แชร์

เจอกันครั้งที่2

ผู้เขียน: Meithimm
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-05-02 11:09:45

ช่วงเย็น แสงสีส้มอ่อนทอดผ่านหน้าต่างบานใหญ่ของห้องนอน เสียงจิ้งหรีดเริ่มขับขานเป็นจังหวะคล้ายกล่อมโลกให้หลับใหล

ภายในห้องนอนชั้นสอง เตียงไม้สักหลังใหญ่ปูผ้าปูเตียงลายเรียบสะอาดตา กลับดูแคบลงทันทีเมื่อมีคนสองคนนั่งอยู่ปลายเตียง — มะลิและภพ

มะลินั่งกอดเข่ามองออกนอกหน้าต่าง เธอรู้สึกอึดอัดกับการต้องใช้ห้องนอนเดียวกัน แม้เตียงจะใหญ่แต่ความใกล้ชิดระหว่างเธอกับเขาทำให้รู้สึกไม่สบายใจ

ภพวางหมอนอีกใบลงเบาๆ แล้วหันมามองมะลิ

“ช่วงนี้เรียนเป็นไงบ้าง สบายดีใช่ไหม?” เสียงของเขาไม่ได้เร่งเร้า แต่เต็มไปด้วยความห่วงใย

มะลิหันมามองเพียงเสี้ยววินาที ก่อนจะตอบสั้นๆ

“ก็เรื่อย ๆ ค่ะ”

“เพื่อน ๆ ล่ะ?”

“…ก็มีบ้าง”

ภพยิ้มจาง ๆ เขารู้ว่าเธอยังไม่เปิดใจ ก็ไม่คิดจะบังคับอะไรอีก

“งั้นก็นอนได้เลยนะ ถ้าง่วง พรุ่งนี้ตื่นเช้าเดี๋ยวพี่จะออกไปดูสวนแต่เช้า”

มะลิไม่ตอบอะไร เธอเพียงล้มตัวลงนอน หันหลังให้ชายหนุ่ม ปล่อยให้ความเงียบครอบคลุมทั่วห้อง

ไม่ทันถึงสิบนาที เสียงลมหายใจสม่ำเสมอของเธอก็ดังขึ้นบ่งบอกว่าเธอหลับไปแล้ว

ภพมองแผ่นหลังเล็ก ๆ นั้นเงียบ ๆ ความรู้สึกแปลกประหลาดบางอย่างซึมลึกในใจเขา — ทั้งสงสาร ทั้งอยากรู้จักเธอให้มากกว่านี้

เช้าวันต่อมา แสงแดดยามเช้าทะลุผ่านผ้าม่านสีขาวอ่อน ๆ ภพลุกขึ้นจากเตียงโดยไม่รบกวนอีกคนที่ยังหลับอยู่ เขาคว้าผ้าขนหนูแล้วเดินไปอาบน้ำในห้องน้ำในตัว

เสียงน้ำจากฝักบัวค่อย ๆ หยุดลง เขาแต่งตัวเรียบร้อย เตรียมตัวจะออกไปยังสวนผลไม้ด้านนอก แต่ทันทีที่เดินไปถึงประตูห้อง ภพก็ชะงัก

ประตูไม้ที่ควรจะปิดแน่นอยู่ กลับแง้มออกนิดหน่อย — ราวกับมีใครบางคนเปิดไว้

เขาขมวดคิ้ว

เมื่อคืน…เขาจำได้ชัดว่าเขาเป็นคนล็อกกลอนเอง มะลิก็อยู่ในห้องกับเขาตลอด และไม่มีเสียงเปิดประตูตลอดทั้งคืน แล้วทำไม—

ภพเอื้อมมือไปดึงประตูเปิดเต็มบาน มองซ้ายขวาไปยังโถงทางเดิน ไม่มีใคร ไม่มีเสียง

เงียบ

เขาส่ายหัวเบา ๆ ไล่ความคิดแปลก ๆ ที่เริ่มวนเวียนในหัว

“อาจลืมล็อก…หรือแค่ลม…ก็ได้” เขาบอกตัวเองเบา ๆ ก่อนจะปิดประตูห้องและเดินลงจากชั้นสองมุ่งหน้าไปที่สวน

ในใจยังคงรู้สึกบางอย่างผิดแปลก — ความรู้สึกที่เขาไม่อาจอธิบายได้

แสงแดดตอนเที่ยงวันร้อนแรงพาดผ่านผ้าม่านโปร่งแสงในห้องนั่งเล่น กลิ่นกับข้าวลอยอ่อนๆ มาตามลม มะลิเดินลงจากชั้นบนมาช้าๆ ชุดอยู่บ้านเรียบหรูแต่ดวงตาเย็นชา มือยังถือโทรศัพท์ไถหน้าจอไปเรื่อย

เสียงเปิดประตูบ้านดังขึ้น ภพเดินเข้ามาในสภาพมอมแมม เหงื่อชื้นตามไรผม เสื้อเชิ้ตแขนยาวเปื้อนเศษดินตรงชายเสื้อ เขาถอดหมวกฟางออกแล้วส่งยิ้มบางๆ ให้คนน้องที่นั่งอยู่บนโซฟา

มะลิหันไปมองแวบหนึ่ง แต่ไม่ยิ้มตอบ เธอหันกลับมาใส่ใจกับหน้าจอโทรศัพท์แทน

ป้าไพร แม่บ้านวัยห้าสิบกว่าๆ ที่ยืนมองอยู่เงียบๆ ก็อดคิดในใจไม่ได้ว่า “คุณหนูนี่ช่างไม่มีมารยาทเอาเสียเลย เจ้านายกลับมาถึงบ้านทั้งที…” แต่ป้าก็ไม่ได้พูดอะไร ออกปากเพียงว่า

“กลับมาแล้วเหรอคะคุณภพ ไปดูไร่มาเป็นไงบ้างคะ?”

ภพวางหมวกลงข้างโต๊ะ หันไปตอบด้วยน้ำเสียงนุ่มเหนื่อย

“ไปดูสวนทุเรียนมาครับ อีกวันสองวันเริ่มเก็บได้แล้ว รบกวนป้าช่วยทำกับข้าวให้ทานหน่อยนะครับ”

“ได้ค่ะ เดี๋ยวป้าเตรียมให้เลย ไปอาบน้ำก่อนเถอะค่ะ จะได้กินสบายๆ”

เมื่ออาหารพร้อม ภพเดินมาที่โต๊ะอาหารแล้วเรียกคนน้องเสียงเบา

“มะลิ มากินข้าวก่อนครับ”

มะลิวางโทรศัพท์ลง เดินมานั่งฝั่งตรงข้ามด้วยสีหน้าเรียบเฉย ไม่แม้แต่จะมองหน้าใคร

เธอไม่ได้รู้สึกหิวแม้แต่น้อย ความเครียดที่ก่อตัวตั้งแต่เมื่อคืนกำลังกัดกินเธอจากข้างใน — บัญชีธนาคารของเธอถูกระงับ บัตรเครดิตโดนอายัด เงินสดไม่มีเหลือสักบาท

“จะให้ฉันกินอะไรล่ะ ถ้าไม่มีเงิน?” เธอคิดในใจ พลางมองจานข้าวว่างเปล่าตรงหน้า

ภพหยิบกระบวยตักแกงไตปลาใส่จานข้าวของเธอด้วยรอยยิ้มบาง หวังเพียงจะให้เธอกินอะไรสักอย่าง

แต่คนน้องกลับใช้ช้อนเขี่ยกับข้าวไว้ขอบจานอย่างหมดอารมณ์ สีหน้าเธอไม่ต่างจากคนที่นั่งอยู่ตรงนั้นเพียงเพราะต้องนั่ง

ภพหน้าเสียเล็กน้อย แต่ก็ยังพยายามรักษามารยาท

“คุณหนูไม่กินหรอคะ?” ป้าไพรเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสุภาพ แม้สีหน้าจะเริ่มตึงนิดๆ

มะลิเงยหน้าขึ้น ตอบเรียบๆ แต่เสียงแข็งกร้าว

“อาหารพวกนี้ใครเขากินกัน เหมือนอ้วกหมา”

คำพูดนั้นทำให้ทั้งโต๊ะอาหารเงียบกริบ ป้าไพรชะงักมือที่กำลังจะตักแกง ส่วนภพก็ชะงักช้อนค้างไว้กลางอากาศ

ไม่มีใครพูดอะไรต่ออีกชั่วครู่

ภพเริ่มสังเกตอารมณ์ของคนน้องมากขึ้น — ทำไมถึงดูแปลกไป คำพูดดูแทงใจอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ไหนจะข้อความที่เขาได้รับจากพ่อของมะลิเมื่อเช้านี้…

“ฝากภพช่วยดูน้องด้วยนะ ให้ลองเริ่มทำงานในไร่สักพัก พ่อจะให้เงินเดือนเท่าที่เห็นสมควร ถ้าไม่ทำงานก็ไม่ต้องให้”

เขาไม่เข้าใจนัก แต่รู้ว่าคงปฏิเสธไม่ได้ เพราะครอบครัวของมะลิ…เคยมีพระคุณกับบ้านของเขา

หลังจากอาหารมื้อเที่ยงจบลงอย่างเงียบงัน ภพรวบรวมความกล้าเอ่ยขึ้น

“มะลิ…พรุ่งนี้เริ่มงานเลยนะครับ พี่จะพาไปดูงานในไร่ คุณพ่อของมะลิบอกไว้แล้ว ให้พี่สอนงาน”

มะลิไม่ตอบอะไรเลย ไม่มีแม้แต่สายตาที่จะส่งกลับให้

เธอเพียงวางช้อนเบา ๆ แล้วลุกขึ้น เดินออกจากบ้านไปเงียบ ๆ ท่ามกลางแสงแดดแรงจัดของบ่ายวันนั้น

ภพมองตามร่างบางที่เดินลับสายตาไป ก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ และลุกขึ้นเพื่อกลับไปทำงานในสวนต่อ

บ่ายวันนั้น

มะลิเดินเลาะริมรั้วไปเรื่อย ๆ รองเท้าผ้าใบย่ำลงบนดินแข็ง เธอหยุดมองแปลงสวนทุเรียนที่ทอดยาวไปไกลแค่ครู่ นั่งลงและกอดเข่าตัวเองร้องไห้ออกมา เหนื่อยจนไม่อยากทำอะไรแล้ว ไม่อยากจะมีชีวิตอยู่เสียด้วยซ้ำ มะลินั่งร้องไห้ครู่ใหญ่ก่อนจะฮึบตั้งสติและลุกขึ้นก่อนหมุนตัวกลับบ้าน

เช้าวันถัดมา

เสียงไก่ขันดังแว่วเข้าห้อง บ่งบอกเวลาเช้าวันใหม่ วันนี้อากาศเย็นสบายในตอนเช้ามีหมอกลงเบาๆ

“มะลิ ตื่นได้แล้วนะครับ วันนี้เริ่มงานวันแรก”

คนพี่เรียกอยู่ข้างเตียง

“ตื่นเถอะครับ จะได้ไปพร้อมกัน”

คนน้องลืมตาตื่นมาเจอคนพี่กำลังโน้มตัวลงมาปลุกใกล้ๆ ตากลมโตอึ้งเล็กน้อย คนพี่เห็นแบบนั้นก็รีบถอยห่างออกมา

ภพเอ่ยบอกให้ไปอาบน้ำและลงมาทานข้าวข้างล่าง ไม่นานร่างบางก็เดินลงมายังโต๊ะทานข้าว คนน้องใส่เสื้อยืดแบรนด์ดังสีขาวแขนสั้นและกางเกงวอร์มขายาว ภพเห็นแบบนั้นก็ได้แต่ส่ายหัวให้กับคนงานใหม่ในบ้าน เขาสั่งให้น้องยืนรอหน้าบ้าน มะลิยืนรอไม่นานก็ได้แรงสะกิดข้างตัวหันไปมอง

ชุดแขนยาวลายตารางที่มะลิเห็นในตู้เสื้อผ้าของอีกคน…

“รับไปสิ”

สองคนเดินออกจากบ้านไปที่สวน รถกระบะฟอร์ดจอดรออยู่ ภพเปิดประตูฝั่งข้างคนขับให้

“ขึ้นสิครับ เดี๋ยวพี่พาไปดูแปลงที่ต้องทำ”

มะลิขึ้นรถโดยไม่พูดอะไร

ในสวน

รถจอดใต้ร่มไม้ ภพชี้ไปยังต้นทุเรียนสูงใหญ่

“เราจะเก็บลูกทุเรียนที่แก่แล้วนะครับ เดี๋ยวพี่สอนดูว่าลูกไหนตัดได้”

เขาหยิบไม้สอยผลไม้ส่งให้มะลิ

“ลองใช้ดู”

มะลิรับมาแบบเสียไม่ได้ ก่อนเงยหน้ามองลูกทุเรียน

“จะให้ฉันทำแบบนี้จริงเหรอ?”

“ใช่ครับ ลองดู ไม่ยากหรอก”

เธอเม้มปากแน่น ขยับปลายไม้อย่างเก้ ๆ กัง ๆ ภพยิ้มบาง

“ใช่แล้วครับ เล็งตรงขั้ว…แล้วดึงเบา ๆ”

ลูกทุเรียนหลุดลงมาเกือบหล่นใส่หัว ภพคว้าไว้ทัน

“ใจเย็น ๆ เดี๋ยวพี่ช่วย”

เขาขยับมายืนข้างหลัง มือประคองไม้ช่วยเธอเล็ง

“แบบนี้นะครับ จะได้ไม่หลุดแรง”

“รู้แล้ว” มะลิพูดเสียงเบา หลบสายตาไปทางอื่น และใช้ตัวดันอีกคนออกไปห่างๆ

จนเที่ยง ทั้งสองเก็บทุเรียนได้พอสมควร ภพเช็ดเหงื่อบนหน้าผาก

“พักก่อนครับ ไปกินข้าวกัน”

“ไม่หิว”

“แต่พี่หิว เดี๋ยวพี่ไปกินคนเดียวก็ได้ แต่ไปเป็นเพื่อนหน่อย”

เขายิ้มแล้วเดินนำไปก่อน มะลิยืนนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินตามไปเงียบ ๆ

ที่โรงเรือนพักคนงาน

ภพเดินไปหยิบจานและชามเพื่อตักข้าวและกับข้าว มะลิยืนรอที่ทางเข้า ร่างขาวมองคนพี่ไปหยิบข้าวและพูดคุยกับคนงานที่ยืนใกล้กัน เพียงไม่นานก็ออกมาและถือกับข้าวมาสองสามอย่างใส่ถาดสแตนเลส

“นั่งกินด้วยกันมะลิ”

ร่างระหงไม่ตอบ แต่ก็นั่งลงตรงข้าม เขาตักข้าวให้มะลิ

“กินหน่อยนะครับ จะได้มีแรง”

มะลิเงยหน้ามองเขาแวบหนึ่ง ก่อนจะหยิบช้อนขึ้นมาตักข้าวเข้าปากช้า ๆ

ภพยิ้มบาง ๆ กับตัวเอง

และมื้อนั้นมะลิก็กินข้าวราดกับแกงจืด…

…ภพรู้แล้วว่าร่างสวยตรงหน้าไม่กินเผ็ดและไม่กินผัก

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • คู่หมั้นคุณภพ mpreg   เจอกันครั้งที่10

    เสียงคลื่นซัดกระทบชายหาดเป็นจังหวะเบาๆ ยามเย็น มะลินั่งอยู่บนบันไดบ้านไม้ยกสูง ปล่อยให้เท้าสัมผัสทรายอย่างไร้เรี่ยวแรง ร่างกายซีดเซียวและผอมลงอย่างเห็นได้ชัดตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ น้ำหนักลด เสื้อผ้าหลวมจนไหล่แทบโผล่ แต่ในความเงียบสงบนั้น—มีบางอย่างผิดปกติ เสียงไม้แห้งกรอบถูกเหยียบย่ำ เสียงฝีเท้า… หนักแน่น และเร่งเร้า มะลิหันขวับ ชั่ววินาทีนั้น หัวใจร่วงวูบ ชายสี่คนในชุดดำปี๋เดินขึ้นฝั่งมาจากด้านหลังเกาะ คนหนึ่งควักอะไรบางอย่างจากเอวเหมือนเป็นมีด อีกคนถือเหล็กยาวดัดแปลงจากท่อน้ำ พวกมันเดินตรงเข้ามาที่บ้าน “มะลิใช่มั้ย” หนึ่งในนั้นเอ่ยเสียงเรียบ ราวกับรู้ทุกอย่างแล้ว มะลิลุกขึ้นถอยหลัง น้ำตาเริ่มคลอโดยไม่รู้ตัว “จะเอาอะไรรึเปล่า…?” เสียงมะลิสั่นเครือ ทั้งกลัวทั้งสับสน “ของที่มึงขโมยมา… ส่งคืนมาเงียบๆ ไม่งั้นพวกกูต้องจัดการ” พวกมันไม่มีเจตนาคุย มะลิหันหลังจะหนี แต่ไม่ทัน ตึง! หลังถูกกระแทก ร่างเล็กปลิวล้มไปกับพื้นทราย พวกมันรุมกระทืบไม่ยั้ง เหมือนเก็บความโกรธไว้ตั้งแต่ชาติที่แล้ว เสียงร้องของมะลิแหบแห้ง เจ็บจุกในทุกส่วน ชายคนหนึ่งกระชากผมเธอขึ้นมาพร้อมตะโกน “อย่าคิดว่าหนีแล้ว

  • คู่หมั้นคุณภพ mpreg   เจอกันครั้งที่9

    “คุณภพครับ… ผมคิดว่าเราเจอตัวแล้ว”เสียงปลายสายของนักสืบเอกชนที่เขาจ้างไว้ดังขึ้นตอนเช้ามืดภพรีบลุกจากโต๊ะทำงานที่เขานั่งค้างคืนอีกแล้วบนโต๊ะยังเต็มไปด้วยเอกสารกองพะเนินและถ้วยกาแฟหมดเกลี้ยงสามใบ“อยู่ไหน?”เขาถามเสียงแหบต่ำด้วยความหวังที่ไม่กล้าเปล่งเต็มเสียง“เป็นเกาะห่างจากชายฝั่งราว 40 นาทีโดยเรือประมงครับ ชาวบ้านบอกว่ามีผู้ชายคนหนึ่งมาหลบอาศัยอยู่เงียบๆ บ้านไม้หลังเล็กๆ บนเนิน ริมอ่าวฝั่งใต้…”หัวใจของภพเต้นแรงขึ้นเขาไม่แม้แต่จะขอบคุณก่อนจะวางสาย เขาเพียงสั่งเสียงสั้น“จัดเรือให้ภายในคืนนี้”เขาคิดจะทิ้งทุกอย่างทันที แต่แล้ว…ข่าวร้ายก็มาถึงแบบไม่ทันตั้งตัวในเช้าวันเดียวกัน เลขาส่วนตัววิ่งเข้ามาในห้องทำงานใบหน้าเธอซีดเผือด ริมฝีปากสั่น“คุณภพคะ… จีนตีกลับตู้คอนเทนเนอร์ทั้งหมด”เธอวางเอกสารบนโต๊ะ“เขาระบุว่าเจอสารตกค้างในผลไม้… ระดับเกินกว่ามาตรฐานหลายเท่า”ภพนิ่งงันไม่พูด ไม่ถามเขาเปิดเอกสารพลิกไปมา — แล้วโยนทิ้งลงพื้น“ใครเป็นคนรับผิดชอบล็อตนี้”“ฝ่ายตรวจสารเคมีค่ะ แต่… พวกเขายืนยันว่าไม่มีทางผิดพลาด เราคุมคุณภาพระดับสูงมาโดยตลอด…”“แปลว่าเราโดนใส่ร้าย”เสียงภพเย็นชาจนแม

  • คู่หมั้นคุณภพ mpreg   เจอกันครั้งที่8

    เสียงคลื่นซัดเบาๆ ยามรุ่งสาง เงาทะเลขลุกขลิกอยู่ใต้พื้นไม้บ้านที่เริ่มทรุดโทรม มะลิสะพายกระเป๋าเล็กๆ ใบหนึ่ง เดินกะเผลกลงจากบ้านไม้ที่เคยซ่อนตัวอยู่มานานหลายสัปดาห์ บนตัวเธอยังมีร่องรอยบอบช้ำจากเหตุการณ์ร้ายแรงก่อนหน้า แม้จะไม่สดใหม่แต่ก็ยังเจ็บ ใจเธอก็เช่นกัน “ขึ้นเรือเลย เดี๋ยวคลื่นมันแรง” เสียงของชาวประมงวัยกลางคน ใบหน้าเหี่ยวย่นแต่แววตายังมีความเมตตา ชายคนนั้นเป็นคนที่ช่วยเธอไว้วันนั้น และตอนนี้ เขายอมให้เธอหนีจากฝั่ง…ไปยังเกาะหนึ่งที่ “ไม่มีใครตามหาเจอ” เรือแล่นผ่านทะเลที่เงียบสงบแต่ไกลออกไปเรื่อยๆ ไม่มีนักท่องเที่ยว ไม่มีรีสอร์ต ไม่มีสะพานไม้ใดๆเชื่อมถึง แผ่นดินที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า คือเกาะเล็กๆ ที่ไม่ปรากฏบนแผนที่ท่องเที่ยว มีเพียงเงาไม้สูงแซมๆ กับแนวชายหาดสีน้ำตาลซีด “ตรงนั้นแหละ บ้านไม้ยกสูง ฉันไม่ค่อยได้ใช้มันแล้ว มีครัว มีโอ่งน้ำฝน ถ้าฝนไม่ตกก็ต้องเดินไปตักที่คลองข้างหลัง” “กินอะไรก็หาหาเอาเองนะ ใต้ทะเลมีปลา ใต้ดินมีหัวเผือกหัวมัน ถ้าอยู่เฉยๆ ระวังจะอดตายซะก่อน” เสียงชาวประมงพูดพลางจอดเรือ แต่ไม่ใช่ด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน เขาพูดแบบคนเคยลำบาก และกำลังบอกเตื

  • คู่หมั้นคุณภพ mpreg   เจอกันครั้งที่7

    คำเตือน: ฉากนี้มีความรุนแรงที่อาจกระทบต่อบางท่าน หากคุณรู้สึกไม่สะดวกใจเกี่ยวกับเนื้อหาในส่วนนี้ โปรดทราบว่ามีความตั้งใจให้สะท้อนถึงความเจ็บปวดในตัวมะลิและความพยายามในการเอาตัวรอดจากสถานการณ์ที่ยากลำบาก เมื่อมะลิมาถึงที่นี่—ริมทะเลที่ไม่มีนักท่องเที่ยวมากนัก—รู้สึกเหมือนอยู่ในที่ที่ปลอดภัยจากโลกภายนอก…แต่ไม่ใช่จากตัวเอง มันเป็นบ้านเก่าหลังหนึ่งที่เจ้าของไม่เอาแล้ว หินปูนบ้าง ผนังบางทีก็แตก ตู้ไม้ที่ดูเหมือนจะเก่ากว่าสมาชิกในบ้าน แต่มะลิไม่เคยคิดเรื่องนั้นมากนัก มันมีแค่ทะเลกับฟ้า—และความเงียบ ที่ไม่มีใครถาม ไม่ต้องตอบ มะลินั่งอยู่ที่เก้าอี้ไม้เก่าๆ ในห้องนั่งเล่น ดูคลื่นที่สาดมาทะเล หยดน้ำเล็กๆ กำลังไหลจากหน้าต่างเข้ามา พร้อมกับเสียงสายลมที่พัดเบาๆ เหมือนจะบอกว่าทุกอย่างจะต้องผ่านไป—ไม่ว่าจะดีหรือร้าย แต่บางครั้ง…ทำไมมันถึงหนักอยู่ในใจอย่างนี้? มะลิไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองต้องการอะไรจากภพ ในช่วงเดือนที่ผ่านมา—เดือนเดียวที่อยู่กับภพ—มะลิไม่เคยรู้สึกเหมือนตอนนี้ ทุกอย่างมันเหมือนคำว่า “ห่วง” ที่ภพพูดมาตลอด มันทำให้มะลิรู้สึกเหมือนอยู่ในกรงเหล็ก ที่ไม่สามารถหายใจได้เต็มปอ

  • คู่หมั้นคุณภพ mpreg   เจอกันครั้งที่6

    ภพ part เสียงกรีดร้องดังลั่นออกมาจากตัวบ้านจนผมหยุดการพูดคุยกับลูกน้องทางโทรศัพท์แทบจะในทันที หัวใจมันกระตุกขึ้นอย่างแรง ทั้งเสียง ทั้งน้ำเสียงแบบนั้น…มันไม่ใช่การโวยวายธรรมดา “มะลิ…” ผมเรียกชื่อเขาในใจ ก่อนจะเร่งฝีเท้าเข้าไปในบ้านทันที สิ่งที่เห็นตรงหน้าคือร่างของมะลิ—เสื้อเชิ้ตสีซีดถูกรั้งจนยับยู่ ผมกระเซิง ดวงตาแดงก่ำ และกำลังยืนสั่นเทาอยู่ตรงบันไดขั้นแรก ห่างจากแม่เลี้ยงของเขาเพียงไม่กี่ก้าว “ออกไป! มึงออกไปจากบ้านกู!!” มะลิตะโกนเสียงแหบ สองมือกำแน่นจนข้อขึ้นสีขาว เขาสั่นจนผมกลัวว่าจะเป็นลมไปตรงนั้น แม่เลี้ยงแค่นยิ้มมุมปากก่อนจะสะบัดหน้าหนี เดินก้าวฉับ ๆ ผ่านตัวผมออกไปโดยไม่พูดอะไร “มะลิ…” ผมเรียกชื่อเขาอีกครั้ง เบา ๆ แต่เขาเหมือนไม่ได้ยินเลย ผมเดินเข้าไปใกล้ ช้า ๆ เหมือนเข้าใกล้ลูกสัตว์ที่บาดเจ็บหนัก และพร้อมจะตะปบใส่คนที่แตะต้องตัวมัน “มะลิ เป็นอะไร ใจเย็นก่อนครับ…” ผมยื่นมือออกไปแต่เขาถอยหลัง หน้าตาเขาตอนนี้เต็มไปด้วยอะไรบางอย่างที่ผม…ไม่เข้าใจเลย เขาดูโกรธ ดูเจ็บ ดูปวดแบบที่ผมไม่รู้จะเข้าถึงมันได้ยังไง ในหัวผมตอนนั้นเต็มไปด้วยคำถาม แม่เลี้ยงคนนั้นพูดอะไร

  • คู่หมั้นคุณภพ mpreg   เจอกันครั้งที่5

    สองวันหลังจากเหตุการณ์กล่องประหลาด ภพก็ได้รับสายจากสารวัตร “เจอเบาะแสแล้ว นายชื่ออีธานมีประวัติแจ้งความจากผู้หญิงหลายรายทั้งในและต่างประเทศทั้งเรื่องทำร้ายร่างกายและข่มขู่ มีสองคดีที่ยังไม่ปิด และเขาถูกขับออกจากเมืองเก่าเมื่อห้าเดือนก่อน… แต่ตอนนี้เพิ่งกลับเข้ามาเงียบ ๆ” พี่ภพขบกรามแน่น “เขาอยู่ที่ไหน” “ล่าสุดมีคนเห็นที่รีสอร์ตเงียบ ๆ ทางฝั่งตะวันออกอำเภอ ถ้านายจะไป อย่าไปคนเดียว” ภพวางสายด้วยหัวใจหนักอึ้ง เขาไม่พูดอะไรกับมะลิในตอนนี้ เขารู้ว่าเธอเพิ่งเริ่มยืนขึ้นได้บ้าง เขาไม่อยากให้เธอล้มอีก คืนนั้น มะลิกำลังพับผ้าริมเตียง พี่ภพเดินเข้ามาในห้องหลังเสร็จจากงานที่รีบตัดจบเพื่อกลับมาทันเย็น “มะลิ วันนี้โอเคไหมครับ” เสียงพี่นุ่มนวลกว่าทุกวัน เหมือนรู้ว่ากำแพงเธอเริ่มบางลง มะลิพยักหน้าเบา ๆ “อือ” น้ำเสียงยังเรียบนิ่ง แต่เรียก พี่ แบบไม่ต้องให้ทวนซ้ำเหมือนก่อน พี่ภพเดินมาใกล้ เอื้อมมือจับไหล่บางเบา ๆ “มะลิ… ถ้าวันไหนรู้สึกเหมือนมีคนตาม หรืออะไรแปลก ๆ บอกพี่นะครับ ไม่ต้องเก็บไว้คนเดียว” มะลิมองพี่อย่างสับสนเล็กน้อย แต่ก็พยักหน้าช้า ๆ “พี่… พี่รู้อะไรใช่ไหม” พี่ลังเลนิดหน

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status