การแข่งขันเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง เหลืออีกเพียง 5 คะแนนก็จะได้ผู้ชนะ คราวนี้ญาดาเดินหน้าบุกเต็มที่ เธอหวดลูกตบใส่นาเดียทุกรอบจนร่างบางล้มลงไปกับพื้นครั้งแล้วครั้งเล่า และทุกครั้งเธอก็จะได้รับเพียงความเฉยชาจากร่างสูงที่นั่งมองอยู่ข้างสนาม แม้นาเดียจะพยายามตอบโต้ญาดาไปทุกครั้งที่มีโอกาส แต่เธอก็เริ่มจะถอดใจกับการแข่งขันบ้าบอนี้เต็มที เธอเสียใจที่เห็นญาดามีเจตนาจะทำร้ายกัน เสียใจที่เห็นเจคอปแสดงท่าทีห่วงใยญาดา แต่กลับไร้เยื่อใยกับเธอ ต่อให้เธอทำดีแค่ไหน สุดท้ายเธอก็คงแพ้อยู่วันยันค่ำ สายตาเริ่มพร่าเบลอจากหยาดน้ำที่เอ่อคลอ
“เดีย...ระวัง!!!” เสียงน็อตตะโกนบอกร่างบางที่ยืนเหม่อลอยไปชั่วขณะ เปิดโอกาสให้ผู้หญิงอีกคนตบลูกบอลพุ่งตรงเข้ามาหาเธอ
ลูกบอลกระทบเข้าที่ข้างแก้มซ้ายอย่างจังจนนาเดียล้มพลับลงกับพื้น มันเป็นช่วงเวลาสั้นๆที่ความคิดในอดีตแวบเข้ามาในหัว ตลอด 4 ปีที่ผ่านมา ญาดาเคยเห็นเธอเป็นเพื่อนบ้างไหมหรือมีแต่เธอที่คิดไปเองฝ่ายเดียวว่าเราเป็นเพื่อนกัน
“เดีย เป็นยังไงบ้าง เห้ย!! ทำไมเล่นเหี้ยๆยังงี้วะ เดียเป็นเพื่อนมึงนะโว๊ยย” น็อตโมโหสุดขีดจนตะคอกใส่หน้าญาดาอย่างไม่เกรงใจ นั้นยิ่งตอกย้ำให้เธอรู้สึกเจ็บ เจ็บกับคำว่า ‘เพื่อน’
นาเดียจ้องใบหน้าที่เหมือนกำลังจะบอกว่าไม่ได้ตั้งใจ มองหล่อนด้วยสายตาเจ็บปวดผ่านม่านน้ำตาที่ค่อยๆไหลรินออกมา
“ไม่ใช่อีกแล้วล่ะ”
สิ้นคำพูดตัดสัมพันธ์ นาเดียก็ปล่อยให้น้ำตาไหลออกมา เธอไม่ได้เสียใจที่ต้องตัดเพื่อน แต่เสียใจที่เคยรักหล่อนมากกว่าที่รักตัวเอง รักจนยอมสละทุกอย่างให้หล่อนได้ แม้กระทั่งหัวใจของเธอ...
ไม่แปลกใจเลยที่เขาจะไม่ใยดีคนอย่างฉัน ฉันมันโง่เองที่ยอมเสียเขาไปง่ายๆ สุดท้าย... ก็ต้องมานั่งเสียใจคนเดียว
“ลุกไหวไหม เราช่วย” น็อตช่วยประคองแขนให้ร่างบางลุกขึ้นแต่หญิงสาวก็ทรุดตัวลงทันทีที่พยายามจะทรงตัว
“อู๊ยย สงสัยข้อเท้าจะพลิก” บริเวณข้อเท้าของเธอเริ่มบวมแดง คงเพราะจังหวะที่ล้มลงผิดท่า ทำให้ข้อเท้าพลิก ช่างน่าสมเพชตัวเองเหลือเกิน นอกจากจะเจ็บใจ ก็ต้องมาเจ็บตัวถึงขนาดนี้ ก็สมกับความโง่งมของตัวเองแล้ว
“ขอโทษนะ แต่เดี๋ยวเราช่วยอุ้มไปที่นั่งนะ” น็อตสอดแขนเข้ามาที่ใต้ร่างนุ่มนิ่มที่กำลังร้องไห้สะอึกสะอื้น หญิงสาวลอยล่องขึ้นจากพื้นด้วยอ้อมแขนกำยำของใครบางคน เจคอปแทรกตัวเข้ามาระหว่างชายหนุ่มอีกคนและชิงตัวนาเดียไปอุ้มเสียเอง
ร่างสูงเหลือบมองหน้าชายที่ตัวเตี้ยกว่า ก่อนจะกระซิบด้วยน้ำเสียงเย็นชาพอให้ได้ยินกันแค่สองคน
“อย่ามาแตะต้องผู้หญิงของฉัน”
น็อตตะลึงงันกับใบหน้าและน้ำเสียงเย็นเยือก เขาไม่มีอะไรเทียบเจคอปได้เลย จึงทำได้เพียงยืนมองอีกฝ่ายอุ้มร่างบางเดินออกไปจากบริเวณชายหาดท่ามกลางสายตาหลายสิบคู่ที่จับจ้องเป็นตาเดียว
นาเดียร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่ในอ้อมแขนของเจคอป เธอโอบกอดรอบลำคอแกร่งไว้แน่น พลางซุกใบหน้าที่ฟูมฟายจนดูไม่ได้กับอกหนา ปล่อยให้เขาอุ้มเธอมาจนถึงห้องนอน
เจคอปวางคนตัวเล็กลงข้างเตียง ก่อนจะนั่งหย่องๆพลางจับข้อเท้าข้างที่บวมแดงขึ้นมาดู
“อู๊ยยย” นาเดียชักขาหนี แต่ก็ถูกเขาดึงกลับไปอีก จึงอดทนให้เขากดข้อเท้าต่อไป หญิงสาวนั่งมองฝ่ามือใหญ่ที่นวดไปบนข้อเท้าอย่างเบามือ คนอ่อนโยนที่คอยดูแล คอยห่วงใยเธอกลับมาแล้ว
“ไม่ได้พลิกหรอก พักสักหน่อยเดี๋ยวก็หาย” เขาวางข้อเท้าเธอลง ก่อนจะลุกขึ้นยืน และหันหลังเดินออกไป “พี่ไปล่ะ”
ประกายแห่งความหวังพลันดับลง รอยยิ้มบนใบหน้าค่อยๆจางไป
ไม่นะ… อย่าไปนะ… อย่าหันหลังให้กันแบบนี้
“อย่าไปนะคะพี่เจค” นาเดียโผเข้ากอดคนตรงหน้าสุดแรงที่มี ไม่สนใจความเจ็บปวดบนข้อเท้า แม้ต้องเจ็บมากแค่ไหน เธอก็ไม่ยอมปล่อยเขาไปแน่ “หนูขอโทษ อย่าทิ้งหนูไปเลยนะ หนูผิดไปแล้ว”
ร่างบางกระชับอ้อมกอดสุดแรงที่มี เธอไม่อยากเห็นเขาทำเฉยชาใส่อีกแล้ว เสียงสะอื้นเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ
“ลุกมาทำไม ไม่เจ็บเท้าแล้วรึไง” เจคอปยอมหันกลับมา เขาพยายามแกะอ้อมแขนที่รัดรอบเอวออก แต่ทว่าคนตัวเล็กกลับไม่ยอมท่าเดียว นาเดียส่ายหน้าทั้งที่ใบหน้ายังซุกอยู่กับหน้าท้องของเขา เห็นท่าทางดื้อดึงของเธอ ชายหนุ่มก็อดยิ้มออกมาด้วยความดีใจไม่ได้
“พี่ไม่ไปแล้ว ปล่อยพี่สิ เดี๋ยวเท้าก็ยิ่งบวมหรอก”
คราวนี้เด็กดื้อยอมคลายอ้อมแขนลง แต่ยังไม่วายจับชายเสื้อเขาไว้ไม่ยอมปล่อย เจคอปช่วยประคองหญิงสาวกลับมานั่งข้างเตียง เขาย่อตัวลง และบรรจงนวดข้อเท้าให้คนตัวเล็กอย่างเบามือ บางจังหวะที่นวดโดนจุดปวด ร่างบางก็เผลอส่งเสียงซี๊ดซ๊าดออกมา
“ทะลึ่งนะเรา” เจคอปเงยหน้าขึ้นสบตาคนตัวเล็กด้วยสายตาเร้าร้อนอย่างที่เคยได้เห็นบ่อยๆ รู้สึกดีใจที่ทำรอย 'เจ้าของ' ไว้จนทั่วหน้าอกจนเธอต้องใส่เสื้อยืดทับบิกีนีอีกทีเพื่อปกปิด หากหล่อนอยู่ในสภาพเปลือยช่วงอกทั้งหมด เขาคงไม่สามารถทนเก็บอารมณ์หึงหวงไว้ได้ แค่เห็นไอ้หน้าอ่อนนั้นจับไม้จับมือเธอ แล้วยังเกือบจะสอดมือเข้ามาสัมผัสเรียวขานุ่มนิ่มนี้อีก เขาแทบจะคลั่งจนอยากเข้าไปกระชากตัวเธอออกจากสนามจะแย่อยู่แล้ว มันน่าจับตีก้นซะให้เข็ด
“หายโกรธหนูแล้วเหรอคะ” นาเดียทำใจกล้าเอ่ยถาม โดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่าเสียงอ้อนของเธอจะทำให้คนที่กำลังโกรธแทบจะใจอ่อนในทันที
“ยังโกรธอยู่!” เขาแสร้งทำน้ำเสียงจริงจัง และมันได้ผล นาเดียรีบรั้งลำคอของคนตรงหน้าไว้ กลัวเขาก็ลุกหนีเธอไปอีก
“หนูขอโทษนะคะพี่เจค ยกโทษให้หนูเถอะนะ หนูผิดไปแล้ว อย่าเมินหนูอีกเลยนะ อย่าทำเย็นชาใส่หนูอีกเลย หนูผิดไปแล้ว” เธอรู้สึกเสียใจและรู้สึกผิดมากจริงๆ
เสียงบรรเลงบทเพลง Classic จากวง orchestra ชื่อดังระดับโลกกำลังประสานเสียงจากเครื่องดนตรีหลากหลายชนิดขับกล่อมออกมาในบทเพลง 'Four Season'บทเพลงที่มีท่วงทำนองไพเราะที่ฟังกี่ครั้งก็ยังคงตราตรึงหัวใจคนฟัง เหล่าบรรดาคนดังของประเทศอเมริกา ทั้งนายแบบนางแบบชื่อดัง ทั้งเหล่าคณะรัฐมนตรี รวมไปถึงบรรดาไฮโซทั้งหลาย ต่างพร้อมใจกันมารวมตัว ณ Hall ขนาดใหญ่ที่จุคนได้นับหมื่น และหนึ่งในบรรดาคนดังเหล่านั้น ก็รวมถึงศาสตราจารย์ดอกเตอร์นายแพทย์เจคอป บดินพิทักษ์ นายแพทย์ชื่อดังที่พึ่งได้รับการยกย่องจากองกรค์แพทยสภาของอเมริกาให้เป็นนายแพทย์ผู้มากความสามารถซึ่งเป็นแกนนำหลักสำคัญในการพัฒนาวงการแพทย์ให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น เพราะในช่วง 15 ปีนับตั้งแต่ที่เขากลับมาดูแลกิจการต่อจากผู้เป็นบิดา เขาก็ค่อยๆขยายสาขาไปจนครอบคลุมทั่วทุกรัฐในอเมริกา ทำให้ชื่อเสียงของเขากลายเป็นที่รู้จักอย่างรวดเร็วในฉายา'อาชาแห่งวงการแพทย์'ทั้งๆที่ได้รับเกียรติจากท่านคณะรัฐมนตรีกลาโหมโดยตรงสำหรับตั๋วที่นั่งชั้นลอยระดับวีไอพี แต่แขกคนสำคัญคนดังกล่าวกลับไม่ได้นั่งอยู่ในที่ที่ถูกจัดไว้ให้หลังม่านพลิ้วไหวบนชั้นลอยระดับวีไอพี ปรากฏร่างของชายหญิง
ตอนพิเศษเล็กๆเจคอปผละออกจากร่างบาง “แต่งตัวสิ”เขาลุกขึ้นจากเตียงพร้อมกับเดินไปหยิบเสื้อผ้าตัวใหม่ที่ดูเป็นทางการออกมาจากตู้เสื้อผ้า“จะไปไหนเหรอคะ” นาเดียเอ่ยถามด้วยความสงสัย มองแผ่นหลังที่กำลังยัดแขนลงไปในเสื้อเชิ้ต“กลับบ้านเดียไง” เขาพูดโดยไม่ได้หันมามองหน้าคนตัวเล็ก จึงไม่เห็นว่าร่างบางมีสีหน้าอึ้งกับคำพูดของเขาแค่ไหน แต่เขาก็พอจะเดาได้ จึงหันกลับมาทั้งที่ยังติดกระดุมไม่เสร็จ “ไปขอลูกสาวจากท่านทั้งสองไง” รอยยิ้มร้ายปรากฏบนใบหน้าคนสูงวัยเขาไม่มีเวลามากพอจะจัดพิธีรีตองอะไรมากมาย เพราะอีกไม่นานก็ต้องกลับอเมริกาแล้ว เขาอดใจรอที่จะบอกข่าวดีให้กับพ่อแม่ที่รออยู่ทางโน้นแทบไม่ไหว อายุจนปูนนี้แล้ว พึ่งจะรู้สึกอยากเลี้ยงลูก“ตอนนี้พี่อายุ 37 คงต้องรีบมีน้องอีกคนไวไวแล้วล่ะ เดี๋ยวแก่เกินจะเดินตามลูกไม่ทัน” รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏบนใบหน้าร่างสูง แต่คนตัวเล็กกลับมีสีหน้าแดงก่ำกับคำพูดชวนทะลึ่ง“บะ บ้าเหรอคะ” นาเดียยิ้มจนแก้มแทบปริ ก่อนร่างกายจะถูกโอบอุ้มจนตัวลอยขึ้นจากพื้น เจคอปถูไถใบหน้ากับหน้าท้องแบนราบ ก่อนจะประทับจูบอย่างแผ่วเบา “ขอให้เป็นลูกสาวทีเถอะ”เจคอปค่อยๆวางคนตัวเล็กลงบนพื้นอย่างท
ย้อนกลับไปเมื่อราวสองเดือนก่อนหน้านี้…เจคอปรับสายจากทางไกล เป็นหมายเลขที่โทรมาจากอเมริกา“ครับป๊า”“ป๊ามีเรื่องสำคัญจะคุยกับเจค ตอนนี้โรงพยาบาลที่อเมริกากำลังเกิดปัญหาอย่างหนัก ป๊าอยากให้ตาเจมส์หรือเจค เราคนใดคนหนึ่งกลับมาดูแลกิจการที่นี่ แต่ใจป๊าอยากให้ตาเจมส์เป็นคนกลับมา เพราะที่นี่ไม่ได้มีสาขามากมายเหมือนที่ประเทศไทย เจ้าคนเสเพลอย่างตาเจมส์คงจะจัดการได้ไม่เหนือบ่ากว่าแรง” เรื่องสำคัญจากปากคนเป็นพ่อทำให้ผมต้องชะงักฝีเท้าที่กำลังก้าวเดินอยู่ อดนึกถึงน้องชายไม่ได้ จริงอย่างที่พ่อเขาว่า ที่ประเทศไทยมีโรงพยาบาลที่อยู่ใต้อาณัติของครอบครัวเขาอยู่ทั่วเกือบทุกจังหวัด ทำให้ปัญหาและภาระงานที่ต้องรับผิดชอบมีมากมายกว่าที่โน้นมากโข แต่ปัญหามันอยู่ที่ว่า...“แล้วเรื่องงานหมั้นระหว่างหนูมินกับตาเจมส์ไปถึงไหนแล้ว ป๊าอยากให้หมั้นเช้าแล้วก็แต่งเย็นไปเลยทีเดียว ตอนตาเจมส์กลับมาจะได้พาหนูมินกลับมาด้วย ซินดี้เขาคิดถึงหนูมินน่าดู” ในที่สุดคำถามที่ผมกลัวคนเป็นพ่อจะถามก็หลุดออกมาจนได้ ทั้งๆที่งานหมั้นระหว่างตาเจมส์กับยัยมินควรจะเสร็จลุล่วงเป็นที่เรียบร้อยไปแล้ว แต่เพราะปัญหาหลายอย่างที่เกิดขึ้น ทำให้ยังคา
“อ๊ะ พะ... พี่เจค” ไม่ทันที่ร่างบางจะทันได้เอ่ยความใน ปากหนาก็ชิงประกบจาบจ้วงเอาทุกคำที่คิดว่าร่างบางจะเอ่ยคำปฏิเสธออกมา นาเดียเบิกตามองเขาด้วยความตื่นตะลึง เขาหมายความว่าอะไร เขารู้แล้วเหรอว่าเธอท้อง แต่เขาจะรู้ได้ยังไง“อื้มมม อ่ะ...พะ... อื้มมม” ครั้นจะส่งเสียงอะไรก็ตามที่คิดอยากจะพูด เจคอปจะคอยส่งลิ้นเข้าหาเพื่อห้ามปรามเธอเสียทุกครั้งไป จนร่างบางหมดความพยายามที่จะเอ่ยถามข้อสงสัย ปล่อยตัวปล่อยใจไปกับความสุขสมที่เขาปรนเปรอให้ มือเล็กที่เคยดันอยู่ตรงแผงอกเปลี่ยนไปโอบรอบลำคอของเขาเอาไว้ ท่าทางเหมือนจะไม่ได้ปฏิเสธเรื่องลูกของเขาทำให้นาเดียเกิดความหวังเล็กๆขึ้นในใจเจคอปหลับตาแน่นก่อนจะคำรามออกมาเบาๆเมื่อได้ปลดปล่อยน้ำเชื้อพันธุ์ดีเข้าสู่ร่างกายคนตัวเล็กสมดังตั้งใจ เขาแช่ร่างกายค้างไว้ในตัวเธอ หวังให้ลูกๆนับพันล้านตัววิ่งเข้าไปหาไข่ใบเล็กๆเพียงใบเดียวที่อยู่ในร่างกาย เขาตั้งใจจะผูกมัดเธอด้วยวิธีที่เห็นแก่ตัว โดยที่ไม่รู้เลยว่าเขาได้ทำสำเร็จไปตั้งแต่ครั้งแรกที่ตั้งใจแล้ว“ถ้ามีเจคอปน้อยอยู่ในท้องเธอ เธอก็จะหนีพี่ไปไหนไม่ได้อีก” เขากระซิบความในใจแสนชั่วร้ายข้างใบหูคนตัวเล็ก และนั่นทำให้เธ
เปลือกตาปิดสนิทค่อยๆเปิดออก เผยให้เห็นแววตาที่สะท้อนแต่เพียงความเจ็บปวด เขายังไม่ได้หลับ เขาแค่รอดูว่ายัยตัวเล็กกำลังคิดจะทำอะไรกันแน่เขารู้ตัวตั้งแต่ตอนที่เปิดตู้เสื้อผ้าแล้ว มองปราดเดียวก็รู้แล้วว่าเสื้อผ้าของนาเดียหายไป เขาเหลือบมองไปยังโต๊ะก็พบว่าข้าวของต่างๆของเธอหายไปด้วย เธอกำลังคิดจะไปจากเขาบางทีการที่ต้องทนอยู่กับผู้ชายอารมณ์ร้อนอย่างเขามันคงทำให้เธอมีแต่ความทุกข์ บางทีสิ่งที่เขาพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองมาตลอดมันคงยังไม่ดีพอสำหรับเธอ บางทีความรักของเขามันคงไม่มีค่าพอจะเหนี่ยวรั้งเธอไว้บางที... เขาคงต้องปล่อยเธอไปเสียทีหัวใจดวงน้อยบีบรัดรุนแรงจนเกิดอาการเจ็บปวดรวดร้าว ภาพที่สะท้อนอยู่ในดวงตาพร่าเบลอเพราะเจ้าของดวงตามองมันผ่านม่านน้ำตาท้วมท้น นาเดียกวาดตามองไปรอบๆ คอนโดขนาดใหญ่ที่สร้างความทรงจำให้กับเธอมากมายทั้งรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ และคราบน้ำตา...หญิงสาวค่อยๆปิดเปลือกตาลง คล้ายจะเป็นการตัดใจจากผู้ชายอีกคนที่ยังคงนอนหลับสนิทอยู่ในห้อง มือเล็กเอื้อมไปจับลูกบิดประตูก่อนจะคาทิ้งไว้อย่างนั้นประตูบานเดียวกันนี้ที่เธอเคยเปิดมันออกเพื่อพาตัวเองออกไปจากห้องที่ไม่เคยอยากจะทนอยู่แม้
กิจวัตรยามเช้าระหว่างนาเดียกับเจคอปยังคงดำเนินไปตามปกติเหมือนเช่นทุกวัน เพียงแค่ไม่มีการสนทนาระหว่างทั้งคู่ไม่มีการเดินจับมือลงมาจากคอนโดไม่มีการจูบลาก่อนจะแยกกันไปทำงานไม่มีการส่งข้อความหาตลอดทั้งวันและไม่มีเธอหลงเหลืออยู่ในสายตาของเขาอีกแล้วก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูหน้าห้องทำงานของเจคอปดังขึ้น “เข้ามา”คำอนุญาตจากเจ้าของห้องทำให้คนที่อยู่ด้านนอกเปิดประตูเข้าไปด้านใน เจมส์มาร์มองพี่ชายของตัวเองกำลังง่วนอยู่กับเอกสารกองโต เจคอปยังอยู่ในสภาพเดิมเหมือนที่เขาแวะมาเมื่อตอนเช้าก่อนเข้าผ่าตัดไม่มีผิด และสภาพของผู้หญิงอีกคนที่เขาเห็นเมื่อสักครู่ ใบหน้าหมองเศร้าไม่ต่างกันเลย นี่คงจะยังไม่ได้ปรับความเข้าใจกันอีกสินะ“มีธุระอะไร” น้ำเสียงเย็นชาแบบที่อีกฝ่ายมักจะใช้เวลามีเรื่องทุกข์ใจหรืออยากซ่อนความรู้สึก มีหรือที่คนเป็นน้องอย่างเขาจะดูไม่ออก“เมื่อวานพี่คุยกับนาเดียรึยังครับ” เจมส์มาร์เอ่ยถามโดยไม่เกรงใจ เขานั่งลงโดยไม่รอให้คนตรงหน้าอนุญาต อยู่กับเจคอปมาร่วม 30 ปี พึ่งจะเคยเห็นพี่ชายมีความรัก แล้วน้องชายอย่างเขาจะยอมให้มันพังทลายลงเพียงเพราะความเย็นชาของคนตรงหน้าได้อย่างไร“ไม่มีอะไรต