คงไม่ใช่แค่เจ้าของชื่อที่ยืนอึ้งกับสิ่งที่ได้ยิน แม้แต่ธนินและนักศึกษาที่เดินอยู่รอบ ๆ ก็มีอาการไม่ต่างกัน ก่อนพวกนั้นจะยกมือถือขึ้นมาถ่ายรูปแล้วเดินซุบซิบหนีไปทันที ธนินยืนมองตาปริบ ๆ หันมองเดือนสิบทีดลญาที ไม่คาดคิดว่าตนเองจะต้องมาเป็นสักขีพยานแห่งรักของเพื่อนสนิท
“พูดบ้าอะไรของเธอ?” ร่างสูงโปร่งปรี่เข้าใส่ดลญา ดีที่ธนินขวางไว้ได้ทัน ไม่อย่างนั้นหล่อนคงถูกเดือนสิบบีบคอเป็นแน่
“เป็นแฟนกับเดียร์นะคะพี่เท็น”
“นี่เธอ! หยุดเลยนะ” ไอ้ท่าทางกระมิดกระเมี้ยนเจียมตัว ทำหน้าทำตาให้เธอสงสาร นั่นมันคือการแสดงทั้งนั้น จะว่าเดือนสิบดูออกก็ไม่เชิง เพียงแต่เธอแค่รู้ทันพวกคุณหนูบ้านรวยแสนเอาแต่ใจ ในอดีตเดือนสิบเคยเป็นน้องปีหนึ่งที่ไม่คิดจะสุงสิงยุ่งเกี่ยวกับใคร ทว่ากลับมีรุ่นพี่คนสวยมาหยอดมาอ้อนและมาใกล้ชิดสนิทสนมจนเธอตกหลุมพรางและเริ่มก่อความสัมพันธ์ แต่ในเวลาไม่นานเดือนสิบก็ได้รู้ว่าแท้จริงแล้ว รุ่นพี่คนนั้นไม่ได้คิดจริงจังและจริงใจอะไรต่อเธอเลย หล่อนก็แค่พนันกับเพื่อนว่าหากได้คนที่เงียบที่สุดในรุ่นมาเป็นแฟนจะได้มือถือรุ่นใหม่ล่าสุด เรื่องราวในครั้งนั้นมีเพียงธนินเพื่อนสนิทที่รู้ ส่วนคนที่เหลือเรียนจบและไม่ได้หวนกลับมาให้พบเจอกันอีก ทว่ามันกลับสร้างรอยแผลในใจของเดือนสิบมาโดยตลอดแม้จะผ่านมาหลายปีจนหญิงสาวเรียนใกล้จบแล้ว
ในสายตาเดือนสิบดลญาก็เหมือนรุ่นพี่คนนั้น พวกคุณหนูเอาแต่ใจ อยากได้อะไรก็ต้องได้ ซึ่งครั้งนี้เธอไม่ยอมตกเป็นเหยื่อให้ใครได้หลอกซ้ำอีกแน่
“คนอย่างเธอนี่นะจะชอบฉัน อมโบสถ์มาพูดยังไม่เชื่อเลย” เดือนสิบค่อนขอด กอดอกมองดลญาด้วยสายตาเหยียดหยามเต็มประดา ดาวคณะคนสวยได้แต่เก็บความไม่พอใจไว้ในอก ไม่เคยมีใครทำกิริยามารยาทแบบนี้กับหล่อน หากอยู่ในเวลาปกติเดือนสิบคงเจอหล่อนเหวี่ยงไปแล้ว ทว่ายามนี้ดลญาต้องพยายามใจเย็นและดำเนินแผนการต่อไป
“พูดไม่ออก แสดงว่าจริงสิท่า” เพราะดลญาเอาแต่เงียบเดือนสิบจึงไล่ต้อน
“ไม่นะคะ เดียร์ชอบพี่เท็นจริง ๆ”
“ไปพูดกับหมาไป๊!” นั่นเป็นการบอกกลาย ๆ ว่ารุ่นพี่สาวไม่ต้องการเสวนากับหล่อนอีก ทั้งคนตัวสูงยังขยับเข้ามาใกล้หมายจะหวดหลังมือใส่จนดลญาต้องกรีดร้องเสียงหลง
“มึงอย่าทำตัวเถื่อนนักดิวะไอ้เท็น” ธนินอดแปลกใจกับสิ่งที่เพื่อนแสดงออกไม่ได้ ปกติเดือนสิบไม่ใช่คนหยาบคายเช่นนี้ ไม่รู้แม่ดาวคณะทรงโตไปทำอะไรให้เคืองโกรธนักถึงได้ถูกร่างมารของเพื่อนสนิทเขาเล่นงานได้ เดือนสิบสะบัดหน้าหนี หายใจแรงขึ้น
“เดียร์ต้องทำยังไงคะพี่เท็นถึงจะเชื่อ”
“ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น เพราะฉันไม่มีทางเชื่อคนอย่างเธอ” เห็นจากเมื่อคืนก็น่าจะรู้เช่นเห็นชาติเจ้าหล่อนได้แล้ว เดือนสิบบอกกับตนเองว่าไม่มีทางตกบ่วงที่หล่อนขุดไว้อีก ที่แสร้งตีหน้าเศร้า หลั่งน้ำตาอย่างกับสั่งได้มันคือการแสดงของเด็กนิเทศศาสตร์เท่านั้น
“โอเคค่ะ” คนที่เดือนสิบกาหัวไว้แสนเสแสร้ง เชิดหน้าขึ้น วูบหนึ่งในดวงตามีประกายบางอย่าง เดือนสิบทันเห็นแม้มันจะเพียงเสี้ยววินาที หล่อนสูดจมูกเล็กน้อย ตาคมหรี่ต่ำพินิจคนตรงหน้า ดูท่าทีหล่อนจะมาไม้ไหน
“จากนี้เดียร์จะจีบพี่เท็นค่ะ” ทั้งเดือนสิบและธนินนิ่งงัน เป็นคนที่ถูกจีบได้สติก่อน
“เชิญไปเล่นที่อื่น อย่ามายุ่งกับฉัน”
“เดียร์ไม่ได้เล่นเสียหน่อย” หล่อนปาดน้ำตาที่มีอยู่น้อยนิดออกจากใบหน้า สาวเท้าและยื่นหน้าเข้าใกล้คนตัวสูง เดือนสิบผงะเล็กน้อยทว่าไม่ถอยห่าง
“เดียร์ชอบพี่เท็นจริง ๆ นะคะ” ดลญาเอ่ยเสียงหวานผสมการขึ้นจมูก เดือนสิบส่ายหน้าเหยียดยิ้ม เป็นตายร้ายดีอย่างไรก็ไม่มีทางเชื่อคนตรงหน้า รุ่นน้องทรงโตยังคงส่งยิ้มหวานละไมมาให้ หากเดือนสิบเอาแต่ปั้นปึ่งใส่ จนธนินต้องสะกิด
“อุ๊ย! เดียร์ต้องเข้าเรียนแล้วค่ะ ไว้เจอกันนะคะพี่เท็น” ว่าจบหล่อนก็กระโดดเกาะไหล่กว้างแล้วทิ้งริมฝีปากไปยังปากของเดือนสิบ เพราะว่าดลญาทาลิปสติกสีชมพูอมแดงมันจึงติดเข้าที่เนื้อของสาววิศวะฯ คล้ายถูกตีตราจอง
“ปากพี่เท็นยังนุ่มเหมือนเมื่อคืนเลยนะคะ” หล่อนว่าพร้อมหัวเราะคิกคัก
“ไว้เจอกันค่ะ บาย!” ดาวคณะคนสวยสะบัดปลายผมพร้อมโบกมืออำลารุ่นพี่สาวโดยไม่สนใจสีหน้าของอีกฝ่ายจะเป็นเช่นไร ถึงจะกลายร่างเป็นยักษ์ขมูขีหล่อนก็ไม่กลัว ในเมื่อลงสนามแข่งแล้ว คนอย่างดลญาต้องชนะเท่านั้น
พ้นร่างเพรียวไปแล้วเดือนสิบรีบปาดรอยลิปสติกออกจากปากของตนเอง ธนินเดินมากระแทกไหล่ส่งสายตาล้อเลียนจนน่าหงุดหงิด
“ไหนมึงบอกไม่สนใจ แล้วอะไรวะ น้องบอกปากมึงนุ่มเหมือนเมื่อคืน ซดกันแล้วนี่หว่า”
“ซดเ-หี้ยอะไรของมึง!” คนขายาวยกเท้าหมายถีบเพื่อนสนิท หากแต่คนที่รูปร่างใกล้เคียงกันหลบทัน เพราะพลาดเป้าเดือนสิบจึงหันหลังรีบเดินไปยังลานจอดรถ ธนินยังเดินตามต้อย ๆ ไม่ทิ้งห่าง ปากก็พร่ำพูดถึงดลญาจนมาถึงรถกระบะที่จอดตากแดดอยู่นาน
“ทำไมมึงไม่ให้โอกาสน้องเขาบ้างวะ เขาดูชอบมึงจริง ๆ”
“มารยาอะดิ ตอแหลชัด ๆ”
“เฮ้ย ๆ พูดถึงผู้หญิงแบบนั้นได้ยังไง” ธนินร้องปรามมองดูเดือนสิบหวี่ยงกระเป๋าเข้าไปในรถ
“กูก็ผู้หญิง ไอ้ส้นตีน!” สิ้นคำของเดือนสิบธนินชะงักไปครู่ เขาเองก็ลืมว่าเดือนสิบนั้นเป็นผู้หญิง ด้วยเพราะนิสัยห้าวหาญทั้งยังแข็งแรงกว่าเขาอีกกระมัง
“เอ่อ…กูลืม” ได้ยินแบบนั้นแล้วอดจิ๊ปากไม่พอใจเพื่อนไม่ได้
บทจบ ได้ทั้งเกียร์ได้ทั้งเธอดลญายิ้มแห้งเมื่อรู้ว่าแท้จริงแล้วคุณนุ่นคือลูกพี่ลูกน้องของธนิน หญิงสาวตีไหล่คนรักเนื่องจากถูกปล่อยให้คิดไปเองอยู่พักใหญ่ ถ้าไม่เกิดเรื่องงอนตุ๊บป่องเมื่อสัปดาห์ก่อนหล่อนก็ยังไม่รู้ว่านุ่นคือใคร แล้วที่เคยสังสรรค์จนกลับบ้านดึกดื่นนั่นก็เพราะธนินขอร้องให้อยู่ต่อ “พี่เท็นก็ไม่บอกเดียร์” “ถ้าบอกก็ไม่รู้สิว่าแฟนหึง” คนพี่ยิ้มกริ่ม เดี๋ยวนี้เดือนสิบชักร้าย เปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิม เจ้าเล่ห์ขึ้น พูดเก่งขึ้น และทำรักมากขึ้น ความต้องการมีไม่สิ้นสุด หล่อนระทดร
“ยังไง บอกฉันมาสิ” หากคนที่บอกจะชดใช้กลับส่ายศีรษะไปมา หล่อนเองก็ไม่รู้เช่นกัน“ระ…หรือพี่เท็น” ก้อนบางอย่างจุกอยู่กลางอกไปจนถึงลำคอ ดลญาพูดต่อไม่ออก แต่พยายามเอื้อนเอ่ยทั้งที่เจ็บไปทั้งใจกับข้อเสนอที่ตนเองได้เอ่ยออกไป“อยากให้เดียร์ไปให้พ้น ๆ” ประโยคนั้นเบาเสียจนต้องเงี่ยหูฟัง ร่างสูงมองมือเล็ก เมื่อมีอาการประหม่าดลญามักจะจิกเล็บลงบนอุ้งมือ“แล้วเธออยากไปให้พ้น ๆ ฉันไหมล่ะ?” คำตอบคือการส่ายหน้ารัว ๆ“งั้นก็อยู่”“คะ?!” ใจดลญาเต้นแรง แหงนหน้ามองคนพี่ที่ส่งสายตาทอประกายมาให้“ฉันเพิ่งรู้ว่าตลอดหลายปีที่ผ่านมา ไม่เคยลืมยัยตัวแสบเจ้าแผนการจอมหลอกลวงได้เลย” คราวนี้เป็นดวงตากลมโ
บทที่ 19 ในใจมีเพียงเธอไหล่กว้างไหวสั่นแรงขึ้นขณะปิดหน้าร้องไห้หน้าห้องฉุกเฉิน เป็นเวลาเกือบชั่วโมงแล้วที่ร่างไร้สติของดลญาอยู่หลังประตูบานนั้น เดือนสิบโทรหาบิดาและธนินด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ พูดไม่ได้ศัพท์จนบิดาต้องบอกให้ใจเย็นจะรีบไปหาส่วนธนินติดธุระอยู่ต่างจังหวัดแต่จะรีบมาทันทีที่เสร็จงาน ดวงตาคมแดงก่ำน้ำตาไหลพรากมองสิ่งที่อยู่ในมือ ‘สร้อยเกียร์วิศวะ’ ดลญายอมทิ้งชีวิตเพื่อเจ้าสิ่งนี้ทั้ง ๆ ที่มันแสนไร้ค่า เดือนสิบลูบหน้าแรง ๆ เสยผมขึ้น ส่ายศีรษะไปมา ในหัวมันขาวโพลนตอนที่ลากร่างไร้สติขึ้นมาบนฝั่ง ตะโกนเรียกหล่อน ไม่มีเสียงตอบกลับยิ่งทำให้ลนลาน แทบคลั่งเมื่อเห็นว่าในมือหล่อนกำอะไรอยู่ มือเล็กกำมันแน่นไม่ปล่อยจนเธอต้องใช้แรงง้างนิ้วทั้งห้าให้ปล่อยไม่นานคุณดนัยก็ถึงโรงพยาบาล เดือนสิบโผเข้ากอดท่านทันที ร่ำไห้สะอึกสะอื้นเหมือนเมื่อครั้งที่รู้ความจริงเกี่ยวกับดลญา ช่วงนั้นบุตรสาวท่านเป็นบ้าไปเลย ไม่กินและไม่นอนเอาแต่ร้องไห้ กว่าจะกลับมาเป็นปกติ
เรื่องซุบซิบความสัมพันธ์ของคนในโรงงานมีมากมายนับไม่ถ้วน คบคนนี้ เลิกคนนั้น เป็นชู้ ลักลอบได้เสียกัน ดลญาอยู่นานจนเริ่มชินชากับเรื่องพวกนี้ หล่อนปรับตัวเข้ากับสังคมได้แล้วแม้จะไม่ได้มีเพื่อนสนิทเลยสักคนก็เถอะ การอยู่ลำพังนั้นไม่ได้แย่อย่างที่คิด เพียงแต่ไม่มีคนไว้คอยพูดคุยปรึกษาก็เท่านั้น ดลญาไม่ใคร่สนใจผู้ใด หล่อนทำงานของตนเองให้เสร็จลุล่วงไปวัน ๆ ทว่าก็ต้องมีเรื่องราวให้ปวดเศียรเวียนเกล้าอีกครั้ง คู่อริเก่าอย่างนวลตาเริ่มเข้ามาหาเรื่องอีกครั้ง เนื่องมาจากแฟนเก่านวลตามาจีบดลญา หล่อนบอกปฏิเสธฝ่ายนั้นไปแล้วแต่ชายหนุ่มยังดื้อด้านตามรังควานไม่เลิก“แรด!” ดลญากลอกตา ก้นหย่อนลงเก้าอี้ทำงานไม่ถึงสามวินาทีก็ถูกด่ากระทบกระเทียบ หล่อนทำเฉยเหมือนไม่ได้ยิน หากอีกฝ่ายกลับเดินมาชนไหล่จนเกือบตกเก้าอี้ ดลญาถอนหายใจแรง ๆ ถึงชินกับเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ อิจฉาริษยา แต่หล่อนก็เบื่อ ไม่ได้ทำอะไร ไม่ได้ไปยุ่งกับใครกลับโดนเกลียดเสียอย่างนั้น&n
บทที่ 18 สถานะที่ไม่ชัดเจนคุณดนัยและเดือนสิบเลือกใช้สวนหย่อมแทนการพูดคุยในห้อง ผู้มากอายุกว่ากระชับกรอบแว่นมองบุตรสาวนิ่ง ๆ เดือนสิบเองเหมือนเด็กที่ถูกจับได้ว่าทำผิดจึงเอาแต่ก้มหน้าประสานมืออยู่กลางลำตัว“กลับมาคบกันเหรอ?” คำถามของผู้เป็นพ่อยิงตรงเข้าประเด็น ไม่อ้อมค้อม“เปล่าค่ะ” คำตอบของบุตรสาวทำให้คิ้วเข้มต้นฉบับขมวด“ไม่คบแล้วหนูคนนั้นมาอยู่ในห้องแกได้ไง?”“เอ่อ…” เดือนสิบเล่าเหตุการณ์คร่าว ๆ ถึงสาเหตุที่ดลญาต้องมาอยู่กับเธอ ท่านนั่งเงียบฟังไม่ปริปากเอ่ยขัดจังหวะจนจบ“เรื่องบนเตียงไม่เกี่ยวกับว่าคบกันหรือไม่คบสินะ”“ไม่
วันหยุดสุดสัปดาห์เดือนสิบมีนัดกับธนินเนื่องจากไม่ได้เจอกันนานแล้วด้วยภาระหน้าที่ที่ต้องทำ“มึงว่าอะไรนะ?! ตอนนี้น้องเดียร์อยู่คอนโดฯ มึงเหรอ?” สีหน้าและท่าทาของธนินดูตกใจกับสารใหม่ที่เพิ่งได้รู้ ชายหนุ่มหรี่ตามองเพื่อนที่ยังคงหน้านิ่งจิบเบียร์และหยิบถั่วเข้าปาก“น้องเดียร์ก็แปลก เป็นคุณหนูดี ๆ ไม่ชอบ อยากตกระกำลำบากมาเป็นสาวโรงงาน กูล่ะงงจริง” ธนินเกาหัวแกรก ๆ เมื่อฟังเรื่องราวทั้งหมดจากปากเพื่อนสนิท