เขมณัฏฐ์งัวเงียเดินมาเปิดประตูห้องเมื่อน้องสาวขึ้นมาปลุกตั้งแต่เช้า
“มีอะไรแต่เช้าหรือว่านายไตรฟื้นแล้ว”
“ไม่ใช่ค่ะ พี่ไตรยังไม่ฟื้นแต่เมื่อกี้พยาบาลที่โรงพยาบาลโทรมาบอกว่ามีผู้หญิงจะพยายามเข้าไปเยี่ยมพี่ไตร เขมว่าพี่เข้มต้องรีบจัดการเรื่องนี้ให้เขมนะคะ ถ้าเธอยังไปวนเวียนอยู่ที่โรงพยาบาลแบบนั้นมันไม่ดีเลย”
“เดี๋ยววันนี้พี่จะเรียกเธอมาคุยอีกที จะพูดกับเธอดีๆ”
“ผู้หญิงแบบนี้พูดดีๆ ด้วยไม่ได้หรอกค่ะ พี่ต้องพาเธอไปอยู่สุโขทัย”
“ถ้าพี่กลับไปอยู่สุโขทัยแล้วเขมจะอยู่คนเดียวยังไงยิ่งช่วงนี้ท้องอยู่ด้วยนะ”
“เขมอยู่คนเดียวที่ไหนที่บ้านก็มีเด็กรับใช้อยู่”
“แต่พี่เป็นห่วงนะ”
“ถ้าพี่เป็นห่วงเขมจริงๆ พี่ก็ต้องทำให้เขมสบายใจ นะคะพี่เข้มช่วยเขม ช่วยกันเธอออกไปจากชีวิตของพี่ไตรช่วงนี้ก่อนได้ไหมคะ เขมไม่อยากเครียด แค่เรื่องที่พี่ไตรยังไม่ฟื้นเขมก็เครียดมากอยู่แล้ว ถ้ายังจะต้องมาสู้รบตบมือกับเมียน้อยของพี่ไตรอีกเขมคงแย่แน่ๆ” เขมิกาพยายามโน้มน้าวพี่ชายอย่างเพราะเธอไม่อยากให้ผู้หญิงคนไหนเข้าใกล้กับไตรภพโดยเฉพาะช่วงที่เขากำลังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล หญิงสาวกลัวเหลือเกินว่าเขาจะฟื้นขึ้นมาเจอผู้หญิงคนอื่นก่อนตัวเธอ
“เดี๋ยวพี่จะช่วยเขมก็แล้วกันนะ แต่ถ้านายไตรฟื้นเมื่อไหร่ต้องรีบแจ้งพี่นะ พี่จะได้พาเขามาคุยและเคลียร์ทุกอย่างให้มันเรียบร้อย”
“ได้ค่ะ เขมจะรีบโทรไปบอกเลย ขอบคุณนะคะพี่เข้ม พี่เป็นพี่ชายใจดีที่สุดของเขมเลยค่ะ ถ้าไม่มีพี่เข้ม เขมต้องแย่แน่ๆ” เขมิกากอดพี่ชายยังประจบ
หลังจากคุยกับน้องสาวแล้วเขมณัฏฐ์ก็ถอนหายใจอย่างหนักเขาไม่รู้จะพาผู้หญิงคนนั้นไปอยู่ที่สุโขทัยยังไงการจะบอกไปตรงๆ มันก็คงไม่ใช่เรื่องง่ายเท่าไหร่หรืออาจจะต้องวางยาแล้วแอบพาขึ้นรถไปเหมือนที่เคยเห็นในละครเหมือนที่น้าประนอมชอบดู
ชายหนุ่มมองเบอร์โทรศัพท์ของผู้หญิงที่ชื่อกานต์ชิสาแล้วถอนหายใจเป็นครั้งที่สองจากนั้นก็กดโทรออกเพื่อนัดให้หญิงสาวมาเจอเขาที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ใกล้ๆ กับโรงพยาบาลที่ไตรภพรักษาตัวอยู่
“คุณไตรฟื้นแล้วเหรอคะ” หญิงสาวถามด้วยความดีใจ
“เปล่าหรอกนายไตรยังไม่ฟื้น แต่ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณหน่อย”
“มีเรื่องจะคุยกับฉันก็คุยตอนนี้เลยสิคะ”
“ผมว่าคุยทางโทรศัพท์คงไม่สะดวกออกมาเจอผมหน่อยได้ไหมล่ะหรือจะให้ผมเข้าไปหาคุณที่ร้านก็ได้นะ”
“ไม่ได้นะคุณจะเข้ามาที่ร้านไม่ได้ เดี๋ยวฉันออกไปหาคุณเองค่ะ” เพราะกลัวว่าเขาเข้ามาในร้านแล้วจะรู้ว่าตนเองไม่ใช่เจ้าของร้านเบเกอรี่อย่างที่เขาเข้าใจ
“พี่ครีมเค้กออกไปเจอเพื่อนหน่อยนะคะ”
“ตั้งแต่เค้กกลับมาอยู่กรุงเทพพี่ก็เพิ่งเคยได้ยินประโยคนี้นะ เค้กมีเพื่อนที่กรุงเทพกับเขาด้วยเหรอ”
“ไม่ใช่เพื่อนที่กรุงเทพหรอกค่ะเป็นเพื่อนที่เคยเรียนด้วยกันที่อังกฤษพอดีเขากลับมาเราก็เลยนัดเจอกัน”
“นัดเจอกันที่ไหนทำไมไม่ชวนเขามาที่ร้านเราล่ะ”
“เขาไม่ค่อยสะดวกมาที่นี่เท่าไหร่ค่ะ เค้กไปก่อนนะแล้วเดี๋ยวเย็นนี้จะกลับมากินข้าวด้วย”
“จ้ะโชคดีนะอย่าขับรถเร็วล่ะ”
หญิงสาวขับรถมาจอดยังร้านกาแฟที่เขมณัฏฐ์บอก เมื่อเปิดประตูเข้ามาก็เห็นว่าชายหนุ่มนั่งรออยู่ก่อน
“ผมไม่รู้ว่าคุณจะกินอะไรเลยสั่งน้ำส้มกับกาแฟไว้ให้”
“ขอบคุณค่ะ คุณมีเรื่องอะไรจะคุยกับฉันเหรอคะคุณเข้ม”
“ผมมีเรื่องจะขอร้องคุณหน่อย”
“ขอร้องอะไรขอร้องว่าช่วงนี้คุณอย่าไปเยี่ยมนายไตรได้ไหม”
“ฉันก็ไม่ได้ไปเยี่ยมนี่คะ”
“แต่เมื่อเช้าพยาบาลบอกว่ามีผู้หญิงไปเยี่ยมนายไตร ถ้าไม่ใช่คุณแล้วจะเป็นใครล่ะ”
“ฉันยืนยันได้เลยว่าไม่ใช่ฉัน และฉันก็ไม่ใช่เด็กๆ แล้วนะคะ ที่จะแอบทำอะไรลับหลังแบบนั้น เรื่องแค่นี้เหรอที่คุณเรียกให้ฉันออกมาเจอ”
“เปล่าผมมีอะไรจะตกลงคุณอีกอย่างหนึ่ง”
“อะไรอีกคะ” กานต์ชิสามองอย่างไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่เพราะรู้สึกว่าเขาจะเรียกร้องมากจนเกินไป
“ระหว่างที่น้องเขยผมยังนอนอยู่ที่โรงพยาบาลคุณต้องไปอยู่กับผมที่บ้านของผมที่สุโขทัย”
“จะบ้าหรือเปล่าคุณ ฉันจะไปอยู่กับคุณที่บ้านของคุณทำไมฉันมีงานที่จะต้องทำนะ”
“ผมจ่ายค่าจ้างให้คุณก็ได้”
“คุณจ้างฉันไหวเหรอคะ”
“ลองบอกมาสิว่าต้องจ้างเท่าไหร่”
กานต์ชิสามองว่ามันเป็นเรื่องไร้สาระมากที่เขาทำแบบนี้ แต่ก็รู้สึกสนุกเพราะดูเหมือนว่าเขาและน้องสาวกำลังจิตตกเป็นอย่างมากเธอคิดว่าคนที่ไปเยี่ยมไตรภพน่าจะเป็นชลนิภาหรือไม่ก็อาจจะเป็นผู้หญิงคนอื่นของเขาซึ่งเธอก็ไม่รู้ว่าผู้ชายที่ชื่อไตรภพมีผู้หญิงซ่อนไว้กี่คนกันแน่
“ห้าหมื่นค่ะ”
“มันจะไม่เยอะเกินไปเหรอ”
“คุณจะดูถูกฉันเกินไปแล้วนะ ถึงร้านของฉันจะไม่ชื่อดังแต่ในทุกๆ วันรายได้เข้าร้านของฉันก็ค่อนข้างมากอยู่”
“แต่ผมไม่ได้ให้คุณปิดร้านนี่คุณก็ให้ลูกน้องทำ”
“ฉันให้ลูกน้องขายของหน้าร้านได้แต่ที่ฉันคิดคุณห้าหมื่น เพราะมันหมายถึงรายได้จากการจัดเบรคที่จะหายไป เพราะส่วนใหญ่แล้วการจัดเบรคฉันจะเป็นคนดิวงานกับลูกค้าถ้าฉันไม่อยู่ก็คงรับงานพวกนี้ไม่ได้ นี่ฉันใจดีมากแล้วนะคะ ที่คิดแค่รายได้จากการจัดเบรคฉันไม่ได้คิดเงินเดือนของฉันเลยด้วยซ้ำ”
“คุณให้เงินเดือนตัวเองด้วยเหรอ”
“ใช่สิค่าแรงของเจ้าของร้านก็ต้องคำนวณไป ในต้นทุนของสินค้าด้วย ฉันถามหน่อยคุณทำงานอะไร”
“มันเกี่ยวกันยังไง”
“ตอบมาก่อนเถอะน่า”
“ผมทำโรงสีรับซื้อข้าวเปลือกแล้วก็ทำตึกให้เช่า”
“แล้วคุณเคยให้เงินเดือนตัวเองไหมล่ะ”
“ไม่”
“นั่นไงคุณพลาด แล้วคุณต้องคิดและให้เงินเดือนตัวเองด้วยจะได้รู้ว่าจริงๆ แล้วคุณเหลือกำไรจากการทำงานมากน้อยเท่าไหร่แล้วมันคุ้มกับค่าเหนื่อยของไหม”
“นี่กำลังนี่เรากำลังคุยกันเรื่องที่ผมจะให้คุณไปอยู่กับผมที่บ้านระหว่างที่น้องเขยผมอยู่ที่โรงพยาบาลนะ ไม่ได้มาคุยเรื่องธุรกิจ”
“ก็มันเกี่ยวเนื่องกัน ตกลงยังไงคุณจะจ้างฉันไหม ถ้าคุณตกลงจ้างฉันห้าหมื่นฉันก็พร้อมไปกับคุณพรุ่งนี้เลย”
“ทำไมคุณตกลงง่ายจังมีอะไรหรือเปล่าหรือเพราะตอนนี้ขาดรายได้จากนายไตรก็เลยหาผู้ชายคนใหม่ ผมบอกเลยนะว่าผมไม่ได้พิศวาสอะไรในตัวคุณเลยที่ทำแบบนี้ก็เพราะไม่อยากให้คุณไปยุ่งกับน้องเขยผม เพราะผู้หญิงอย่างคุณไม่ใช่สเปกผมเลย”
“แต่ผู้ชายอย่างคุณนี่สเปกฉันเลยนะคะ อยู่ใกล้ฉันก็ระวังไว้หน่อยก็ดี”
เขมณัฏฐ์นั่งพิงหัวเตียงมองคนรักที่นอนหลับสนิทอยู่เขามองถึงอนาคตที่มีร่วมกับหญิงสาวการมากรุงเทพฯ ครั้งนี้ชายหนุ่มคิดว่าจะคุยกับกานต์ชิสาอย่างจริงจังด้วยอายุที่มากขึ้น เขมณัฏฐ์ก็อยากจะสร้างครอบครัวและคนเดียวที่เขาจะสร้างด้วยก็คือผู้หญิงที่นอนอยู่ข้างๆ เพียงคนเดียวเท่านั้นเพราะกำลังคิดอะไรเพลินๆ เลยไม่เห็นว่าตอนนี้หญิงสาวตื่นและกำลังจ้องหน้าเขาอยู่ เธอเองก็กำลังใช้ความคิดอย่างหนักแม้ว่าจะตอบตกลงเป็นแฟนเขาไปแล้วแต่ระยะเวลาที่ได้รู้จักกันมันก็น้อยมากเมื่อเทียบกับผู้ชายคนอื่นที่เธอเคยคบมากทั้งสองตกอยู่ในภวังค์ความคิดของตนเองอยู่นานก่อนที่เขมณัฏฐ์จะพูดขึ้น“เค้กคุณกำลังคิดอะไรอยู่หน้าเครียดเชียว”“เค้กกำลังสับสนค่ะ”“สับสนเรื่องอะไรครับ”“ก็เรื่องของเราไงคะ จากนี้ไปมันจะเป็นยังไงต่อคะ”“ก็เหมือนที่ผมพูดเมื่อคืนผมจะอยู่กับคุณที่นี่”“เค้กหมายถึงระยะยาวค่ะ”“เค้กตอบผมมาก่อนว่าตกลงจะเป็นแฟนกับผมแล้วใช่ไหม”“คุณก็รู้นี่คะคุณเข้มว่าระหว่างเรามันมากกว่านั้นและฉันก็ไม่ใช่ผู้หญิงที่จะนอนกับคนอื่นโดยไม่คิดอะไรนะคะ คุณพอใจกับคำตอบของเค้กแล้วใช่ไหม”“พอใจมากครับ ผมคิดไว้แล้วว่าอนาคตจากนี้ของเราสองคนจะ
เมื่อประตูห้องนอนปิดลงเขมณัฏฐ์ก็รวบเธอเข้ามาใบหน้าหล่อก้มลงประกบลงบนริมฝีปากสีสวยด้วยความคิดถึงและโหยหา กานต์ชิสายกแขนขึ้นคล้องคอชายหนุ่มพร้อมกับเปิดริมฝีปากให้เขาเข้ามาอย่างง่ายดาย เรียวลิ้นเกี่ยวกระหวัดอย่าเร่าร้อนและดูดดื่มเร่าร้อน ฝ่ามือร้อนลากเลื้อยไปมาตามร่างกายของเธออย่างหลงใหล ริมฝีปากบดขยี้จูบอย่างหนักหน่วงไปตามอารมณ์พิศวาส ก่อนจะลากไล้ริมฝีปากลงมาขบเม้มบนขาวนวลของหญิงสาวจนขึ้นรอยไปหมด“อื้อ.....คุณเข้ม อย่าใจร้อน”“ผมใจเย็นที่สุดแล้วนะที่รัก ผมคิดถึงคุณมากนะ ให้ใจเย็นกว่านี้คงไม่ไหวแล้ว”เสียงแหบพร่าของเขมณัฏฐ์พูดอย่างเอาแต่ใจก่อนจะพาเธอมายังเตียงกว้างแล้วดันให้เธอนอนลงไปก่อนที่ตนเองจะคร่อมทับลงไปหาอย่างรวดเร็วริมฝีปากหนาก้มลงซุกไซ้ขบเม้มไปทั่วซอกคอหอมกรุ่น เสียงลมหายใจหนักหน่วงของเขาร้อนแรงขึ้นมากกว่าเดิม บ่งบอกถึงความต้องการที่กำลังพุ่งสูงสูงขึ้น ริมฝีปากร้อนขมเม้มลงบนซอกคอสูดกลิ่นกายที่แสนคิดถึง กานต์ชิสาแหงนหน้าไปด้านบนเพื่อเปิดซอกคอให้เขาซุกไซ้ได้อย่างถนัดเขมณัฏฐ์ขยับริมฝีปากขึ้นมามอบจูบให้เธออีกครั้ง ส่งเรียวลิ้นสอดแทรกตวัดรัดรึงกับเรียวลิ้นเล็กที่หอมหวานในโพรงปากอย
หลังจากที่เขมณัฏฐ์คุยกับชลนิภาและตกลงจ่ายเงินให้หญิงสาวหนึ่งก้อนเพื่อให้เลิกยุ่งกับไตรภพแล้วชายหนุ่มก็ต้องรีบกลับสุโขทัยเพราะงานที่นั่นมีปัญหาเขาไม่มีโอกาสได้เจอกับกานต์ชิสาอีกเลยแต่ชายหนุ่มก็ยังโทรมาหาหญิงสาวอยู่บ่อยๆ ส่วนกานต์ชิสาเองก็ทำงานที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ซึ่งงานของเธอก็กำลังไปได้ดีหญิงสาวมีหน้าที่ให้คำปรึกษากับผู้ป่วยที่เป็นโรคซึมเศร้าและลูกชายของเจ้าของโรงพยาบาลที่เป็นหมอแผนกศัลยกรรมก็ชวนให้เธอไปให้คำปรึกษากับผู้ป่วยที่ต้องการมาทำศัลยกรรมอีกด้วย มันเลยทำให้เธอค่อนข้างยุ่งและไม่มีเวลาคิดถึงเรื่องของเขมณัฏฐ์มากนัก“เค้กพรุ่งนี้ค่ำเค้กช่วยอะไรพี่หน่อยได้ไหม” กานต์สิชาถามน้องสาวฝาแฝดที่นั่งอ่านหนังสืออยู่บนโซฟา“ให้ช่วยอะไรคะ”“พอดีมีลูกค้าสั่งเค้กวันเกิด แล้วเขาอยากให้พี่เอาไปส่งที่คอนโด แต่มันเป็นช่วงที่เด็กเลิกงานแล้ว ถ้ายังไงเค้กเอาไปส่งให้พี่หน่อยได้ไหม”“แต่กว่าเค้กจะเลิกงานก็ทุ่มหนึ่งเลยนะคะพี่ครีม ลูกค้าเขาจะรอไหวไหม”“ไหวสิลูกค้าบอกว่าไปตอนไหนก็ได้แต่ขอเป็นช่วงค่ำๆ เค้กกลับบ้านมาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนก็ยังทันเลย”“ถ้างั้นเดี๋ยวเค้กจะเอาไปส่งให้ค่ะ แล้วเค้กต้องเ
“สวัสดีค่ะคุณเข้มโทรหาเค้กมีอะไรหรือเปล่า”“ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณเยอะเลยเค้ก”“เรื่องอะไรคะ”“ก็เรื่องที่คุณมีฝาแฝดและผมอยากรู้ว่าทำไมคุณถึงยอมไปกับผม”“เค้กก็บอกคุณแล้วนี่ว่าเค้กไม่อยากให้ใครมาวุ่นวายที่ร้าน อีกอย่างพี่สาวของเค้กเป็นคนที่ไม่ค่อยสู้คนเท่าไหร่ เค้กก็เลยเลือกที่จะไปกับคุณ เพื่อกันให้พี่สาวออกห่างจากเรื่องนี้”“ผมมาคิดดูอีกทีมันดูไม่ค่อยมีเหตุผลเท่าไหร่เลยนะ”“อย่าคิดมากเลยน่า ยังไงเรื่องทุกอย่างมันก็จบลงด้วยดีแล้วนะคะ”“แต่ผมว่ามันยังไม่จบนะ”“ก็ตอนนี้น้องสาวคุณก็เข้าใจเรื่องทุกอย่างแล้วนี่คะ ส่วนเรื่องเมียน้อยของคุณไตรภพเดี๋ยวพี่ครีมจะนัดให้คุณเจอกับเธอเองจากนั้นจะตกลงกันยังไงก็แล้วแต่คุณเข้มเลย คุณเข้มจะอยู่ที่กรุงเทพถึงวันไหนคะเค้กจะได้บอกพี่ครีมให้รีบนัดให้นิไปเจอกับคุณเข้ม”“ผมน่าจะอยู่อีกหลายวัน พรุ่งนี้เราออกมาเจอกันหน่อยไหม หรือจะให้ผมไปหาที่ร้านก็ได้นะ”“เค้กไม่แน่ใจว่าพรุ่งนี้ตัวเองจะอยู่ที่ร้านหรือเปล่า”“พี่สาวคุณบอกว่าคุณเพิ่งกลับมาจากอังกฤษใช่ไหม”“ใช่ค่ะ เค้กกำลังจะกลับมาเริ่มงานที่นี่”“ผมไม่เคยรู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับคุณเลย ผมถามหน่อยได้ไหมล่ะว่าคุณจะมาทำ
“พี่ว่าเรามีเรื่องต้องคุยกันนะ” กานต์สิชาพูดกับน้องสาวหลังจากที่ทั้งสองคนทานอาหารเย็นเสร็จและมาแล้วอยู่หน้าทีวีในห้องรับแขก“จะคุยอะไรคะพี่ครีมเค้กมาเหนื่อยๆ อยากจะนอนพักจังเลย”“นอนพักน่ะเค้กจะนอนเมื่อไหร่ก็ได้แต่เค้กต้องคุยกับพี่”“คุยเรื่องอะไรคะ” เมื่อรู้ว่าไม่สามารถเลี่ยงได้กานต์ชิสาก็ ต้องยอมคุยกับพี่สาว“ที่หายไปหนึ่งเดือนไปเที่ยวกับเพื่อนจริงๆ หรือไปอยู่กับคุณเข้ม”“ใครจะไปอยู่กับคุณเข้มกันคะพี่ครีม เค้กกับเขาไม่ได้สนิทกันขนาดนั้นเราก็เพิ่งเจอกันที่โรงพยาบาลแค่ครั้งเดียวเองนะคะ”“เราเป็นเราสองคนเป็นอะไรกันเหรอเค้ก”“พี่ครีมถามอะไรแปลกๆ เราก็เป็นพี่น้องกันไงคะ พี่ครีมเป็นพี่เค้กสองนาที”“ใช่เพราะเราเป็นพี่น้องและไม่ใช่พี่น้องธรรมดาสิ เราเป็นพี่น้องฝาแฝดกัน พี่มีความรู้สึกว่าเค้กกับคุณเข้มมันไม่ใช่แค่คนรู้จักกันธรรมดา บอกความจริงพี่มา ถ้าไม่อย่างั้นพี่จะโทรไปฟ้องพ่อว่าตั้งแต่เค้กกลับมาถึงเมืองไทยเค้กไม่เคยช่วยพี่ทำงานเลยและหายไปกับผู้ชายหนึ่งเดือน เค้กคิดว่าจะบอกความจริงกับพี่หรือจะบอกกับพ่อดีล่ะ เลือกเอานะ” กานต์สิชาพูดกับน้องสาวด้วยสีหน้าที่จริงจังและเสียงที่ฟังดูก็รู้ว่าถ้าไม
เขมณัฏฐ์ขับรถพาคู่แฝดมายังโรงพยาบาลที่น้องเขยของเขารักษาตัวอยู่เมื่อประตูห้องเปิดออกเขมิกาก็รีบลุกขึ้นมาหาพี่ชาย“พี่เข้มเขมคิดถึงพี่จัง”“พี่ก็คิดถึงเขมเป็นไงช่วงนี้แพ้ท้องหนักหรือเปล่า”“ไม่ค่อยแพ้แล้วค่ะ”“เขมที่พาคุณมาเจอเขมด้วยนะ” ชายหนุ่มเบี่ยงตัวให้ผู้หญิงที่เดินตามมาด้านหลังเผชิญหน้ากับน้องสาวของตนเอง“นี่ยังจะมีหน้ามาเยี่ยมพี่ไตรอีกเหรอ แต่เอ๊ะ!”หญิงสาวหยุดชะงักเมื่อเห็นว่าตอนนี้ผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าสองคนนั้นหน้าเหมือนกันมากๆ จนเธอแทบแยกไม่ออกว่าใครเป็นใครและเขมิกาก็จำไม่ได้ว่าผู้หญิงคนไหนที่นั่งรถไปกับสามีของเธอในคืนวันเกิดเหตุ“แล้วคนไหนล่ะที่เป็นเมียน้อยผัวของฉันหรือเป็นเมียน้อยด้วยกันทั้งคู่”“เปล่านะคะ เราสองคนไม่มีใครเป็นเมียน้อยคุณไตรภพทั้งนั้น” กานต์ชิสารีบพูดขึ้น“ไม่ต้องมาโกหกเลย ก็คืนนั้นฉันจำได้ว่าเธอ คนที่เป็นเจ้าของร้านเค้กอยู่ในรถคันเดียวกับพี่ไตร”“ใช่ค่ะ คืนนั้นฉันอยู่ในรถคันเดียวกับคุณไตรภพจริงๆ แต่ฉันไม่ใช่เมียน้อยของเขาหรอกนะคะแต่ฉันรู้ว่าเมียน้อยของเขาคือใคร”“ใครพาฉันไปเจอมันเดี๋ยวนี้นะ ฉันอยากจะเห็นหน้ามันจังว่ามันเป็นใคร”“เขมไม่ต้องไปเห็นหน้าเขาหร