รถสปอร์ตคันหรูไหวโยกอยู่นานร่วมชั่วโมง เสียงครวญครางภายในรถดังต่อเนื่องเนิ่นนาน จนในที่สุดก็เงียบเสียงไป
วาววาเหนื่อยหอบจนต้องซบใบหน้าลงกับบ่าใหญ่ แต่อีกฝ่ายรีบผลักตัวเธอออก เขาไม่ชอบให้ใครมาอิงแอบแนบชิดใกล้ๆ ไม่จำเป็นต้องอ่อนโยนกับพวกหล่อน แค่ให้เศษเงินตอบแทน พวกเธอก็พอใจแล้ว
วาววามองร่างใหญ่เอื้อมไปหยิบสมุดเช็คในเก๊ะหน้ารถ กล่องถุงยางแทบจะทะลักออกมา เขาจรดปากกาตวัดลายเซ็นหวัดๆ ก่อนจะยื่นให้หญิงสาว เช็คเงินสดสองแสนบาท วาววาตาลุกวาวรีบก้มลงกราบแนบไหล่ของเขา “ขอบพระคุณผ.อ.มากนะคะที่เมตตาวา”
“อื้ม แต่งตัวให้เรียบร้อยแล้วไปรอฉันที่ห้อง อย่าลืมหาชุดที่เรียบร้อยกว่านี่มาเปลี่ยนด้วย”
“ค่ะ วาทราบค่ะ ผ.อ”
เธอรีบลงจากรถ ขยับเกาะอกให้เข้าที่ เธอต้องรีบทำเวลาเพื่อไปให้ถึงก่อนเขา คนที่ไม่เคยคอยใครอย่างเขาอาจจะหิ้วหมอหรือพยาบาลแถวนั้นเข้าไปบำเรอแทนเธอได้ทุกเมื่อ
เสียงครวญครางของวาววาดังต่อเนื่องมานานนับชั่วโมง ความอึดทนของเจคอปทำให้วาววาแตะขอบสวรรค์ครั้งแล้วครั้งเล่าโดยที่เขายังไม่ไปถึงไหน
เจคอปเริ่มรู้สึกเบื่อหน่ายรสสวาทเดิมๆ เขากำลังนึกถึงของสดใหม่ที่เร้าอารมณ์มากกว่านี้ อะไรที่น่าตื่นเต้น เร้าใจ อย่างเช่นผู้หญิงคนนั้น ที่เขาบังเอิญเจอเมื่อหลายวันก่อน เธอชื่ออะไรนะ เสียดายที่เขาลืมไปแล้ว แต่เขายังจำความไร้เดียงสาของเธอได้อย่างชัดเจน ร่างกายสดใหม่และความอ่อนต่อโลกของสาวแรกแย้มทำให้เขากระชุ่มกระชวยหัวใจ
เจคอปจินตนาการถึงใบหน้าจิ้มลิ้มกำลังบิดเบี้ยวเพราะอารมณ์เสียวซ่าน นึกถึงช่วงล่างอวบอูม ส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ นึกถึงความคับแน่นฟิตกระชับ และเรือนร่างอ่อนนุ่มน่าคลอเคลีย
“อ๊าาาส์ แน่นฉิบ เด้งอีก แรงๆ ซี๊ดดด”
เจคอปรู้สึกเสียวซ่านไปทั้งลำ ในตัวเธอบีบรัด ตอดท่อนเนื้อตุบๆ เจคอปรีบจับสะโพกให้เด้งรับ เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังเป็นจังหวะถี่ เขาสูดหายใจลึก ครางหนักๆในลำคอก่อนจะปล่อยน้ำขาวขุ่นเข้าใส่เต็มภาชนะรองรับ เมื่อเสร็จสมอารมณ์หมาย เขาก็ผลักร่างของวาววาออกทันที
“ออกไปได้แล้ว ทำความสะอาดพื้นให้ฉันด้วย”
เขาพูดอย่างเย็นชาก่อนจะเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ กลับออกมาหญิงสาวก็ไม่อยู่แล้ว
“เฮ้ออออ สงสัยจะเพี้ยนนะเรา ถึงได้คิดถึงยัยเด็กนั่น”
ร่างใหญ่นั่งยิ้มเล็กยิ้มน้อยขณะนึกถึงผู้หญิงแปลกหน้าที่เขาจำไม่ได้แม้กระทั่งชื่อ เขาตกอยู่ในภวังค์จนไม่รู้ตัวว่ามีใครเดินเข้ามาในห้อง
“อะแฮ่ม” เจมส์มาร์กระแอ้มเล็กน้อยเพื่อให้เขารู้สึกตัว “ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อะไรครับพี่”
“อ้าว ไปไงมาไง นั่งก่อนสิ” เจคอปเปลี่ยนสีหน้าทันที เขาพึ่งนึกได้ว่าเบี้ยวนัดน้องชาย
“เบี้ยวนัดเข้าช่วยผมผ่าตัด แล้วเอาผู้หญิงมานอนกกในห้องทำงาน เอ้... หรือว่าผมกำลังจะได้พี่สะใภ้เร็วๆ นี้” เจมส์มาร์นึกถึงผู้หญิงที่พึ่งเดินสวนกันเมื่อครู่กับใบหน้าอมยิ้มที่ตั้งแต่เกิดมา เขาไม่เคยเห็นพี่ชายทำมาก่อน
“งี่เง่า ฉันไม่คว้าเอาผู้หญิงชั้นต่ำแบบนั้นมาทำเมียหรอก เมื่อกี้ฉันกำลังนึกถึง…” เขาเงียบไปเพราะจำชื่อหล่อนไม่ได้ “นึกถึงคนที่เจอที่ผับเมื่อคราวก่อน” เขาเผลออมยิ้มอีกครั้งโดยไม่รู้ตัว
เจมส์มาร์ไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง พี่ชายเขาบ่นคิดถึงผู้หญิง แถมยังมานั่งอมยิ้มทำตาหวานเยิ้มขนาดนี้ หิมะคงตกในประเทศไทยแน่
“สวยมากเลยเหรอครับ”
“เปล่า แต่น่ารัก... เอ้ย! อะแฮ่ม แบบว่าแล้วนี่การงานไม่มีทำหรือไง” เจคอปรีบปรับสีหน้าเมื่อรู้ตัวว่าถูกน้องชายหลอกถาม
“ฮ่ะๆๆๆ ที่แท้สเปคพี่ก็เป็นแบบนี้นี่เอง ประเภทเด็กสาวน่ารักๆ งั้นผมจะบอกว่าพี่พลาดแล้วล่ะ เมื่อวันก่อนที่พี่เบี้ยวนัดช่วยผมผ่าตัด ผมไปเจออะไรเด็ดๆ ในห้องผ่าตัดด้วย”
เจคอปหรี่ตามองใบหน้าเคลิบเคลิ้มของน้องชาย “อะไรที่ว่าเด็ด”
“ผมไปเจอพยาบาลใหม่คนหนึ่ง หน้าตาน่ารัก เนื้อตัวเนียนนุ่มยังกับเด็ก ไม่นึกว่าจะเรียนจบแล้ว” เจมส์เผลอยิ้มเมื่อนึกถึงนาเดีย เขาไม่รู้ตัวเลยว่าคำพูดสองแง่สองง่ามที่เขาพูด มันทำให้พ่อเสือเข้าใจผิด
“นี่ ฉันก็ไม่ว่าหรอกนะถ้านายจะหาความสุขใส่ตัวบ้างเป็นครั้งคราว แต่อย่าลืมว่านายมีคู่หมั้นอยู่แล้ว” เจคอปมองหน้าน้องชายด้วยแววตาคมกริบ เจมส์มาร์มีท่าทีลังเล เขารู้ตัวว่าตัวเองมีคู่หมั้น แต่ทว่าเขาไม่ได้รักผู้หญิงคนนั้น เขากำลังนึกถึงผู้หญิงอีกคนที่เข้ามาอยู่ในหัวใจของเขาจนเต็มดวง
“ถ้าสมมติว่าผมไม่ได้รักมินตราและอยากจะถอนหมั้น...”
“ไม่ได้ แกจะถอนหมั้นไม่ได้เด็ดขาด ฉันไม่ยอมรับผู้หญิงหน้าไหนมาใช้นามสกุลของตระกูลเราทั้งนั้นนอกจากมินตรา ป๊าก็ด้วย”
เจคอประงับอารมณ์ลงเมื่อเห็นสีหน้าสลดของน้องชาย เขาเองก็รู้สึกผิดกับเรื่องของเจมส์มาร์ เพราะตัวเขาไม่คิดจะแต่งงานมีหลานให้พ่อกับแม่เสียที ทำให้ความกดดันทั้งหมดตกมาอยู่ที่ตัวน้องชาย
“ผมแค่ล้อเล่นน่ะครับ ผมว่าผมขอตัวไปทำงานต่อดีกว่า”
เจคอปรู้จักเจมส์มาร์ดี สีหน้าของเขาเมื่อสักครู่ เจมส์ต้องไม่ได้พูดเล่นแน่ คู่หมั้นที่หมายหมั้นกันมาตั้งแต่เด็ก เจมส์ไม่เคยมีท่าทีว่าจะปฏิเสธงานหมั้นมาก่อน จนกระทั่ง... เขาพูดถึงผู้หญิงคนใหม่ที่พึ่งเจอกัน เจมส์คงไปหลงเสน่ห์ลีลาอะไรของแม่สาวพยาบาลใหม่คนนี้แน่
“พยาบาลคนนั้น ชื่ออะไรแล้วนะ” เจคอปเอ่ยถามก่อนเจมส์จะออกจากห้อง
“นาเดียครับ” เขาหันมาตอบแค่นั้น แล้วก็เดินออกไป
“นาเดียงั้นเหรอ ฉันคงต้องไปเจอกับเธอหน่อยแล้ว”
เสือร้ายทำหน้าขรึม ผู้หญิงไม่มีหัวนอนปลายเท้าอย่างเธอ อย่าคิดจะมาจับน้องชายฉันได้ง่ายๆ เจมส์มาร์อาจยังอ่อนหัดเรื่องผู้หญิงมาก อย่างเธอต้องมาเจอกับฉัน บนใบหน้าหล่อเหลาปรากฏรอยยิ้มร้ายกาจ
เสียงบรรเลงบทเพลง Classic จากวง orchestra ชื่อดังระดับโลกกำลังประสานเสียงจากเครื่องดนตรีหลากหลายชนิดขับกล่อมออกมาในบทเพลง 'Four Season'บทเพลงที่มีท่วงทำนองไพเราะที่ฟังกี่ครั้งก็ยังคงตราตรึงหัวใจคนฟัง เหล่าบรรดาคนดังของประเทศอเมริกา ทั้งนายแบบนางแบบชื่อดัง ทั้งเหล่าคณะรัฐมนตรี รวมไปถึงบรรดาไฮโซทั้งหลาย ต่างพร้อมใจกันมารวมตัว ณ Hall ขนาดใหญ่ที่จุคนได้นับหมื่น และหนึ่งในบรรดาคนดังเหล่านั้น ก็รวมถึงศาสตราจารย์ดอกเตอร์นายแพทย์เจคอป บดินพิทักษ์ นายแพทย์ชื่อดังที่พึ่งได้รับการยกย่องจากองกรค์แพทยสภาของอเมริกาให้เป็นนายแพทย์ผู้มากความสามารถซึ่งเป็นแกนนำหลักสำคัญในการพัฒนาวงการแพทย์ให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น เพราะในช่วง 15 ปีนับตั้งแต่ที่เขากลับมาดูแลกิจการต่อจากผู้เป็นบิดา เขาก็ค่อยๆขยายสาขาไปจนครอบคลุมทั่วทุกรัฐในอเมริกา ทำให้ชื่อเสียงของเขากลายเป็นที่รู้จักอย่างรวดเร็วในฉายา'อาชาแห่งวงการแพทย์'ทั้งๆที่ได้รับเกียรติจากท่านคณะรัฐมนตรีกลาโหมโดยตรงสำหรับตั๋วที่นั่งชั้นลอยระดับวีไอพี แต่แขกคนสำคัญคนดังกล่าวกลับไม่ได้นั่งอยู่ในที่ที่ถูกจัดไว้ให้หลังม่านพลิ้วไหวบนชั้นลอยระดับวีไอพี ปรากฏร่างของชายหญิง
ตอนพิเศษเล็กๆเจคอปผละออกจากร่างบาง “แต่งตัวสิ”เขาลุกขึ้นจากเตียงพร้อมกับเดินไปหยิบเสื้อผ้าตัวใหม่ที่ดูเป็นทางการออกมาจากตู้เสื้อผ้า“จะไปไหนเหรอคะ” นาเดียเอ่ยถามด้วยความสงสัย มองแผ่นหลังที่กำลังยัดแขนลงไปในเสื้อเชิ้ต“กลับบ้านเดียไง” เขาพูดโดยไม่ได้หันมามองหน้าคนตัวเล็ก จึงไม่เห็นว่าร่างบางมีสีหน้าอึ้งกับคำพูดของเขาแค่ไหน แต่เขาก็พอจะเดาได้ จึงหันกลับมาทั้งที่ยังติดกระดุมไม่เสร็จ “ไปขอลูกสาวจากท่านทั้งสองไง” รอยยิ้มร้ายปรากฏบนใบหน้าคนสูงวัยเขาไม่มีเวลามากพอจะจัดพิธีรีตองอะไรมากมาย เพราะอีกไม่นานก็ต้องกลับอเมริกาแล้ว เขาอดใจรอที่จะบอกข่าวดีให้กับพ่อแม่ที่รออยู่ทางโน้นแทบไม่ไหว อายุจนปูนนี้แล้ว พึ่งจะรู้สึกอยากเลี้ยงลูก“ตอนนี้พี่อายุ 37 คงต้องรีบมีน้องอีกคนไวไวแล้วล่ะ เดี๋ยวแก่เกินจะเดินตามลูกไม่ทัน” รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏบนใบหน้าร่างสูง แต่คนตัวเล็กกลับมีสีหน้าแดงก่ำกับคำพูดชวนทะลึ่ง“บะ บ้าเหรอคะ” นาเดียยิ้มจนแก้มแทบปริ ก่อนร่างกายจะถูกโอบอุ้มจนตัวลอยขึ้นจากพื้น เจคอปถูไถใบหน้ากับหน้าท้องแบนราบ ก่อนจะประทับจูบอย่างแผ่วเบา “ขอให้เป็นลูกสาวทีเถอะ”เจคอปค่อยๆวางคนตัวเล็กลงบนพื้นอย่างท
ย้อนกลับไปเมื่อราวสองเดือนก่อนหน้านี้…เจคอปรับสายจากทางไกล เป็นหมายเลขที่โทรมาจากอเมริกา“ครับป๊า”“ป๊ามีเรื่องสำคัญจะคุยกับเจค ตอนนี้โรงพยาบาลที่อเมริกากำลังเกิดปัญหาอย่างหนัก ป๊าอยากให้ตาเจมส์หรือเจค เราคนใดคนหนึ่งกลับมาดูแลกิจการที่นี่ แต่ใจป๊าอยากให้ตาเจมส์เป็นคนกลับมา เพราะที่นี่ไม่ได้มีสาขามากมายเหมือนที่ประเทศไทย เจ้าคนเสเพลอย่างตาเจมส์คงจะจัดการได้ไม่เหนือบ่ากว่าแรง” เรื่องสำคัญจากปากคนเป็นพ่อทำให้ผมต้องชะงักฝีเท้าที่กำลังก้าวเดินอยู่ อดนึกถึงน้องชายไม่ได้ จริงอย่างที่พ่อเขาว่า ที่ประเทศไทยมีโรงพยาบาลที่อยู่ใต้อาณัติของครอบครัวเขาอยู่ทั่วเกือบทุกจังหวัด ทำให้ปัญหาและภาระงานที่ต้องรับผิดชอบมีมากมายกว่าที่โน้นมากโข แต่ปัญหามันอยู่ที่ว่า...“แล้วเรื่องงานหมั้นระหว่างหนูมินกับตาเจมส์ไปถึงไหนแล้ว ป๊าอยากให้หมั้นเช้าแล้วก็แต่งเย็นไปเลยทีเดียว ตอนตาเจมส์กลับมาจะได้พาหนูมินกลับมาด้วย ซินดี้เขาคิดถึงหนูมินน่าดู” ในที่สุดคำถามที่ผมกลัวคนเป็นพ่อจะถามก็หลุดออกมาจนได้ ทั้งๆที่งานหมั้นระหว่างตาเจมส์กับยัยมินควรจะเสร็จลุล่วงเป็นที่เรียบร้อยไปแล้ว แต่เพราะปัญหาหลายอย่างที่เกิดขึ้น ทำให้ยังคา
“อ๊ะ พะ... พี่เจค” ไม่ทันที่ร่างบางจะทันได้เอ่ยความใน ปากหนาก็ชิงประกบจาบจ้วงเอาทุกคำที่คิดว่าร่างบางจะเอ่ยคำปฏิเสธออกมา นาเดียเบิกตามองเขาด้วยความตื่นตะลึง เขาหมายความว่าอะไร เขารู้แล้วเหรอว่าเธอท้อง แต่เขาจะรู้ได้ยังไง“อื้มมม อ่ะ...พะ... อื้มมม” ครั้นจะส่งเสียงอะไรก็ตามที่คิดอยากจะพูด เจคอปจะคอยส่งลิ้นเข้าหาเพื่อห้ามปรามเธอเสียทุกครั้งไป จนร่างบางหมดความพยายามที่จะเอ่ยถามข้อสงสัย ปล่อยตัวปล่อยใจไปกับความสุขสมที่เขาปรนเปรอให้ มือเล็กที่เคยดันอยู่ตรงแผงอกเปลี่ยนไปโอบรอบลำคอของเขาเอาไว้ ท่าทางเหมือนจะไม่ได้ปฏิเสธเรื่องลูกของเขาทำให้นาเดียเกิดความหวังเล็กๆขึ้นในใจเจคอปหลับตาแน่นก่อนจะคำรามออกมาเบาๆเมื่อได้ปลดปล่อยน้ำเชื้อพันธุ์ดีเข้าสู่ร่างกายคนตัวเล็กสมดังตั้งใจ เขาแช่ร่างกายค้างไว้ในตัวเธอ หวังให้ลูกๆนับพันล้านตัววิ่งเข้าไปหาไข่ใบเล็กๆเพียงใบเดียวที่อยู่ในร่างกาย เขาตั้งใจจะผูกมัดเธอด้วยวิธีที่เห็นแก่ตัว โดยที่ไม่รู้เลยว่าเขาได้ทำสำเร็จไปตั้งแต่ครั้งแรกที่ตั้งใจแล้ว“ถ้ามีเจคอปน้อยอยู่ในท้องเธอ เธอก็จะหนีพี่ไปไหนไม่ได้อีก” เขากระซิบความในใจแสนชั่วร้ายข้างใบหูคนตัวเล็ก และนั่นทำให้เธ
เปลือกตาปิดสนิทค่อยๆเปิดออก เผยให้เห็นแววตาที่สะท้อนแต่เพียงความเจ็บปวด เขายังไม่ได้หลับ เขาแค่รอดูว่ายัยตัวเล็กกำลังคิดจะทำอะไรกันแน่เขารู้ตัวตั้งแต่ตอนที่เปิดตู้เสื้อผ้าแล้ว มองปราดเดียวก็รู้แล้วว่าเสื้อผ้าของนาเดียหายไป เขาเหลือบมองไปยังโต๊ะก็พบว่าข้าวของต่างๆของเธอหายไปด้วย เธอกำลังคิดจะไปจากเขาบางทีการที่ต้องทนอยู่กับผู้ชายอารมณ์ร้อนอย่างเขามันคงทำให้เธอมีแต่ความทุกข์ บางทีสิ่งที่เขาพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองมาตลอดมันคงยังไม่ดีพอสำหรับเธอ บางทีความรักของเขามันคงไม่มีค่าพอจะเหนี่ยวรั้งเธอไว้บางที... เขาคงต้องปล่อยเธอไปเสียทีหัวใจดวงน้อยบีบรัดรุนแรงจนเกิดอาการเจ็บปวดรวดร้าว ภาพที่สะท้อนอยู่ในดวงตาพร่าเบลอเพราะเจ้าของดวงตามองมันผ่านม่านน้ำตาท้วมท้น นาเดียกวาดตามองไปรอบๆ คอนโดขนาดใหญ่ที่สร้างความทรงจำให้กับเธอมากมายทั้งรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ และคราบน้ำตา...หญิงสาวค่อยๆปิดเปลือกตาลง คล้ายจะเป็นการตัดใจจากผู้ชายอีกคนที่ยังคงนอนหลับสนิทอยู่ในห้อง มือเล็กเอื้อมไปจับลูกบิดประตูก่อนจะคาทิ้งไว้อย่างนั้นประตูบานเดียวกันนี้ที่เธอเคยเปิดมันออกเพื่อพาตัวเองออกไปจากห้องที่ไม่เคยอยากจะทนอยู่แม้
กิจวัตรยามเช้าระหว่างนาเดียกับเจคอปยังคงดำเนินไปตามปกติเหมือนเช่นทุกวัน เพียงแค่ไม่มีการสนทนาระหว่างทั้งคู่ไม่มีการเดินจับมือลงมาจากคอนโดไม่มีการจูบลาก่อนจะแยกกันไปทำงานไม่มีการส่งข้อความหาตลอดทั้งวันและไม่มีเธอหลงเหลืออยู่ในสายตาของเขาอีกแล้วก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูหน้าห้องทำงานของเจคอปดังขึ้น “เข้ามา”คำอนุญาตจากเจ้าของห้องทำให้คนที่อยู่ด้านนอกเปิดประตูเข้าไปด้านใน เจมส์มาร์มองพี่ชายของตัวเองกำลังง่วนอยู่กับเอกสารกองโต เจคอปยังอยู่ในสภาพเดิมเหมือนที่เขาแวะมาเมื่อตอนเช้าก่อนเข้าผ่าตัดไม่มีผิด และสภาพของผู้หญิงอีกคนที่เขาเห็นเมื่อสักครู่ ใบหน้าหมองเศร้าไม่ต่างกันเลย นี่คงจะยังไม่ได้ปรับความเข้าใจกันอีกสินะ“มีธุระอะไร” น้ำเสียงเย็นชาแบบที่อีกฝ่ายมักจะใช้เวลามีเรื่องทุกข์ใจหรืออยากซ่อนความรู้สึก มีหรือที่คนเป็นน้องอย่างเขาจะดูไม่ออก“เมื่อวานพี่คุยกับนาเดียรึยังครับ” เจมส์มาร์เอ่ยถามโดยไม่เกรงใจ เขานั่งลงโดยไม่รอให้คนตรงหน้าอนุญาต อยู่กับเจคอปมาร่วม 30 ปี พึ่งจะเคยเห็นพี่ชายมีความรัก แล้วน้องชายอย่างเขาจะยอมให้มันพังทลายลงเพียงเพราะความเย็นชาของคนตรงหน้าได้อย่างไร“ไม่มีอะไรต