่นาน ก่อนที่จะเอามือมาทาบอก ซึ่งไม่รู้ว่านี่คืออาการตกใจของสาวเหนือปกติหรือเหี้ยอะไร “นี่เปิ้นยังไม่อาบน้ำก๋า? กลิ่นยาเส้นแฮงม๊ากมาก อ้ายคลื่นไส้เหมือนจะอ้วกเลยเจ้า”
ซะที่ไหน
แม่งเอ้ย กูล่ะอยากจะสูน!!
“กูชื่อเพชร ไม่ได้ชื่อเปิ้น” แต่ปากแม่งพูดออกมาได้แค่นี้ ไอ้เวร
“เปิ้นคืออู้กำเมืองเจ้า แปลว่าเขา หรือเรา เธอ” ยัง ยังมีหน้ามายืนอธิบายภาษาบ้านเกิดแบบกึ่งเปลือยให้ผู้ชายทั้งแท่งอย่างกูฟังอีก แม่งเอ้ย ปวดหัวตุบๆ เลยไอ้สัส ทำไมมันโง่ได้ใจขนาดนี้
“จะยังไงก็ช่างแม่งเหอะ!” พยายามคมเข้มไว้ตัวกู ให้เด็กมันเกรง “ดูสภาพมึงก่อนไอ้หมาเอ๋อ มึงคิดจะออกมาในสภาพนี้ทุกครั้งที่อาบน้ำเลยเหรอไง”
ยัยตัวดีก้มลงมองสภาพหมิ่นเหม่ของตัวเอง ก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นมาทำหน้าต๊องใส่
“ใจ้เน้อ”
เวร!!!
“มึงจะบ้าเหรอวะ!” คราวนี้หลุดมาด โวยวายเป็นตุ๊ดเลยไอ้เวร “กูถามจริงๆ มึงต๊องรึเปล่า มึงไม่รู้เหรอว่าตัวมึงเป็นผู้หญิงอ่ะ!”
“รู้” มันพยักหน้าตอบรับกลับมา ก่อนที่อยู่ดีๆ จะสาวเท้าเดินรุกเข้ามาใกล้จนผู้ชายตัวใหญ่เท่าควายอย่างผมตกใจต้องผงะถอยหลังหนี จนปลายนิ้วเล็กๆ ที่เล็บยาวเฟื้อยเหมือนไม่คิดที่จะตัดมาจิ้มๆ ตรงอกผม “แต่เปิ้นเป็นพี่อ้ายนี่ ก็เหมือนคนในครอบครัวอ้าย ปกติตอนอยู่กับป้ออ้ายก็ออกมาแบบนี้ตลอดเน้อ ป้อบ่าเคยเห็นว่าอ้ายเลย”
โอเค ปวดหัวหนักกว่าเดิมอีก ลืมไปว่าตาลุงนั่นสปอยลูกสาวหนักยิ่งกว่าอะไรดี
“มึงไสตูดเข้าไปเลยนะ เข้าไปแต่งตัว!”
“แต่อ้ายยังบ่าได้เอาเสื้อเอาผ้าออกมาจากกระเป๋าเดินทางเลยก๋า” มันทำหน้าตาซื่อตาใสใส่ผมเหมือนกับที่พูดออกมาเป็นเรื่องใหญ่มาก และใช่ แม่งเป็นเรื่องใหญ่จริงๆ เพราะผมลืมไปว่าสิ่งแรกที่มันทำตอนที่มาถึงห้องผมก็คือรื้อเอาฟิกเกอร์กับตู้แก้วมาประกอบ กับพวกข้าวของอีสปอร์ตของแม่ง
แต่สิ่งสำคัญที่สุดอย่างเสื้อผ้า มันกลับไม่คิด ไอ้เวร!
“งั้นมึงไสหัวเข้าไปในห้อง แง้มประตูไว้นิดๆ กูจะส่งเสื้อเข้าไปให้”
“ฮับทราบ!” ตอบรับอย่างว่าง่ายพร้อมกับวิ่งโทงๆ เข้าไปในห้อง ส่วนผู้ชายอกสามศอกของผมที่สักทั้งตัวเป็นจอมโจรขมังเวทย์แต่มันกลับไม่มีจิตสำนึกรักตัวกลัวตายเลยสักนิดกลับต้องเป็นฝ่ายที่ช็อคกับผู้หญิงอย่างมัน
ผมตบหน้าผากตัวเองอย่างแรง ก่อนที่จะพ่นลมหายใจหนัก
ใจเกือบวาย
ต้องไปบวชพระมั้ยเนี่ยกู กลัวตบะจะแตกในสักวันถ้ามันยังทำแบบนี้อยู่
แล้วไอ้ลูกชายกูก็ไม่ยอมสงบลงเลยเนี่ย แม่ง!!
ตึกตัก ตึกตักหนูใจเต้นน้อยๆ จนรู้สึกได้นิดหน่อย หลังจากที่โดนรวบศีรษะเข้ามาซบที่หน้าอกหนาๆ ของเปิ้น เป๋นครั้งแรกที่เปิ้นกอดหนู (ที่บ่าใจ้เพราะเมาเหมือนตอนนั้น) และพอได้แนบชิดกับแผงอกที่แข็งแกร่งของเปิ้น หนูก็รู้สึกดีรู้สึกปลอดภัยเมื่อได้อยู่กับเปิ้นมากๆ“... ขอบคุณนะเจ้า” หนูไม่ได้เก็บอาการที่ว่าอยากจะกอดเขากลับ เพราะพอคิดได้แบบนั้นหนูก็รีบโอบรอบเอวสอบที่ทั้งมือของหนูโอบบ่าได้เต็มตัวของเขาทันที หนูเห็นว่าเปิ้นสะดุ้งนิดๆ แต่ต่อมาเขาก็ลูบผมหนูกลับแปลกจัง ปกติเปิ้นจะหวงตัวจะตายนี่เน้อ แต่คราวนี้เขายอมให้หนูกอด แถมยังลูบหัวหนูด้วย“อ้ายฮักเปิ้นนะ”หนูเลยสารภาพออกไปอย่างซื่อๆ แบบนั้นอย่างซาบซึ้งใจ เพราะเขาน่ะเหมือนกับเป็นพี่ชายคนหนึ่งในชีวิตหนูที่สำคัญที่สุดเลย เขาคอยช่วยเหลือหนูตั้งแต่เด็กแล้ว แม้ว่าทุกครั้งเปิ้นจะชอบแสดงท่าทีว่าเบื่อและรำคาญหนูมากก็ตามแต่พอได้ยินหนูโพล่งคำนี้ออกมา มือเขาที่วางอยู่บนหัวหนูก็แทบจะผละออกเหมือนต้องของฮ้อนในทันทีทันใด“นี่มึงรู้ความหมายของคำที่มึงพูดออกมาปะ” เสียงเขาสั่นด้วย จนหนูที่กอดแล้วเอาหัวที่ผมยาวยุ่งเหยิงซุกซบกับอกแกร่งเขาอยู่ต้องเงยหน้าขึ้นมามองเ
พลั่ก!“อะ โอ้ย”ทั้งตัวของหนูถูกผลักจนกระแทกเข้ากับผนังที่เย็นชืดข้างหลัง เพื่อนๆ ของเดียร์กอดอกยืนอยู่ตรงหน้า หลังจากที่จบคลาสเรียนแล้วพวกเธอเรียกตัวหนูให้ตามมาข้างๆ ห้องน้ำหญิงที่หลังตึกคณะวิศวะ แล้วเริ่มลงมือรังแกหนูเหมือนเช่นเคย“สะเออะดีนัก แกคิดว่าแกเป็นเพื่อนเดียร์แล้วจะเผยอจองหองพูดปรามอะไรกับนางฟ้าของพวกเราได้ทุกอย่างอย่างงั้นเหรอ”“อะ... อ้ายบ่าได้ตั้งใจ” หนูพยายามจะหยัดตัวลุกขึ้นเพราะว่าตัวเลอะไปด้วยโคลน หลังจากฝนตกเมื่อตอนเช้า สนามหญ้าแถวนี้ก็เปียกชุ่มไปหมด พอโดนผลักล้มลงไป ก็เลยเปรอะเปื้อนไปทั้งตัวเมื่อกี้ก็โดนตบไปฉาดหนึ่งด้วย สะ... แสบหน้าจัง“อย่าคิดว่าที่ตัวเองเกือบเป็นดาวคณะแซงเดียร์แล้วจะยโสโอหังยังไงก็ได้ แกก็เป็นแค่เพื่อนในห่วงโซ่อาหารชั้นที่ต่ำที่สุดของเดียร์ รู้เอาไว้ซะด้วย!”“... อ้ายฮู้แล้วเจ้า”“แล้วเวลาเดียร์จะทำอะไร ไม่ต้องสะเหล่อมาขัดขาเดียร์ นี่คือคำเตือน!”“...”“อีเด็กทรงโต น่ารังเกียจจริงๆ ทั้งโง่ทั้งอวดดี ถุย!” หนูหลับตาปี๋เมื่อหนึ่งในพวกเธอพ่นน้ำลายใส่จนกระเด็นมาโดนกระโปรงพลีทของตัวเองเล็กน้อย น้ำตาคลอเบ้าขึ้นมาเมื่อพวกเธอสะบัดหน้าเดินจากไปต้องบ่าร
[พาร์ท : เพชฌฆาต]แสงแดดมันจ้าเข้าตาตอนที่กำลังจะตื่น จนผมต้องปรือตาขึ้นมาพร้อมๆ กับความปวดจี๊ดที่สมองจากอาการเมาค้าง ค่อยๆ ผุดลุกขึ้นมา แล้วก็พบว่าตัวเองนอนปวดเอวอยู่ที่พื้น เงยหน้ามองบนโซฟาหนังก็เห็นว่ามีผ้าห่มผืนนึงกองอยู่คงจะมีคนเดียวแหละว่ะที่เอามาให้ ถ้าเป็นกุมารที่เลี้ยงไว้ ก็ทำได้แค่เปิดปิดไฟสร้างอภินิหารอย่างเดียว กับพูดคุยด้วยเวลามันเหงาเออ ฟังไม่ผิดหรอก ผมเลี้ยงกุมารทองอย่างที่บอกว่าไม่เชื่อเรื่องบาปบุญอะไรนั่น แต่ถ้าของขลังหรือพวกไสยศาสตร์กับภูตผีปีศาจหรือพรายนี่โคตรจะเชื่อ ผมเลยสักยันต์เสือคู่ไว้ที่กลางหลังไง ว่ากันว่าคนสักยันต์นี้ จะมีฤทธิ์แคล้วคลาดจากศัตรู ใครๆ เห็นก็ยำเกรง เลยไม่แปลกที่จะมีแต่คนเห็นผมเป็นสัตว์ประหลาด ที่เกือบทำคนตายได้ด้วยหมัดๆ เดียวแล้วก็ไม่แปลกที่จะถือว่าหัวเป็นของสูงด้วยแกรกผมเดินเซไปที่หน้าประตูห้องตัวเองที่ล็อกไว้จากด้านใน ล้วงกุญแจในกระเป๋ากางเกง แล้วไขประตูเข้าไปภายใน ห้องของผมนั้นมีหิ้งบูชาของขลังที่ดูน่ากลัว อธิบายไปก็ไม่น่าจะเข้าใจ แต่จะเป็นการบูชาภูตผีปีศาจ รวมถึงกุมารทอง และของขลังต่างๆ เอาไว้ช่วยให้แคล้วคลาดจากภัยอันตรายทั้งปวงมากกว่
หนูนอนตีขาเล่นเกมคุ้กกี้รันอยู่บนเตียงที่ปูเองเป็นครั้งแรกปกติจะให้แม่บ้านปูให้ตลอดเน้อ อีกอย่างตอนที่ปูก็เอาแต่เล่นเกมไปด้วย เพราะถ้าผละมือออกมาเมื่อไหร่เกมจะโอเวอร์ทันที ก็เลยปูได้แบบครึ่งๆ กลางๆ สักพักก็ขี้เกียจแล้ว เลยล้มตัวลงนอนเล่นเกมต่อไม่ยอมหยุดจนตกดึกหนูบ่าได้สนใจว่าเปิ้นหายออกไปไหน เพราะทันทีที่เปิดประตูห้องน้ำออกมาหลังจากยืนซักกางเกงในกับชุดบนอ่างล้างหน้าแล้วตากมันไว้ในห้องน้ำ เปิ้นก็อันตรธานหายไปแล้วเปิ้นบ่าอยู่ก็ดีแหละ เจอเรื่องตอนนั้นไป... หนูก็บ่ารู้ว่าจะสู้หน้าเขาจะใดดีเหมือนกันไม่ได้อายที่เขาเห็นนมหนูหรอก ยังไงก็พี่น้องกันแต่ไอ้งูพิษของเปิ้นนี่สิทำยังไงก็สลัดออกจากหัวบ่าได้สักทีพอนึกถึงภาพๆ นั้น หนูก็หน้าร้อนขึ้นมาในขณะที่ยังกดเกมอย่างขมักเขม้น นึกถึงร่างกายที่ใหญ่โตของเปิ้น กล้ามแขนที่มีเส้นเลือดสวยๆ กับตรงลำท่อนที่ใหญ่ยาวแถมยังมีเส้นเลือดผุดประปรายอีกโอ้ยๆๆๆ บ้าจริงๆ เล่นเกมบ่าฮู้เรื่องแล้วเน้อหนูบ่นกระปอดกระแปดในใจแล้วโยนโทรศัพท์ทิ้งแล้วนอนคว่ำหน้าอยู่บนเตียงอย่างหมดอาลัยตายอยากหรือจะกึ้ดผิดกันนะที่เลือกมาอยู่กับเปิ้น?ติ๊ง ต่องหนูสะดุ้งเฮือกเมื่อได้ยินเ
“เชี่ย มึงใจเย็นก่อนดิ!”ไอ้แมนที่รับหมัดทุกหมัดเข้ากับเป้าชกที่มันตั้งศอกไว้ถึงกับเซแล้วผงะถอยหลังไป เพราะเมื่อทันทีที่ผมมาถึงร้านอาเจ๊กแล้วขึ้นเวทีมวยกับมันอย่างที่ฝึกกันเป็นประจำ ผมก็ทั้งฮุกหมัดซ้ายหมัดขวาใส่เป้าชกจนทอมที่ขึ้นชื่อว่าพละกำลังเกินหญิง เป็นกอริลล่าในร่างผู้หญิงเพราะกล้ามบึกบึนของมันต้องเซไปอีกทางและพอมันเปิดช่องให้แบบนั้น ผมเลยพุ่งตัวใหญ่ๆ เข้ามาแล้วจะซัดเข้าหน้ามันแบบจังๆ โดยที่ไม่สนว่าแม่งจะไม่ได้ใส่อะไรกันหน้าไว้หรือไม่“ไอ้เหี้ยเพชร ใจเย็นๆ!!”พลั่ก!!“อั่ก!”จนสุดท้าย เมื่อเพื่อนเห็นว่าวิธีชกดีๆ คงจะคุมคนที่สติแตกอย่างผมไม่อยู่ มันเลยใช้ตีนถีบอัดที่กลางเป้าของผมซึ่งเป็นจุดตายสำหรับผู้ชายทุกคน จนผมต้องหยุดทุกการกระทำทุกอย่างลงแล้วล้มลงไปนอนกุมเป้ากับพื้นอย่างเจ็บปวดไอ้เหี้ยแมนเอาส้นตีนมาขยี้หัวที่ตัดสกินเฮดของผมแล้วบี้ไปมา“มึงเป็นห่าไร มึงคิดจะชกกูเหรอไอ้เหี้ยเพชร มึงจะฆ่าตัดตอนเพื่อนที่เลี้ยงดูมึงตลอดมาเหรอวะ”“... อีกอริลล่าเอ้ย” ผมสบถด่ามันออกมาอย่างเจ็บใจ มันเลยพ่นลมหายใจ ถอดเป้าชกส่งให้ไอ้เจนที่ยืนเกาะเชือกเวทีอยู่รับไว้เหยียบหัวแบบนี้กูถือนะ วันจันทร์ไปข
“อืม... ไอ้เด็กเวรเอ้ย”ตึกตัก ตึกตักหนูใจเต้นแรงพร้อมๆ กับค่อยๆ ไถลตัวลงไปนั่งยองๆ กับพื้นห้องจากหลังประตู มือเล็กๆ ที่เอามาปิดปากตัวเองไว้สั่นเทาอย่างตื่นเต้น แม้ว่าจะแง้มประตูไป แต่ก็แค่นิดเดียวเท่านั้น แล้วก็เหมือนว่าเปิ้นจะบ่าสังเกตเห็นด้วยว่าหนูกำลังแอบมองเขาทุกอิริยาบถอยู่ เขาเริ่มทำ... อะไรบางอย่างหนูเห็นแวบๆ ว่าเขากำลังละเลงข้อมือกับบางสิ่งบางอย่างที่ผงาดขึ้นมาระหว่างต้นขาของเขา มันเป็นลำท่อนใหญ่ เป็นปล้องเหมือนหนอนยักษ์ที่กำลังจะพ่นพิษร้าย และมีเส้นเลือดผุดขึ้นบ้างประปรายหนูหายใจบ่าทั่วท้องเลยล่ะเจ้า รู้สึกเขินแบบไม่มีสาเหตุจนต้องหลับตาปี๋“แฮ่ก...”แต่เสียงหอบหายใจและครางครวญของเปิ้นก็ยังคงลอดเข้ามาในกกหูเสียงของเปิ้นดูเร้าใจจังเน้อ แหบต่ำแถมยังดูเซ็กซี่สุดๆ อีกด้วย หนูฟังแล้วเขินจังเลยแถมไอ้นั่นที่ตั้งชูชันขึ้นมา ถึงจะได้เห็นแค่แวบเดียว แต่กลับทำให้ตรงกลางระหว่างขาของหนูมีน้ำอะไรสักอย่างปริ่มออกมามากขึ้นตึกตัก ตึกตักหัวใจหนูเต้นเร็วมากกว่าเดิม ทำไมรู้สึกอยากเอามือไปแตะมันจังเลยก๋าคิดแล้วก็ค่อยๆ เอาปลายนิ้วเล็กๆ ของตัวเองสัมผัสเบาๆ ที่กลางร่องกลีบที่ฉ่ำชื้น“อะ...!”







