Mag-log inฮูหยินลั่วพูดเสียงดังว่า “ท่านหมายความว่าน้ำนมของข้ามีพิษอย่างนั้นหรือ!”
ทุกคนในห้องตกใจ บางคนก็มองนางด้วยสายตากล่าวโทษที่ซ่อนไม่มิด โดยเฉพาะภรรยารอง 2-3 คนของลั่วเป่ย ที่ยืนฟังอยู่มุมห้องและนอกประตู พวกนางรู้สึกสะใจที่ได้ยินแบบนี้
แต่จิงซิงอี้กลับพูดต่อโดยไม่สนใจว่า บรรยากาศในห้องจะแปลกประหลาดไปอย่างไรว่า “น้ำนมของท่านไม่ได้มีพิษอะไร”
เมื่อได้ยิน ฮูหยินซึ่งหน้าแดงด้วยความโกรธถอนหายใจออกมา แต่ก็หน้าก็เครียดขึ้นมาอีก เมื่อจิงซิงอี้พูดต่อว่า
“ท่านเป็นโรคเหน็บชามาตั้งแต่ก่อนจะตั้งครรภ์ ร่างกายของท่านขาดสารอาหารจำเป็น จึงส่งผลต่อการตั้งครรภ์ คุณชายได้รับน้ำนมจากท่านมาตลอด จึงได้รับน้ำนมที่ขาดสารอาหารสำคัญ และทำให้เกิดอาการนี้”
จิงซิงอี้อธิบายต่อว่า “ทั้งท่านและคุณชายน้อยต่างมีอาการแบบเดียวกัน เป็นเพราะคุณชายน้อยไม่ชอบกินอาหารประเภทเดียวกับฮูหยินใช่หรือไม่”
ฮูหยินลั่วส่ายหน้า “ไม่นะท่านหมอ เสี่ยวเหวินกิ
โม่หยวนหลิงเชิญทุกคนกินอาการกลางวันร่วมกัน นางเดินนำพวกเขาไปที่โต๊ะอาหาร 2 ตัวที่ตั้งข้างบ่อน้ำหน้า ด้านหนึ่งเป็นผู้ใหญ่นั่ง และอีกด้านเป็นของเด็กๆ พวกเขาเชิญกงซุนเช่อนั่งหัวโต๊ะ จั่นเจาอยู่ขวามือ จิงซิงอี้นั่งซ้ายมือ จากนั้นเป็นลั่วเป่ย จี่หลิวนั่ง ซัวซีเว่ย โม่หยวนหลิง ลั่วปิง และเด็กอีก 3 คน โม่หยวนหลิงทำอาหารหลายอย่างมาเสิร์ฟ และยังมีอาหารแปลกตาบางอย่างที่พวกเขาไม่เคยเห็น นางบอกทุกคนว่าเป็นสูตรของจิงซิงอี้ อาหารจานแรกเป็นเกี๊ยวห่อไส้กุ้ง และมีน้ำซุปใส่ถ้วยให้แต่ละคน บางคนจะกินเกี๊ยวจิ้มกับซีอิ๊ว หรือใส่ลงไปในน้ำซุปทำเกี๊ยวน้ำก็ได้จากนั้นนางกับ ซัวซีเว่ย ลั่วปิง และเจี่ยหยวน ช่วยกันเสิร์ฟข้าวกับอาหาร จิงซิงอี้บอกให้เสิร์ฟทุกอย่างให้ครบ แล้วมานั่งกินด้วยกันเลย เขาไม่ชอบพิธีรีตองมาก จานต่อมา คือ กุ้งผัดผงกะหรี่ ที่นี่หาอาหารทะเลยาก จิงซิงอี้จึงใช้กุ้งแม่น้ำตัวโตเนื้อสดหวานแทน จากนั้นก็เป็นซุปเยื่อไผ่ ต้มไก่ดำใส่สมุนไพรจีน ปลานึ่งซีอิ๊ว และข้าวผัดไข่ใส่ผักต่างๆ ทุกคนก้มห
ในอีก 2-3 อาทิตย์ต่อมา ทั้งจิงซิงอี้และลั่วปิงต่างก็วุ่นวายกับการติดต่อหาคนมาซ่อมแซมตกแต่งบ้าน และสร้างโรงหมอที่หน้าบ้าน เจี่ยหยวนเดินทางกลับบ้านไปบอกโม่หยวนหลิงและซัวซีเว่ย พร้อมกับถือโอกาสกลับไปเยี่ยมพ่อแม่ด้วยเมื่อรู้ข่าว โม่หยวนหลิงและซัวซีเว่ยจึงรีบเดินทางมาหา และช่วยจิงซิงอี้ทำธุระต่างๆ ซัวซีเว่ยเป็นคนลงมือซ่อมแซมและก่อสร้างโรงผลิตสมุนไพรเอง เขารู้ว่าจิงซิงอี้ต้องการอะไรจิงซิงอี้ไปคุยกับลั่วเป่ย และแจ้งว่าเขาจะย้ายไปอยู่ที่เขตเมืองชั้นนอก และจะเปิดโรงหมอที่นั่นด้วย ลั่วเป่ยเสียดายมาก แต่เขาก็รู้ว่าคนมารักษากับจิงซิงอี้เพิ่ม คนไข้มานั่งรออยู่หน้าร้าน กีดขวางการจราจร และไม่ดีกับคนป่วยที่ต้องมานั่งตากแดดตากลม ที่แถวกลางเมืองก็มีราคาแพงเกินกว่าที่จิงซิงอี้จะซื้อเองได้จิงซิงอี้ขอบคุณลั่วเป่ยที่ช่วยสนับสนุนเขา ทั้งสองยังทำธุรกิจร่วมกันอยู่ตามเดิม ลั่วเป่ยจะยังคงแนะนำคนไข้ให้ไปรักษา และจิงซิงอี้จะสั่งซื้อสมุนไพรจากเขาเป็นหลัก และจะทำยาสมุนไพรของเขาเองมาขายที่ร้านของลั่วเป่ย ในตอนนี้ ยาสมุนไพรของจิงซิงอี้ได้รับความนิยมมากขึ้น มีคนสั่งซื้อเข้ามามากมาย จึงเป็นอีก
นายหน้าเดินข้ามคูน้ำพาพวกเขาเข้าไป เขาไขกุญแจประตูรั้ว ลั่วปิงและเจี่ยหยวนที่ตามมาด้วยมองไปรอบๆ เจี่ยหยวนยังเด็กมีความกลัวนิดๆ แต่เมื่อเห็นจิงซิงอี้ที่เด็กกว่าเขา ไม่มีทีท่าสะทกสะท้านอะไร เขาจึงรวบรวมความกล้าและเดินตามไปติดๆเมื่อเดินผ่านลานหน้าบ้านที่เงียบสงัด ต้นไม้ยืนต้นใบหนาครึ้มปลูกอยู่บริเวณนี้ นายหน้าพาพวกเขาไปหน้าบ้าน และไขกุญแจประตูบ้านเข้าไป บ้านหลังนี้มีสองชั้น ชั้นล่างเป็นห้องโถง มีห้องนอน 2 ห้อง ด้านหลังเป็นครัวและห้องน้ำ เมื่อเดินขึ้นไปชั้นบน จะมีห้องนอน 4 ห้อง มีห้องนอนใหญ่อยู่ด้านหน้าบ้าน และห้องนอนเล็กกว่าอีก 2 ห้องอยู่ติดกับหลังบ้าน ด้านหลัง มีบ้านหลังเล็กอีกหนึ่งหลัง สามารถใช้เป็นบ้านรับรองแขกหรือให้คนรับใช้อยู่ได้จิงซิงอี้พึงพอใจมาก ที่นี่มีหลายห้อง เวลาโม่หยวนหลิงกับซัวซีเว่ยมาเยี่ยมจะได้มีห้องของตัวเอง และยังมีลานหน้าบ้านที่ทำให้เขานึกถึงบ้านของตัวเองตอนที่อยู่กับจิงเซียว เขาใช้พื้นที่ตรงนี้ปลูกพืชและสมุนไพรได้บางส่วน และยังมีพื้นที่สวนหลังบ้านให้ปลูกสมุนไพรและทำโรงงานผลิตสมุนไพรได้อีกด้วย จิงซิงอี้กำลังคิดว่า หน้าบ้านสามารถเปิดโรงหมอฉางซาน
อีก 2-3 อาทิตย์ต่อมา ที่โรงหมอฉางซานของจิงซิงอี้ เขากำลังสอนให้เจี่ยหยวนอ่านหนังสือ ตอนนี้เจี่ยหยวนสามารถอ่านประโยคง่ายๆ และเขียนได้บ้างแล้ว จิงซิงอี้ไม่ได้สอนให้เขาพึ่งพาผู้สอนอย่างเดียว แต่ให้เขาฝึกแสวงหาความรู้ด้วยตนเองลั่วปิงยังพาลูกชายของเขาที่มีอายุ 12-13 ปี มาเป็นเพื่อนกับเจี่ยหยวน เด็กทั้งสองมักมาเล่นด้วยกันในยามว่าง จิงซิงอี้ไม่ได้ให้เจี่ยหยวนคอยติดตามเขาตลอดเวลา บางครั้งเขาใช้เวลาอยู่คนเดียวเพื่อทำงาน และบางครั้งก็เดินเล่น ช่วงนี้เขาจะปล่อยให้เจี่ยหยวนออกไปสร้างความสนิทสนมกับเด็กคนอื่นด้วยสำหรับลั่วปิงเอง เขาได้เรียนรู้วิธีการรักษาโรคจากการดูจิงซิงอี้รักษา ถึงแม้ว่าเขาจะรักษาอยู่หลังฉากไม้กั้น แต่ลั่วปิงก็จะได้ยินเขาพูดและซักถามอาการ เพราะจิงซิงอี้จะอธิบายทุกอย่างให้คนไข้เข้าใจ ทำให้คนไข้ประทับใจมาก เมื่อรักษาเสร็จ ถ้าไม่มีคนไข้มาก เขาจะลุกมาดูลั่วปิงจัดยาตามใบสั่ง และอธิบายให้คนไข้ฟังอีกครั้งลั่วปิงรู้สึกว่าการมาช่วยจิงซิงอี้ที่นี่ ทำให้เขาได้ความรู้มากกว่าที่เขาเรียนรู้จากการทำงานที่ตระกูลลั่ว ถึงแม้ว่าเขาจะมีสถานะสูงกว่าคนงานทั่วไป เพ
ชายที่อยู่หลังประตูนึกออกทันที เขาเป็นพ่อค้าที่ร้านนี้เอง เขาจึงรู้ดีว่าใครเป็นใครที่นี่ และชื่อเสียงของจิงซิงอี้ในการเป็นหมออายุน้อยก็แพร่หลายไปทั่วจิงซิงอี้พูดขึ้นมาว่า “เพื่อนของท่านเสียเลือดมาก และอาจจะช้ำในด้วย ท่านรีบพาเขาไปนอนบนเตียง ข้าจะรักษาให้เบื้องต้นก่อน”พวกเขาไม่มีทางเลือก จึงพาชายที่บาดเจ็บไปนอนบนเตียงหลังร้าน จากนั้นเจ้าของร้านก็เดินไปปิดร้านทันทีจิงซิงอี้ตรวจชีพจรของคนเจ็บและสำรวจบาดแผล จากนั้น เขาก็สอบถามอาการ และตรวจที่ช่องท้องของเขา โชคดีที่อวัยวะภายในไม่เป็นอะไร จิงซิงอี้จึงเริ่มต้นรักษาด้วยการฝังเข็มห้ามเลือด เขาบอกให้เจ้าของร้านที่ยืนอยู่ใกล้ๆ อย่างไม่วางใจ ให้ไปต้มน้ำ และเตรียมผ้าสะอาดมาด้วยเมื่อได้มาทั้งหมดแล้ว เขาจึงเริ่มทำความสะอาดบาดแผล และสั่งให้เจ้าของร้านหาสมุนไพรตามที่เขาบอกมา โชคดีที่มีอยู่ในร้านแล้ว เขาโรยยาลงไปบนแผลและพันผ้า จากนั้นจึงสั่งให้ต้มยาห้ามเลือดและบำรุงชี่กับเลือดให้ชายที่บาดเจ็บกินเจ้าของร้านสังเกตเห็นความคล่องแคล่วในการรักษาของจิงซิงอี้และอาการของเพื่อนก็ดีขึ้นจริง ตอนนี้คนเจ็บนอนหลับ
จิงซิงอี้กับเจี่ยหยวนกลับถึงบ้านในเวลาค่ำแล้ว เขากินข้าวเย็น และเล่าให้โม่หยวนหลิงและซัวซีเว่ยฟังคร่าวๆ จากนั้นก็เข้าไปในโรงสมุนไพร เขาจุดตะเกียงน้ำมัน นั่งลงที่โต๊ะทำงาน วางตัวอย่างเศษผ้าลงอย่างระมัดระวัง รวมไปถึงตัวอย่างเลือดของคนตายที่เขานำมาด้วย เขากางสมุดจดบันทึกข้อมูลสำคัญที่ได้จากการชันสูตรวันนี้เอาไว้เขาให้เจี่ยหยวนมาคอยช่วยงาน โดยทั้งสองคนสวมถุงมือหนังป้องกันพิษ และเริ่มวิเคราะห์ตัวอย่าง เขาใช้ตาเปล่าสังเกตอย่างพินิจพิเคราะห์ บางครั้งก็ใช้แผ่นควอตซ์ใสเจียระไนแทนแว่นขยาย เขาได้หินนี้มาจากกงซุนเช่อ และบางครั้งจะทดสอบส่วนผสมด้วยน้ำ น้ำมัน และน้ำส้มสายชูเพื่อหาปฏิกิริยา เขานึกถึงเครื่องมือทันสมัยในห้องปฏิบัติการที่มีในโลกอนาคต ตัวเขาในตอนนี้ต้องใช้แค่เครื่องมือแบบโบราณ กับน้ำยาที่ผลิตจากธรรมชาติ แต่เขาก็รู้สึกถึงความท้าทายและต้องการจะเอาชนะข้อจำกัดให้ได้เขาจดบันทึกข้อมูลที่ค้นพบลงในกระดาษ ถึงตอนนี้จะยังได้ไม่ครบ แต่ก็เริ่มมองเห็นส่วนประกอบของยาพิษ ที่สามารถออกฤทธิ์และทำลายเนื้อเยื่อของคนตายได้บ้างแล้ว เขาคิดว่า พรุ่งนี้จะออกไปหาสมุนไพรที่น่าจะออกฤทธิ






