เจคอปแทบไม่มีสมาธิตลอดการประชุม เขาแคนเซิลนัดหมายหลังจากนั้น ไม่เว้นแม้กระทั่งคู่ขาสุดเซ็กซี่ที่เคยติดอกติดใจนักหนา เจคอปตรงดิ่งไปยังลานจอดรถ ท่าทางร้อนรนผิดวิสัยจนเจมส์มาร์ที่มายืนดักรอเขาต้องรีบวิ่งแจ้นตามมาสะกัดชายหนุ่มไว้
“พี่เจค พี่เจค! เดี๋ยวพี่ จะรีบไปไหน นี่ยังไม่หมดเวลาประชุมเลยนี่” เจมส์มาร์วิ่งทันคนตัวสูงจนได้ เจคอปจำต้องหันมาเผชิญหน้ากับคนที่เขาพยายามหลบหน้ามากที่สุด ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเจมส์มาดักรอเขาทำไม
“ฉันมีธุระด่วน มีอะไรก็รีบว่ามา”
“ผมจะถามเรื่องนาเดีย ผมติดต่อเธอไม่ได้เลย วันนี้ก็ไม่มาทำงาน ตั้งแต่เมื่อวานที่นัดกับพี่ ผมกลับเข้ามาที่ร้านก็ไม่เจอทั้งเธอทั้งพี่ เมื่อวานนาเดียบอกพี่ไหมครับว่าจะกลับก่อนหรือยังไง” เจมส์มาร์ร่ายยาวทีเดียว และมันก็เป็นเรื่องเดียวกับที่เจคอปคาดไว้จริงๆ
“ฉันจะไปรู้เหรอ เขาขอตัวไปเข้าห้องน้ำแล้วก็หายไปเลย ฉันเห็นแกหายไปด้วย คิดว่าคงตามกลับไปพร้อมแก ฉันก็เลยกลับมาเคลียงาน” เขาทำท่าจะเดินหนี แต่ถูกน้องชายวิ่งมาดักหน้า
ท่าทางร้อนรนจนดูมีพิรุทธ์ของเจคอปไม่อาจรอดพ้นสายตาของน้องชายอย่างเขาได้ “พี่แน่ใจนะ ว่าพี่ไม่ได้ทำอะไรแฟนผมจริงๆ” เจมส์มองค้อน เขานึกสงสัยตั้งแต่เห็นสายตาที่พี่ชายเขามองนาเดียแล้ว เจคอปจ้องนาเดียตาไม่กระพริบ สายตาแทบจะกลืนเธอเข้าไปทั้งตัว
“จะบ้าเหรอ ฉันว่าแกเลิกสนใจผู้หญิงคนนั้นแล้วไปคุยกับน้องมินเรื่องงานแต่งให้เรียบร้อยดีกว่า ผู้หญิงที่เพรียบพร้อมอย่างมินตรา หาไม่ได้ง่ายๆหรอกนะ ฉันไปล่ะ”
“อ้าว เดี๋ยวสิพี่ พี่เจค!”
เจคอปรีบบึ่งรถกลับคอนโด นึกโมโหคนตัวเล็กอย่างไม่มีเหตุผล เขาโมโหที่เห็นเจมส์มาร์เป็นห่วงเป็นใยนาเดียจนออกนอกหน้า ร่างใหญ่รีบร้อนขึ้นมาถึงหน้าห้อง คงต้องสั่งสอนยัยเด็กใจแตกให้รู้ถึงสถานะตัวเองอีกครั้ง ว่าหล่อนเป็นผู้หญิงของใครกันแน่
“นาเดีย ตื่นรึยัง นาเดีย” เขามองเข้าไปในห้องนั่งเล่นและห้องครัวว่างเปล่า หรือจะยังไม่ตื่น เขาตรงดิ่งไปยังห้องนอน แต่ภายในกลับเงียบสนิท ไร้เงาของร่างบอบบางที่ควรจะนอนซมอยู่บนเตียง
“นาเดีย!”
เจคอปเริ่มหงุดหงิดที่ไม่เห็นหญิงสาวอยู่ในห้องทั้งที่เขาสั่งเอาไว้แล้ว หากเธอไม่อยู่ในห้องน้ำละก็ เธอตายแน่!
เขาหาทุกซอกทุกมุมในคอนโดแล้ว แต่ก็ไร้เงาของตัวปัญหาที่เป็นสาเหตุให้สติของเขาไม่อยู่กับเนื้อกับตัวมาตลอดทั้งวัน แล้วนี่ เธอยังกล้าขัดคำสั่ง ไม่อยู่รอเขากลับมาอีก เจคอปมองเข้าไปในห้องนอน ข้าวของและเสื้อผ้าเธอไม่อยู่แล้ว ยาและน้ำบนโต๊ะก็ว่างเปล่า พร้อมเศษเช็คที่ถูกฉีกละเอียด
เพล้ง!!!!! แก้วน้ำถูกปาลงพื้นเพื่อระบายอารมณ์โมโหที่ปะทุขึ้น ไม่เคยมีใครกล้าลองดีกับเขาแบบนี้มาก่อน
“นาเดีย!!!!” เขากำหมัดแน่นราวกับว่าเธอกำลังอยู่ในฝ่ามือของเขายังไงยังงั้น
นาเดียสะดุ้งตื่นเพราะฝันร้ายที่แสนน่ากลัว เธอฝันว่ากำลังวิ่งหนีปีศาจ และสุดท้ายก็ถูกมันจับกินทั้งตัว เป็นฝันที่น่าสยดสยองจนเธอไม่สามารถข่มตานอนต่อได้
“ตี 5 แล้วเหรอเนี่ย ไปทำงานเลยก็แล้วกัน”
ร่างเล็กมาถึงที่ทำงานแต่เช้าตรู่ เธอคอยเหลียวหน้าเหลียวหลังอยู่ตลอดเวลา ไม่รู้ทำไมต้องคอยหลบหน้าเขาด้วย แต่พอนึกถึงภาพถ่ายใบนั้น เธอก็รู้สึกเจ็บแปร๊บขึ้นมาจนไม่กล้าเผชิญหน้ากับเขาอีก
“น้องเดีย!”
เสียงเรียกจากทางด้านหลังทำให้นาเดียหลุดจากภวังค์เศร้า
“พี่เจมส์! ทำไมมาเช้าจังเลยคะวันนี้” เธอส่งยิ้มหวานให้กับคนที่ดูท่าทางร้อนรน
“หายไปไหนมา เมื่อวานก็ไม่มาทำงาน พี่โทรไปก็ติดต่อไม่ได้ ไลน์ไปก็ไม่ตอบ พี่เป็นห่วงเราแค่ไหนรู้ไหม”
สายตาบ่งบอกความเป็นห่วงเป็นใยทำให้นาเดียอดใจเต้นแรงไม่ได้ “พี่ก็คิดว่าเราถูกพี่เจคทำอะไรซะอีก”
“หมายความว่ายังไงคะ” หรือว่าพี่เจมส์จะรู้เรื่องระหว่างเรากับผ.อ.!?
“ก็พี่เห็นพี่เจคมองเราตาไม่กระพริบเลย พี่ชายพี่เขาลีลาร้ายกาจมากเลยนะ อย่าเผลอไปหลงคารมล่ะ ฮะๆ” เจมส์มาร์พูดติดตลก แต่สาวน้อยกลับหน้าเห่อร้อนด้วยความอาย
“พี่พูดเล่นหรอกน๊าา ไปทำงานใช่ไหม พี่เดินไปส่ง”
“เอ่อ พี่เจมส์จะเดินไปส่งเดียทำไมคะ”
“เอ้า ก็เราเป็นแฟนกันนี่น๊า” เขาส่งยิ้มน่าหมั่นเขี้ยวมาให้ จนเธออดหยิกแขนเขาไม่ได้
“ฮ่ะๆ พี่เจมส์ละก็ เอ่อ เดียพึ่งนึกได้”
“หื่ม ว่าไงครับ?”
นาเดียหยุดเดิน เธอทำสีหน้าจริงจังจนเจมส์ต้องหุบยิ้มลง
“เดียว่าพี่เจมส์ลองคุยกับผ.อ.ตรงๆดีกว่าไหมคะ เรื่องคู่หมั้นพี่น่ะค่ะ เดียว่าผ.อ.เขาน่าจะเข้าใจนะ” สีหน้าหญิงสาวดูอมทุกข์อย่างเห็นได้ชัด แต่เจมส์ไม่รู้ว่าเพราะสาเหตุใด
“เดียมีปัญหาอะไรหรือเปล่าครับ หรือว่าพี่เจคเขาพูดอะไร...”
“ปะ เปล่าเลยค่ะๆ เพียงแต่เดีย... เดีย...”
เห็นท่าทางลำบากใจของนาเดีย เขาจึงยอมแพ้
“โอเค ก็ได้ครับ ถ้าน้องเดียลำบากใจ พี่จะคุยกับพี่เจคเอง”
นาเดียเผยยิ้มด้วยความโล่งอก เพราะถ้าหากเธอยังคิดที่จะทำงานอยู่ที่นี่ แล้วต้องมีปัญหากับเจ้าของโรงพยาบาลละก็ ชีวิตการทำงานของเธอคงจะไม่ราบรื่นแน่ และนอกเหนือจากนั้น เธอก็ไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับเขาอีกแล้ว
“พี่เจมส์ส่งเดียแค่นี้แหละค่ะ ขอบคุณที่เดินมาส่งนะคะ” นาเดียโบกมือเป็นเชิงเอ่ยลา เธอกำลังจะแยกจากเจมส์มาร์ แต่กลับถูกอีกฝ่ายดึงเข้าไปกอด ซ้ำยังทำในสิ่งที่เธอไม่คาดคิด! “ตั้งใจทำงานนะครับที่รัก เดี๋ยวตอนเย็นพี่ไปรับนะครับ จุ๊บ!”
เจมส์มาร์หอมแก้มนาเดียฟอดใหญ่โดยไม่สนใจว่าหญิงสาวจะตกตะลึงมากแค่ไหน แล้วเธอก็เหมือนจะรู้สาเหตุเมื่อหันมาเผชิญหน้ากับสายตาดุดันของสาวสวยที่เธอเคยเจอที่ร้านกาแฟ
“อ้าวคุณเมย์ มาทำอะไรที่โรงพยาบาลแต่เช้าครับ” เจมส์มาร์เอ่ยทักเสียงใส
“ตอนแรกก็ตั้งใจว่าจะมาหาคุณนั้นแหละค่ะ แต่ตอนนี้เปลี่ยนใจแล้ว” สาวสวยตรงหน้ามองนาเดียสลับกับเจมส์มาร์ด้วยแววตากรุ่นโกรธ ก่อนจะหันหลังเดินหนีไปโดยไม่หันมาสนใจเสียงเรียกของเจมส์
“ขอโทษทีนะน้องเดีย พี่ขอตัวก่อนนะครับ” เขาก้มศีรษะเล็กน้อยเป็นเชิงขอโทษเธอ ก่อนจะวิ่งตามร่างอรชรไปอย่างรวดเร็ว นาเดียยกมือขึ้นลูบใบหน้าที่ยังร้อนผ่าว เธอตื่นเต้นไปกับสัมผัสแผ่วเบาของเจมส์ ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าเขาแค่ใช้เธอเป็นเครื่องมือยั่วให้ผู้หญิงคนนั้นหึง เธอแพ้ผู้ชายใจดีและอ่อนโยน และเจมส์มาร์ก็มีครบทุกอย่าง
เสียงบรรเลงบทเพลง Classic จากวง orchestra ชื่อดังระดับโลกกำลังประสานเสียงจากเครื่องดนตรีหลากหลายชนิดขับกล่อมออกมาในบทเพลง 'Four Season'บทเพลงที่มีท่วงทำนองไพเราะที่ฟังกี่ครั้งก็ยังคงตราตรึงหัวใจคนฟัง เหล่าบรรดาคนดังของประเทศอเมริกา ทั้งนายแบบนางแบบชื่อดัง ทั้งเหล่าคณะรัฐมนตรี รวมไปถึงบรรดาไฮโซทั้งหลาย ต่างพร้อมใจกันมารวมตัว ณ Hall ขนาดใหญ่ที่จุคนได้นับหมื่น และหนึ่งในบรรดาคนดังเหล่านั้น ก็รวมถึงศาสตราจารย์ดอกเตอร์นายแพทย์เจคอป บดินพิทักษ์ นายแพทย์ชื่อดังที่พึ่งได้รับการยกย่องจากองกรค์แพทยสภาของอเมริกาให้เป็นนายแพทย์ผู้มากความสามารถซึ่งเป็นแกนนำหลักสำคัญในการพัฒนาวงการแพทย์ให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น เพราะในช่วง 15 ปีนับตั้งแต่ที่เขากลับมาดูแลกิจการต่อจากผู้เป็นบิดา เขาก็ค่อยๆขยายสาขาไปจนครอบคลุมทั่วทุกรัฐในอเมริกา ทำให้ชื่อเสียงของเขากลายเป็นที่รู้จักอย่างรวดเร็วในฉายา'อาชาแห่งวงการแพทย์'ทั้งๆที่ได้รับเกียรติจากท่านคณะรัฐมนตรีกลาโหมโดยตรงสำหรับตั๋วที่นั่งชั้นลอยระดับวีไอพี แต่แขกคนสำคัญคนดังกล่าวกลับไม่ได้นั่งอยู่ในที่ที่ถูกจัดไว้ให้หลังม่านพลิ้วไหวบนชั้นลอยระดับวีไอพี ปรากฏร่างของชายหญิง
ตอนพิเศษเล็กๆเจคอปผละออกจากร่างบาง “แต่งตัวสิ”เขาลุกขึ้นจากเตียงพร้อมกับเดินไปหยิบเสื้อผ้าตัวใหม่ที่ดูเป็นทางการออกมาจากตู้เสื้อผ้า“จะไปไหนเหรอคะ” นาเดียเอ่ยถามด้วยความสงสัย มองแผ่นหลังที่กำลังยัดแขนลงไปในเสื้อเชิ้ต“กลับบ้านเดียไง” เขาพูดโดยไม่ได้หันมามองหน้าคนตัวเล็ก จึงไม่เห็นว่าร่างบางมีสีหน้าอึ้งกับคำพูดของเขาแค่ไหน แต่เขาก็พอจะเดาได้ จึงหันกลับมาทั้งที่ยังติดกระดุมไม่เสร็จ “ไปขอลูกสาวจากท่านทั้งสองไง” รอยยิ้มร้ายปรากฏบนใบหน้าคนสูงวัยเขาไม่มีเวลามากพอจะจัดพิธีรีตองอะไรมากมาย เพราะอีกไม่นานก็ต้องกลับอเมริกาแล้ว เขาอดใจรอที่จะบอกข่าวดีให้กับพ่อแม่ที่รออยู่ทางโน้นแทบไม่ไหว อายุจนปูนนี้แล้ว พึ่งจะรู้สึกอยากเลี้ยงลูก“ตอนนี้พี่อายุ 37 คงต้องรีบมีน้องอีกคนไวไวแล้วล่ะ เดี๋ยวแก่เกินจะเดินตามลูกไม่ทัน” รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏบนใบหน้าร่างสูง แต่คนตัวเล็กกลับมีสีหน้าแดงก่ำกับคำพูดชวนทะลึ่ง“บะ บ้าเหรอคะ” นาเดียยิ้มจนแก้มแทบปริ ก่อนร่างกายจะถูกโอบอุ้มจนตัวลอยขึ้นจากพื้น เจคอปถูไถใบหน้ากับหน้าท้องแบนราบ ก่อนจะประทับจูบอย่างแผ่วเบา “ขอให้เป็นลูกสาวทีเถอะ”เจคอปค่อยๆวางคนตัวเล็กลงบนพื้นอย่างท
ย้อนกลับไปเมื่อราวสองเดือนก่อนหน้านี้…เจคอปรับสายจากทางไกล เป็นหมายเลขที่โทรมาจากอเมริกา“ครับป๊า”“ป๊ามีเรื่องสำคัญจะคุยกับเจค ตอนนี้โรงพยาบาลที่อเมริกากำลังเกิดปัญหาอย่างหนัก ป๊าอยากให้ตาเจมส์หรือเจค เราคนใดคนหนึ่งกลับมาดูแลกิจการที่นี่ แต่ใจป๊าอยากให้ตาเจมส์เป็นคนกลับมา เพราะที่นี่ไม่ได้มีสาขามากมายเหมือนที่ประเทศไทย เจ้าคนเสเพลอย่างตาเจมส์คงจะจัดการได้ไม่เหนือบ่ากว่าแรง” เรื่องสำคัญจากปากคนเป็นพ่อทำให้ผมต้องชะงักฝีเท้าที่กำลังก้าวเดินอยู่ อดนึกถึงน้องชายไม่ได้ จริงอย่างที่พ่อเขาว่า ที่ประเทศไทยมีโรงพยาบาลที่อยู่ใต้อาณัติของครอบครัวเขาอยู่ทั่วเกือบทุกจังหวัด ทำให้ปัญหาและภาระงานที่ต้องรับผิดชอบมีมากมายกว่าที่โน้นมากโข แต่ปัญหามันอยู่ที่ว่า...“แล้วเรื่องงานหมั้นระหว่างหนูมินกับตาเจมส์ไปถึงไหนแล้ว ป๊าอยากให้หมั้นเช้าแล้วก็แต่งเย็นไปเลยทีเดียว ตอนตาเจมส์กลับมาจะได้พาหนูมินกลับมาด้วย ซินดี้เขาคิดถึงหนูมินน่าดู” ในที่สุดคำถามที่ผมกลัวคนเป็นพ่อจะถามก็หลุดออกมาจนได้ ทั้งๆที่งานหมั้นระหว่างตาเจมส์กับยัยมินควรจะเสร็จลุล่วงเป็นที่เรียบร้อยไปแล้ว แต่เพราะปัญหาหลายอย่างที่เกิดขึ้น ทำให้ยังคา
“อ๊ะ พะ... พี่เจค” ไม่ทันที่ร่างบางจะทันได้เอ่ยความใน ปากหนาก็ชิงประกบจาบจ้วงเอาทุกคำที่คิดว่าร่างบางจะเอ่ยคำปฏิเสธออกมา นาเดียเบิกตามองเขาด้วยความตื่นตะลึง เขาหมายความว่าอะไร เขารู้แล้วเหรอว่าเธอท้อง แต่เขาจะรู้ได้ยังไง“อื้มมม อ่ะ...พะ... อื้มมม” ครั้นจะส่งเสียงอะไรก็ตามที่คิดอยากจะพูด เจคอปจะคอยส่งลิ้นเข้าหาเพื่อห้ามปรามเธอเสียทุกครั้งไป จนร่างบางหมดความพยายามที่จะเอ่ยถามข้อสงสัย ปล่อยตัวปล่อยใจไปกับความสุขสมที่เขาปรนเปรอให้ มือเล็กที่เคยดันอยู่ตรงแผงอกเปลี่ยนไปโอบรอบลำคอของเขาเอาไว้ ท่าทางเหมือนจะไม่ได้ปฏิเสธเรื่องลูกของเขาทำให้นาเดียเกิดความหวังเล็กๆขึ้นในใจเจคอปหลับตาแน่นก่อนจะคำรามออกมาเบาๆเมื่อได้ปลดปล่อยน้ำเชื้อพันธุ์ดีเข้าสู่ร่างกายคนตัวเล็กสมดังตั้งใจ เขาแช่ร่างกายค้างไว้ในตัวเธอ หวังให้ลูกๆนับพันล้านตัววิ่งเข้าไปหาไข่ใบเล็กๆเพียงใบเดียวที่อยู่ในร่างกาย เขาตั้งใจจะผูกมัดเธอด้วยวิธีที่เห็นแก่ตัว โดยที่ไม่รู้เลยว่าเขาได้ทำสำเร็จไปตั้งแต่ครั้งแรกที่ตั้งใจแล้ว“ถ้ามีเจคอปน้อยอยู่ในท้องเธอ เธอก็จะหนีพี่ไปไหนไม่ได้อีก” เขากระซิบความในใจแสนชั่วร้ายข้างใบหูคนตัวเล็ก และนั่นทำให้เธ
เปลือกตาปิดสนิทค่อยๆเปิดออก เผยให้เห็นแววตาที่สะท้อนแต่เพียงความเจ็บปวด เขายังไม่ได้หลับ เขาแค่รอดูว่ายัยตัวเล็กกำลังคิดจะทำอะไรกันแน่เขารู้ตัวตั้งแต่ตอนที่เปิดตู้เสื้อผ้าแล้ว มองปราดเดียวก็รู้แล้วว่าเสื้อผ้าของนาเดียหายไป เขาเหลือบมองไปยังโต๊ะก็พบว่าข้าวของต่างๆของเธอหายไปด้วย เธอกำลังคิดจะไปจากเขาบางทีการที่ต้องทนอยู่กับผู้ชายอารมณ์ร้อนอย่างเขามันคงทำให้เธอมีแต่ความทุกข์ บางทีสิ่งที่เขาพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองมาตลอดมันคงยังไม่ดีพอสำหรับเธอ บางทีความรักของเขามันคงไม่มีค่าพอจะเหนี่ยวรั้งเธอไว้บางที... เขาคงต้องปล่อยเธอไปเสียทีหัวใจดวงน้อยบีบรัดรุนแรงจนเกิดอาการเจ็บปวดรวดร้าว ภาพที่สะท้อนอยู่ในดวงตาพร่าเบลอเพราะเจ้าของดวงตามองมันผ่านม่านน้ำตาท้วมท้น นาเดียกวาดตามองไปรอบๆ คอนโดขนาดใหญ่ที่สร้างความทรงจำให้กับเธอมากมายทั้งรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ และคราบน้ำตา...หญิงสาวค่อยๆปิดเปลือกตาลง คล้ายจะเป็นการตัดใจจากผู้ชายอีกคนที่ยังคงนอนหลับสนิทอยู่ในห้อง มือเล็กเอื้อมไปจับลูกบิดประตูก่อนจะคาทิ้งไว้อย่างนั้นประตูบานเดียวกันนี้ที่เธอเคยเปิดมันออกเพื่อพาตัวเองออกไปจากห้องที่ไม่เคยอยากจะทนอยู่แม้
กิจวัตรยามเช้าระหว่างนาเดียกับเจคอปยังคงดำเนินไปตามปกติเหมือนเช่นทุกวัน เพียงแค่ไม่มีการสนทนาระหว่างทั้งคู่ไม่มีการเดินจับมือลงมาจากคอนโดไม่มีการจูบลาก่อนจะแยกกันไปทำงานไม่มีการส่งข้อความหาตลอดทั้งวันและไม่มีเธอหลงเหลืออยู่ในสายตาของเขาอีกแล้วก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูหน้าห้องทำงานของเจคอปดังขึ้น “เข้ามา”คำอนุญาตจากเจ้าของห้องทำให้คนที่อยู่ด้านนอกเปิดประตูเข้าไปด้านใน เจมส์มาร์มองพี่ชายของตัวเองกำลังง่วนอยู่กับเอกสารกองโต เจคอปยังอยู่ในสภาพเดิมเหมือนที่เขาแวะมาเมื่อตอนเช้าก่อนเข้าผ่าตัดไม่มีผิด และสภาพของผู้หญิงอีกคนที่เขาเห็นเมื่อสักครู่ ใบหน้าหมองเศร้าไม่ต่างกันเลย นี่คงจะยังไม่ได้ปรับความเข้าใจกันอีกสินะ“มีธุระอะไร” น้ำเสียงเย็นชาแบบที่อีกฝ่ายมักจะใช้เวลามีเรื่องทุกข์ใจหรืออยากซ่อนความรู้สึก มีหรือที่คนเป็นน้องอย่างเขาจะดูไม่ออก“เมื่อวานพี่คุยกับนาเดียรึยังครับ” เจมส์มาร์เอ่ยถามโดยไม่เกรงใจ เขานั่งลงโดยไม่รอให้คนตรงหน้าอนุญาต อยู่กับเจคอปมาร่วม 30 ปี พึ่งจะเคยเห็นพี่ชายมีความรัก แล้วน้องชายอย่างเขาจะยอมให้มันพังทลายลงเพียงเพราะความเย็นชาของคนตรงหน้าได้อย่างไร“ไม่มีอะไรต