และคงเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานมีหลายคนเห็นเหตุการณ์พอดิบพอดี เช้านี้หัวข้อสนทนาในตึกคณะวิศวกรรมศาสตร์และนิเทศศาสตร์จึงเป็นเรื่องของเดือนสิบและดลญา มีข่าวลือออกไปหลากหลายประเด็นตามแต่คนจะจินตนาการ ไม่ว่าจะเป็นดาวคณะสวยเด่นอย่างดลญากู่ก้องร้องตะโกนว่ามีใจให้รุ่นพี่วิศวะฯ สาว หรือจะเป็นเดือนสิบปฏิเสธรักไม่แยแสดลญาแม้แต่น้อย และก็มีหลายคนที่ตั้งข้อสงสัยว่าทั้งคู่อาจเป็นแฟนกันแล้ว เพียงแต่ง้องอนกันตามประสาคนรัก ข่าวต่าง ๆ ดังให้ได้ยินแค่เพียงช่วงเช้าก่อนจะซาลงไปเพราะมีเรื่องอื่นน่าสนใจกว่า แต่คงไม่ใช่กับเบญจา หล่อนยืนหน้าเครียดกอดอกมองดลญาไม่วางตา
“นังนั่นมีอะไรดีกว่าฉัน?” เบญจาเปรยขึ้นขณะเดินเข้ามายังโรงอาหารของคณะ เพื่อนในกลุ่มไม่ได้ตอบเพียงยักไหล่เล็กน้อยด้วยเข้าใจว่าเบญจาไม่ได้ถามแต่พูดกับตนเอง ถึงเบญจาจะเป็นน้องปีหนึ่งสดใหม่ แต่ความสวยยังห่างชั้นกับดลญาอยู่มาก รายนั้นสวยตั้งแต่โคนผมยันเล็บเท้า ผิวขาวนวลลออ ผมยาวสลวยถึงกลางหลัง ทรวดทรงองค์เอวราวนาฬิกาทราย ชวนเสน่หา
ฟากดลญารับรู้ถึงกระแสแปร่งแปลกที่ทอดมองมายังตน หันขวับเห็นเบญจากำลังยืนกอดอกมองตนเองอยู่ กระหยิ่มยิ้มย่องในใจเมื่อเห็นอาการร้อนรนของอีกฝ่าย อีกไม่ถึงห้านาทีเบญจาคงได้แสดงอาการราวถูกไฟแผดเผาออกมาแน่ ๆ ต่อมริษยาของหล่อนฉายชัดขนาดนั้น
เป็นจริงอย่างที่ดลญาคาดคิดไว้ ทันทีที่ปรากฏร่างสูงเบญจาก็ชักสีหน้า ผุดลุกขึ้นมองไปยังเดือนสิบที่กำลังเดินปรี่เข้าไปหาหล่อน
“พี่เท็น…” ดลญาฉีกยิ้มกว้างส่งเสียงหวานไปยังผู้มาใหม่ ใบหน้าของเดือนสิบเรียบเฉย ทว่าในดวงตากลับลุกโชนไปด้วยไฟแห่งความโกรธา เนื่องจากสาววิศวะฯ ได้รับข้อความจากดลญาว่าจะปล่อยรูปที่ทั้งสองจูบกันให้ว่อนหากเธอไม่มาหาที่คณะ
“เรานัดกันตอนบ่ายสามไม่ใช่เหรอคะ?” คนที่เดือนสิบมองว่าเป็นยัยตัวร้ายสอดมือเข้ามาคล้องแขนของเธอ ในใจอยากสะบัดและสลัดหล่อนให้ถอยห่าง ทว่าเวลาเพียงเสี้ยววินาทีดลญากลับจรดปลายจมูกลงมายังแก้มของตน ทำเอาสาววิศวะฯ ถึงกับนิ่งงันไปชั่วขณะ เพื่อนในกลุ่มดลญาหวีดร้องลั่น คาดไม่ถึงว่าดลญาผู้วางตัวสูงส่งกว่าคนอื่นจะกล้าหอมแก้มคนที่ตนเองสนใจต่อหน้าคนหมู่มากเช่นนี้
“นี่เธอทำบ้าอะไร?” กระซิบถามด้วยน้ำเสียงเหี้ยม ยัยตัวแสบไม่ตอบกลับหันไปโบกมือร่ำลาเพื่อนแล้วลากเดือนสิบออกจากโรงอาหารโดยมีสายตาของนักศึกษาหลายคู่มองอยู่ รวมถึงเบญจาที่ดวงตาเต็มไปด้วยความอิจฉาริษยา ดาวคณะยกมุมปากพอใจก่อนเอี้ยวหน้าไปมองรุ่นน้องสาวพร้อมยักคิ้วบอกเป็นนัยว่าตนเองนั้นเหนือกว่า
“ลบทุกรูปที่เธอถ่ายฉันออก” สาววิศวะฯ คำรามสั่งเสียงดุ เข้าประเด็นที่ตนเองต้องเดินลิ้นห้อยจากคณะวิศวกรรมศาสตร์มาจนถึงคณะของเจ้าหล่อนทั้ง ๆ ที่อยู่คนละฟากฝั่ง
“พี่เท็นรีบมาก่อน เดียร์เลยยังไม่ทันได้กินข้าวเลย ไปกินข้าวกับเดียร์สักมื้อก่อนสิคะ” ดลญาเล่นแง่ไม่ตอบรับสิ่งที่ได้ยิน ยกมือไม้ขึ้นดูเล็บที่เพิ่งทำมาใหม่ เดือนสิบหายใจแรงขึ้นกระชากร่างเพรียวเข้ามาใกล้ บีบเค้นข้อมือเล็กจนดลญาหน้าเสีย
“เจ็บนะ”
“ฉันขอสั่งให้เธอลบรูปของฉันทุกรูป”
“พี่เท็นไปกินข้าวกับเดียร์ก่อนสิคะ แล้วจะลบรูปให้” มือเรียวคลายลง ดลญาบิดออก หล่อนยิ้มหวานส่งสายตาพราวระยับ มือไม้เริ่มเกาะเกะไปตามเนื้อตัวคนร่างสูง
“เดียร์พูดคำไหนคำนั้นนะ”
“ถ้าเธอไม่ลบฉันลบเอง มือถืออยู่ไหน?” เดือนสิบพยายามดึงกระเป๋าอีกฝ่ายมาดู รู้ตัวดีว่าการกระทำนั่นเสียมารยาท แต่เธอไม่อยากเกี่ยวข้องกับยัยตัวแสบตรงหน้าอีก
“พี่เท็นเอากระเป๋าเดียร์มานะ!” ทั้งสองยื้อยุดกระเป๋าอยู่นานสองนาน และเป็นเดือนสิบที่ได้กระเป๋ามาถือไว้ โดยร่างเจ้าของถูกเหวี่ยงไปกระแทกกับกำแพงอาคารอย่างจัง
“โอ๊ย!” ดลญานิ่วหน้าร้องลั่น ทั้งเจ็บและจุก หล่อนทรุดกายกับพื้นทันที
“เดียร์!” เดือนสิบเองก็ตกใจไม่น้อย รู้สึกผิดจนหน้าซีด ไม่คิดว่าจะทำให้หล่อนเจ็บตัว ดวงหน้าสวยหวานม่อยลง ดวงตากลมปริ่มด้วยน้ำใส สาววิศวะฯ รีบเข้าไปประคองหล่อน กวาดสายตาไปทั่วร่างเพรียว ถอนหายใจอย่างโล่งอกที่ไม่พบบาดแผล
เดือนสิบประคองดลญาไปยังม้านั่งในสวนข้างตึกคณะนิเทศศาสตร์ โชคดีที่หล่อนไม่มีวิชาเรียนต่อ และยามนี้นักศึกษาบางตาลงมาเพราะเริ่มเรียนคาบบ่ายกันแล้ว แดดเปลี่ยนทิศไม่แยงตา อีกทั้งยังมีต้นไม้ใหญ่คอยเป็นร่มกำบังให้ ลมพัดเอื่อยพอให้เย็นสบาย ทั้งสองเงียบไปนานและเป็นดลญาที่เอ่ยขึ้นก่อน
“ให้โอกาสเดียร์ได้รู้จักพี่เท็นหน่อยได้ไหมคะ?” เดือนสิบหันมอง พบดวงตากลมโตที่มองมาอย่างเปิดเผยความรู้สึก สาววิศวะฯ กะพริบตาแล้วหันหน้ากลับ แต่ก็ยังแอบเหล่มองคนข้าง ๆ ดลญาประสานมือที่หน้าตัก นิ้วเรียวขยับขยุกขยิกมีอาการประหม่าอย่างเห็นได้ชัด
“คุณหนูอย่างเธอจะมาชอบอะไรฉัน ไปหลอกเด็กเถอะ” เดือนสิบยังเตือนตัวเองเสมอและไม่มีทางเชื่อในท่าทางที่ดลญาแสดง แม้ครั้งนี้การได้สบสายตาหล่อนเพียงชั่วครู่จะทำให้ใจเริ่มสั่นไหวก็ตาม
“มหา’ลัยนี้มีคนที่ดีกว่าฉันเยอะแยะ”
“แต่เดียร์ชอบพี่เท็นคนเดียว” อีกครั้งที่ต้องได้ยินคำนี้ เดือนสิบขยับตัวยุกยิก ไม่ได้ชอบแต่ก็ไม่ได้รู้สึกดี ด้วยตลอดหลายปีสาววิศวะฯ ไม่เคยเอาใจลงไปเล่นกับใครและตกลงขอบเขตกับคู่นอนเสมอ มีเพียงความสุขทางกายเท่านั้น หัวใจไม่เกี่ยว อาจมีรุ่นน้องหลาย ๆ คนรู้สึกดีกับเธอบ้าง แต่เดือนสิบเลือกไม่สนใจและตัดไฟแต่ต้นลม ไม่ข้องแวะ มันจึงทำให้เธอไม่ได้ยินคำว่ารักหรือชอบมาเนิ่นนาน จวบจนดลญาเอ่ยปาก ร่างสูงถอนหายใจอ้าปาก
“ไม่ต้องเชื่อเดียร์ตอนนี้ก็ได้ค่ะ แค่ให้โอกาสเดียร์ก็พอ” คนฟังยังคงเงียบ ดลญาชักใจเสียพยายามตะล่อมใช้เสียงที่คิดว่าเสนาะหูที่สุด หล่อนต้องใจเย็นเฝ้าคอยปลาตัวใหญ่งับเหยื่อ
บทจบ ได้ทั้งเกียร์ได้ทั้งเธอดลญายิ้มแห้งเมื่อรู้ว่าแท้จริงแล้วคุณนุ่นคือลูกพี่ลูกน้องของธนิน หญิงสาวตีไหล่คนรักเนื่องจากถูกปล่อยให้คิดไปเองอยู่พักใหญ่ ถ้าไม่เกิดเรื่องงอนตุ๊บป่องเมื่อสัปดาห์ก่อนหล่อนก็ยังไม่รู้ว่านุ่นคือใคร แล้วที่เคยสังสรรค์จนกลับบ้านดึกดื่นนั่นก็เพราะธนินขอร้องให้อยู่ต่อ “พี่เท็นก็ไม่บอกเดียร์” “ถ้าบอกก็ไม่รู้สิว่าแฟนหึง” คนพี่ยิ้มกริ่ม เดี๋ยวนี้เดือนสิบชักร้าย เปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิม เจ้าเล่ห์ขึ้น พูดเก่งขึ้น และทำรักมากขึ้น ความต้องการมีไม่สิ้นสุด หล่อนระทดร
“ยังไง บอกฉันมาสิ” หากคนที่บอกจะชดใช้กลับส่ายศีรษะไปมา หล่อนเองก็ไม่รู้เช่นกัน“ระ…หรือพี่เท็น” ก้อนบางอย่างจุกอยู่กลางอกไปจนถึงลำคอ ดลญาพูดต่อไม่ออก แต่พยายามเอื้อนเอ่ยทั้งที่เจ็บไปทั้งใจกับข้อเสนอที่ตนเองได้เอ่ยออกไป“อยากให้เดียร์ไปให้พ้น ๆ” ประโยคนั้นเบาเสียจนต้องเงี่ยหูฟัง ร่างสูงมองมือเล็ก เมื่อมีอาการประหม่าดลญามักจะจิกเล็บลงบนอุ้งมือ“แล้วเธออยากไปให้พ้น ๆ ฉันไหมล่ะ?” คำตอบคือการส่ายหน้ารัว ๆ“งั้นก็อยู่”“คะ?!” ใจดลญาเต้นแรง แหงนหน้ามองคนพี่ที่ส่งสายตาทอประกายมาให้“ฉันเพิ่งรู้ว่าตลอดหลายปีที่ผ่านมา ไม่เคยลืมยัยตัวแสบเจ้าแผนการจอมหลอกลวงได้เลย” คราวนี้เป็นดวงตากลมโ
บทที่ 19 ในใจมีเพียงเธอไหล่กว้างไหวสั่นแรงขึ้นขณะปิดหน้าร้องไห้หน้าห้องฉุกเฉิน เป็นเวลาเกือบชั่วโมงแล้วที่ร่างไร้สติของดลญาอยู่หลังประตูบานนั้น เดือนสิบโทรหาบิดาและธนินด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ พูดไม่ได้ศัพท์จนบิดาต้องบอกให้ใจเย็นจะรีบไปหาส่วนธนินติดธุระอยู่ต่างจังหวัดแต่จะรีบมาทันทีที่เสร็จงาน ดวงตาคมแดงก่ำน้ำตาไหลพรากมองสิ่งที่อยู่ในมือ ‘สร้อยเกียร์วิศวะ’ ดลญายอมทิ้งชีวิตเพื่อเจ้าสิ่งนี้ทั้ง ๆ ที่มันแสนไร้ค่า เดือนสิบลูบหน้าแรง ๆ เสยผมขึ้น ส่ายศีรษะไปมา ในหัวมันขาวโพลนตอนที่ลากร่างไร้สติขึ้นมาบนฝั่ง ตะโกนเรียกหล่อน ไม่มีเสียงตอบกลับยิ่งทำให้ลนลาน แทบคลั่งเมื่อเห็นว่าในมือหล่อนกำอะไรอยู่ มือเล็กกำมันแน่นไม่ปล่อยจนเธอต้องใช้แรงง้างนิ้วทั้งห้าให้ปล่อยไม่นานคุณดนัยก็ถึงโรงพยาบาล เดือนสิบโผเข้ากอดท่านทันที ร่ำไห้สะอึกสะอื้นเหมือนเมื่อครั้งที่รู้ความจริงเกี่ยวกับดลญา ช่วงนั้นบุตรสาวท่านเป็นบ้าไปเลย ไม่กินและไม่นอนเอาแต่ร้องไห้ กว่าจะกลับมาเป็นปกติ
เรื่องซุบซิบความสัมพันธ์ของคนในโรงงานมีมากมายนับไม่ถ้วน คบคนนี้ เลิกคนนั้น เป็นชู้ ลักลอบได้เสียกัน ดลญาอยู่นานจนเริ่มชินชากับเรื่องพวกนี้ หล่อนปรับตัวเข้ากับสังคมได้แล้วแม้จะไม่ได้มีเพื่อนสนิทเลยสักคนก็เถอะ การอยู่ลำพังนั้นไม่ได้แย่อย่างที่คิด เพียงแต่ไม่มีคนไว้คอยพูดคุยปรึกษาก็เท่านั้น ดลญาไม่ใคร่สนใจผู้ใด หล่อนทำงานของตนเองให้เสร็จลุล่วงไปวัน ๆ ทว่าก็ต้องมีเรื่องราวให้ปวดเศียรเวียนเกล้าอีกครั้ง คู่อริเก่าอย่างนวลตาเริ่มเข้ามาหาเรื่องอีกครั้ง เนื่องมาจากแฟนเก่านวลตามาจีบดลญา หล่อนบอกปฏิเสธฝ่ายนั้นไปแล้วแต่ชายหนุ่มยังดื้อด้านตามรังควานไม่เลิก“แรด!” ดลญากลอกตา ก้นหย่อนลงเก้าอี้ทำงานไม่ถึงสามวินาทีก็ถูกด่ากระทบกระเทียบ หล่อนทำเฉยเหมือนไม่ได้ยิน หากอีกฝ่ายกลับเดินมาชนไหล่จนเกือบตกเก้าอี้ ดลญาถอนหายใจแรง ๆ ถึงชินกับเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ อิจฉาริษยา แต่หล่อนก็เบื่อ ไม่ได้ทำอะไร ไม่ได้ไปยุ่งกับใครกลับโดนเกลียดเสียอย่างนั้น&n
บทที่ 18 สถานะที่ไม่ชัดเจนคุณดนัยและเดือนสิบเลือกใช้สวนหย่อมแทนการพูดคุยในห้อง ผู้มากอายุกว่ากระชับกรอบแว่นมองบุตรสาวนิ่ง ๆ เดือนสิบเองเหมือนเด็กที่ถูกจับได้ว่าทำผิดจึงเอาแต่ก้มหน้าประสานมืออยู่กลางลำตัว“กลับมาคบกันเหรอ?” คำถามของผู้เป็นพ่อยิงตรงเข้าประเด็น ไม่อ้อมค้อม“เปล่าค่ะ” คำตอบของบุตรสาวทำให้คิ้วเข้มต้นฉบับขมวด“ไม่คบแล้วหนูคนนั้นมาอยู่ในห้องแกได้ไง?”“เอ่อ…” เดือนสิบเล่าเหตุการณ์คร่าว ๆ ถึงสาเหตุที่ดลญาต้องมาอยู่กับเธอ ท่านนั่งเงียบฟังไม่ปริปากเอ่ยขัดจังหวะจนจบ“เรื่องบนเตียงไม่เกี่ยวกับว่าคบกันหรือไม่คบสินะ”“ไม่
วันหยุดสุดสัปดาห์เดือนสิบมีนัดกับธนินเนื่องจากไม่ได้เจอกันนานแล้วด้วยภาระหน้าที่ที่ต้องทำ“มึงว่าอะไรนะ?! ตอนนี้น้องเดียร์อยู่คอนโดฯ มึงเหรอ?” สีหน้าและท่าทาของธนินดูตกใจกับสารใหม่ที่เพิ่งได้รู้ ชายหนุ่มหรี่ตามองเพื่อนที่ยังคงหน้านิ่งจิบเบียร์และหยิบถั่วเข้าปาก“น้องเดียร์ก็แปลก เป็นคุณหนูดี ๆ ไม่ชอบ อยากตกระกำลำบากมาเป็นสาวโรงงาน กูล่ะงงจริง” ธนินเกาหัวแกรก ๆ เมื่อฟังเรื่องราวทั้งหมดจากปากเพื่อนสนิท