Home / อื่น ๆ / จิ๊ดริดที่รัก / 6. เริ่มต้นชีวิตใหม่

Share

6. เริ่มต้นชีวิตใหม่

last update Last Updated: 2025-08-18 11:19:08

วันนี้บานชื่นและโชติรู้สึกเหมือนโดนฟ้าถล่มใส่หัวกันตั้งแต่เช้าเมื่อเห็นกระดาษสีขาวแผ่นใหญ่แปะอยู่ตรงหน้าประตูรั้ว ซึ่งแผ่นกระดาษดังกล่าวเป็นหมายศาลที่แจ้งให้ทั้งคู่ย้ายออกจากที่ดินแห่งนี้โดยทันที

“ทำไมเป็นแบบนี้วะชื่น อยู่มาหลายปีดีดักก็ไม่เห็นโผล่มา แต่พอโผล่มาก็ดันมาไล่เราออกดื้อ ๆ”

บานชื่นขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน “ต้องเป็นเพราะนังแก่นั่นแน่ ๆ มันต้องเป็นคนไปบอกเจ้าของให้ไล่เราออกไป เลวจริง ๆ”

“นังแก่บ้า! นังสายบ้า! แกออกมาเดี๋ยวนี้นะ นังสาระแน แกไปบอกเจ้าของที่มาไล่พวกกูใช่ไหม” บานชื่นเดินดุ่มไปหน้าประตูรั้วของบ้านสายพร้อมกับเขย่าประตูและตะโกนเรียกเสียงลั่น

“ออกมาเดี๋ยวนี้! ออกมาพูดกับฉันให้รู้เรื่อง”

แต่คนที่เดินส่ายอาดมาพร้อมกับปังตอทั้งสองมือกลับเป็นวรรณารีแทน “ไม่มีความเกรงใจในสมองกันเลยหรือ โหวกเหวกโวยวายรบกวนชาวบ้านเค้าแบบนี้”

“ฉันไม่ต้องการพูดกับแก เรียกนังสายบ้าออกมา”

“ห้ามเรียกป้าสายแบบนั้น ถอนคำพูดเดี๋ยวนี้นะ” วรรณารีตาเขียวปั้ด

“เพราะแกใช่ไหม นังสายมันถึงวางแผนเล่นงานฉันกับผัวแบบนี้ คงคิดแก้แค้นแทนแกแน่ ๆ แกนี่ร้ายกาจไม่เบานะ นอกจากคิดจะแอ้มผัวฉันแล้วยังจะปั่นหัวอีแก่บ้านั่นมาเล่นงานฉันอีก”

“ไม่ต้องเสียเวลายืนเถียงกับคนแบบนั้น เข้าบ้านมาดูลูกเถอะ ร้องหาแม่นานแล้ว” เสียงแหบของสายเรียกมาจากในบ้าน

“อีแก่ ออกมาคุยกับฉันเดี๋ยวนี้”

“จะคุยกับฉันทำไมให้เหนื่อย เก็บเสียงและแรงของหล่อนเอาไว้คุยกับคนที่มีหน้าที่โดยตรงดีกว่า วรรณ...กลับเข้าบ้าน” สายสั่งด้วยน้ำเสียงเฉียบขาดปิดท้าย

“แกหมายความว่ายังไง” บานชื่นถามกลับ

ไม่ทันขาดคำ ด้านหลังบานชื่นก็มีชายวัยกลางคนสวมสูทสีเทาเข้มเดินทำหน้าขรึมเข้ามาพร้อมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสามนาย โชติซึ่งเหลียวไปเห็นพอดีถึงกับมีสีหน้าซีดเผือด

“ช...ชื่น นังชื่น” แล้วรีบสะกิดแขนบานชื่นอย่างไม่รอช้า

“อะไรวะ” บานชื่นเหลียวไปตวาดสามีอย่างอารมณ์ไม่ดี แต่แล้วก็ต้องชะงักค้างไปแบบนั้นเมื่อเห็นบุคคลทั้งสี่ที่เพิ่งมาใหม่

กว่าที่คู่สามีภรรยาจะตกลงกับบุคคลที่แนะนำตัวเองว่าเป็นทนายของเจ้าของที่ดินแห่งนี้เสร็จก็ล่วงเข้าช่วงเย็นของวัน ทั้งคู่ต้องทำการย้ายออกภายในยี่สิบสี่ชั่วโมงนับจากนี้โดยไม่มีสิทธิ์อุทธรณ์ใด ๆ ทั้งสิ้น

ระหว่างการย้ายออก ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเฝ้าอยู่ตลอดเวลาจนคู่สามีภรรยาไม่สามารถกระดิกตัวไปหาเรื่องใครได้อีก บานชื่นและโชติจึงได้แต่จำใจเก็บข้าวของใส่รถเข็นมือเป็นระวิง กระนั้นบานชื่นก็ไม่ลืมที่จะหันไปมองบ้านสายด้วยแววตาอาฆาตก่อนเข็นรถเข็นออกจากที่ดินแห่งนี้ไป

-----

“เอานี่ไปจัดการด้วยตัวเอง” เมื่อจัดการขับไล่บานชื่นออกจากที่ดินได้แล้ว สายได้ยื่นใบโฉนดที่ดินให้วรรณารีในอีกสามวันให้หลัง

วรรณารีมีสีหน้างุนงงอยู่ไม่น้อยแต่ก็รับใบโฉนดที่ดินมาไว้ในมือแต่โดยดี แต่เมื่อได้อ่านรายละเอียดที่ระบุในโฉนด หญิงสาวถึงกับทำตาโต “ป้าคะ ทำไมโฉนดเป็นชื่อวรรณ”

“ฉันโอนให้เพื่อที่เธอจะได้นำที่ดินไปจำนองได้ เธอจะได้มีเงินไปทำร้าน”

“ไม่เอาค่ะป้า วรรณเกรงใจ แค่ป้าออกทุนทำบ้านใหม่ทั้งหมดเอง วรรณก็เกรงใจจนไม่รู้จะเกรงใจยังไงแล้ว วรรณจะทำเหมือนเดิม สร้างเพิงเล็ก ๆ ไว้เก็บของที่หามาได้ก็พอ รอมีรายได้สักระยะก็ค่อยขยับขยายให้มันใหญ่ขึ้น”

ตั้งแต่ได้คุยเรื่องย้ายบ้านกับสายในวันนั้น ทำให้วรรณารีได้มีโอกาสรับรู้เรื่องราวในชีวิตของสายมาตั้งแต่ต้น ไม่เท่านั้น เธอยังรับรู้อีกว่าที่ดินที่บานชื่นใช้อาศัยอยู่ แท้จริงแล้วเป็นของสาย และสายไม่ใช่หญิงบ้าหาเช้ากินค่ำอย่างที่หลาย ๆ คนเข้าใจ เธอเป็นคนมีฐานะดีมากคนหนึ่งเพียงแค่ไม่แสดงตัวให้ใครรับรู้ เผลอ ๆ อาจมีฐานะดีพอ ๆ กับยี่สุ่นเสียด้วยซ้ำ

สายนิ่วหน้า “เกรงใจอะไรกัน ตอนนี้พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว ถ้าป้าจะยกที่ดินหรือสร้างบ้านให้หลานมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลย อีกอย่าง ถ้าคิดแต่จะทำกิจการเล็ก ๆ แบบนี้ต่อไป แล้วเมื่อไหร่ชีวิตจะก้าวหน้า เธอไม่อยากให้ลูกสาวภูมิใจหรือว่ามีแม่เก่ง สามารถเปิดร้านใหญ่โตได้”

วรรณารีเหลือบตามองสายอย่างลังเลก่อนตัดสินใจถาม “ที่ดินเป็นชื่อวรรณแบบนี้ ป้าไม่กลัวว่าวรรณจะคดโกงแล้วคิดไม่ดีกับป้าหรือคะ”

สายมองแบบกึ่งขันกึ่งฉิว “นี่เธอเห็นฉันที่อายุเกือบหกสิบยังเป็นเด็กอมมืออยู่หรือ ถึงคิดว่าฉันมองคนไม่ออก”

วรรณารียิ้มเจื่อนก่อนพูดต่อ “แต่เรื่องร้าน วรรณยังไม่มั่นใจ วรรณกลัวว่ากิจการร้านจะออกมาไม่ดี”

“อย่าตีตนไปก่อนไข้ ฉันเชื่อในตัววรรณารีคนที่ใจกล้าเดินไปคุ้ยหาของในถังขยะตั้งแต่วันแรกที่เริ่มจับงานขายของเก่า ขนาดฉันยังเชื่อมั่นในตัวเธอ แล้วทำไมเธอถึงไม่เชื่อมั่นในตัวเองล่ะ”

วรรณารีหลุบตามองพื้น “วรรณอายที่จะเอาของของป้ามาแบบนี้”

“คิดอะไรไม่เข้าเรื่อง” สายเอ็ดเสียงดัง “เธอมายื้อมาแย่งของฉันไปหรือก็เปล่า ฉันให้ด้วยความเต็มใจ”

สายถอนหายใจเฮือกเมื่อยังเห็นท่าทีไม่ยินยอมพร้อมใจของหญิงสาว

“ที่ป้าตัดสินใจโอนที่ดินผืนนี้ให้ก็เพื่อความสะดวกของพวกเราทั้งคู่ วรรณจะได้สะดวกตรงที่มีเงินในมือเพียงพอต่อการจะคิดจะทำอะไร ป้าก็สะดวกตรงที่ไม่ต้องเหนื่อยจัดการเรื่องจุกจิกในบ้านอีก ป้าอายุเยอะแล้ว ถ้าวรรณจะสงเคราะห์ก็แค่ปล่อยให้ป้านั่ง ๆ นอน ๆ อยู่ในบ้านแบบสบาย ๆ กับจิ๊ดริดโดยไม่ต้องเปลืองสมองกังวลกับภาระจุกจิกต่าง ๆ ดีกว่า”

“แต่ถ้าเธอยังรู้สึกกระดากใจก็เอาแบบนี้สิ พอร้านเปิดสักระยะค่อยแบ่งรายได้ให้ป้าเป็นรายเดือนก็ได้”

วรรณารีรีบพยักหน้าเห็นด้วย “งั้นเรามาแบ่งกันคนละครึ่งนะคะ”

“ฉันจะเอาเงินไปทำอะไรเยอะแยะ” สายตวาดแหว “เอาแค่ห้าหรือสิบเปอร์เซ็นต์ก็พอ แล้วอย่าคิดเล่นตุกติกให้ฉันมากกว่านี้เชียวนะ ฉันเก่งเรื่องบัญชีตัวเลขพอตัว”

“ไปดีกว่าจิ๊ดริด ไปนอนเล่นกันที่ห้องยาย ฟังแม่เราพูดไร้สาระแบบนี้ปวดหัวใช่ไหม” สายไม่สนใจต่อความยาวกับวรรณารีอีก เธออุ้มที่รักที่นอนลืมตาแป๋วฟังยายและแม่พูดกันอยู่ด้านข้างเงียบ ๆ ขึ้นมาและเดินลิ่วไปยังห้องนอนของตัวเองโดยมีวรรณารีส่งยิ้มเจื่อนตามหลังไป

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • จิ๊ดริดที่รัก   7. นางฟ้านำโชค 1

    “ร้อนมากไหมลูก แม่เอาร่มบังแสงให้นะ” วรรณารีก้มลงพูดกับลูกสาวที่กำลังนอนอยู่ในรถซาเล้งพร้อมกับกางร่มคันโตให้เพื่อป้องกันเด็กน้อยให้พ้นจากแสงแดดยามสายที่รักวัยสามเดือนส่งยิ้มให้แม่อย่างน่าเอ็นดู อากาศร้อนไม่ได้สร้างความหงุดหงิดให้เด็กน้อยแต่อย่างใด ตรงกันข้าม เด็กหญิงกลับนอนสอดส่ายสายตาไปโดยรอบเพื่อสำรวจสภาพแวดล้อมใหม่ ๆ อย่างสนอกสนใจเป็นที่ยิ่ง“วันนี้แดดร้อนไปหน่อย แม่ไม่น่าพาลูกออกมาเลย” วรรณารียังคงบ่นพึมพำไม่หยุดวันนี้เป็นครั้งแรกที่วรรณารีพาลูกสาวออกมาตระเวนเก็บของเก่าด้วยเนื่องจากสายออกไปทำธุระข้างนอก ตอนแรกหญิงสาวไม่คิดจะออกมาในวันนี้ แต่ไม่รู้เพราะอะไร ที่รักซึ่งเป็นเด็กที่ไม่ชอบร้องไห้กลับร้องไห้โวยวายจนหน้าตาแดงก่ำคนเป็นแม่จึงลองนำลูกไปวางในรถซาเล้งที่ใช้รับซื้อของเก่าแล้วเข็นเล่นไปรอบ ๆ บริเวณบ้าน น่าประหลาด ทันทีที่เริ่มเข็นรถ ที่รักก็หยุดร้องไห้เหมือนปิดสวิตช์ ไม่เท่านั้นยังหัวเราะร่วนอย่างชอบอกชอบใจเป็นอันมาก ระหว่างนั้น นิ้วน้อย ๆ ของเธอก็ชี้ไปทางประตูรั้วไม่หยุด ยิ่งวรรณารีเข็นรถออกไปไกลจากบ้านเท่าไร เสียงหัวเราะของเด็กหญิงก็ยิ่งดังขึ้นเท่านั้น ดวงตาดำขลับของเธอเปล่

  • จิ๊ดริดที่รัก   6. เริ่มต้นชีวิตใหม่

    วันนี้บานชื่นและโชติรู้สึกเหมือนโดนฟ้าถล่มใส่หัวกันตั้งแต่เช้าเมื่อเห็นกระดาษสีขาวแผ่นใหญ่แปะอยู่ตรงหน้าประตูรั้ว ซึ่งแผ่นกระดาษดังกล่าวเป็นหมายศาลที่แจ้งให้ทั้งคู่ย้ายออกจากที่ดินแห่งนี้โดยทันที“ทำไมเป็นแบบนี้วะชื่น อยู่มาหลายปีดีดักก็ไม่เห็นโผล่มา แต่พอโผล่มาก็ดันมาไล่เราออกดื้อ ๆ”บานชื่นขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน “ต้องเป็นเพราะนังแก่นั่นแน่ ๆ มันต้องเป็นคนไปบอกเจ้าของให้ไล่เราออกไป เลวจริง ๆ”“นังแก่บ้า! นังสายบ้า! แกออกมาเดี๋ยวนี้นะ นังสาระแน แกไปบอกเจ้าของที่มาไล่พวกกูใช่ไหม” บานชื่นเดินดุ่มไปหน้าประตูรั้วของบ้านสายพร้อมกับเขย่าประตูและตะโกนเรียกเสียงลั่น“ออกมาเดี๋ยวนี้! ออกมาพูดกับฉันให้รู้เรื่อง”แต่คนที่เดินส่ายอาดมาพร้อมกับปังตอทั้งสองมือกลับเป็นวรรณารีแทน “ไม่มีความเกรงใจในสมองกันเลยหรือ โหวกเหวกโวยวายรบกวนชาวบ้านเค้าแบบนี้”“ฉันไม่ต้องการพูดกับแก เรียกนังสายบ้าออกมา”“ห้ามเรียกป้าสายแบบนั้น ถอนคำพูดเดี๋ยวนี้นะ” วรรณารีตาเขียวปั้ด“เพราะแกใช่ไหม นังสายมันถึงวางแผนเล่นงานฉันกับผัวแบบนี้ คงคิดแก้แค้นแทนแกแน่ ๆ แกนี่ร้ายกาจไม่เบานะ นอกจากคิดจะแอ้มผัวฉันแล้วยังจะปั่นหัวอีแก่บ้านั่นมาเ

  • จิ๊ดริดที่รัก   5. แม่แปรก

    “วรรณ...อยู่บ้านใช่ไหม”“อยู่ค่ะคุณนาย” วรรณารีขานรับก่อนเปิดประตูออกมาจะว่าไปคนที่ใจดีและจริงใจกับเธอนอกจากสายแล้วก็ยังมียี่สุ่น เจ้าของสวนผลไม้ที่เธอและสายขออาศัยอยู่ด้วยนั่นเอง“ฉันเพิ่งกลับมาจากต่างจังหวัดถึงรู้ว่าเธอคลอดลูกได้หลายวันแล้วก็เลยเอาขิงกับหัวปลีมาให้” ยี่สุ่นเอ่ยขึ้นวรรณารียกมือไหว้และยื่นมือรับของจากยี่สุ่นอย่างไม่อิดออดด้วยรู้จักนิสัยใจคอของเธอดี หากเอ่ยปากจะให้สิ่งไหนหรืออะไรกับใคร ยี่สุ่นก็ไม่ต้องการได้ยินถ้อยคำปฏิเสธใด ๆ จากอีกฝั่ง“เห็นว่าคลอดเองที่บ้านไม่ทันได้ไปโรงพยาบาล โชคดีมากนะที่ปลอดภัยด้วยกันทั้งคู่”“ค่ะคุณนาย โชคดีที่ป้าสายมาเจอพอดี ไม่อย่างนั้นวรรณกับลูกก็คงแย่เหมือนกัน” วันคลอดนั้นเธอบังเอิญหกล้มอย่างแรงจนกระเทือนถึงลูกในท้อง ประจวบกับมีฝนตกลงมาอย่างหนักทำให้ไม่สามารถหารถเพื่อเดินทางไปโรงพยาบาลได้ สายเลยตัดสินใจทำคลอดด้วยตัวเอง“สายเก่งเรื่องนี้อยู่แล้วนี่นะ...” ยี่สุ่นพูดทิ้งไว้เท่านั้นก็ไม่ได้สนใจขยายความต่ออีก เธอเดินเข้าไปในบ้านเพื่อไปสนทนากับสายต่อ ทิ้งให้วรรณารีนิ่วหน้ามองตามอยู่ด้านหลัง-----“นี่เป็นครั้งแรกเลยนะที่ฉันเห็นเธอสดชื่นแบบนี้ รู

  • จิ๊ดริดที่รัก   4. วรรณารี 2

    ตอนที่วรรณารีตัดสินใจกระโดดน้ำตายเมื่อหกเดือนก่อนและสายช่วยเอาไว้ได้นั้น สายได้พาเธอกลับมาอยู่ด้วยกันที่บ้านสองเดือนแรกที่เธอมาอยู่กับสาย เธออยู่ในสภาพหมดอาลัยตายอยาก อยากจะตายไปให้พ้น ๆ จากโลกอันเส็งเคร็งนี้ แล้วก็เป็นสายอีกนี่แหละที่ให้สติและคอยประคับประคองไม่ให้เธอคิดสั้น กระตุ้นให้เธอมีกำลังใจในการสู้ชีวิตเพื่อตัวเองและเพื่อชีวิตน้อย ๆ ที่อยู่ในท้อง เพราะแรงใจจากสายทำให้วรรณารีฮึดสู้ขึ้นอีกครั้งหลังจากพักฟื้นร่างกายและจิตใจจนแข็งแรงขึ้นมาระดับหนึ่ง วรรณารีก็ไม่คิดอยู่เฉยอีกเพราะรู้ว่ามีอีกชีวิตที่กำลังรอการเลี้ยงดูจากเธอ เธอจึงเริ่มขวนขวายมองหาตำแหน่งงานว่างตามสถานที่ต่าง ๆ ที่อยู่ในละแวกนี้แต่ความที่เป็นผู้หญิงตั้งครรภ์ จึงไม่มีใครสนใจรับหญิงสาวเข้าทำงาน แล้ววรรณารีเองก็ไม่กล้าไปสมัครงานที่ไหนไกลด้วยห่วงสวัสดิภาพของลูกในท้องและกลัว...กลัวที่จะเจอผู้ชายคนนั้นอีกระหว่างนั้น วรรณารีได้สังเกตเห็นอาชีพหนึ่งซึ่งผู้คนแถวนี้นิยมทำกัน รวมถึงสายด้วย เรียกได้ว่าทำอาชีพนี้กันเกือบครึ่งซอย นั่นก็คืออาชีพเก็บของเก่าและเก็บขยะขาย แต่ละบ้านของพวกเขาเหล่านั้นจะมีข้าวของที่เก็บมากองสุมอยู่เต็ม

  • จิ๊ดริดที่รัก   3. วรรณารี 1

    “หนวกหูโว้ย! ไม่เกรงอกเกรงใจกันบ้าง คนจะนอน” เสียงตวาดแหวดังมาจากข้างบ้านวรรณารีที่กำลังกล่อมลูกสาวนอนอยู่ตรงแคร่หน้าบ้านได้มองไปยังทิศที่มาของเสียงตาขวาง “ทีกินเหล้าเสียงดังลั่นกลางดึกทุกคืนฉันยังไม่เคยบ่น ต่างคนต่างอยู่ดีกว่านะพี่ชื่น ฉันอโหสิให้ทุกอย่างแล้ว อย่างมาหาเรื่องกันรายวันแบบนี้”“อโหสิอะไรกัน” บานชื่นตะโกนข้ามรั้ว “ต้องเป็นฉันต่างหากที่พูดคำนี้ หน็อย อุตส่าห์ช่วยให้มีงานมีการทำ ดันเนรคุณกินบนเรือนขี้บนหลังคา ทำมารยาคิดยั่วผัวฉัน”วรรณารีมือสั่นระริก ใบหน้าซีดเผือด เธอใช้มือกอดรอบตัวไว้แน่นเพื่อข่มตัวเองไม่ให้คายน้ำขม ๆ ออกมา “ผู้หญิงท้องอย่างฉันนี่นะจะไปยั่วใครไหว พี่เชื่อผัวจนหน้ามืดตามัวมองไม่เห็นความจริง ถ้าวันนั้นป้าสายไม่เอาไม้ไปแพ่นกบาลผัวพี่ ฉันคงต้องตกนรกโดนไอ้ผู้ชายเลว ๆ ข่มขืนจนตายทั้งเป็น!”“นังวรรณ แกถอนคำพูดเดี๋ยวนี้นะ แกว่าใครเลว” คนหลงสามีเท่าชีวิตไม่ยินยอมพร้อมใจ“ไอ้โชติผัวเอ็งนั่นแหละเลว” เสียงแหบอันเป็นเอกลักษณ์ของสายดังขึ้น ไม่พูดเปล่า เธอยังเดินถือมีดอีโต้ทั้งสองมือออกจากประตูรั้วและตรงรี่ไปยังประตูบ้านของบานชื่นที่อยู่ติดกันอย่างไม่ลังเลใด ๆ“อีแก่

  • จิ๊ดริดที่รัก   2. จิ๊ดริดที่รัก

    อีกสามเดือนต่อมาช่วงกลางดึกท่ามกลางฟ้าแลบฟ้าร้องและสายฝนที่กระหน่ำมาแบบไม่ขาดสายนานนับสองชั่วโมงแล้วไม่มีทีท่าว่าจะหยุดง่าย ๆ ตรงบ้านหลังเล็กท้ายสวนผลไม้ ได้มีเสียงตวาดของสายดังลั่นอยู่ทั่วบ้าน“แม่วรรณ! เธอจะมาตายที่บ้านนี้ ฉันไม่ว่า เธอจะมาเป็นผีเฝ้าที่นี่ ฉันก็ไม่ถือ แต่เธอจะปล่อยให้ลูกไม่มีโอกาสลืมตาดูโลกแบบนี้ไม่ได้ ฟื้นขึ้นมาเดี๋ยวนี้!”...ลูก?ลูกหรือ...พูดเรื่องอะไร...ลูกใคร?ลูกแม่!ลูกแม่อยู่ไหนตอนนี้!“อึก...เฮือก...” หญิงสาวตัวสะท้านเยือกพร้อมกับหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่“ดี หายใจเข้าแรง ๆ อย่างนั้น ดี ดี หายใจลึก ๆ เธอยังมีลูกอยู่ จำเอาไว้ อย่ายอมแพ้เด็ดขาด” เสียงแหบ ๆ ของสายพูดดังขึ้นที่ปลายเท้า ผสานกับเสียงฝนตกฟ้าร้องที่ดังอย่างต่อเนื่องดั่งฟ้าถล่มวรรณารีเลื่อนสายตาที่ยังพร่ามัวไปยังที่มาของเสียง ก็เจอกับหญิงสูงวัยรูปร่างผอม ใบหน้าตอบ แววตาแข็งกระด้าง ผมเผ้ารุงรังไม่อยู่ทรง แต่เธอกลับรู้สึกอบอุ่นทุกครั้งที่เห็นใบหน้านี้“ป้าสาย” หญิงสาวเรียกอย่างอ่อนระโหย“จ...เจ็บมาก วรรณไม่ไหวแล้ว”“อย่าพูดอะไรเรื่อยเปื่อย เธอจะยอมแพ้ไม่ได้นะวรรณ จำเอาไว้ ลูกของเธอต้องมีโอกาสเติบใหญ่ แ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status