คิดได้ดังนั้น หลี่เฟิ่งเซียนยิ่งหวาดกลัวยิ่งดิ้นรน
"อื้อ..อื้อออ" นางส่งเสียงร้อง ไม่สนใจความปวดแสบในคอ
เจ้านั่นผลักนางล้มลงอีกครั้ง ยื่นนิ้วชี้มาแตะตรงปากของหลี่เฟิ่งเซียน เป็นเชิงบอกให้นางเงียบ แต่นางไม่ยอม จึงดิ้นรนต่อไป หวังว่าตัวเองจะส่งเสียงดังมากพอจนผู้มาใหม่ได้ยิน เพราะเสียงพูดคุยด้านนอกใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
"เงียบก่อน!" เขาสั่งนาง
แม้แต่ชายผอมแห้งผู้นั้นก็รับรู้ได้ว่าคนข้างนอกใกล้เข้ามาทุกที มันหันไปมองด้านทางเข้าคราหนึ่ง และหันมามองนาง ตัดสินใจฉีกเสื้อคลุมตัวนอกของนาง ดึงออกและยัดใส่ใต้กองฟาง หลี่เฟิ่งเซียนตกใจกับแรงมหาศาลที่มาจากมือผอมแห้งนั้น!
แล้วเจ้าคนชั่วนั่นก็เริ่มถอดเสื้อถอดกางเกงของมัน ทาบทับลงมาที่ตัวของหลี่เฟิ่งเซียน แม้นางจะตกใจ พยายามดิ้นรนไม่ยอมรับ แต่เขาก็มีเรี่ยวแรงมากพอจะกอดนางให้อยู่นิ่ง เมื่อเขาใช้มือลูบไปที่กลีบซ่อนเร้นของนาง หลี่เฟิ่งเซียนสะดุ้งตกใจ ชั่วชีวิตของนาง นางยังไม่เคยพบเจอเรื่องสารเลวมากเท่านี้มาก่อน เขาแยกขาของนางออก นางรู้สึกสิ้นหวังอย่างที่สุด นางกำลังจะถูกย่ำยี!!!
หลี่เฟิ่งเซียนหันหน้าไปทางหญิงสาวที่เหลือ พวกนางหวาดกลัวตัวสั่นจนต้องหลบหน้า หลับตาแน่นไม่กล้าหันมามองที่หลี่เฟิ่งเซียน นางหมดหวังจะให้คนช่วย แต่เจ้านั่นก็ไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่านั้น ยังคงกอดนางไว้ ทาบทับอยู่บนตัวนางไม่ขยับ
หลี่เฟิ่งเซียนได้แต่ภาวนาให้คนข้างนอกเข้ามาเร็วๆ นางจะได้หลุดพ้นจากสภาพน่าอนาถนี้ แต่พอมีคนเข้ามาจริงๆ เจ้าคนเลวที่ทับนางอยู่ก็เริ่มขยับช่วงล่าง นางยังรู้สึกถึงบางอย่างที่ถูไถไปมาตรงกลีบดอกไม้ของนาง
"เฮ้ย นั่นมันอะไรกัน!!"
"หน็อย!! หยุดนะโว้ย!!"
เสียงตะโกนของผู้ชายหลายคนดังมา หลี่เฟิ่งเซียนคิดว่าตัวเองรอดแล้ว แต่เจ้าชั่วกลับก้มลงมากอดนางแน่น และเริ่มจูบปากของนาง ลิ้นอุ่นๆที่แทรกเข้ามาในปาก และกลิ่นเปลือกไม้บางอย่าง นางไหนเลยจะเคยชิดใกล้ชายใดมากขนาดนี้ หวาดกลัวจนความคิดในหัวเหลวเป็นอาหารหมู คิดสิ่งใดไม่ออก
แล้วชายสี่ห้าคนที่เพิ่งจะเข้ามาใหม่กระชากเจ้าคนชั่วออกไปอย่างแรง หลี่เฟิ่งเซียนยังรู้สึกเจ็บที่ริมฝีปาก ตรงบริเวณที่ถูกเจ้านั่นจูบ นางรีบหุบขาด้วยความอับอาย นอนพลิกคว่ำเพื่อหลบหนีเรื่องน่าเวทนานี้ แม้แต่จะยื่นมือไปจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่เข้าทางยังทำไม่ได้ นางรู้สึกสิ้นหวังอย่างที่สุด
"เจ้านี่เป็นผู้ชายหรือ?"
"หน็อย!!"
หลี่เฟิ่งเซียนได้ยินเสียงเจ้าคนชั่วโดนเตะหนักๆหลายครั้ง แล้วพวกคนมาใหม่ก็เริ่มทะเลาะกัน
"ข้าบอกเจ้าแล้วว่าให้ดูดีๆ สมองโง่ๆเช่นเจ้าแม้กระทั่งจับผู้หญิงยังทำไม่เป็น ยังจะจับตัวผิดมา ไหนมันจะทำลายสินค้าเช่นนี้อีก นายท่านรู้เข้า เก้าชั่วโคตรก็ไม่พอให้นายท่านลงทัณฑ์"
"ข้าเห็นว่าตัวผอมๆบางๆ จึงนึกว่าเป็นผู้หญิง" อีกคนแก้ตัวเสียงอ่อย
"เจ้าโง่..นั่นมันผู้ชาย!!"
"ข้าขอโทษ ข้าเห็นว่าเขามีดวงตาที่งดงามราวกับสาวงาม อกเอวก็อ้อนแอ้น จึงเข้าใจผิด"
"ช่างเถอะช่างเถอะ ค่อยลงโทษเจ้าทีหลัง รีบไปแต่งตัวให้นางเด็กคนนั้น ถึงจะโดนทำให้เสียของ แต่เช่นนี้ก็ดี ตอนจับตัวมามันพยศมาก ตอนนี้คงอยู่เงียบๆได้สักที อย่างไรก็ยังขายได้ แม้จะเสียราคาไปบ้าง แต่ผิวขาวเนียนละเอียดมาก รีบพาตัวไปให้นายท่าน พวกข้าจะได้สนุกกันสักหน่อย"
หลี่เฟิ่งเซียนได้ยินว่ามีคนเดินเข้ามาใกล้นาง
"เดี๋ยวก่อนนายท่านทั้งหลาย ข้าแนะนำว่าอย่าถูกตัวนางจะดีกว่า" เสียงทุ้มต่ำพูดขึ้น หลี่เฟิ่งเซียนจำได้ว่าเป็นเสียงของเจ้าคนเลวคนนั้น
"เรื่องเมื่อครู่ข้าอดใจไม่ไหวจริงๆ แต่ตอนนี้ข้ารู้ว่าข้าผิดไปแล้ว ข้าขอยอมรับกับพวกท่านตามตรง อันที่จริงแล้วข้าเป็นโรคติดต่อชนิดหนึ่ง มันรักษาไม่หายและอาจถึงตายได้" เจ้าคนชั่วมันยังคงพูดต่อ
"ถ้าท่านไม่เชื่อก็เข้ามาดูใกล้ๆ ที่ข้าผอมแห้งเพียงนี้ก็เพราะใกล้ตาย หากท่านแตะต้องตัวนาง ข้าเกรงว่าอาจจะติดโรคได้"
หลี่เฟิ่งเซียนรู้สึกหนาวยะเยือกในใจ นี่นางถูกย่ำยีไม่พอ นางยังติดโรคร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิตอีกหรือ นางค่อยๆหันหน้าไปทางเสียงพูด เห็นชายคนหนึ่งถือคบเพลิงเดินไปใกล้ๆเจ้าคนชั่วที่เปลือยเปล่าไม่มีผ้าสักชิ้นใส่ มันทำเพียงใช้สองมือกุมตรงเป้าเอาไว้ เขาค่อยๆลุกขึ้น เดินไปใกล้กับแสงไฟ เขามีผิวหนังขาวซีดน่ากลัว ผอมแห้งจนมีเพียงหนังหุ้มกระดูก บนแขน หลังมือ และบนไหล่บางจุดมีรอยคล้ายแผลถลอก ยังมีตุ่มใสน่ารังเกียจขึ้นเป็นหย่อมๆ
หลี่เฟิ่งเซียนรู้สึกพะอืดพะอมคล้ายจะอาเจียน มือผอมแห้งมีตุ่มใสๆเต็มไปหมดนั่น เมื่อคืนยังลูบคลำนางไปทั้งตัวของนาง เมื่อครู่ยังฉีกเสื้อผ้านางและกอดนางแนบเนื้อ เอาเชื้อโรคมาแพร่ใส่นาง
หลี่เฟิ่งเซียนอยากร้องไห้ก็ร้องไม่ออก อยากจะอ้วกอาเจียนก็ทำไม่ได้ แม้นางจะอยู่ไกลขนาดนี้ยังมองออกว่าเขาติดโรคร้ายแรง ชายฉกรรจ์พวกนั้นจะมองไม่เห็นได้อย่างไร
"เฮ้ย!!!" ชายคนที่ถือคบเพลิงรีบโยนคบเพลิงทิ้งลงพื้น ใช้สองมือปัดๆตามเสื้อตัวเองอย่างหวาดกลัว แม้เจ้าคนชั่วจะไม่ได้โดนตัวเขาเลยก็ตาม
"ข้า..ข้าจับเจ้านี่ไปเมื่อครู่ ทั้งยังถีบไปบนหลังมันด้วย ข้าต้องรีบไปล้างตัว" ชายอีกคนรีบเผ่นหนีออกไปจากคุกใต้ดิน
ชายคนที่มีท่าทางคล้ายหัวหน้าถีบไปบนตัวของเจ้าคนชั่วอย่างแรงอีกครั้ง จนมันกลิ้งหลุนๆไปสองรอบ เนื้อตัวเปื้อนน้ำสกปรกบนพื้น
"ข้าเป็นคนจับมันมาเมื่อคืนข้าก็ต้องรีบไปล้างตัว" ชายอีกคนที่มีหนวดเคราเต็มหน้า หน้าตาดูโง่ๆก็รีบวิ่งออกไปจากคุกใต้ดินเช่นกัน
ชายที่เป็นหัวหน้าหันมาสั่งลูกน้องอีกสองคน ให้รีบเอาตัวเหล่าหญิงสาวที่นั่งหวาดกลัวด้านข้างออกไป ก่อนจะหันมามองอย่างเคียดแค้นไปที่เจ้าคนชั่ว และสะบัดชายเสื้อออกไปจากคุกใต้ดินเป็นคนสุดท้าย
ยามนี้ เหลือหลี่เฟิ่งเซียนและเจ้าคนชั่วอยู่ในคุกใต้ดินกันสองคน นางกลับมาหวาดกลัวอีกครั้ง หลังจากเรื่องน่าหวาดหวั่นผ่านพ้นไป
'ข้าติดโรคร้ายแรงและกำลังจะตายหรือ?' นางคิด
ความหวังที่ไม่ใช่ความหวัง คุณหนูใหญ่ผู้โชคร้ายในความโชคร้าย อีกคนจะย่ำยี อีกคนจะเอาไปขาย สู้นะหญิง เธอต้องรอด
ให้กำลังใจคุณหนูใหญ่ด้วยนะคะ
“ข้าไม่เป็นไร มันหายแล้ว แต่มันไม่เหมือนเดิมแล้ว อย่างไรก็ยังต้องเป็นเช่นนี้เวลาอากาศหนาวมากๆ” เขาหลบตามองต่ำอธิบาย“เช่นนั้นเพราะหนาวหรือถึงได้เจ็บ” นางถาม ลู่มู่เฉินพยักหน้าหลี่เฟิ่งเซียนทำหน้าดุก่อนจะวิ่งไปที่เตียงดึงผ้าห่มมาห่อตัวเขาไว้“แล้วเจ้าหนีมานอนที่พื้นเพื่ออันใดกัน ต่อไปห้ามทำเช่นนี้อีก หากข้าเมาก็ต้องเรียกข้าให้เอาผ้าห่มให้เจ้า เข้าใจหรือไม่” นางดุลู่มู่เฉินพยักหน้ารับอีกครั้ง แต่ไม่กล้ามองนาง ไม่กล้าบอกนางว่ามือข้างนี้จะไม่หาย มันยังคงต้องเจ็บเช่นนี้ไปตลอดชีวิต แม้จะตัดทิ้งความรู้สึกเจ็บปวดที่ไม่มีอยู่จริงก็ยังเกิดขึ้น เวลานี้ก็ยังรู้สึกเจ็บมาก แต่อย่างไรก็ต้องทนต่อไป เขาไม่ต้องการให้นางไม่สบายใจแต่ห่มผ้าให้เขาแล้วนางก็ไม่ยอมไปไหน ยังคงนั่งมองเขา ทั้งยังกระเถิบมาใกล้ขึ้นจ้องมองเขาไม่วางตา ลู่มู่เฉินได้แต่ก้มหน้าไม่กล้าเอ่ยคำพูด แต่แล้วนางก็ยกมือขึ้นมาเช็ดบางอย่างที่ข้างแก้ม“เจ้านอนน้ำลายไหลเปื้อนแก้มด้วย”“!!..” เขาตกใจรีบก้มหน้าไม่ยอมให้นางเช็ดคราบน้ำลาย“ชิ ทำเป็นเล่นตัว อย่างไรเจ้าก็แต่งกับข้าแล้ว เป็นหรือตายก็ต้องเป็นคนของข้า” หลี่เฟิ่งเซียนรู้สึกอารมณ์เสีย เมื
เขาจึงยังไม่ได้พูดคุยกับนางให้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ทำได้แต่คาดเดา เพราะเขาถามอ๋องเยียนก็แล้ว ท่านหมอก็ถามแล้ว แม้แต่แม่ทัพหลี่เขาก็พยายามถามแล้ว แต่ไม่มีผู้ใดตอบคำถามของเขา"ตาของเจ้างดงามมากจริงๆ ราวกับเก็บดวงดาวยามค่ำคืนไว้ทั้งท้องฟ้า" พูดแล้วนางก็ล้มใส่ตัวเขา หลับไปทั้งเช่นนั้น‘ความฝันที่เป็นได้เพียงความฝัน ห้ามคิดฝันเกินตัว มันต้องมีบางสิ่งทำให้ท่านแม่ทัพตัดสินใจเช่นนี้ นางต้องทำความผิดใดจนท่านแม่ทัพโกรธ จนต้องลงโทษนางให้แต่งกับคนอัปลักษณ์ใกล้ตายเช่นเขา’ ลู่มู่เฉินตักเตือนตัวเองเขามั่นใจว่างานแต่งนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะนางชอบเขา หรือเพราะดันมีคนรู้เข้าว่าเขาชอบนาง เขารู้ว่าต้องมีเรื่องผิดปกติเกิดขึ้น นางจึงถูกบังคับให้แต่งกับเขาเขารู้ว่านางพูดชมเขาโดยไม่มีสิ่งใดลึกซึ้ง เพราะนางเป็นคนเช่นนั้น ไม่มีเล่ห์เหลี่ยม พูดสิ่งที่คิดออกมาตรงๆ เพียงแต่..ทุกครั้งที่นางพูดเช่นนี้ ในอกของเขายังคงสั่นระรัวไม่เป็นจังหวะ ในท้องปั่นป่วนคล้ายมีผีเสื้อนับพันกำลังโผบินลู่มู่เฉินแอบยิ้มน้อยๆ งานแต่งนี้อาจต้องจบลงสักวัน เขาย่อมรู้ดี แต่ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นงานแต่งของเขากับนาง หากนางยังตื่นอยู่ เขาก็จะปั้น
แม่ทัพหลี่หันหน้าแบบประหลาดมากมามองลูกสาว เขากะพริบตาไล่ความงุนงง สังเกตอาการของลูกสาวที่หน้าแดงกระวนกระวายทำสิ่งใดไม่ถูก จู่ๆเขาก็เข้าใจทุกอย่าง‘ข้าว่าแล้วเชียว เท่าที่จำได้ ไอ้หนุ่มนั่นเป็นคนเดียวที่ทำให้ลูกข้าเงียบได้ใช่หรือไม่ แต่มันดูแลลูกข้าได้แน่หรือ ถึงอย่างไรนางก็ดูจะชอบมันเข้าแล้วจริงๆ ข้าไม่เคยเห็นนางเป็นเช่นนี้เลย’ แม่ทัพหลี่คิด ยิ่งคิดยิ่งตกใจ นี่เขาไม่เคยสังเกตเลยจริงๆ สุดท้ายเขาไม่พูดสิ่งใดแต่เดินดุ่มๆ ออกไปจากห้องโถงทันทีปล่อยให้หลี่เฟิ่งเซียนและอ๋องเยียนมองตามอย่างงุนงง ก่อนที่นางจะคิดบางอย่างได้และตะโกนออกไป“ท่านพ่อ ห้ามฆ่าเขานะ!!” แล้วนางก็วิ่งตามแม่ทัพออกไป อ๋องเยียนค่อยๆพ่นลมออกมา รู้สึกโล่งอกที่คนถูกฆ่าไม่ใช่เขาลู่มู่เฉินกำลังช่วยเตรียมยาให้ทหารนายหนึ่ง ขาของเขาขาด ไม่ได้ทำแผลให้สะอาดแต่ต้น ยามนี้จึงทั้งบวมและเป็นหนอง“ลู่มู่เฉิน!!” แม่ทัพหลี่ตะโกนเรียกชื่อเขาแต่ไหล “หยุดนะท่านพ่อ ห้ามฆ่าเขาเด็ดขาด!” หลี่เฟิ่งเซียนวิ่งตามหลังแม่ทัพหลี่มาติดๆ ตะโกนอย่างร้อนรนลู่มู่เฉินไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้น แต่นางคงก่อเรื่องอีกแล้ว เขาถอนหายใจ ยื่นห่อยาให้ทหารอย่างใจเย็น ก
หลี่เฟิ่งเซียนค่อยๆหันกลับไป กะพริบตาปริบๆ ไม่อยากเชื่อว่าใครๆก็มองออก แต่นางไม่รู้ตัว นี่นางโง่เพียงนี้เชียวหรือ“เจ้าไม่ชอบเขา แล้วสั่งทำกล่องเข็มให้เขาทำไมหรือ” นางยังคาใจ“ท่านเป็นคนสัญญาว่าจะออกเงินสร้างสิ่งที่เขาอยากได้ไม่ใช่หรือเจ้าคะ เขาบอกว่าอยากได้กล่องเข็มครบ 18 แบบ ข้าจึงไปสั่งร้านช่างในหมู่บ้านให้ ใช้เวลาหลายสิบวันกว่าจะเสร็จ วันก่อนช่างเอามาส่งแต่ข้าลืมบอกท่าน” ยู่ยี่อธิบายนางสัญญาไปเช่นนั้นจริงๆ นางรีบร้อนจะตามอ๋องเยียนไปขี่ม้าดูบึงใหญ่ จึงรับปากเขาไปส่งๆ จนนางก็ลืมไปแล้ว ดังนั้น ถือว่ากล่องเข็มนี้นางเป็นคนมอบให้เขา ไม่ใช่ยู่ยี่หัวใจของหลี่เฟิ่งเซียนพองโต นางไม่ต้องแย่งชิงเขากับยู่ยี่ เขาไร้ญาติขาดมิตร ครอบครัวก็ไม่มี ขอเพียงนางรวบหัวรวบหาง เขาต้องเป็นของนางแน่ ถึงเขาจะน่าเกลียดมากไปหน่อย แต่ไม่เป็นไร อย่างน้อยนัยน์ตาของเขางดงามมาก นางชอบนัยน์ตาของเขาที่ราวกับเก็บดวงดาวไว้ทั้งท้องฟ้ายามค่ำคืนคิดแล้วนางก็หยุดตัวเองไม่ได้ อยากจะไปหาเขาตอนนี้เสียเลย หลี่เฟิ่งเซียนวิ่งไปหาลู่มู่เฉิน ไม่สนใจว่ายามนี้ดึกมากเพียงใด ยู่ยี่ห้ามอย่างไรนางก็ไม่ฟัง นางเอากล่องเข็มไปด้วย นางอยาก
“แล้ว..เกิดอะไรขึ้น” แม่ทัพหลี่เบาเสียงลง กลัวจะทำให้ลูกสาวเสียงดังมากขึ้น“...ข้าก็ไม่รู้ เขาคงไม่อยากให้ข้าไปยุ่งกับเขา” นางตอบเบาลง“เหลวไหล ใครจะไม่อยากยุ่งกับลูกพ่อ” แม่ทัพหลี่รีบเอาใจ“มาๆ กินเยอะๆ เดี๋ยวพ่อไปถามให้ ถ้าเขาไม่ยอมพูด พ่อจะบังคับให้เขาพูดให้ได้” เขาหยิบอาหารใส่ถ้วยให้นาง เอาอกเอาใจลูกสาวเต็มที่“ไม่ต้อง ข้า..ข้าจะ ไปถามด้วยตัวเอง”หลี่เฟิ่งเซียนพอจะนึกบางอย่างได้ นางพาลู่มู่เฉินมาที่นี่ อ้างว่ามารักษาตัว แต่ไม่เคยถามว่าเขาอยากอยู่หรือไม่ ท่านพ่อของนางเป็นถึงแม่ทัพ หากเขาไม่เอ่ยปาก ผู้ใดจะกล้าออกไปจากที่นี่ บางทีลู่มู่เฉินอาจไม่อยากอยู่ที่นี่ เขาอาจรู้สึกไม่ต่างจากถูกคุมขังในกรงสุนัข เขาอาจอยากกลับไปหาครอบครัวสุดท้ายหลี่เฟิ่งเซียนตัดสินใจจะถามให้กระจ่าง นางตามหาเขาจนพบเขาอยู่ที่ห้องเก็บยา“ลู่มู่เฉิน ข้ามีเรื่องอยากถามเจ้า” หลี่เฟิ่งเซียนมาถึงก็ถามตรงๆ“..อืม” เขาหันมามองนางครู่หนึ่ง และหันไปยุ่งกับการตวงยาต่อไป“เจ้าอยากกลับบ้านของเจ้าหรือไม่”“ใครบ้างจะไม่อยากกลับบ้าน”เขาตอบตามจริง แต่นางรู้สึกบางอย่างในอกหนักอึ้ง“เจ้ามีบ้านหรือไม่ มีพ่อแม่ ภรรยา...หรือคนที่รอใ
ค่ำวันนั้นนางไปหามู่เฉินคนชั่วของนาง แต่ท่านหมอบอกว่าเขาไม่อยู่ออกไปอาบน้ำ หลี่เฟิ่งเซียนไปรอเขาที่ห้องของเขาอยู่นานเขาก็ยังไม่กลับ นางจึงบุกไปที่ห้องอาบน้ำ แต่เขาก็ไม่อยู่ที่นั่น หลี่เฟิ่งเซียนรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ นางกลัวว่าเขาจะออกไปข้างนอกค่ายแล้วเกิดถูกจับตัวไปขายอีกครั้งหลี่เฟิ่งเซียนวิ่งกลับไปที่ห้องของนางเพื่อหยิบกระบี่ไปช่วยเขา แต่กลับพบเขากำลังนั่งปลอบใจยู่ยี่ที่ร้องไห้อยู่ นางมองเขากำลังใช้มืออีกข้างตบหลังยู่ยี่เบาๆ อย่างปลอบโยน จู่ๆ นางก็เกิดไม่กล้าเดินเข้าไปรบกวนพวกเขา ในใจของนางมีบางอย่างหนักอึ้งจนนางเองก็อธิบายไม่ได้หลี่เฟิ่งเซียนหอบกล่องใส่เข็มไปนั่งเหม่อมองดวงดาวบนท้องฟ้าที่ริมน้ำ เพราะนางไม่กล้าเข้าห้องของตัวเอง สายลมเย็นส่งเสียงหวีดเป็นบางครั้ง เสียงน้ำไหลกระทบก้อนหิน แม้จะหนวกหู แต่ช่วยให้นางสงบ ไม่ต้องได้ยินเสียงจี้ดๆ ที่ได้ยินในหูตั้งแต่เห็นสองคนนั้นนั่งด้วยกันยิ่งมืดดวงดาวยิ่งแจ่มชัด แต่จู่ๆ กลับมีแสงไฟใกล้นางมาทุกที หลี่เฟิ่งเซียนกลัวว่าจะมีคนร้ายมาแอบจับตัวนางไปอีก จึงรีบหลบหลังพุ่มไม้ แอบก่นด่าตัวเองในใจที่ไม่รู้จักระวัง มืดแล้วยังไม่ระวังตัว ถูกจับไป