Masuk“ ถ้าเจ้าต้องการเช่นนั้น ข้าก็มิขัดข้อง เจ้าไม่ต้องการให้ข้ารับผิดชอบอันใด ก็ตามใจเจ้า หญิงฐานะอย่างเจ้าไม่มีบิดามารดา ทรัพย์สมบัติใดก็ไม่มี มีเพียงตัวเปล่า ๆ จะมีบุรุษใดอยากได้เจ้าไปเป็นภรรยากันเล่า ข้าเสนอให้เจ้าเป็นหญิงอุ่นเตียงของข้า นับว่าเป็นเม่ียคนหนึ่งของข้า เพียงแต่มิให้ใครรู้ แต่ข้าจะรับเลี้ยงดูแลเจ้า
อยากได้สิ่งใดเพียงแค่เอ่ยปากข้าจะหามาให้เจ้า แต่เมื่อเจ้ามักใหญ่ไฝ่สูง อยากได้ฐานะฮูหยินข้าเช่นนั้นหรือ ฝันไปเถอะ หญิงร่านง่าย ๆเช่นเจ้า ข้ามิอยากได้เป็นภรรยาหรอก แต่เมื่อข้าเสนอไปแล้ว เจ้ามิรับก็แล้วแต่เจ้า อย่ามาว่าข้าทีหลังก็แล้วกันว่าไม่รับผิดชอบ ”
จากนั้นแม่ทัพหนุ่มก็เดินออกจากห้องนอนน้อย ๆ ของจินเยว่ไป อย่างหัวเสียที่นางดื้อดังกล้าแข็งข้อกับเขา ทั้ง ๆ ที่ตกเป็นของเขาไปแล้วเช่นนี้
ฝ่ายจินเยว่นางตะลึงงันกับวาจาที่บาดเข้าไปในใจของนาง วาจาของเขามันเหมือนกับเอามีดมากรีดใจของนางเป็นริ้ว ๆ มันเจ็บจนนางร่ำไห้ออกมาอย่างเจ็บปวดใจเหลือเกิน นางกรีดร้องไห้ออกมาด้วยน้ำเสียงเยียบเย็นเหมือนกลั่นความเจ็บปวดสุดแสนออกมาจากอก ปล่อยให้น้ำตามันไหลลงมาไม่ขาดสายเผื่อหัวใจที่เจ็บช้ำเกินจะทนของนางจะได้บรรเทาไปบ้าง
เสียงกรีดร้องของนางดั่งสัตว์ที่ติดแร้วของนางพราน แล้วดิ้นไม่หลุด ยิ่งดิ้นยิ่งเจ็บปวดเพราะบ่วงแร้งที่ผูกมัดนางเอาไว้นั้น มันยิ่งบาดเข้าไปในผิว ยิ่งดิ้นยิ่งเจ็บปวดปางตาย นางร้องจนไม่มีน้ำตาจะไหลออกมา นางร้องไห้เพราะเจ็บใจตนเอง นางรักอสูรกายผู้นั้นไปได้เช่นไร
รักคนที่หัวใจดำยิ่งกว่าอีกาที่ขัดกับใบหน้าที่หล่อเหลาของเขา เขาเลือดเย็นเหลือเกิน ทำดังว่านางต่ำต้อยด้อยค่าเป็นหญิงไม่มีราคา เขาอยากเหยียบย่ำนางเพียงไรก็ทำได้ ช่างเจ็บปวดจริง ๆ เขาไม่อยากมีภรรยาเช่นนาง เพราะนางต่ำต้อยเกินไป ไม่คู่ควรกับท่านแม่ทัพใหญ่เช่นเขา
นางมิโทษใครนอกจากตนเองที่มันโง่เง่ามองคนไม่ออก เขาคงจะรังเกียจนางมาก และในใจของเขาคงจะดูแคลนนาง ว่าเป็นเช่นบ่าวในเรือน ถึงได้พูดจาเช่นนั้นออกมา แล้วอย่างนี้เขาจะอยากได้นางเป็นภรรยาออกหน้าออกตา ที่เขายอมรับกับใคร ๆ ได้เต็มปากเช่นนั้นหรือ
นางช่างไร้เดียงสาเสียจริง ๆ ที่คิดอะไรโง่เง่าเช่นนั้น ทั้ง ๆ ที่นางเองก็รู้ว่าเขามีสตรีอื่น ที่เขาหมายมั่นปั้นมือจะแต่งงานกับนาง รับสตรีนางนั้นเป็นฮูหยินแล้วแท้ ๆ ก็ยังยอมให้เขาย่ำยี เมื่อเขาได้ดังใจแล้วเขาก็เหยียบย่ำนาง ทิ้งนางไปทันทีที่ได้ตัวของนางแล้ว เจ้ามันโง่……จินเยว่ เป็นหญิงที่โง่งมจึงได้เจ็บปวดเช่นนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ต่อไปนี้นางจะพยายามลืมบุรุษผู้นี้ออกไปจากใจ นางจะพยายามหาทางย้ายออกไปจากจวนแห่งนี้ให้เร็วที่สุด นางไม่อยากเห็นหน้าของเขาอีก สิ่งที่เสียไปเมื่อคืนนี้นางจะคิดว่าตอบแทนบุญคุณของสกุลเฉินของเขาก็แล้วกัน ที่ให้ที่อยู่ที่กินนางมาหลายปี
ต่อไปนี้มิมีสิ่งใดติดค้างกันอีก แต่นางยังจะหาทางตอบแทนฮูหยินผู้เฒ่า ผู้มีเมตตาที่ดีกับนางเสมอมา เพราะเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับฮูหยินผู้เฒ่า นางไม่อยากจะรักบุรุษหน้าไหนอีกแล้ว ไม่อยากจะเจ็บปวดซ้ำซากกับคนที่ไม่เห็นค่าของนาง นางคิดว่าจะหาทางทำมาหากินด้วยตนเอง นางจะต้องหาทางย้ายออกไปจากจวนแห่งนี้ให้เร็วที่สุด
นางร้องไห้จนตัวโยน ร้องจนนำ้ตามันไม่มีจะไหลออกมาอีกแล้ว และเริ่มรู้สึกเจ็บแสบที่คอจึงพยายามหยุดร้องไห้ เมื่อครุ่นคิดหาทางออกให้กับตนเองได้แล้ว นางก็สบายใจขึ้น ครั้งนี้คิดว่าเสียว่านางซื้อความโง่ของตนเอง จินเยว่คิดปลุกปลอบใจตนเอง
ขณะนั้นมู่หลันเปิดประตูเดินเข้ามาในห้องนอนของจินเยว่ เพราะเห็นว่าสายป่านนี้แล้วมองไม่เห็นสหายรักมาที่เรือนของท่านย่า จึงได้เดินมาหานางที่เรือน
เมื่อเข้ามาในห้องนอนของสหายแล้ว นางก็เพ่งพิศดูใบหน้านวลของจินเยว่ชัด ๆ นางมองดวงตาที่บวมช้ำดังเช่นคนที่ผ่านการร้องไห้อย่างหนักมา มู่หลันตะลึงงันแล้วรีบตรงเข้าไปสอบถามเรื่องราวว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
“ เกิดอะไรขึ้น เยว่เอ๋อ เหตุใดตาของเจ้าถึงได้บวมช้ำมากเช่นนั้นล่ะ เกิดอะไรขึ้นกันแน่ หรือว่าเป็นท่านพี่มู่หยางที่รังแกเจ้า หรือว่าเป็นสตรีของเขาที่ทำให้เจ้าเสียใจอีกแล้ว บอกข้ามา ” จินเยว่ยิ้มเศร้า ๆ ให้กับมู่หลัน
“ เขารังแกข้าไม่ได้อีกต่อไปแล้ว ต่อไปนี้ข้าจะไม่ยอมให้เขามารังแกข้าฝ่ายเดียวอีกแล้ว ต่อไปนี้ข้ากับเขาไม่ยุ่งเกี่ยวกัน ไม่ต้องพูดชื่อเขาให้ข้าได้ยินอีก ”
มู่หลันนิ่งงันไปครู่ใหญ่นางคิดว่านางรู้ว่าท่านพี่ของนางต้องรังแกหรือพูดจาบ้า ๆ ให้จินเยว่เสียใจอย่างมากแน่ เพราะครั้งนี้นางถึงกับออกปากว่าไม่อยากได้ยินชื่อของเขาด้วยซ้ำไป เกิดอะไรระหว่างพวกเขากันแน่น มู่หลันจ้องมองใบหน้าและดวงตาที่แดงช้ำของสหายรักอย่างเป็นกังวล
ส่วนแม่ทัพหนุ่ม เขาไม่รู้ว่าเกิดสิ่งใดขึ้นกับตนเอง เพราะอยู่ ๆ เขาก็โมโหจินเยว่ขึ้นมา และออกปากบอกว่าเขารับนางได้เพียงแค่นางบำเรอลับ ๆ เพราะอะไรก็ไม่รู้ทำให้เขาพูดจาเช่นนั้นกับนางออกไป มันเป็นเพราะอยู่ ๆ เขาก็เกิดคิดถึงสตรีอีกนางขึ้นมา กลัวนางจะเสียใจที่ตนเองเกิดมาได้จินเยว่เป็นภรรยาอีกคน
อยู่ๆ ก็เกิดเป็นห่วงความรู้สึกของหนิงอันขึ้นมา และอยากจะพบหน้าของนางเป็นอย่างมาก มันเกิดบ้าอะไรขึ้นกับเขาก็ไม่รู้ได้ อยู่ ๆ เขาก็อยากจะเห็นหน้าของหนิงอัน รักนางขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ และอยากจะกอดนางเอาไว้แนบอก
แม่ทัพหนุ่มอยู่ ๆ ก็คิดถึงหนิงอันขึ้นมาอย่างมากจนทนไม่ได้ เขาเร่งสาวเท้าตรงไปหาหนิงอันที่เรือน แม้จะแปลกใจตนเองที่อยู่ ๆ ก็อยากจะกอดนาง ปลอบประโลมนาง และโอบร่างของนางเอาไว้แนบอกแกร่งของเขา แม่ทัพหนุ่มเองก็ไม่รู้ว่าเกิดสิ่งใดขึ้นกับตัวเองกันแน่ แต่ก็ห้ามตนเองไว้ไม่ได้ เขารู้แต่ว่าต้องไปพบหนิงอันให้เร็วที่สุด เหมือนหัวใจของเขาจะขาดรอนๆ เสียให้ได้ หากไม่ได้พบหน้าของนางในตอนนี้
ขณะที่เรือนหนึ่งที่เป็นสตรีของแม่ทัพหนุ่มเช่นกัน เป็นคนรักแรก ที่เขาและนางเคยรักกันมาก นางกำลังร้องไห้เสียอกเสียใจกับท่าทางของพี่มู่หยางของนางที่ดูไม่ได้แยแสนาง ไม่ได้ทะนุถนอมนางดังเช่นตลอดค่ำคืนที่ผ่านมาที่เขาพร่ำบอกว่าเขารักนาง แต่พอตอนเช้าขึ้นมาเขาก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคน
แต่จินเยว่กลับคิดไปว่าเขาแค่เพียงเสียดายนางขึ้นมา แต่ก็ไม่ได้รักนางแล้ว เพียงแค่หวงก้าง และไม่พอใจที่เห็นว่านางดูเหมือนเริ่มจะเปิดใจให้ชายคนอื่น และเมื่อได้ตัวของนางแล้วเขาก็จากไปเช่นเดิม ไม่ได้สนใจนางอีกต่อไป
หลังจากที่ไม่ได้ย่างกรายออกไปจากเรือนของตนเองมาหลายวัน เพราะจิตใจยังไม่เข้มแข็งพอ จินเยว่ที่เริ่มทำใจได้บ้างแล้ว ก็เริ่มกลับมาเข้มแข็งใหม่อีกครั้ง นางเริ่มตระหนักว่า การไม่มีบุรุษก็ใช่ว่าจะขาดใจตาย แต่หากไม่มีอะไรตกถึงท้องต่างหากที่จะทำให้ตายได้ นางจึงพยายามหักห้ามใจไม่ให้คิดถึงคนผู้นั้นอีก แล้วก็จะเริ่มต้นชีวิตใหม่ของตนเองเสียที
นางคิดจะไปขออนุญาตฮูหยินผู้เฒ่าและท่านยายของนางเพื่อจะไปทำงานที่ร้านผ้าไหมของจางเล่อถง เพราะเขาเคยปรารภว่าต้องการให้นางไปฝึดหัดดูแลร้านค้าที่เพิ่งจะเปิดใหม่ของเขา อยากให้นางเรียนรู้งานค้าขายเอาไว้ เผื่อวันข้างหน้านางอาจจะใช้การค้านี้เลี้ยงตนเองได้ ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาบุรุษอีกต่อไป
ตอนแรกมู่หลันเม้มปากของนางเอาไว้แน่นไม่ยินยอมให้เจ้าคนร้ายกาจนั่น สอดลิ้นสากที่ไล้เลียริมฝีปากของนางอยู่เข้าไปในปากจิ้มลิ้มของนางอย่างเด็ดขาด แต่แล้วเพียงไม่นาน มู่หลันก็เคลิบเคลิ้มยอมเผยอริมฝีปากอิ่มของนางให้ลิ้นสากที่ร้อนรุ่มของเล่อถงเข้ามาชิมความหวานในปากของตนเอง ทั้งยังเข้าเกี่ยวพันลิ้นเล็กแสนนุ่มนิ่มของนาง จนร่างงามสั่นสะท้านไปหมด ในที่สุดก็ไร้เรี่ยวแรงเอนกายพิงอกแกร่งของเขาอย่างเต็มใจเพราะที่จริงแล้วภายในใจของมู่หลันนั้น แทบจะเต้นระบำรำฟ้อน เพราะนางหลงรักจางเล่อถงมานานแล้ว แต่เขาไม่เคยสนใจนางเลย เอาแต่ตามติดจินเยว่ทั้ง ๆ ที่รู้ว่านางกับพี่ใหญ่รักกัน เขาไม่เคยหันมามองมู่หลันเลยสักครั้ง จนนางเคยน้อยใจว่านางไร้ความงามจนถึงขนาดที่ไม่เคยอยู่ในสายตาของเขาเลยหรือ แม้นางจะรักจินเยว่มาก แต่นางก็อดที่จะน้อยใจไม่ได้ ว่าเหตุใดสหายวัยเด็กที่อยู่ร่วมกันมาตั้งแต่ยังเล็ก ๆทั้งพี่ใหญ่ ทั้งเล่อถง เอาแต่ตามติดและคอยเอกอกเอาใจแต่จินเยว่ นางเหมือนไร้ตัวตน พี่ใหญ่นั้นนางไม่ว่าอะไรเพราะนางเต็มใจที่จะได้จินเยว่เป็นพี่สะใภ้ แต่เล่อถง บุรุษไร้หัวใจผู้นั้น ไม่เคยมองมาที่นางเลย แม้นางจะเฝ้าปรุงแต่งโฉมเพ
หนิงอันเชื่อตามสัญชาตญาณของตนเองว่าสาวใช้นางนี้ไม่ได้พูดปด จึงพยักหน้าแล้วก็ตัดสินใจก้าวกลับขึ้นไปบนรถม้า แล้วบอกกับคนขับว่านางจะว่าจ้างให้ไปส่งที่เมืองใกล้ชายแดนแทน ที่นั่นเป็นบ้านเกิดของนาง คนขับรถพยักหน้า แล้วหนิงอันก็ก้าวกลับเข้าไปในรถม้าตามเดิม เมื่อทรุดนั่งลงแล้ว นางก็เปิดผ้าม่านข้างรถม้าออกจ้องมองไปที่จวนแม่ทัพเฉินเป็นครั้งสุดท้าย แม้นางจะรักชายผู้นั้นมาก แต่นางเองก็รู้แก่ใจว่าเขาไม่ได้รักนาง เพียงแต่นางใช้ยาเสน่หารัญจวนเพื่อชักจูงจิตใจเขาเท่านั้น แต่หากมันหมดฤทธิ์ไปแล้วก็ไม่มีประโยชน์ที่จะพบหน้ากันอีกเพราะเขาไม่ได้รักนางด้วยหัวใจที่แท้จริงของเขา แต่มันคือการบังคับเขาด้วยฤทธิ์ของยาพิษ มือบางขอหนิงอันปล่อยผ้าม่านลงให้มันปิดสนิทดังเดิม แล้วก็นั่งเอนกายพิงรถม้าแล้วก็หลับตาลงอย่างปลงกับชีวิตที่พลิกผันของตนเองแล้วตัดสินใจว่าอย่างน้อยนางก็ไม่ถูกโทษทัณฑ์ ไปจากที่นี่แล้วไปเริ่มต้นใหม่ที่เมืองอื่น อย่างน้อยนางพอมีวิชาแพทย์และความรู้เรื่องสมุนไพรติดตัวอยู่บ้าง คงจะพอใช้มันเลี้ยงชีพได้ หนิงอันหลับตาลงน้ำตาหยดหนึ่งไหลลงมาอาบแก้มของนาง นางยกมือขึ้นเช็ดมันทิ้งไปอย่างรวดเร็วและสลัดความคิดค
แม่ทัพหนุ่มเหยียดยิ้ม แล้วก็เอ่ยขึ้นอย่างหน้าตาเฉยว่า“บังเอิญข้า มีความชอบไม่เหมือนผู้อื่นเสียด้วย ข้าชอบมีอะไรกับคนที่เกลียดข้า มันสะใจดี ข้าไม่ชอบคนที่ชอบข้า เกลียดกันก็มีอะไรกันได้ไม่จำเป็นต้องรักกัน อย่างที่เจ้าก็เห็นเมื่อคืนนี้ด้วยตนเองแล้ว ว่ามันสุขสมเพียงไร เจ้าก็เตรียมตัวเป็นนางบำเรอข้าเช่นนี้ หากข้าอยากนอนกับเจ้าเมื่อใดข้าก็จะมาหา แต่เจ้าอย่าหวังจะได้พบบุรุษที่ไหนอีกเลย ข้าจะให้องครักษ์เฝ้าเจ้าไว้ไม่ให้ออกนอกจวนเด็ดขาดข้าจะสั่งให้บ่าวจับตามองเจ้าทุกฝีก้าว เจ้าอยากได้อะไรก็บอกสาวใช้ก็แล้วกัน ข้าจะให้พ่อบ้านหาไว้รับใช้เจ้าสักคน แต่ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าออกไปจากจวนเด็ดขาด ข้าจะบอกผู้อื่นว่าเจ้าเป็นเมียข้า แต่แท้จริงแล้วเจ้ามีฐานะเป็นเพียงนางบำเรอของข้าเท่านั้น พอใจเจ้าหรือยังเล่า”แม่ทัพหนุ่มบอกกับนางด้วยน้ำเสียงเยาะหยัน เมื่อง้องอนดี ๆ แล้วไม่ยอมคืนดีสักที ไม่ยอมรับว่าเป็นฮูหยินของเขา เช่นนั้นก็เป็นนางบำเรอก็ได้ แต่อย่างไรก็ได้ชื่อว่าเมียเหมือนกัน และเขาจะไม่ยอมให้นางหนีไปมีบุรุษใดได้อีก อย่าคิดฝันว่าจะได้สมหวังกับเจ้าเล่อถงนั่นเลย ข้ารู้นะว่ามันหลงรักเจ้า มันถึงยอมทุ่มเทช่วยเจ้
แม่ทัพหนุ่มก็ทนต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว เพราะเขาสะกดกลั้นความต้องการของตนมานานแล้ว เพราะต้องการสั่งสอนภรรยาแสนดื้อเช่นนาง เขายกสะโพกหนาขึ้นเสยเข้าหานางแล้วเร่งความเร็ว ๆ ขึ้นเรื่อย ๆ เป็นบดขยี้ ถี่ยิบและเน้นหนัก ขึ้นหานางจนกระทั่งแตกระเบิดพร่างพรายไปด้วยกันอีกครั้งแล้วพลิกร่างอวบอิ่มของนางลงด้านล่าง แล้วก็สอดอาวุธคู่กายของเขากลับเข้าไปอีกครั้ง แล้วโยกขย่มนางอย่างเร่าร้อน เร่งกระแทกกายแกร่งเข้าสุดออกสุด และบดขยี้อย่างเน้นย้ำทุกจังหวะที่โจ้นจ้วง ตอกย้ำแรง ๆ ถึงความมีตัวตนของตนเอง ดังจะย้ำเตือนกับนางว่าเขาคือสามีของนาง สามีที่ยังรักนาง โหยหาและต้องการนางสุดหัวใจ“เยว่เอ๋อ โอ้วววว โอ้ววว เยว่เอ๋อ ยอดรักของข้า เจ้าคือภรรยาเพียงหนึ่งเดียวของข้า ข้ารักเจ้า โอ้ววว โอ้ววว”แม่ทัพหนุ่มร้องครวญครางเรียกสตรีในหัวใจด้วยเสียงแหบพร่าดุจโหยหานางเหลือเกิน บั้นเอวสอบโยกไหวรัวเร็วและถี่ยิบแต่สิ่งที่นางตอบสนองเขาก็คือ “อ๊าย อ๊ะ อ๊ะ ข้าเกลียดท่าน ข้าเกลียด อ๊าย อ๊ะ”แม่ทัพหนุ่มยกยิ้มน้อย ๆ ที่นางบอกว่าเกลียดเขา เขาจึงยิ่งกระแทกเข้าออกแรงขึ้นอีก เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังก้องในห้องน้อยนั้น เตียงสี่เสาหลังใหญ่ในห้
“ อ๊าย ข้าเจ็บ อย่านะ ไม่ อย่าทำเช่นนี้ ไม่….. ” นางดิ้นรนไปมา พยายามจะดิ้นหนีออกไปให้ไกลจากการรุกรานของเขาแต่แล้วก็พบว่าข้อมือตนเองถูกมัดติดกับหัวเตียง นางกรีดร้องเสียงดังยิ่งขึ้นเพราะตกใจ ที่อยู่ ๆ ก็ตื่นมาพบว่าตนเองถูกมัดมือมัดเท้าเอาไว้ และนอนแผ่กางแขนและขาอยู่บนเตียงในห้องที่ใดก็ไม่รู้ แต่ที่แน่ๆ ไม่ใช่ห้องพักห้องเล็กที่อยู่บนร้านผ้าไหมแน่ ๆ “ ช่วยด้วย อย่านะ ท่านแม่ทัพ อย่านะ อย่า อ่่าาา อ่าาาาห์ ” เมื่อเขาสอดนิ้วเข้าไป เขาพบว่ามันแห้งสนิทและคับแน่นยิ่งนัก นิ้วแกร่งของเขาแทบจะดันเข้าไปไม่ได้ เขายกยิ้มพอใจ นางยังมิได้ถึงกับมีอะไรกับเจ้าจางเล่อถงนั่น ตอนนี้เขาสบายใจขึ้นมากเพราะลงมือพิสูจน์ด้วยตนเองแล้ว ว่านอกจากเขาแล้วยังมิมีชายใดมากล้ำกลายนาง ถ้าเช่นนั้นวันนี้จะต้องตอกย้ำความเป็นสามีของนาง เพื่อให้นางรู้ว่านางมีเจ้าของแล้ว และเขาจะไม่ยอมให้นางหนีเขาไปได้อีกเป็นอันขาด เขาจะขังนางเอาไว้ที่จวนของสหายของเขาที่เมืองหนิงโจวแห่งนี้ เพราะที่นี่ไม่มีใครรู้จัก ไม่มีใครจะติดตามทั้งเขาและนางมาได้ ที่นี่เป็นจวนของสหายของเขา ที่เขาส่งจดหมายไปขอยืมเพื่อจะพำนักชั่
“แต่ข้าไปก็ได้นะ แต่เจ้าก็ต้องกลับไปกับข้าด้วย เจ้ากลับข้าก็กลับ หากเจ้าไม่กลับข้าก็จะปักหลักอยู่กับเจ้าที่นี่แหละ”แม่ทัพหนุ่มยืนกราน เพราะเขาไม่มีทางถอยแน่ ๆ เพราะดูท่าแล้ว นางกำลังจะหนีเขาไป เพราะถึงกับย้ายออกมาอยู่ที่ร้านแห่งนี้ และคงวางแผนที่จะหนีไปแต่งงานหรือไม่ก็ยอมเข้าเรือนหลังของเจ้าเล่อถงแน่ ๆ ซึ่งเขาไม่มีทางยอมหรอก หากนางจะทำเช่นนั้น เขาจะอาละวาดให้งานแต่งของนางล่มแน่ ๆ หรือก็จะตามไปอาละวาดทุกๆ ที่ ที่นางไปอยู่กับชายใดก็ตาม ให้มันรู้กันไปสิ เมียคนเดียวเขาจะพากลับไปไม่ได้“ข้าไม่กลับไปกับท่าน เราไม่ได้เป็นอะไรกัน เพราะฉะนั้นท่านจะมาบังคับข้าไม่ได้ กลับไปเสีย หาไม่ ข้าจะฟ้องท่านย่าว่าท่านมาวุ่นวายรบกวนการทำงานของข้า”แม่ทัพหนุ่มยักไหล่ ฟ้องก็ฟ้องไปสิ เขาไม่ได้สนใจ เพราะเขาบอกท่านย่าแล้วว่านางเป็นภรรยาของเขาแล้ว เขามาเฝ้าเมียไม่ให้คิดจะคบชู้ มันผิดตรงไหน และนางก็ไม่ใช่คนตัวเปล่า สามีก็มานั่งเฝ้าอยู่ตรงนี้ ยังคิดจะหว่านเสน่ห์ชายอื่นได้อีก ใครผิดกันแน่ ๆ ก็เห็น ๆ อยู่ อย่างไรเขาก็ไม่ยอม จะให้ไปพบเจ้าเล่อถงที่จวนเขาก็ยินดี ไปบอกมันว่าสตรีที่มันหมายปองมีสามีแล้วหลังจากนั้นแม่ทัพ







