“น้าดา”
พอเจ้าน้องเขยไปเสียงของใครอีกคนก็ดังแว่วมาแทนทำให้รังสิมันตุ์ต้องเลิกแหย่หญิงสาวและชวนเธอลงมือกินต่อเงียบ ๆ แค่เสียงที่ดังแว่วมาเรียกชื่อเจ้ญาดาก็ทำให้หนังตาขวาของชายหนุ่มกระตุกถี่ ๆ แล้ว...คุณนายสารวัตรมาแล้ว
“เรียกมาแต่ไกลเลยนะหวาน จะเอาอะไรล่ะวันนี้” เสียงเจ้ดาถามกลับดังมาถึงจุดที่ชายหนุ่มนั่งอยู่แต่เขาก็ไม่คิดจะส่งเสียงทักทายคนมาใหม่เหมือนกันคนอื่น ๆ ในร้านที่พากันส่งเสียกทักทายสวัสดีคนมาใหม่
คนมาใหม่คนนี้ทุกคนในแทบนี้รู้จักกันดีเพราะสาวเจ้าเป็นคนที่คว้าหัวใจของสารวัตรหนุ่มฝ่ายสืบสวนสอบสวนที่มีดีกรีความหล่อและเข้มเป็นที่พูดถึงของคนทั่วไปมาครอบครอง นีรนุชสาวสวย (แต่ปากจัดกัดเจ็บ) ภรรยาสุดที่รักของสารวัตรพนัสพงษ์หรือที่รังสิมันตุ์และผู้ใต้บังคับบัญชาในฝ่ายสืบสวนสอบสวนเรียกกันว่าพี่ใหญ่
เธอคนนี้ก็คืออาซ้อใหญ่ของพวกเขา...แต่เป็นซ้อใหญ่ที่เขาไม่อยากจะเจอ
“น้าดา”พอเจ้าน้องเขยไปเสียงของใครอีกคนก็ดังแว่วมาแทนทำให้รังสิมันตุ์ต้องเลิกแหย่หญิงสาวและชวนเธอลงมือกินต่อเงียบ ๆ แค่เสียงที่ดังแว่วมาเรียกชื่อเจ้ญาดาก็ทำให้หนังตาขวาของชายหนุ่มกระตุกถี่ ๆ แล้ว...คุณนายสารวัตรมาแล้ว“เรียกมาแต่ไกลเลยนะหวาน จะเอาอะไรล่ะวันนี้” เสียงเจ้ดาถามกลับดังมาถึงจุดที่ชายหนุ่มนั่งอยู่แต่เขาก็ไม่คิดจะส่งเสียงทักทายคนมาใหม่เหมือนกันคนอื่น ๆ ในร้านที่พากันส่งเสียกทักทายสวัสดีคนมาใหม่คนมาใหม่คนนี้ทุกคนในแทบนี้รู้จักกันดีเพราะสาวเจ้าเป็นคนที่คว้าหัวใจของสารวัตรหนุ่มฝ่ายสืบสวนสอบสวนที่มีดีกรีความหล่อและเข้มเป็นที่พูดถึงของคนทั่วไปมาครอบครอง นีรนุชสาวสวย (แต่ปากจัดกัดเจ็บ) ภรรยาสุดที่รักของสารวัตรพนัสพงษ์หรือที่รังสิมันตุ์และผู้ใต้บังคับบัญชาในฝ่ายสืบสวนสอบสวนเรียกกันว่าพี่ใหญ่เธอคนนี้ก็คืออาซ้อใหญ่ของพวกเขา...แต่เป็นซ้อใหญ่ที่เขาไม่อยากจะเจอ
“เอ้อ แล้วนี่ไปมีเมียตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ยผู้กอง” นั่งเงียบมองได้ครู่เดียวคนเป็นเจ้าของร้านที่รู้จักมักจี่กับตำรวจแทบทุกคนของสน.นี้ดีก็นึกขึ้นได้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ที่มากกว่าแฟนของชายหนุ่ม “เจ้ไม่เคยได้ข่าว...แอบเหรอ แบบนี้ไม่ให้เกียรติผู้หญิงเลยนะ นี่คุณ โดนผู้กองซันรังแกข่มเหงอะไรฟ้องเจ้ได้เลยนะ เดี๋ยวเจ้จัดการให้”“เอ่อคือ...” จะบอกว่าไม่มีอะไรให้จัดการหรือบอกว่าไม่ใช่เมียก่อนดีล่ะ ใจคอจะไม่ให้เธอแย้งอะไรเลยเหรอ ตาคนนี้ก็อีกคน แทนที่จะโต้แย้งให้เธอก็ดันยิ้มขำซะอย่างนั้นไม่ใช่เมียสักหน่อย ไม่ใช่“โธ่เจ้ครับ ใครจะกล้ารังแก...เมียทั้งคน”ชายหนุ่มตอบเจ้าของร้านก่อนจะส่งสายตามาหยอด ญาดาเองก็หันมาส่งสายตาล้อเลียนเช่นกัน อยู่ ๆ ก็รู้สึกเหมือนถูกโจมตีสองด้านพร้อมกัน ศศิรินทร์ถึงกับไปไม่เป็น...ขอร้องเถอะสวรรค์ เดี๋ยวได้เขินตายกันพอ
ปัจจุบันแม้จะนึกฉุน ๆ ที่ถูกเขากักตัวไว้หน้าตาเฉยแต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ ได้แต่เดินตามแรงจูงมือไปยังร้านอาหารตามสั่งที่มีข้าวมันไก่แสนอร่อยที่เขาบอกไว้ว่าจะพาแวะ ใจนึงก็นึกเคืองคนข้างหน้า แต่อีกใจก็นึกบริภาสคนที่ทิ้งเธอไว้กับคนคนนี้ ภาสกรนะภาสกร ทำไมถึงได้คิดว่าคนคนนี้จะพูดง่ายแล้วแอบหยิบกุญแจรถของเธอไปให้นายคนนี้ได้นะมันน่านักเชียว!เดินออกมาจากสถานีตำรวจไม่ไกลก็มาถึงร้านเจ้ดาข้าวมันไก่และอาหารตามสั่ง ซึ่งเป็นร้านประจำที่รังสิมันตุ์มาฝากท้องในทุก ๆ วัน ศศิรินทร์มองภายในร้านที่แม้จะตกเย็นแล้วแต่ที่นั่งกลับเหลือเพียงสองโต๊ะก่อนจะเดินตามชายหนุ่มเข้าไปนั่งที่โต๊ะมุมสุดที่ยังว่างอยู่“เอาข้าวมันไก่เนอะ”“อื้อ” เ
ศศิรินทร์แทบจะกางกงเล็บเหมือนแมวอยู่มะลอมมะล่อ และดูเหมือนยิ่งเธอทำตัวเหมือนลูกแมวที่เริ่มพองขนส่ายหางไม่พอใจพร้อมจะวาดกงเล็บลงบนหน้าเขา เขาก็ยิ่งทำตัวให้น่ากระโจนเข้าไปข่วนขึ้นเรื่อย ๆ‘ไม่รู้ละ เราถามเธอแล้วด้วย เธอไม่ยอมหยุดเอง เธอก็ต้องรับผิดชอบการกระทำตัวเองสิ’‘เราไม่หยุดเธอก็ควรหยุดสิ เธอก็รู้ว่าเราเป็นใคร’‘ไม่รู้’ อันนี้เขาโกหก แต่ก็เป็นคำโกหกหน้าตายที่ทำให้แม่แมวตัวน้อยเริ่มอยากอาละวาด...ไม่รู้สิ เขาอยากให้เธออาละวาดดูสักครั้งนี่เขาเป็นบ้าอะไรขึ้นมาเนี่ย....แต่แบบนี้เธอน่ารักมากเลยนะคนนึกอะไรไม่เข้าท่าขึ้นมายังคงไม่แสดงท่าทีใด ๆ แต่ภายในกลับมองท่าทีของหญิงสาวอย่างชอบใจ ทิ้งเขาไว้ตั้งเป็นเดือน ทำให้โมโหซะบ้างจะเป็นไรไป‘เอาที่ไหนมาพูดว่าเรารู้ เราไม่รู๊’‘โกหก เมื่อเช้าเธอไม่ถามแพตตี้สักคำว่าเราเป็นใคร แสดงว่าเธอรู้อยู่แล้ว จะมาไม่รู้อะไร’ศศิรินทร์สวนกลับพร้อมกับจ้องเขม่น ทำไมเธอรู้สึกว่าไอ้หน้าตานิ่ง ๆ ของเขานี่มันคือของปลอมขึ้นมานะ...ตกลงแล้วร้ายกาจสินะตาคนนี้น่ะสายตาคู่นั้นมองมาที่เขาอย่างเริ่มเคือง ๆ แต่ชายหนุ่มก็ยังไม่หยุดพูดเรื่องความรับผิดชอบอยู่ดี ‘ถึงเรารู้เธอก็ต้
17.30 น.ไว้ตอนไปส่งจะพาแวะ...คำนั้นของรังสิมันตุ์ดูธรรมดามาก ๆ ธรรมดาซะจนศศิรินทร์ไม่นึกเอะใจใด ๆ แต่ใครจะไปคิดว่าเวลาที่เขาบอกจะไปส่งก็คือเวลาที่เขาเลิกงาน...ทำไมเธอถึงอยู่ที่ห้องของเขาจนถึงเย็นได้ล่ะเนี่ย!สายตาเกลี้ยวกลาดอยู่ลึก ๆ จ้องมองค้อนคนที่เดินอยู่ข้างหน้าราวกับอยากจะกระชากให้หัวสั่นหัวคลอนกันไปข้าง แต่ก็ทำได้เพียงเดินตามแรงจูงมือของคนมีแรงเยอะกว่าหงุดหงิดจริง ๆ เธอควรจะได้ออกจากสถานีตำรวจนี้ตั้งแต่กินข้าวมันไก่เสร็จแล้วถ้าไม่ถูกเขากักตัวเอาไว้ คิดถึงเรื่องเมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมาก็ยิ่งอยากจะข่วนหน้าคนตรงหน้า...ผู้ชายคนนี้ร้ายกาจที่สุดหลายชั่วโมงก่อนพอได้รับประทานของโปรดจนหมดเกลี้ยงคนที่รู้สึกไม่ดีมาตั้งแต่เช้าก็มีชีวิตชีวาขึ้นราวกับนาฬิกาถ่ายอ่อนที่ถูกเปลี่ยนถ่ายก้อนใหม่ แค่ไม่มีอาเจียนมารบกวนชีวิตของเธอก็สดชื่นขึ้นเยอะเลยล่ะ แล้วสมองก็ปลอดโปร่งขึ้นเยอะเลยทีเดียว...พร้อมเผชิญหน้าแล้วล
ตอนที่เข้ามาในห้องนี้ครั้งแรกศศิรินทร์ยังไม่ได้สำรวจภายในห้องอย่างถี่ถ้วนนักพอมาตอนนี้ถึงได้เห็นว่าในห้องยังมีโต๊ะทำงานอีกสามถึงสี่ตัวอยู่อีกมุมหนึ่ง ขนาดโต๊ะเล็กกว่าโต๊ะที่เธอและเพื่อนถูกพามานั่งเล็กน้อย แต่ก็ดูเป็นระเบียบเรียบร้อยและไม่ค่อยจะมีอะไรสักเท่าไหร่ไม่ต่างกันโต๊ะทำงานของตำรวจมีของตกแต่งไม่ได้เหรอ?ทำไมมันโล่งซะจริง...หรือเป็นแค่ในห้องนี้?“มานั่งตรงนี้สิ” กำลังสำรวจอยู่ดี ๆ เสียงของรังสิมันตุ์ก็ทำให้ต้องเลิกสนใจสิ่งรอบข้าง ‘ตรงนี้’ ของเขาก็คือที่นั่งที่เขานั่งคุยกับพวกเธอเมื่อเช้านี้...แล้วทำไมตอนนี้จะให้เธอนั่งซะล่ะแต่ถึงจะสงสัยหญิงสาวก็ถูกดันให้นั่งลงจนได้ ชายหนุ่มจัดแจงเอาจานข้าวมันไก่และน้ำซุปกลิ่นชวนรับประทานมาวางตรงหน้าทั้งหยิบแก้วน้ำและขวดน้ำมาวางให้“มีแต่น้ำเปล่านะ ดื่มได้มั้ย”“ดะ ได้” เธอตอบรับตะกุกตะกักรู้สึกเขินขึ้นมาอย่างไร
การลงบันทึกประจำวันและพูดคุยเพิ่มเติมกับลูกน้องของรังสิมันตุ์ใช้เวลาไม่นานเพราะหนึ่งในสองลูกน้องยังคงอยู่ที่เกิดเหตุ การพูดคุยในส่วนของที่เกิดเหตุจึงไม่ได้ลงลึกมากเมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้นพิชยะที่แม้จะไม่อยากกลับเพราะเหมือนจะไม่ชอบใจรังสิมันตุ์เท่าไหร่นักก็ต้องออกจากสถานีตำรวจไปอย่างจำใจเพราะคนเป็นพี่สาวโทรศัพท์มาตามให้รีบไปหา ส่วนกฤติกาภาสกรก็ให้กลับออฟฟิศไปก่อนเพราะเกรงจะมีงานด่วนส่วนตนนั่งรอรังสิมันตุ์อยู่กับศศิรินทร์แค่สองคนจะเรียกว่านั่งรอก็คงไม่ใช่...ต้องบอกว่านั่งเฝ้าไม่ให้หนีซะมากกว่าบ่งบอกเลยว่าอยากให้เธอและรังสิมันตุ์ลงเอยกัน คิดอะไรอยู่เนี่ย เธอกับเพื่อนสมัยมัธยมเนี่ยนะคิดขึ้นมาแล้วก็รู้สึกลัดกลุ้มขึ้นมาอีกครั้งแต่ก็ไม่ได้คิดหนักเหมือนตอนแรก “เฮ้อ อยู่ดี ๆ ก็วิ่งเข้ามาหาเขาถึงห้องทำงานซะงั้น แล้วยังเป็นเพื่อนตอนมัธยมซะอีก หนีเอง กลับมาเอง...นักเลงมั้ยล่ะโซ่เอ้ย”&ldqu
“หล่อมาก ทำไมตอนนั้นฉันถึงไม่เห็นออร่านางก็ไม่รู้ ถ้าฉันเห็นตอนนั้นฉันไปสารภาพรักเขาแทนแกแล้วโซ่” ภาสกรที่ยังอยู่ในอาการเคลิบเคลิ้มกระซิบบอกพร้อมกับทำท่าทีเขินอาย จะต้องบอกว่าเขินอายตั้งแต่ฝ่ายโน่นยิ้มให้แล้วล่ะ“บ้าผู้ชาย” แล้วอารมณ์เคลิ้มฝันของภาสกรก็ถูกพิชยะสกัดจนดับสนิท เพื่อนหนุ่มออกสาวของศสิรินทณ์หุบปากฉับหันไปหาพิชยะทันทีพร้อมกับยกมือเท้าสะเอวอย่างเอาเรื่อง“แล้วทำไม บ้าผู้ชายมันผิดตรงไหน พี่พีชยังบ้าผู้หญิงได้เลย”โดนภาสกรตอกกลับทำเอาพิชยะใบ้กินไปเลย ศศิรินทร์มองคนเป็นไม้เบื่อไม้เมากันมานานก่อนจะหันไปขอเวลากับนายตำรวจที่รังสิมันตุ์ให้นำทางก่อนจะดึงเพื่อนสนิทแยกออกจากพิชยะและพาเข้ามาภายในห้องน้ำด้วยท่าทีอัดอั้น“แพตตี้”“อะไรเนี่ยยัยโซ่ ดึงฉันมาทำไม ให้ฉันด่าอิตาพี่พีชนั่นอีกหน่อยไม่ได้เหรอ...แล้วนี่อย่าบอกนะว่าคิดจะทำมิดีมิร้ายฉัน
“เอายาดมมั้ย” ชายหนุ่มถามมาในเชิงหยอกล้อแล้วยิ้มขำกับท่าทีตกใจของเธอ ศศิรินทร์รับรู้ได้ในทันทีนั้นเลยว่าคนตรงหน้าแตกต่างไปจากเธอที่ตกใจจนแทบช็อก ภาสกรยังไม่ได้แนะนำเธอให้อีกฝ่ายรู้จักแต่เขากลับไม่มีคำถามใด ๆ เกี่ยวข้องกับเธอ...ที่แท้เขาก็รู้อยู่แล้วว่าเธอเป็นใครและถ้ารู้เขาก็มั่นใจมาตลอดว่าเจอเธออีกครั้งได้ไม่ยากต่อให้เธอหนีออกมา อย่างนั้นสินะ...คนที่ชื่อรังสิมันตุ์คนนั้นน่ะเป็นคนร้ายกาจแบบนี้เหรอ!!!“ตกใจอะไรขนาดนั้น พ่อซันเป็นตำรวจ นางจะเป็นตำรวจก็ไม่แปลกเท่าไหร่ปะละ เรื่องหล่อนี่ก็ไม่แปลกนะ โตเต็มวัยต้องหล่อขึ้นอยู่แล้ว” ภาสกรที่ไม่ได้เอะใจกับท่าทีนั้นบ่นให้แล้วก็กระซิบบอก เขาเข้าใจว่าอีกฝ่ายตกใจที่รังสิมันตุ์คนนั้นกลายเป็นนายตำรวจหนุ่มหล่อในตอนนี้ แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าตกใจขนาดนั้น ครอบครัวของรังสิมันตุ์รับราชการตำรวจมาตั้งแต่รุ่นปู่ รังสิมันตุ์จะกลายมาเป็นตำรวจอย่างตอนนี้ก็ไม่แปลกจะแปลกก็ที่เมื่อก่อนอีกฝ่ายไม่ได้ฉายแววหล่อเหลาเท่าตอนนี้ซะมากกว่า.