“นะคะพี่เท็น…” อีกครั้งที่สาวนิเทศใช้ทักษะการแสดงที่ร่ำเรียนมา
“เฮ้อ…” เดือนสิบพ่นลมหายใจหนัก ๆ
“อืม ก็ได้” ลงท้ายก็ยอม คงเพราะน้ำเสียงและท่าทางอ้อน ๆ นั้นกระมังถึงพาเอาใจสั่นไหว
“จริงนะคะ” ดวงตากลมโตทอประกาย ซ่อนความดีใจไม่มิด
“แต่บอกไว้เลยนะว่า คนอย่างฉันไม่มีทางเชื่อผู้หญิงรวย ๆ อย่างเธอหรอก” ดูเหมือนเดือนสิบต้องเตือนตัวเองว่าอย่าหลงกลสายตาและท่าทางราวลูกแมวน้อยของอีกฝ่ายด้วยการทำเสียงห้วน ๆ ซึ่งมันอาจใช้ไม่ได้ผลสักเท่าไร
“แหม…แล้วนักศึกษาที่มหา’ลัยนี้ใครไม่รวยบ้างคะ พี่เท็นก็รวย” ถึงจะเป็นมหาวิทยาลัยเอกชนแต่คณะวิศวกรรมศาสตร์ของเดือนสิบนั้นต้องสอบเข้าถึงจะได้ศึกษา มีเงินแล้วได้เรียนคงใช้ไม่ได้สำหรับที่นี่ ส่วนดลญาเองเลือกเรียนเพราะหวังคอนเนกชันที่มากขึ้นและไม่ต้องการกดดันตัวเองขณะสอบเข้ามหาวิทยาลัย แต่การเรียนมหาวิทยาลัยเอกชนก็ไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างที่ใครพูดกัน อาจารย์แต่ละท่านไม่มีปล่อยเกรดหรือออกข้อสอบง่าย ๆ แต่ละเทอมที่ผ่านไปทำให้ดลญาเหนื่อยกับการเรียนการสอบใช่เล่น
ร่างสูงยืนมองข้อความแชตของดลญา หล่อนส่งรูปอรุณสวัสดิ์ยามเช้าเป็นชุดนอนสายเดี่ยวเนื้อผ้าบางเฉียบ คงเพราะอกใหญ่ ๆ ของเจ้าหล่อนกระมังเสื้อมันถึงได้ตัวเล็กกระจ้อย กางเกงสั้นกุดจนเห็นแก้มก้น ใจแทบวายขณะไล่สายตาไปตามเอวคอดและปลีน่องเล็ก นับตั้งแต่วันที่รับข้อเสนอของอีกฝ่ายเดือนสิบก็รู้สึกว่ามือถือของตนไม่ได้มีเพียงธนินคนเดียวอีกแล้วที่คอยส่งข้อความมาหา ยามนี้มีดลญาเพิ่มมาอีกคน ซึ่งเจ้าหล่อนขยันส่งทุกช่วงเวลา เช้า เที่ยง เย็น ค่ำ ดึก อันที่จริงเดือนสิบค่อนข้างรำคาญในช่วงสามสี่วันแรก ทว่ามีวันหนึ่งที่มือถือเงียบไร้เสียง ‘ติ๊ง ๆ’ อย่างเคย เธอกลับร้อนใจ หยิบมือถือดูบ่อยครั้งกว่าวิสัยที่เป็นปกติ ทว่าไม่ได้ทักไปสอบถามเพราะไม่อยากให้หล่อนคิดเข้าข้างตัวเองจนเกินไป คืนนั้นเดือนสิบรอข้อความจากดลญาจนล่วงเลยเข้าวันใหม่ ดลญาถึงส่งข้อความมา นั่นแหละเดือนสิบถึงได้นอนหลับได้
อาทิตย์ที่ห้าของการฝึกงาน เดือนสิบเข้ากับพี่ ๆ ที่โรงงานได้เป็นอย่างดี ถึงแม้จะไม่ค่อยพูดก็เถอะ ด้วยท่าทางทะมัดทะแมงคล่องแคล่ว งานหนักเบาไม่เกี่ยงและทำได้ดีตามคำสั่งของรุ่นพี่จึงทำให้ทุกคนชื่นชอบเดือนสิบเป็นอย่างมาก ร่างสูงกระชับเป้ขึ้นไหล่กระพุ่มมือไหว้เอ่ยลารุ่นพี่ที่ทำงาน
“เท็นอย่าเพิ่งไป” พี่นัดเอ่ยรั้งคนตัวสูงไว้ ชายหนุ่มส่งยิ้มเดินเข้ามาตบไหล่
“รีบกลับไหม?” เดือนสิบอึกอักเล็กน้อยแต่ก็ส่ายหน้าเป็นคำตอบกลับไป
“งั้นดีเลย วันนี้มีสังสรรค์กันเล็กน้อย อยากให้เท็นไปด้วย ถือว่าเป็นการเลี้ยงต้อนรับสำหรับการฝึกงานคราวนี้แล้วกัน”
“เอ่อ…” ถึงจะเริ่มเข้ากับพี่ ๆ ในที่ฝึกงานได้แล้ว แต่เดือนสิบไม่นิยมสังสรรค์กับคนแปลกหน้า เธอกลัวว่าหากดื่มกินจนเมามายจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นได้ ถึงจะเป็นคนคอแข็งทว่าระวังไว้ก็ดีกว่าประมาท
“ไปเถอะ พวกพี่เลี้ยงเอง นี่กำลังเก็บของกันอยู่ ไม่นาน ๆ” เรื่องค่าใช้จ่ายคนมีฐานะอย่างสาววิศวะฯ ไม่ได้กังวลเลยสักนิด หญิงสาวยังไม่ตอบ มองกลับไปแล้วเห็นทุกคนยืนลุ้นคำตอบอยู่
“ก็ได้ค่ะ แต่เท็นคงอยู่ดึกมากไม่ได้” จึงตอบตกลงอย่างเสียมิได้
“ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว” พี่นัดตบไหล่อีกครั้ง และเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่ดลญาส่งข้อความแชตมาหา
DEAR : เลิกงานแล้วใช่ไหมคะ วันนี้พี่เท็นไปกินข้าวเย็นกับเดียร์นะคะ
10/10 : มีนัดกับพี่ที่โรงงาน
บทสนทนาในหน้าโปรแกรมแชตจบลงแค่นั้นเพราะเดือนสิบถูกรุ่นพี่ในโรงงานคล้องคอเดินไปยังลานจอดรถก่อนพากันขับรถไปยังผับกึ่งร้านอาหาร เดือนสิบจิบเบียร์ที่พี่นัดยื่นมาให้โดยฝั่งตรงข้ามเป็นรุ่นพี่สาวที่ต้องติดต่องานกันอยู่บ่อยครั้ง
“เท็นอยากกินอะไรสั่งได้เลยนะ” พี่แจงบอกด้วยรอยยิ้ม แม้ด้านในผับจะมีเพียงแสงสลัวจากไฟดิสโก้ แต่ทุกคนก็เห็นว่าหล่อนใบหน้าแดงและมีอาการขวยเขินรุ่นน้องตรงหน้าอย่างเห็นได้ชัด คนรอบโต๊ะส่งสายตาล้อเลียนด้วยรู้ว่าแจงแอบชอบเดือนสิบจึงชวนหล่อนมาร่วมสังสรรค์ด้วย
“พี่แจงสั่งเลยค่ะ เท็นกินได้ทุกอย่าง” บอกออกไปด้วยความสุภาพ จากนั้นทุกคนต่างดื่มกินพูดคุยสนุกสนานท่ามกลางเสียงเพลงที่เริ่มเปลี่ยนจากคลอเบา ๆ เป็นดังกระหึ่ม หลายคนลุกจากเก้าอี้ไปวาดลวดลายออกสเต็ปเต้น เดือนสิบมองขำขันพลางจิบเบียร์ไปเรื่อย ๆ เวลาผ่านไปครู่ใหญ่ พี่แจงจากที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามได้ขยับเข้ามาใกล้ จนบัดนี้หล่อนอยู่ด้านข้าง บทสนทนาเต็มไปด้วยเรื่องเรียนและการฝึกงาน คนเปิดประเด็นคงไม่พ้นแจง เดือนสิบตอบคำถามและเอ่ยเสริมบ้างตามประสาคนพูดน้อย เวลาล่วงเลยมาเกือบสี่ทุ่มกว่า ทุกคนเริ่มหน้าแดงด้วยฤทธิ์ของมึนเมาที่ดื่มกิน แจงเองก็ดูจะกล้ามากขึ้น เพราะหล่อนเริ่มเกาะแกะเดือนสิบ ส่งสายตาหวานเชื่อมไม่ปิดบังความรู้สึก เดือนสิบขยับกายอึดอัดก่อนขอตัวลุกขึ้นไปสูบบุหรี่ แจงเดินตาม แต่หล่อนสะดุดขาตนเองจนเดือนสิบต้องคว้าเอวไว้แล้วพากันมานั่งพักบริเวณพื้นที่สูบบุหรี่
ควันสีเทาลอยไปตามอากาศ แจงนั่งไขว่ห้างเท้าคางมองเดือนสิบตาเยิ้ม อาจเพราะพิษสุราทำให้ความกล้าเพิ่มดีกรีจากปกติ หล่อนเป็นคนเงียบ ๆ ดูเรียบร้อย มาบัดนี้กลายเป็นแม่เสือสาวจ้องตะครุบเหยื่อ
“เท็นมีแฟนหรือยัง?” แจงใจกล้าถามสิ่งที่ใคร่รู้ น้ำเสียงอ้อแอ้นั้นแสดงถึงอาการเมา
“เท่แบบนี้มีแฟนแล้วแน่เลย” เดือนสิบไม่ได้ตอบ เธอแค่สูบอัดควันเข้าปากแล้วปล่อยมันล่องลอยอีกครั้ง
“พี่มีหวังไหม?” คราวนี้คนที่คิดว่าไม่สนใจต้องละสายตากลับไปมอง
“อายุเราก็ไม่ได้ห่างกันมากนะ พี่ยี่สิบห้าเอง” มีแต่แจงที่พูดความรู้สึกอยู่ฝ่ายเดียว เดือนสิบยังคงเอาแต่เงียบ สูบบุหรี่จนหมดมวน
“เข้าไปข้างในกันเถอะค่ะ” ร่างสูงเหยียดกายขึ้น เอียงใบหน้ามองแจงเล็กน้อย
“เท็นยังไม่ตอบพี่เลย” หล่อนยืนขึ้น สืบเท้าเข้าหาก่อนจู่โจมช่วงชิงริมฝีปากเดือนสิบที่ยังคงมีกลิ่นบุหรี่จาง ๆ ติดอยู่ คนร่างสูงชะงักงัน ไม่คาดคิดว่ารุ่นพี่สาวจะกล้าทำเช่นนี้กับตนเอง ยังไม่ทันได้ผลักไสอีกฝ่ายหรือเอ่ยอันใด
“พี่เท็น!” หันขวับไปมองต้นเสียง พบร่างเพรียวที่มีสีหน้าปั้นปึ่งกำลังเดินปรี่เข้ามาใกล้ เดือนสิบลอบยิ้ม รู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูกที่ได้เห็นดลญา
บทจบ ได้ทั้งเกียร์ได้ทั้งเธอดลญายิ้มแห้งเมื่อรู้ว่าแท้จริงแล้วคุณนุ่นคือลูกพี่ลูกน้องของธนิน หญิงสาวตีไหล่คนรักเนื่องจากถูกปล่อยให้คิดไปเองอยู่พักใหญ่ ถ้าไม่เกิดเรื่องงอนตุ๊บป่องเมื่อสัปดาห์ก่อนหล่อนก็ยังไม่รู้ว่านุ่นคือใคร แล้วที่เคยสังสรรค์จนกลับบ้านดึกดื่นนั่นก็เพราะธนินขอร้องให้อยู่ต่อ “พี่เท็นก็ไม่บอกเดียร์” “ถ้าบอกก็ไม่รู้สิว่าแฟนหึง” คนพี่ยิ้มกริ่ม เดี๋ยวนี้เดือนสิบชักร้าย เปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิม เจ้าเล่ห์ขึ้น พูดเก่งขึ้น และทำรักมากขึ้น ความต้องการมีไม่สิ้นสุด หล่อนระทดร
“ยังไง บอกฉันมาสิ” หากคนที่บอกจะชดใช้กลับส่ายศีรษะไปมา หล่อนเองก็ไม่รู้เช่นกัน“ระ…หรือพี่เท็น” ก้อนบางอย่างจุกอยู่กลางอกไปจนถึงลำคอ ดลญาพูดต่อไม่ออก แต่พยายามเอื้อนเอ่ยทั้งที่เจ็บไปทั้งใจกับข้อเสนอที่ตนเองได้เอ่ยออกไป“อยากให้เดียร์ไปให้พ้น ๆ” ประโยคนั้นเบาเสียจนต้องเงี่ยหูฟัง ร่างสูงมองมือเล็ก เมื่อมีอาการประหม่าดลญามักจะจิกเล็บลงบนอุ้งมือ“แล้วเธออยากไปให้พ้น ๆ ฉันไหมล่ะ?” คำตอบคือการส่ายหน้ารัว ๆ“งั้นก็อยู่”“คะ?!” ใจดลญาเต้นแรง แหงนหน้ามองคนพี่ที่ส่งสายตาทอประกายมาให้“ฉันเพิ่งรู้ว่าตลอดหลายปีที่ผ่านมา ไม่เคยลืมยัยตัวแสบเจ้าแผนการจอมหลอกลวงได้เลย” คราวนี้เป็นดวงตากลมโ
บทที่ 19 ในใจมีเพียงเธอไหล่กว้างไหวสั่นแรงขึ้นขณะปิดหน้าร้องไห้หน้าห้องฉุกเฉิน เป็นเวลาเกือบชั่วโมงแล้วที่ร่างไร้สติของดลญาอยู่หลังประตูบานนั้น เดือนสิบโทรหาบิดาและธนินด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ พูดไม่ได้ศัพท์จนบิดาต้องบอกให้ใจเย็นจะรีบไปหาส่วนธนินติดธุระอยู่ต่างจังหวัดแต่จะรีบมาทันทีที่เสร็จงาน ดวงตาคมแดงก่ำน้ำตาไหลพรากมองสิ่งที่อยู่ในมือ ‘สร้อยเกียร์วิศวะ’ ดลญายอมทิ้งชีวิตเพื่อเจ้าสิ่งนี้ทั้ง ๆ ที่มันแสนไร้ค่า เดือนสิบลูบหน้าแรง ๆ เสยผมขึ้น ส่ายศีรษะไปมา ในหัวมันขาวโพลนตอนที่ลากร่างไร้สติขึ้นมาบนฝั่ง ตะโกนเรียกหล่อน ไม่มีเสียงตอบกลับยิ่งทำให้ลนลาน แทบคลั่งเมื่อเห็นว่าในมือหล่อนกำอะไรอยู่ มือเล็กกำมันแน่นไม่ปล่อยจนเธอต้องใช้แรงง้างนิ้วทั้งห้าให้ปล่อยไม่นานคุณดนัยก็ถึงโรงพยาบาล เดือนสิบโผเข้ากอดท่านทันที ร่ำไห้สะอึกสะอื้นเหมือนเมื่อครั้งที่รู้ความจริงเกี่ยวกับดลญา ช่วงนั้นบุตรสาวท่านเป็นบ้าไปเลย ไม่กินและไม่นอนเอาแต่ร้องไห้ กว่าจะกลับมาเป็นปกติ
เรื่องซุบซิบความสัมพันธ์ของคนในโรงงานมีมากมายนับไม่ถ้วน คบคนนี้ เลิกคนนั้น เป็นชู้ ลักลอบได้เสียกัน ดลญาอยู่นานจนเริ่มชินชากับเรื่องพวกนี้ หล่อนปรับตัวเข้ากับสังคมได้แล้วแม้จะไม่ได้มีเพื่อนสนิทเลยสักคนก็เถอะ การอยู่ลำพังนั้นไม่ได้แย่อย่างที่คิด เพียงแต่ไม่มีคนไว้คอยพูดคุยปรึกษาก็เท่านั้น ดลญาไม่ใคร่สนใจผู้ใด หล่อนทำงานของตนเองให้เสร็จลุล่วงไปวัน ๆ ทว่าก็ต้องมีเรื่องราวให้ปวดเศียรเวียนเกล้าอีกครั้ง คู่อริเก่าอย่างนวลตาเริ่มเข้ามาหาเรื่องอีกครั้ง เนื่องมาจากแฟนเก่านวลตามาจีบดลญา หล่อนบอกปฏิเสธฝ่ายนั้นไปแล้วแต่ชายหนุ่มยังดื้อด้านตามรังควานไม่เลิก“แรด!” ดลญากลอกตา ก้นหย่อนลงเก้าอี้ทำงานไม่ถึงสามวินาทีก็ถูกด่ากระทบกระเทียบ หล่อนทำเฉยเหมือนไม่ได้ยิน หากอีกฝ่ายกลับเดินมาชนไหล่จนเกือบตกเก้าอี้ ดลญาถอนหายใจแรง ๆ ถึงชินกับเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ อิจฉาริษยา แต่หล่อนก็เบื่อ ไม่ได้ทำอะไร ไม่ได้ไปยุ่งกับใครกลับโดนเกลียดเสียอย่างนั้น&n
บทที่ 18 สถานะที่ไม่ชัดเจนคุณดนัยและเดือนสิบเลือกใช้สวนหย่อมแทนการพูดคุยในห้อง ผู้มากอายุกว่ากระชับกรอบแว่นมองบุตรสาวนิ่ง ๆ เดือนสิบเองเหมือนเด็กที่ถูกจับได้ว่าทำผิดจึงเอาแต่ก้มหน้าประสานมืออยู่กลางลำตัว“กลับมาคบกันเหรอ?” คำถามของผู้เป็นพ่อยิงตรงเข้าประเด็น ไม่อ้อมค้อม“เปล่าค่ะ” คำตอบของบุตรสาวทำให้คิ้วเข้มต้นฉบับขมวด“ไม่คบแล้วหนูคนนั้นมาอยู่ในห้องแกได้ไง?”“เอ่อ…” เดือนสิบเล่าเหตุการณ์คร่าว ๆ ถึงสาเหตุที่ดลญาต้องมาอยู่กับเธอ ท่านนั่งเงียบฟังไม่ปริปากเอ่ยขัดจังหวะจนจบ“เรื่องบนเตียงไม่เกี่ยวกับว่าคบกันหรือไม่คบสินะ”“ไม่
วันหยุดสุดสัปดาห์เดือนสิบมีนัดกับธนินเนื่องจากไม่ได้เจอกันนานแล้วด้วยภาระหน้าที่ที่ต้องทำ“มึงว่าอะไรนะ?! ตอนนี้น้องเดียร์อยู่คอนโดฯ มึงเหรอ?” สีหน้าและท่าทาของธนินดูตกใจกับสารใหม่ที่เพิ่งได้รู้ ชายหนุ่มหรี่ตามองเพื่อนที่ยังคงหน้านิ่งจิบเบียร์และหยิบถั่วเข้าปาก“น้องเดียร์ก็แปลก เป็นคุณหนูดี ๆ ไม่ชอบ อยากตกระกำลำบากมาเป็นสาวโรงงาน กูล่ะงงจริง” ธนินเกาหัวแกรก ๆ เมื่อฟังเรื่องราวทั้งหมดจากปากเพื่อนสนิท