เรียวขาขาวเนียนไร้ซึ่งสิวฝ้าให้รำคาญสายตา ทรวดทรงองเอวอวบอัดกระชับไปทุกสัดส่วนในชุดเกาะอกสีฉูดฉาดรับกับสีปากแดงก่ำ มองผิวเผินคงไม่มีใครนึกว่าเธอจะเป็นพยาบาลในโรงพยาบาลแห่งนี้ ก็สาวเจ้าเล่นแต่งองค์ทรงเครื่องเสียครบครั้น ทั้งรองเท้าส้นแหลม กระโปรงสั้นเต่อจนแลจะเห็นแก้มก้นอยู่รอมร่อ หญิงสาวยืนกอดอกเฝ้ามองนาฬิกาในข้อมือ เหมือนกำลังรอคอยอะไรบางอย่าง
มันกลายเป็นกิจวัตรประจำวันของวาววาไปเสียแล้วที่ต้องมายืนคอยเจคอปที่ลานจอดรถทุกวัน การที่เธอได้เดินเข้าไปในโรงพยาบาลพร้อมกับเขาทุกเช้า เป็นเหมือนการประกาศศักดาให้เหล่าบรรดาผู้หญิงทั้งหลายที่จ้องจะจับเขาได้รู้ว่าใครกันแน่ที่เป็นตัวจริง เธอรู้วิธีเอาอกเอาใจผู้ชาย และแน่นอน เธอฉลาดมากพอที่จะไม่โทรตามเขา แม้ว่าวันนี้เขาจะมาผิดเวลาไปกว่าครึ่งชั่วโมงแล้วก็ตาม
“เดี๋ยวพี่เจคก็มาแล้วล่ะวาววา เขาพึ่งวนรถมาส่งฉันเมื่อกี้นี่เอง สงสัยจะแวะไปซื้อกาแฟละมั้งจ๊ะ ไม่ต้องชะเง้อขนาดนั้นก็ได้ เดี๋ยวคอจะยาวเป็นเปรตนะ อุ้ย! พูดผิด เป็นยี่ราฟต่างหาก” เสียงหงษ์หยก พยาบาลคู่ขาคนใหม่ล่าสุดที่เจคอปพาไปนอนค้างที่ห้องเมื่อคืน วาววาใช้เพียงหางตามอง หล่อนไม่เคยอยู่ในสายตาเธอเลยสักนิด เพราะหงษ์หยกไม่มีอะไรเทียบชั้นเธอได้ เธอจึงไม่คิดจะลดตัวลงไปยุ่ง คิดเสียว่าให้เจคอปได้เปลี่ยนรสชาติแก้เบื่อเป็นครั้งคราวก็ไม่เสียหายอะไร แต่ในเมื่อมันกล้ามาหาเรื่องเธอในเวลาที่เธอหงุดหงิดแบบนี้ ก็ถือว่าเป็นคราวซวยของเธอก็แล้วกันนะ
“อ๋อเหรอ ถ้าฉันเป็นเปรต แกก็คงเป็นขอทานเที่ยวขอเศษเงินเศษอาหารจากฉันละมั้ง ถือซะว่าฉันทำทานให้แกก็แล้วกันนะ ที่ปล่อยผัวของฉันให้แกยืมไปกกตั้งหนึ่งคืน แต่อย่าหวังว่าจากนี้แกจะได้ใช้ผัวร่วมกับฉันอีก เพราะผู้หญิงหลายมืออย่างแก มันก็มีไว้ใช้แก้ขัดได้แค่คืนเดียวเท่านั้นแหละ” คำดูถูกของวาววาทำให้ผู้หญิงอีกคนตัวสั่นระริกด้วยความโกรธ
“อีวาววา ขอกูตบสั่งสอนมึงหน่อยเถอะ” หงษ์หยกตรงปรี่เข้าหาร่างบาง วาววาใช้มือข้างหนึ่งหยุดฝ่ามือที่ตั้งท่าจะฟาดลงมา แล้วใช้มืออีกข้างสวนกลับเต็มแรง
เพียงฝ่ามือเดียว หงษ์หยกก็ล้มลงไปนอนกลิ้งกับพื้นเสียแล้ว ร่างสูงรีบตามลงไปคร่อมเอวคนด้านล่างไว้
“มึงกับกู กระดูกมันคนละเบอร์กัน อยู่ดีไม่ว่าดีนะอีหยก วันนี้มึงเจอกูแน่” วาววากระหน่ำฝ่ามือใส่ใบหน้าหงษ์หยกไม่ยั้ง จนมุมปากของหญิงสาวมีเลือดซึมออกมา เสียงเอะอะโวยวายดังลั่นลานจอดรถ กลุ่มไทยมุงเริ่มทยอยเข้ามารวมตัว บางคนยกโทรศัพท์ขึ้นมาบันทึกคลิปวีดีโอไว้สำหรับนำไปเป็นหัวข้อเด็ดของวงสนทนาเช้านี้ ไม่มีใครคิดที่จะเข้าไปห้าม จนกระทั่งเสียงคำรามเยือกเย็นดังขึ้นมาจากด้านหลัง
“พวกเธอทำบ้าอะไรกันอยู่ห๊ะ”
เจคอปเดินแหวกกลุ่มไทยมุงเข้ามาดูสถานการณ์ที่กำลังดุเดือด วาววาหยุดฝ่ามือทันทีที่ได้ยิน เธอรีบลงมาจากตัวหงษ์หยก คนเบื้องล่างที่เป็นอิสระได้ทีก็รีบลุกขึ้นมาเป็นฝ่ายขึ้นคร่อมวาววาบ้าง
“อีวา อีสารเลว อีงูพิษ อีบ้า นี่แน่ะๆๆๆๆ”
หงษ์หยกกระหน่ำตบวาววาไม่ยั้ง แต่วาววาแกล้งนอนเฉยไม่ตอบโต้ ทำเพียงแค่ปัดป้องบ้างเท่านั้น
เจคอปเริ่มเดือดเป็นไฟ ผู้หญิงชั้นต่ำที่กล้าทำพฤติกรรมต่ำๆ ต่อหน้าเขาแบบนี้ เขาไม่มีทางเลี้ยงเอาไว้แน่
“ไปเอาถังใส่น้ำมา” เจคอปสั่งรปภ. “เร็ว!”
ไม่รอให้เจ้านายสั่งรอบสองเขาก็วิ่งออกไปแล้ว
“เอามานี่” น้ำในถังถูกสาดเข้าใส่หงษ์หยกอย่างแรง ร่างบางเปียกชุ่มไปทั้งตัว เรียกสติให้กลับคืนมา
“ไปกัดกันที่อื่น ไป๊”
เจคอปเฟี้ยงถังน้ำลงพื้น เสียงดังจนทุกคนในบริเวณนั้นสะดุ้งกันเป็นแถว หงษ์หยกเห็นสีหน้าและแววตาน่ากลัวของเจคอปก็รีบลงจากตัวคู่กรณีทันที “พี่เจคคะ หยกไม่ได้เริ่มก่อนนะคะ อีวาววามัน...”
“ไปให้พ้นหน้าฉัน” เจคอปคำรามในลำคอ วาววาแสยะยิ้มในใจอย่างคนกุมชัยชนะ ยอมเจ็บตัวแค่นิดหน่อย แต่สามารถเขี่ยศัตรูไปได้อีกหนึ่งคน คุ้มเกินคุ้มอยู่แล้ว
“พี่เจคคะ ฟังหยกก่อน หยกไม่ได้...”
หงษ์หยกเริ่มหน้าซีด พึ่งรู้ตัวว่าเผลอทำพลาดที่ไปตื้อเขาในสถานการณ์แบบนี้ หล่อนหันไปมองวาววา เห็นรอยยิ้มสะใจของอีกฝ่าย
“อย่าสะเออะเรียกชื่อฉัน แล้วก็ไสหัวไปให้พ้นหน้าฉัน อย่าให้ฉันเห็นเธอในโรงพยาบาลนี้อีก ไม่งั้นอย่าหาว่าฉันไม่เตือน”
เธอหวาดกลัวจนไม่สามารถขยับร่างกาย “ไป๊!!!!!”
เจคอปตะคอกเสียงดังจนหงษ์หยกกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ ร่างบางร้องไห้วิ่งหนีออกไปจากสายตาคนจำนวนมากด้วยความอับอาย
“ไม่มีการมีงานทำกันหรือไง แล้วก็อย่าให้ฉันได้ยินหรือเห็นใครเอาเรื่องนี้ไปพูดต่อนะ แยกย้ายกันได้แล้ว!!”
สิ้นเสียง ทุกคนก็รีบสลายตัวกันอย่างรวดเร็ว คลิปที่แอบบันทึกไว้ก็ถูกลบโดยไม่ต้องรอให้ใครสั่ง ไม่มีใครกล้าเสี่ยง เพราะทุกคนรู้ถึงกิตติมศักดิ์ความโหดของผ.อ.เจคอปเป็นอย่างดี ตอนนี้ทั้งลานจอดรถเหลือเพียงวาววากับเจคอปเท่านั้น เธอกำลังเดิมพันกับทุกอย่างที่มี จะอยู่หรือจะไป ก็ขึ้นอยู่กับมารยาของเธอแล้ว เจคอปเหลือบมองหญิงสาวที่ยังกล้ายืนอยู่ต่อหน้าเขา ท่าทางสงบเสงี่ยมเจียมตัวของวาววาทำให้เขาลดโทสะลง “ไปสิ”
น้ำเสียงเขาปรับเป็นโทนปกติแล้ว วาววารู้สึกใจชื้นขึ้น เธอต้องลองเสี่ยงดู จะได้ขยับขึ้นตำแหน่งสูงขึ้น หรือจะตกต่ำไปอยู่ชั้นเดียวกับหงษ์หยกก็ต้องลองดูกันสักตั้ง
“ผ.อ.คะ วากราบขอประทานโทษจริงๆนะคะ วาผิดไปแล้วค่ะ"
วาววาแสร้งทำเสียงสะอื้น เธอยกมือขึ้นไหว้คนตรงหน้าก่อนจะรีบก้มหน้านิ่ง ไม่กล้าสบตาเขา
“เฮ้ออออ ฉันไปล่ะ” เจคอปเดินหนีขึ้นรถ เขาได้ยินเสียงส้นสูงของหญิงสาวเดินตามมาแบบทิ้งระยะห่าง เมื่อเขาหยุด เธอก็หยุด แต่คราวนี้เธอไม่เดินตามเขามาอีก เจคอปขึ้นรถและสตาร์ทเครื่องออกไปทันที เขาขับผ่านวาววาที่ยังยืนก้มหน้าอยู่ หัวใจของวาววาเต้นระทึก เธอจะพ่ายแพ้ไม่ได้ คนอย่างเธอต้องก้าวไปสู่ที่หนึ่งให้ได้
บรื้นนน รถสปอร์ตคันหรูถอยหลังกลับมาจอดสนิทตรงหน้าหล่อน ประตูรถถูกเปิดออกเพื่อเชิญให้สาวในชุดแดงขึ้นมา วาววาโห่ร้องกับชัยชนะที่เธอได้รับ ในที่สุด เธอก็ทำสำเร็จจนได้
วาววารีบก้าวขึ้นไปนั่งในรถ ยังคงทำเป็นไม่มองสบตาเขา
“ผ.อ ไม่โกรธวาแล้วใช่ไหมคะ” เธอเอ่ยถามอ้อมแอ้ม แม้จะรู้คำตอบอยู่แล้ว แต่เรื่องเสแสร้งแกล้งเล่นละคร เธอคนนี้ถนัดนัก
เจคอปถอยรถกลับเข้ามาจอดที่เดิม ก่อนจะหันมองร่างอรชรที่ยังคงก้มหน้า “ทำให้ฉันพอใจ”
เสียงบรรเลงบทเพลง Classic จากวง orchestra ชื่อดังระดับโลกกำลังประสานเสียงจากเครื่องดนตรีหลากหลายชนิดขับกล่อมออกมาในบทเพลง 'Four Season'บทเพลงที่มีท่วงทำนองไพเราะที่ฟังกี่ครั้งก็ยังคงตราตรึงหัวใจคนฟัง เหล่าบรรดาคนดังของประเทศอเมริกา ทั้งนายแบบนางแบบชื่อดัง ทั้งเหล่าคณะรัฐมนตรี รวมไปถึงบรรดาไฮโซทั้งหลาย ต่างพร้อมใจกันมารวมตัว ณ Hall ขนาดใหญ่ที่จุคนได้นับหมื่น และหนึ่งในบรรดาคนดังเหล่านั้น ก็รวมถึงศาสตราจารย์ดอกเตอร์นายแพทย์เจคอป บดินพิทักษ์ นายแพทย์ชื่อดังที่พึ่งได้รับการยกย่องจากองกรค์แพทยสภาของอเมริกาให้เป็นนายแพทย์ผู้มากความสามารถซึ่งเป็นแกนนำหลักสำคัญในการพัฒนาวงการแพทย์ให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น เพราะในช่วง 15 ปีนับตั้งแต่ที่เขากลับมาดูแลกิจการต่อจากผู้เป็นบิดา เขาก็ค่อยๆขยายสาขาไปจนครอบคลุมทั่วทุกรัฐในอเมริกา ทำให้ชื่อเสียงของเขากลายเป็นที่รู้จักอย่างรวดเร็วในฉายา'อาชาแห่งวงการแพทย์'ทั้งๆที่ได้รับเกียรติจากท่านคณะรัฐมนตรีกลาโหมโดยตรงสำหรับตั๋วที่นั่งชั้นลอยระดับวีไอพี แต่แขกคนสำคัญคนดังกล่าวกลับไม่ได้นั่งอยู่ในที่ที่ถูกจัดไว้ให้หลังม่านพลิ้วไหวบนชั้นลอยระดับวีไอพี ปรากฏร่างของชายหญิง
ตอนพิเศษเล็กๆเจคอปผละออกจากร่างบาง “แต่งตัวสิ”เขาลุกขึ้นจากเตียงพร้อมกับเดินไปหยิบเสื้อผ้าตัวใหม่ที่ดูเป็นทางการออกมาจากตู้เสื้อผ้า“จะไปไหนเหรอคะ” นาเดียเอ่ยถามด้วยความสงสัย มองแผ่นหลังที่กำลังยัดแขนลงไปในเสื้อเชิ้ต“กลับบ้านเดียไง” เขาพูดโดยไม่ได้หันมามองหน้าคนตัวเล็ก จึงไม่เห็นว่าร่างบางมีสีหน้าอึ้งกับคำพูดของเขาแค่ไหน แต่เขาก็พอจะเดาได้ จึงหันกลับมาทั้งที่ยังติดกระดุมไม่เสร็จ “ไปขอลูกสาวจากท่านทั้งสองไง” รอยยิ้มร้ายปรากฏบนใบหน้าคนสูงวัยเขาไม่มีเวลามากพอจะจัดพิธีรีตองอะไรมากมาย เพราะอีกไม่นานก็ต้องกลับอเมริกาแล้ว เขาอดใจรอที่จะบอกข่าวดีให้กับพ่อแม่ที่รออยู่ทางโน้นแทบไม่ไหว อายุจนปูนนี้แล้ว พึ่งจะรู้สึกอยากเลี้ยงลูก“ตอนนี้พี่อายุ 37 คงต้องรีบมีน้องอีกคนไวไวแล้วล่ะ เดี๋ยวแก่เกินจะเดินตามลูกไม่ทัน” รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏบนใบหน้าร่างสูง แต่คนตัวเล็กกลับมีสีหน้าแดงก่ำกับคำพูดชวนทะลึ่ง“บะ บ้าเหรอคะ” นาเดียยิ้มจนแก้มแทบปริ ก่อนร่างกายจะถูกโอบอุ้มจนตัวลอยขึ้นจากพื้น เจคอปถูไถใบหน้ากับหน้าท้องแบนราบ ก่อนจะประทับจูบอย่างแผ่วเบา “ขอให้เป็นลูกสาวทีเถอะ”เจคอปค่อยๆวางคนตัวเล็กลงบนพื้นอย่างท
ย้อนกลับไปเมื่อราวสองเดือนก่อนหน้านี้…เจคอปรับสายจากทางไกล เป็นหมายเลขที่โทรมาจากอเมริกา“ครับป๊า”“ป๊ามีเรื่องสำคัญจะคุยกับเจค ตอนนี้โรงพยาบาลที่อเมริกากำลังเกิดปัญหาอย่างหนัก ป๊าอยากให้ตาเจมส์หรือเจค เราคนใดคนหนึ่งกลับมาดูแลกิจการที่นี่ แต่ใจป๊าอยากให้ตาเจมส์เป็นคนกลับมา เพราะที่นี่ไม่ได้มีสาขามากมายเหมือนที่ประเทศไทย เจ้าคนเสเพลอย่างตาเจมส์คงจะจัดการได้ไม่เหนือบ่ากว่าแรง” เรื่องสำคัญจากปากคนเป็นพ่อทำให้ผมต้องชะงักฝีเท้าที่กำลังก้าวเดินอยู่ อดนึกถึงน้องชายไม่ได้ จริงอย่างที่พ่อเขาว่า ที่ประเทศไทยมีโรงพยาบาลที่อยู่ใต้อาณัติของครอบครัวเขาอยู่ทั่วเกือบทุกจังหวัด ทำให้ปัญหาและภาระงานที่ต้องรับผิดชอบมีมากมายกว่าที่โน้นมากโข แต่ปัญหามันอยู่ที่ว่า...“แล้วเรื่องงานหมั้นระหว่างหนูมินกับตาเจมส์ไปถึงไหนแล้ว ป๊าอยากให้หมั้นเช้าแล้วก็แต่งเย็นไปเลยทีเดียว ตอนตาเจมส์กลับมาจะได้พาหนูมินกลับมาด้วย ซินดี้เขาคิดถึงหนูมินน่าดู” ในที่สุดคำถามที่ผมกลัวคนเป็นพ่อจะถามก็หลุดออกมาจนได้ ทั้งๆที่งานหมั้นระหว่างตาเจมส์กับยัยมินควรจะเสร็จลุล่วงเป็นที่เรียบร้อยไปแล้ว แต่เพราะปัญหาหลายอย่างที่เกิดขึ้น ทำให้ยังคา
“อ๊ะ พะ... พี่เจค” ไม่ทันที่ร่างบางจะทันได้เอ่ยความใน ปากหนาก็ชิงประกบจาบจ้วงเอาทุกคำที่คิดว่าร่างบางจะเอ่ยคำปฏิเสธออกมา นาเดียเบิกตามองเขาด้วยความตื่นตะลึง เขาหมายความว่าอะไร เขารู้แล้วเหรอว่าเธอท้อง แต่เขาจะรู้ได้ยังไง“อื้มมม อ่ะ...พะ... อื้มมม” ครั้นจะส่งเสียงอะไรก็ตามที่คิดอยากจะพูด เจคอปจะคอยส่งลิ้นเข้าหาเพื่อห้ามปรามเธอเสียทุกครั้งไป จนร่างบางหมดความพยายามที่จะเอ่ยถามข้อสงสัย ปล่อยตัวปล่อยใจไปกับความสุขสมที่เขาปรนเปรอให้ มือเล็กที่เคยดันอยู่ตรงแผงอกเปลี่ยนไปโอบรอบลำคอของเขาเอาไว้ ท่าทางเหมือนจะไม่ได้ปฏิเสธเรื่องลูกของเขาทำให้นาเดียเกิดความหวังเล็กๆขึ้นในใจเจคอปหลับตาแน่นก่อนจะคำรามออกมาเบาๆเมื่อได้ปลดปล่อยน้ำเชื้อพันธุ์ดีเข้าสู่ร่างกายคนตัวเล็กสมดังตั้งใจ เขาแช่ร่างกายค้างไว้ในตัวเธอ หวังให้ลูกๆนับพันล้านตัววิ่งเข้าไปหาไข่ใบเล็กๆเพียงใบเดียวที่อยู่ในร่างกาย เขาตั้งใจจะผูกมัดเธอด้วยวิธีที่เห็นแก่ตัว โดยที่ไม่รู้เลยว่าเขาได้ทำสำเร็จไปตั้งแต่ครั้งแรกที่ตั้งใจแล้ว“ถ้ามีเจคอปน้อยอยู่ในท้องเธอ เธอก็จะหนีพี่ไปไหนไม่ได้อีก” เขากระซิบความในใจแสนชั่วร้ายข้างใบหูคนตัวเล็ก และนั่นทำให้เธ
เปลือกตาปิดสนิทค่อยๆเปิดออก เผยให้เห็นแววตาที่สะท้อนแต่เพียงความเจ็บปวด เขายังไม่ได้หลับ เขาแค่รอดูว่ายัยตัวเล็กกำลังคิดจะทำอะไรกันแน่เขารู้ตัวตั้งแต่ตอนที่เปิดตู้เสื้อผ้าแล้ว มองปราดเดียวก็รู้แล้วว่าเสื้อผ้าของนาเดียหายไป เขาเหลือบมองไปยังโต๊ะก็พบว่าข้าวของต่างๆของเธอหายไปด้วย เธอกำลังคิดจะไปจากเขาบางทีการที่ต้องทนอยู่กับผู้ชายอารมณ์ร้อนอย่างเขามันคงทำให้เธอมีแต่ความทุกข์ บางทีสิ่งที่เขาพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองมาตลอดมันคงยังไม่ดีพอสำหรับเธอ บางทีความรักของเขามันคงไม่มีค่าพอจะเหนี่ยวรั้งเธอไว้บางที... เขาคงต้องปล่อยเธอไปเสียทีหัวใจดวงน้อยบีบรัดรุนแรงจนเกิดอาการเจ็บปวดรวดร้าว ภาพที่สะท้อนอยู่ในดวงตาพร่าเบลอเพราะเจ้าของดวงตามองมันผ่านม่านน้ำตาท้วมท้น นาเดียกวาดตามองไปรอบๆ คอนโดขนาดใหญ่ที่สร้างความทรงจำให้กับเธอมากมายทั้งรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ และคราบน้ำตา...หญิงสาวค่อยๆปิดเปลือกตาลง คล้ายจะเป็นการตัดใจจากผู้ชายอีกคนที่ยังคงนอนหลับสนิทอยู่ในห้อง มือเล็กเอื้อมไปจับลูกบิดประตูก่อนจะคาทิ้งไว้อย่างนั้นประตูบานเดียวกันนี้ที่เธอเคยเปิดมันออกเพื่อพาตัวเองออกไปจากห้องที่ไม่เคยอยากจะทนอยู่แม้
กิจวัตรยามเช้าระหว่างนาเดียกับเจคอปยังคงดำเนินไปตามปกติเหมือนเช่นทุกวัน เพียงแค่ไม่มีการสนทนาระหว่างทั้งคู่ไม่มีการเดินจับมือลงมาจากคอนโดไม่มีการจูบลาก่อนจะแยกกันไปทำงานไม่มีการส่งข้อความหาตลอดทั้งวันและไม่มีเธอหลงเหลืออยู่ในสายตาของเขาอีกแล้วก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูหน้าห้องทำงานของเจคอปดังขึ้น “เข้ามา”คำอนุญาตจากเจ้าของห้องทำให้คนที่อยู่ด้านนอกเปิดประตูเข้าไปด้านใน เจมส์มาร์มองพี่ชายของตัวเองกำลังง่วนอยู่กับเอกสารกองโต เจคอปยังอยู่ในสภาพเดิมเหมือนที่เขาแวะมาเมื่อตอนเช้าก่อนเข้าผ่าตัดไม่มีผิด และสภาพของผู้หญิงอีกคนที่เขาเห็นเมื่อสักครู่ ใบหน้าหมองเศร้าไม่ต่างกันเลย นี่คงจะยังไม่ได้ปรับความเข้าใจกันอีกสินะ“มีธุระอะไร” น้ำเสียงเย็นชาแบบที่อีกฝ่ายมักจะใช้เวลามีเรื่องทุกข์ใจหรืออยากซ่อนความรู้สึก มีหรือที่คนเป็นน้องอย่างเขาจะดูไม่ออก“เมื่อวานพี่คุยกับนาเดียรึยังครับ” เจมส์มาร์เอ่ยถามโดยไม่เกรงใจ เขานั่งลงโดยไม่รอให้คนตรงหน้าอนุญาต อยู่กับเจคอปมาร่วม 30 ปี พึ่งจะเคยเห็นพี่ชายมีความรัก แล้วน้องชายอย่างเขาจะยอมให้มันพังทลายลงเพียงเพราะความเย็นชาของคนตรงหน้าได้อย่างไร“ไม่มีอะไรต