นาเดียกำลังนั่งมองเพื่อนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่กับหน้าจอโทรศัพท์ นึกสงสัยว่าญาดากลายเป็นคนติดแชทไปตั้งแต่เมื่อไหร่
“นี่ คุยกับใคร ขอฉันดูบ้าง” นาเดียพยายามแย่งโทรศัพท์จากมือเพื่อน แต่ญาดารีบเอาไปซ่อนไว้ข้างหลัง
“ไม่เอา ไม่ให้ดูหรอก แต่จะบอกให้ว่าคุยกับใคร” ญาดายิ้มเจ้าเล่ห์ ก่อนจะโชว์หน้าโปรไฟล์รูปไลน์ของผู้ชายสุดหล่อคนหนึ่ง นาเดียถึงกับตะลึง
“หมอเจมส์ เฮ้ยย แกไปเอาไลน์เขามาจากไหน ทำไมไวไฟจังย่ะ”
“ไม่ไวจะได้มีผัวก่อนแกรึไง ชักช้าแบบนี้ถึงหาคนมาดามใจไม่ได้สักที” ญาดาอดประชดเพื่อนไม่ได้ นึกเสียดายรูปร่างหน้าตาของนาเดีย ถ้าเธอสวยเช้งได้ครึ่งหนึ่งของเพื่อน เธอคงไม่ต้องใช้เล่ห์เหลี่ยมในการหาผู้ชายแบบนี้หรอก
ญาดามักจะใช้นาเดียเป็นข้ออ้างในการเข้าหาผู้ชายเสมอ เพราะทุกครั้งที่ใช้นาเดียเป็นเหยื่อล่อ ผู้ชายทุกคนล้วนเข้ามาติดกับกันทั้งนั้น ครั้งนี้ก็เช่นกัน ญาดาเข้าไปขอไลน์เจมส์มาร์โดยอ้างว่านาเดียเป็นคนไหว้วานเธอ ญาดาปลอมไอดีไลน์เป็นนาเดียแชทกับหมอเจมส์เรื่อยมา แต่เรื่องนี้เธอจะให้นาเดียรู้ไม่ได้เด็ดขาด
“ช่างฉันเถอะน๊า รีบไปหาไรกินกันเถอะ ฉันต้องไปถึงที่ทำงานก่อน 7 โมงนะ ไม่อยากมีปัญหากับยัยรุ่นพี่โรคจิตคนนั้น”
นาเดียคว้ามือญาดาให้หล่อนเลิกสนใจโทรศัพท์เสียที
“โอ๊ย แกจะไปกลัวมันทำไม ถ้ามันตบ เดี๋ยวฉันช่วยแกตบมันเอง”
“จะบ้าเหรอ นี่เราทำงานแล้วนะ ไม่ใช่เด็กแล้ว เลิกเพ้อเจ้อเลย แล้วเดินให้มันเร็วๆ หน่อย”
นาเดียลากญาดามาจนถึงโรงอาหาร ขณะที่กำลังต่อแถวซื้อของกันอยู่ คนที่เป็นหัวข้อสนทนาเมื่อสักครู่ก็โผล่มา
“สวัสดีครับน้องเดีย น้องดา มาทำงานแต่เช้าเลย” เจมส์มาร์เอ่ยทักคนที่พึ่งวางโทรศัพท์จากกัน เขารู้อยู่แล้วว่านาเดียอยู่ที่โรงอาหาร จึงแวะมาทักทาย
“สวัสดีค่ะพี่เจมส์” ญาดาเป็นฝ่ายเอ่ยตอบ ในขณะที่นาเดียเอาแต่ก้มหน้างุด เขาอดเอ็นดูในความน่ารักของนาเดียไม่ได้ ต่อหน้าเขา เธอมักจะเขินอาย ไม่ค่อยพูดค่อยจา แต่พออยู่ในโลกออนไลน์ หญิงสาวจะช่างพูดช่างคุย แถมช่างฉอเลาะอีกต่างหาก
“งั้นพวกหนูขอตัวก่อนนะคะพี่เจมส์ แล้วเจอกันในห้องผ่าตัดนะคะ” ญาดาบอกลาชายหนุ่ม ในขณะที่นาเดียทำเพียงแค่ส่งยิ้มบางให้ เจมส์รีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความหาผู้หญิงตรงหน้าทันที
‘ต่อหน้าพี่ ทำเป็นเมินกันอีกแล้วนะครับน้องเดีย’
‘เดียเขินเพื่อนนี่คะ มันชอบแซวอยู่เรื่อย วันนี้พี่เจมส์หล่อจังเลยค่ะ กระเป๋าใบใหม่ใช่ไหมคะ สวยจัง’
‘ช่างสังเกตนะเรา เอาไว้พี่พาไปเลือกไหม มีแบบของผู้หญิงด้วยนะ น่าจะเหมาะกับเดีย’
‘อย่าเลยค่ะ ดูท่าจะแพงน่าดู’
‘พี่ซื้อให้ครับ สำหรับมิตรภาพของเรา 😊’
“มายืนทำอะไรอยู่ตรงนี้ แล้วเมื่อกี้ยืนคุยอยู่กับใคร”
เสียงของเจคอปทำเอาเจมส์ตกใจจนเผลอปล่อยโทรศัพท์ล่วงจากมือ เขารีบก้มลงไปเก็บแต่ถูกเจมส์แย่งไปก่อน
“ป่าวครับ ผมไปทำงานล่ะ”
เจคอปมองตามหลังผู้หญิงสองคนที่เดินลับตาไป ก่อนจะหันไปมองท่าทางมีพิรุทธ์ของน้องชาย เขาทันได้เห็นเพียงหน้าต่างแชทไลน์ที่เปิดค้างไว้ แต่มองไม่ทันว่าเจมส์กำลังคุยอยู่กับใคร
“เธอรู้จักพยาบาลคนใหม่ที่ชื่อนาเดียรึเปล่า” เจคอปหันมาถามวาววาที่ยืนอยู่ด้านหลัง วาววานึกแปลกใจ ปกติเจคอปไม่เคยแสดงท่าทีสนอกสนใจผู้หญิงคนไหนมาก่อน
“เอ่อ ทำไมเหรอคะ” วาววาถามด้วยความริษยา แต่ก็นึกขึ้นได้ว่าไม่ควรเมื่อเห็นสายตาเย็นชาจากเขา “ค่ะ เป็นพยาบาลใหม่ที่พึ่งเข้ามาทำงานได้ประมาณอาทิตย์นึง” เธอรีบก้มหน้างุด
“งั้นเหรอ สวยมากไหม”
วาววาถึงกับอึ้ง เธอคิดแล้วไม่มีผิดว่านังเด็กใหม่คนนี้มันต้องร้ายกว่าที่เห็น ไม่คิดเลยว่ามันจะร่านขนาดกล้ามาอ่อยผู้ชายของเธอ เธอต้องรีบชิงกำจัดมันก่อนที่เจคอปจะได้มันเป็นเมียอีกคน
“ก็หน้าตาน่ารักดีนะคะ ท่าทางดูเรียบร้อย แต่มีคนนินทากันว่าจริงๆแล้วเป็นเด็กแรดเงียบ เหมือนคุณหมอเจมส์จะสนใจอยู่ เอ่อ วาแค่พูดตามความจริง” เธอรีบชะงักเมื่อเจคอปส่งสายตาไม่พอใจ
“จะไปไหนก็ไป” เขาพูดด้วยอารมณ์ขุ่นมัว
“แล้วผ.อ.ไม่ให้วาตามไปที่ห้องแล้วเหรอคะ”
เขาหันมาส่งสายตาเหี้ยมเกียมแทนคำตอบ เธอได้แต่มองตามแผ่นหลังของร่างใหญ่ไปโดยที่ไม่สามารถทำอะไรได้
“นังนาเดีย คิดจะแย่ง ผ.อ.ของฉันไปงั้นเหรอ หึ แกกับฉันต้องได้เห็นดีกันแน่” วาววากำมือแน่นด้วยความโกรธแค้น ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนทำให้เจคอปสนใจได้ขนาดนี้
เสียงบรรเลงบทเพลง Classic จากวง orchestra ชื่อดังระดับโลกกำลังประสานเสียงจากเครื่องดนตรีหลากหลายชนิดขับกล่อมออกมาในบทเพลง 'Four Season'บทเพลงที่มีท่วงทำนองไพเราะที่ฟังกี่ครั้งก็ยังคงตราตรึงหัวใจคนฟัง เหล่าบรรดาคนดังของประเทศอเมริกา ทั้งนายแบบนางแบบชื่อดัง ทั้งเหล่าคณะรัฐมนตรี รวมไปถึงบรรดาไฮโซทั้งหลาย ต่างพร้อมใจกันมารวมตัว ณ Hall ขนาดใหญ่ที่จุคนได้นับหมื่น และหนึ่งในบรรดาคนดังเหล่านั้น ก็รวมถึงศาสตราจารย์ดอกเตอร์นายแพทย์เจคอป บดินพิทักษ์ นายแพทย์ชื่อดังที่พึ่งได้รับการยกย่องจากองกรค์แพทยสภาของอเมริกาให้เป็นนายแพทย์ผู้มากความสามารถซึ่งเป็นแกนนำหลักสำคัญในการพัฒนาวงการแพทย์ให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น เพราะในช่วง 15 ปีนับตั้งแต่ที่เขากลับมาดูแลกิจการต่อจากผู้เป็นบิดา เขาก็ค่อยๆขยายสาขาไปจนครอบคลุมทั่วทุกรัฐในอเมริกา ทำให้ชื่อเสียงของเขากลายเป็นที่รู้จักอย่างรวดเร็วในฉายา'อาชาแห่งวงการแพทย์'ทั้งๆที่ได้รับเกียรติจากท่านคณะรัฐมนตรีกลาโหมโดยตรงสำหรับตั๋วที่นั่งชั้นลอยระดับวีไอพี แต่แขกคนสำคัญคนดังกล่าวกลับไม่ได้นั่งอยู่ในที่ที่ถูกจัดไว้ให้หลังม่านพลิ้วไหวบนชั้นลอยระดับวีไอพี ปรากฏร่างของชายหญิง
ตอนพิเศษเล็กๆเจคอปผละออกจากร่างบาง “แต่งตัวสิ”เขาลุกขึ้นจากเตียงพร้อมกับเดินไปหยิบเสื้อผ้าตัวใหม่ที่ดูเป็นทางการออกมาจากตู้เสื้อผ้า“จะไปไหนเหรอคะ” นาเดียเอ่ยถามด้วยความสงสัย มองแผ่นหลังที่กำลังยัดแขนลงไปในเสื้อเชิ้ต“กลับบ้านเดียไง” เขาพูดโดยไม่ได้หันมามองหน้าคนตัวเล็ก จึงไม่เห็นว่าร่างบางมีสีหน้าอึ้งกับคำพูดของเขาแค่ไหน แต่เขาก็พอจะเดาได้ จึงหันกลับมาทั้งที่ยังติดกระดุมไม่เสร็จ “ไปขอลูกสาวจากท่านทั้งสองไง” รอยยิ้มร้ายปรากฏบนใบหน้าคนสูงวัยเขาไม่มีเวลามากพอจะจัดพิธีรีตองอะไรมากมาย เพราะอีกไม่นานก็ต้องกลับอเมริกาแล้ว เขาอดใจรอที่จะบอกข่าวดีให้กับพ่อแม่ที่รออยู่ทางโน้นแทบไม่ไหว อายุจนปูนนี้แล้ว พึ่งจะรู้สึกอยากเลี้ยงลูก“ตอนนี้พี่อายุ 37 คงต้องรีบมีน้องอีกคนไวไวแล้วล่ะ เดี๋ยวแก่เกินจะเดินตามลูกไม่ทัน” รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏบนใบหน้าร่างสูง แต่คนตัวเล็กกลับมีสีหน้าแดงก่ำกับคำพูดชวนทะลึ่ง“บะ บ้าเหรอคะ” นาเดียยิ้มจนแก้มแทบปริ ก่อนร่างกายจะถูกโอบอุ้มจนตัวลอยขึ้นจากพื้น เจคอปถูไถใบหน้ากับหน้าท้องแบนราบ ก่อนจะประทับจูบอย่างแผ่วเบา “ขอให้เป็นลูกสาวทีเถอะ”เจคอปค่อยๆวางคนตัวเล็กลงบนพื้นอย่างท
ย้อนกลับไปเมื่อราวสองเดือนก่อนหน้านี้…เจคอปรับสายจากทางไกล เป็นหมายเลขที่โทรมาจากอเมริกา“ครับป๊า”“ป๊ามีเรื่องสำคัญจะคุยกับเจค ตอนนี้โรงพยาบาลที่อเมริกากำลังเกิดปัญหาอย่างหนัก ป๊าอยากให้ตาเจมส์หรือเจค เราคนใดคนหนึ่งกลับมาดูแลกิจการที่นี่ แต่ใจป๊าอยากให้ตาเจมส์เป็นคนกลับมา เพราะที่นี่ไม่ได้มีสาขามากมายเหมือนที่ประเทศไทย เจ้าคนเสเพลอย่างตาเจมส์คงจะจัดการได้ไม่เหนือบ่ากว่าแรง” เรื่องสำคัญจากปากคนเป็นพ่อทำให้ผมต้องชะงักฝีเท้าที่กำลังก้าวเดินอยู่ อดนึกถึงน้องชายไม่ได้ จริงอย่างที่พ่อเขาว่า ที่ประเทศไทยมีโรงพยาบาลที่อยู่ใต้อาณัติของครอบครัวเขาอยู่ทั่วเกือบทุกจังหวัด ทำให้ปัญหาและภาระงานที่ต้องรับผิดชอบมีมากมายกว่าที่โน้นมากโข แต่ปัญหามันอยู่ที่ว่า...“แล้วเรื่องงานหมั้นระหว่างหนูมินกับตาเจมส์ไปถึงไหนแล้ว ป๊าอยากให้หมั้นเช้าแล้วก็แต่งเย็นไปเลยทีเดียว ตอนตาเจมส์กลับมาจะได้พาหนูมินกลับมาด้วย ซินดี้เขาคิดถึงหนูมินน่าดู” ในที่สุดคำถามที่ผมกลัวคนเป็นพ่อจะถามก็หลุดออกมาจนได้ ทั้งๆที่งานหมั้นระหว่างตาเจมส์กับยัยมินควรจะเสร็จลุล่วงเป็นที่เรียบร้อยไปแล้ว แต่เพราะปัญหาหลายอย่างที่เกิดขึ้น ทำให้ยังคา
“อ๊ะ พะ... พี่เจค” ไม่ทันที่ร่างบางจะทันได้เอ่ยความใน ปากหนาก็ชิงประกบจาบจ้วงเอาทุกคำที่คิดว่าร่างบางจะเอ่ยคำปฏิเสธออกมา นาเดียเบิกตามองเขาด้วยความตื่นตะลึง เขาหมายความว่าอะไร เขารู้แล้วเหรอว่าเธอท้อง แต่เขาจะรู้ได้ยังไง“อื้มมม อ่ะ...พะ... อื้มมม” ครั้นจะส่งเสียงอะไรก็ตามที่คิดอยากจะพูด เจคอปจะคอยส่งลิ้นเข้าหาเพื่อห้ามปรามเธอเสียทุกครั้งไป จนร่างบางหมดความพยายามที่จะเอ่ยถามข้อสงสัย ปล่อยตัวปล่อยใจไปกับความสุขสมที่เขาปรนเปรอให้ มือเล็กที่เคยดันอยู่ตรงแผงอกเปลี่ยนไปโอบรอบลำคอของเขาเอาไว้ ท่าทางเหมือนจะไม่ได้ปฏิเสธเรื่องลูกของเขาทำให้นาเดียเกิดความหวังเล็กๆขึ้นในใจเจคอปหลับตาแน่นก่อนจะคำรามออกมาเบาๆเมื่อได้ปลดปล่อยน้ำเชื้อพันธุ์ดีเข้าสู่ร่างกายคนตัวเล็กสมดังตั้งใจ เขาแช่ร่างกายค้างไว้ในตัวเธอ หวังให้ลูกๆนับพันล้านตัววิ่งเข้าไปหาไข่ใบเล็กๆเพียงใบเดียวที่อยู่ในร่างกาย เขาตั้งใจจะผูกมัดเธอด้วยวิธีที่เห็นแก่ตัว โดยที่ไม่รู้เลยว่าเขาได้ทำสำเร็จไปตั้งแต่ครั้งแรกที่ตั้งใจแล้ว“ถ้ามีเจคอปน้อยอยู่ในท้องเธอ เธอก็จะหนีพี่ไปไหนไม่ได้อีก” เขากระซิบความในใจแสนชั่วร้ายข้างใบหูคนตัวเล็ก และนั่นทำให้เธ
เปลือกตาปิดสนิทค่อยๆเปิดออก เผยให้เห็นแววตาที่สะท้อนแต่เพียงความเจ็บปวด เขายังไม่ได้หลับ เขาแค่รอดูว่ายัยตัวเล็กกำลังคิดจะทำอะไรกันแน่เขารู้ตัวตั้งแต่ตอนที่เปิดตู้เสื้อผ้าแล้ว มองปราดเดียวก็รู้แล้วว่าเสื้อผ้าของนาเดียหายไป เขาเหลือบมองไปยังโต๊ะก็พบว่าข้าวของต่างๆของเธอหายไปด้วย เธอกำลังคิดจะไปจากเขาบางทีการที่ต้องทนอยู่กับผู้ชายอารมณ์ร้อนอย่างเขามันคงทำให้เธอมีแต่ความทุกข์ บางทีสิ่งที่เขาพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองมาตลอดมันคงยังไม่ดีพอสำหรับเธอ บางทีความรักของเขามันคงไม่มีค่าพอจะเหนี่ยวรั้งเธอไว้บางที... เขาคงต้องปล่อยเธอไปเสียทีหัวใจดวงน้อยบีบรัดรุนแรงจนเกิดอาการเจ็บปวดรวดร้าว ภาพที่สะท้อนอยู่ในดวงตาพร่าเบลอเพราะเจ้าของดวงตามองมันผ่านม่านน้ำตาท้วมท้น นาเดียกวาดตามองไปรอบๆ คอนโดขนาดใหญ่ที่สร้างความทรงจำให้กับเธอมากมายทั้งรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ และคราบน้ำตา...หญิงสาวค่อยๆปิดเปลือกตาลง คล้ายจะเป็นการตัดใจจากผู้ชายอีกคนที่ยังคงนอนหลับสนิทอยู่ในห้อง มือเล็กเอื้อมไปจับลูกบิดประตูก่อนจะคาทิ้งไว้อย่างนั้นประตูบานเดียวกันนี้ที่เธอเคยเปิดมันออกเพื่อพาตัวเองออกไปจากห้องที่ไม่เคยอยากจะทนอยู่แม้
กิจวัตรยามเช้าระหว่างนาเดียกับเจคอปยังคงดำเนินไปตามปกติเหมือนเช่นทุกวัน เพียงแค่ไม่มีการสนทนาระหว่างทั้งคู่ไม่มีการเดินจับมือลงมาจากคอนโดไม่มีการจูบลาก่อนจะแยกกันไปทำงานไม่มีการส่งข้อความหาตลอดทั้งวันและไม่มีเธอหลงเหลืออยู่ในสายตาของเขาอีกแล้วก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูหน้าห้องทำงานของเจคอปดังขึ้น “เข้ามา”คำอนุญาตจากเจ้าของห้องทำให้คนที่อยู่ด้านนอกเปิดประตูเข้าไปด้านใน เจมส์มาร์มองพี่ชายของตัวเองกำลังง่วนอยู่กับเอกสารกองโต เจคอปยังอยู่ในสภาพเดิมเหมือนที่เขาแวะมาเมื่อตอนเช้าก่อนเข้าผ่าตัดไม่มีผิด และสภาพของผู้หญิงอีกคนที่เขาเห็นเมื่อสักครู่ ใบหน้าหมองเศร้าไม่ต่างกันเลย นี่คงจะยังไม่ได้ปรับความเข้าใจกันอีกสินะ“มีธุระอะไร” น้ำเสียงเย็นชาแบบที่อีกฝ่ายมักจะใช้เวลามีเรื่องทุกข์ใจหรืออยากซ่อนความรู้สึก มีหรือที่คนเป็นน้องอย่างเขาจะดูไม่ออก“เมื่อวานพี่คุยกับนาเดียรึยังครับ” เจมส์มาร์เอ่ยถามโดยไม่เกรงใจ เขานั่งลงโดยไม่รอให้คนตรงหน้าอนุญาต อยู่กับเจคอปมาร่วม 30 ปี พึ่งจะเคยเห็นพี่ชายมีความรัก แล้วน้องชายอย่างเขาจะยอมให้มันพังทลายลงเพียงเพราะความเย็นชาของคนตรงหน้าได้อย่างไร“ไม่มีอะไรต