แดร์ริลไม่อยากจะเสียเวลากับเอเวอลีน เขานั่งลงประจำที่ของเขาแต่เขาได้สำรวจอย่างถี่ถ้วนและควานหาสิ่งของมีคมอื่น ๆ ก่อนที่เขาจะนั่งลงขณะเขานั่งลง แดร์ริลก็สอดส่องไปบริเวณโดยรอบตัวเขา เขาก็เกิดอารมณ์จากความหลงใหลของแฟน ๆ แองเจล่า นี่คือความแตกต่างระหว่างศิลปินในตำนานกับศิลปินธรรมดา ขนาดคอนเสิร์ตของเธอใหญ่โตมโหฬารพอ ๆ กับศิลปินระดับนานาชาติ“แองเจล่า! แองเจล่า!” ฝูงชนโห่ร้อง เต็มไปด้วยความตื่นเต้นเมื่อคอนเสิร์ตเริ่มต้นเรือนร่างสง่างามในชุดราตรีสีน้ำตาลแดงที่ประดับไว้ด้วยคริสตัลก็ปรากฏตัวขึ้นบนเวที แองเจล่าสมกับเป็นศิลปินในตำนานทุก ๆ อนูของเธอ ดูงดงามเป็นอย่างมาก!แดร์ริลอดไม่ได้ที่จะส่งเสียงให้เธอ เขาตกอยู่ในภวังค์ แองเจล่าผู้อยู่ในวัยสามสิบ แต่เธอยังคงรักษาเรือนร่างและรูปลักษณ์ของเธอไว้เป็นอย่างดี ไม่มีร่องรอยของความชราและโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับทรวดทรงที่เร่าร้อนของเธอ เธอดูเหมือนอยู่ในวัยยี่สิบต้น ๆ “สวัสดี เมืองตงไห่! ฉันเองแองเจล่า แองเจิล! เป็นยังไงกันบ้าง!” แองเจล่ากล่าวถาม จากนั้นเธอก็ชี้ไมค์ไปหาบรรดาผู้ชมฝูงชนต่างโห่ร้องยินดีและปรบมือให้ แองเจล่าเป็นศิลปินมืออาชีพในการเล่นกับ
ตลอดเวลาทึ่ผ่านมาแด๊กซ์กำลังรักษาเยียวยาตัวเองอยู่ เขาจึงไม่ได้ติดต่อกับแดร์ริลเลยแม้แต่น้อย แดร์ริลรู้สึกตื่นเต้นที่เขาได้โทรมาหา เขารีบรับสายในทันที"แด๊กซ์!" แดร์ริลตะโกน "แด๊กซ์!"อย่างไรก็ตาม คอนเสิร์ตนั้นเสียงดังรบกวนเกินไปเขาไม่สามารถที่จะได้ยินเสียงของแด๊กซ์เลยแม้แต่คำเดียวว่ากำลังพูดอะไรอยู่ขณะที่เขากำลังจะวางสายเพื่อส่งข้อความให้แด๊กซ์ เอเวอลีนฉกโทรศัพท์มือถือของเขาไปและขว้างมันลงกับพื้น"แกจะทำตัวน่ารำคาญมากกว่านี้ได้อีกไหม? เรามาอยู่ที่คอนเสิร์ตกัน แต่นายก็ยังโทรศัพท์อีกเหรอ? นายรู้จักกาลเทศะบ้างไหม?" เอเวอลีนสบถด่าและจ้องเขม็งไปที่เขา"นี่เธอทำบ้าอะไรของเธอ?" แดร์ริลตะคอกเสียงแข็ง แดร์ริลหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาและเห็นว่าหน้าจอแตกละเอียด 'ผู้หญิงคนนี้เป็นโรคจิตรึยังไง?' เขาคิดกับตัวเอง"เธอมีปัญหาอะไร? ทุกคนก็ร้องแหกปากอยู่ ฉันจะรับสายไม่ได้รึไง?" เขากล่าวด้วยความเดือดดาลเคืองโกรธ"ไม่ นายโทรไม่ได้! เพราะนายอยู่ใกล้ฉัน ฉะนั้นถ้านายพูดฉันก็ไม่ได้ยินเสียงเธอร้องเพลง!" เอเวอลีนยอกย้อนแดร์ริลไม่อยากจะโต้เถียงกับเธออีกต่อไป เขาเพิกเฉยเธอและเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์มือถือขึ
ฝูงชนต่างพากันอ้าปากค้าง ใครกันที่จะโชคดีขนาดนี้?พวกเขามองอย่างมีความหวังขณะแองเจลล่าค่อย ๆ คลี่เครื่องบินกระดาษอย่างช้า ๆ เธอกล่าวด้วยรอยยิ้ม "ฉันจะอ่านความปรารถนาบนกระดาษใบนี้ให้ฟัง"แองเจลล่ากล่าวอย่างช้า ๆ "ผู้โชคดีคนนี้เขียนเอาไว้ว่า แองเจลล่าที่รัก ผมพาลูกสาวของผมมาที่งานคอนเสิร์ตในวันนี้ด้วย เธอนั่งติดกับผมทางขวา ห้าปีที่แล้วลูกสาวของผมล้มป่วยและกลายเป็นใบ้ เธอหลงรักคุณมาก ๆ ฉะนั้นผมจึงพาเธอมาที่นี่ ความปรารถนาของผมคือให้คุณโอบกอดลูกสาวของผม"ฝูงชนต่างเงียบสงัดเพื่อให้แองเจลล่าอ่านความปรารถนาเมื่อเธออ่านจบ แองเจลล่ารู้สึกกินใจ เธอกล่าวอย่างตื้นตัน "กล้องจะฉายภาพผู้โชคดีคนนี้ขึ้นบนจอ มาดูกันว่าใครคือผู้โชคดีคนนั้น"เธอเว้นจังหวะไปสักครู่ก่อนจะกล่าวต่อ "ผู้โชคดีคนนี้นั่งอยู่แถวที่สาม หมายเลข 112"กล้องทุกตัวก็หันไปตรงที่นั่งซึ่งแองเจลล่าได้กล่าวถึง ผู้โชคดีคือแดร์ริล! ใบหน้าของเขาปรากฏอยู่บนหน้าจอขนาดใหญ่ลิลี่นั้นตกตะลึงขณะเธอคิด 'แดร์ริลมีลูกสาวตั้งแต่เมื่อไหร่? แถมยังเป็นใบ้อีกด้วย?'ฝูงชนต่างส่งเสียร้องอึกทึก หลายคนรู้ดีว่าแดร์ริลคือลูกเขยบ้านคนอื่น แต่พวกเขาไม่เคยได
”แถมเขายังดูหล่อเกินไปอีกด้วย!” อย่างไรก็ตามมีบางคนจากผู้ชมจดจำแดร์ริลได้ “นั่นมันไม่ใช่ไอ้ลูกเขยบ้านคนอื่นหรอกเหรอ?” “ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เขามีลูกสาว?” ฝูงชนตะโกนขึ้นมา ในไม่ช้าคำถามครหาก็หมดสิ้นเสียงไปจากฝูงชน ท้ายที่สุดอย่างไรมันก็มีคนเป็นหลายหมื่นคน มันคือฝูงชนที่จอแจ แองเจลล่าไม่สามารถที่จะได้ยินเสียงตะโกนของฝูงชน ขณะเธอสวมกอดเอเวอลีน จิตใจของเอเวอลีนว่างเปล่าเมื่อศิลปินในดวงใจของเธอสวมกอดเธอ ทันใดนั้นเธอก็ไม่ได้รู้สึกโกรธอีกต่อไป แต่กลับกลายเป็นดีใจลิงโลด แองเจลล่ามองไปที่เอเวอลีนและกล่าว “หนูน้อย ฉันเห็นว่าพ่อของหนูรักหนูมาก ความปรารถนาทั้งหมดของเขาก็เพื่อตัวหนูเอง ทำไมหนูไม่ไปกอดเขาด้วยล่ะ?” 'อะไร? เธอต้องการให้ฉันกอดไอ้ตูดหมึกนี่ด้วยงั้นเหรอ?' เอเวอลีนคิด เธอสั่นสะท้านอย่างขัดใจ อย่างไรก็ตามเธอกำลังยืนอยู่ต่อหน้าฝูงชนจำนวนมาก ถ้าเธอไม่สวมกอดแดร์ริล ศิลปินในดวงใจของเธอคงจะผิดหวังและมันคงจะเป็นเรื่องที่กระอักกระอ่วนเป็นอย่างมาก ในขณะนั้นเอเวอลีนกัดริมฝีปากจนเแทบจะเลือดออก เธอกอดแดร์ริลอย่างรวดเร็วและรีบปล่อยอย่างช่วยไม่ได้ แดร์ริลรู้สึกบันเทิงใจที่เอเวอลีนนั
ด้วยน้ำเสียงที่วิตกกังวลของแด๊กซ์ แดร์ริลกล่าวถามในความตื่นตระหนก "เกิดอะไรขึ้น?"แด๊กซ์ส่ายหัวของเขา "ฉันเพิ่งจะช่วยชีวิตคนไว้ เขาบาดเจ็บสาหัส นายพอจะมีโอสถอะไรที่พอจะช่วยเขาได้บ้างไหม? เอามาให้ที่นี่หน่อยเร็วเข้า!""ให้ตายสิพับผ่า! นายทำฉันตกใจหมด" แดร์ริลกล่าวอย่างโมโห เขาคิดไปว่าแม่ชีแห่งโชคชะตาได้มาหาเรื่องอีกแล้ว เขากล่าวถามอย่างสงสัยอยากรู้ "นายช่วยชีวิตใครไว้?"แด๊กซ์ส่ายหัว "ฉันเองก็ไม่รู้ ฉันไปเจอเขาในป่าแถบชานเมือง และเขามีบาดแผลทั่วตัวเต็มไปหมด ฉันทิ้งเขาไว้ไม่ได้ ฉันเลยพาเขากลับมาที่บ้าน"แด๊กซ์กล่าวต่อ "แต่ฉันคิดว่าเขาคงจะอยู่ได้อีกไม่นาน เขาบาดเจ็บมาก มาเร็วเข้า! เอาโอสถติดตัวนายมาด้วย"แดร์ริลพยักหน้า "ฉันจะไปถึงเร็ว ๆ นี้" เขาวางสายและเรียกรถแท็กซี่"คฤหาสน์แซนเดอร์ส" แดร์ริลกล่าวกับคนขับคนขับแท็กซี่ก็อดไม่ได้ที่จะหันมามองไปที่แดร์ริล คฤหาสน์แซนเดอร์สนั้นมีชื่อเสียงในเมืองตงไห่ ถึงอย่างไรแด๊กซ์นั้นก็คือผู้มีอิทธิพล อย่างไรก็ตาม พลังอำนาจและบารมีของเขานั้นกลับร่วงหล่นลงเป็นอย่างมากหลังจากแม่ชีแห่งโชคชะตาจับกุมตัวเขาและสังหารคนของเขาไปมากมายตอนนี้โลกใต้ดินของเม
ทันใดนั้น ชายนิรนามก็ตื่นขึ้นและสำลักออกมาเป็นเลือดในขณะที่ใบหน้าของเขากลายเป็นสีขาวโดยสิ้นเชิงสุขใจมาก แด๊กซ์เดินไปหาชายคนนั้นและกล่าว "สหาย ในที่สุดคุณก็ตื่น"ชายนิรนามจ้องไปที่แด๊กซ์และถามอย่างอ่อนเพลีย "เจ้า... เจ้าเป็นใคร?" เขานั้นสงสัยใคร่รู้"ผมมีนามว่าแด๊กซ์ แซนเดอร์ส ไม่ต้องกลัว ผมคือคนที่ช่วยคุณไว้เอง" แด๊กซ์กล่าว “คุณมาจากที่ไหน และนี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น""เจ้าช่วยชีวิตข้าไว้?" ชายนิรมานก็รู้ตัว เขากล่าวอย่างอ่อนเพลียดวงตาจ้องไปที่แด๊กซ์ "ขะ...ขอบคุณ ข้ามีนามว่าคัลลัม เวบบ์ประมุขนิกายแห่งนิกายตำหนักอมตะ"'อะไร? ท่านประมุขแห่งนิกายตำหนักอมตะ?!' แด๊กซ์นั้นตกตะลึง ในหัวของเขาระเบิดเสียงซ่านิกายตำหนักอมตะและนิกายจ้าวสรรค์ต่างเท่าเทียมกัน ตามตำนานกล่าวไว้ว่าทั้งนิกายตำหนักอมตะและนิกายจ้าวสวรรค์คือผู้คนที่มีพลังอำนาจมาก ใครจะรู้ว่าเขาจะได้ช่วยชีวิตประมุขนิกายแห่งนิกายตำหนักอมตะไว้?แด๊กซ์กลืนน้ำหลายจนหนืดคอ เขาอดไม่ได้ที่จะกล่าวถาม "ใครมาทำร้ายท่านสาหัสขนาดนี้?"มันจะต้องเป็นคนที่โหดร้ายมากถึงมาทำร้ายประมุขนิกายแห่งนิกายตำหนักอมตะผู้ทรงพลังจนได้รับบาดเจ็บแสนสาหัสขนาดนี
กำลังภายในที่หลั่งไหลเข้ามาในร่างกายทำให้แด๊กซ์รู้สึกเหมือนตัวกำลังจะระเบิดคัลลัมกัดฟันของเขาในขณะที่เขาถ่ายโอนพลังบ่มเพาะทั้งชีวิตของเขาไปยังแด๊กซ์ ในทางวรยุทธ์จะไม่สามารถถ่ายโอนกำลังภายในไปยังผู้อื่นได้ แต่คัลลัมได้ฝึกฝนบ่มเพาะวิถีนี้ที่เรียกว่าวิถีปลูกถ่ายลมปราณ วิถีนี้เป็นของนิกายตำหนักอมตะและมีเพียงประมุขนิกายเท่านั้นที่สามารถฝึกฝนบ่มเพาะวิถีนี้ได้ไม่มีวิถีอื่นใดอีก นอกจากวิถีปลูกถ่ายลมปราณในการถ่ายโอนกำลังภายในของตัวเองไปยังผู้อื่นคัลลัมรู้ดีว่าเขาใกล้จะหมดลมหายใจได้ทุกเมื่อ แทนที่จะปล่อยให้พลังของเขาทั้งหมดสูญเปล่าเขาจึงเลือกที่จะถ่ายโอนไปให้กับแด๊กซ์เพื่อเป็นการตอบแทนเขา!“คัลลัม ท่านจะต้องรอด! ผมมีน้องชายที่เชี่ยวชาญในการกลั่นโอสถ เขาช่วยท่านได้!” แด๊กซ์ตะโกน“ไม่มีประโยชน์! ไม่มีโอสถอะไรที่จะช่วยข้าได้ อย่าขยับ!” คัลลัมดุด่าขณะเขาขบเคี้ยวฟันคลื่นกำลังภายในอันแข็งแกร่งยังคงไหลผ่านเข้าสู่ร่างกายของแด๊กซ์ เขารู้สึกว่าเส้นลมปราณของเขาได้รับการชำระล้างด้วยกำลังภายในอันบริสุทธิ์ ระดับของเขาพุ่งทะยานสูงขึ้น!ปรมาจารย์ยุทธ์ขั้นสี่ ปรมาจารย์ยุทธ์ขั้นห้า ปราชญ์ยุทธขั้นหนึ่ง!
คำพูดสุดท้ายของคัลลัมเกี่ยวกับการที่หากสงครามปะทุขึ้นจะไม่ให้ไปเป็นไส้ศึก กล่าวด้วยความมั่นใจในเชิงบวก แด๊กซ์รู้สึกท่วมท้นตื้นตันขณะที่น้ำตาเริ่มไหลนองอาบหน้าของเขาในระหว่างนั้น แดร์ริลก็ได้มาถึงคฤหาสน์แซนเดอร์สในที่สุดเมื่อเขาลงจากรถแท็กซี่ เขาก็รีบวิ่งเข้าไปในห้องโถงและโวกเวก “แด๊กซ์! แด๊กซ์!”เขากุลีกุจอขึ้นไปชั้นบน ผลักประตูเปิดออก และตกตะลึงกับภาพที่เขาได้เห็น ชายนิรนามคนหนึ่งกำลังนอนอยู่บนเตียงไม่มีสัญญาณชีพจรใด ๆ ขณะแดกซ์นั่งอยู่ข้างๆ เขาดวงตาเป็นสีแดงก่ำ‘ให้ตายสิพับผ่า ฉันช้าเกินไป' แดร์ริลคิด ชายนิรนามคนนั้นเสียชีวิตแล้วแดร์ริลคิดในใจ “เดี๋ยวก่อน แด็กซ์บอกว่าคนที่เขาช่วยชีวิตไว้คือคนแปลกหน้า ทำไมเขาถึงเศร้าขนาดนั้น?’เขาเดินเข้าไปและกล่าวถาม “เกิดอะไรขึ้น?”แด็กซ์ถอนหายใจยาว “ฮีโร่ในตำนานเพิ่งจะจากเราไป แต่ไอ้พวกระยำระดับปานกลางที่ชอบอ้างความชอบธรรมยังคงลอยหน้าลอยตาอยู่!”ดวงตาเขากลายเป็นสีแดงแดร์ริลค่อนข้างสับสนเล็กน้อยแด๊กซ์ฉีกยิ้มอย่างขื่นขม “ทายซิ ว่าเขาคือใคร”“ใคร?” แดร์ริลกล่าวถามแด๊กซ์สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนที่เขาจะขานออกมาอย่างฉะฉาน “ท่านประมุขนิกา