Home / อื่น ๆ / จิ๊ดริดที่รัก / 6. เริ่มต้นชีวิตใหม่

Share

6. เริ่มต้นชีวิตใหม่

last update Last Updated: 2025-08-18 11:19:08

วันนี้บานชื่นและโชติรู้สึกเหมือนโดนฟ้าถล่มใส่หัวกันตั้งแต่เช้าเมื่อเห็นกระดาษสีขาวแผ่นใหญ่แปะอยู่ตรงหน้าประตูรั้ว ซึ่งแผ่นกระดาษดังกล่าวเป็นหมายศาลที่แจ้งให้ทั้งคู่ย้ายออกจากที่ดินแห่งนี้โดยทันที

“ทำไมเป็นแบบนี้วะชื่น อยู่มาหลายปีดีดักก็ไม่เห็นโผล่มา แต่พอโผล่มาก็ดันมาไล่เราออกดื้อ ๆ”

บานชื่นขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน “ต้องเป็นเพราะนังแก่นั่นแน่ ๆ มันต้องเป็นคนไปบอกเจ้าของให้ไล่เราออกไป เลวจริง ๆ”

“นังแก่บ้า! นังสายบ้า! แกออกมาเดี๋ยวนี้นะ นังสาระแน แกไปบอกเจ้าของที่มาไล่พวกกูใช่ไหม” บานชื่นเดินดุ่มไปหน้าประตูรั้วของบ้านสายพร้อมกับเขย่าประตูและตะโกนเรียกเสียงลั่น

“ออกมาเดี๋ยวนี้! ออกมาพูดกับฉันให้รู้เรื่อง”

แต่คนที่เดินส่ายอาดมาพร้อมกับปังตอทั้งสองมือกลับเป็นวรรณารีแทน “ไม่มีความเกรงใจในสมองกันเลยหรือ โหวกเหวกโวยวายรบกวนชาวบ้านเค้าแบบนี้”

“ฉันไม่ต้องการพูดกับแก เรียกนังสายบ้าออกมา”

“ห้ามเรียกป้าสายแบบนั้น ถอนคำพูดเดี๋ยวนี้นะ” วรรณารีตาเขียวปั้ด

“เพราะแกใช่ไหม นังสายมันถึงวางแผนเล่นงานฉันกับผัวแบบนี้ คงคิดแก้แค้นแทนแกแน่ ๆ แกนี่ร้ายกาจไม่เบานะ นอกจากคิดจะแอ้มผัวฉันแล้วยังจะปั่นหัวอีแก่บ้านั่นมาเล่นงานฉันอีก”

“ไม่ต้องเสียเวลายืนเถียงกับคนแบบนั้น เข้าบ้านมาดูลูกเถอะ ร้องหาแม่นานแล้ว” เสียงแหบของสายเรียกมาจากในบ้าน

“อีแก่ ออกมาคุยกับฉันเดี๋ยวนี้”

“จะคุยกับฉันทำไมให้เหนื่อย เก็บเสียงและแรงของหล่อนเอาไว้คุยกับคนที่มีหน้าที่โดยตรงดีกว่า วรรณ...กลับเข้าบ้าน” สายสั่งด้วยน้ำเสียงเฉียบขาดปิดท้าย

“แกหมายความว่ายังไง” บานชื่นถามกลับ

ไม่ทันขาดคำ ด้านหลังบานชื่นก็มีชายวัยกลางคนสวมสูทสีเทาเข้มเดินทำหน้าขรึมเข้ามาพร้อมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสามนาย โชติซึ่งเหลียวไปเห็นพอดีถึงกับมีสีหน้าซีดเผือด

“ช...ชื่น นังชื่น” แล้วรีบสะกิดแขนบานชื่นอย่างไม่รอช้า

“อะไรวะ” บานชื่นเหลียวไปตวาดสามีอย่างอารมณ์ไม่ดี แต่แล้วก็ต้องชะงักค้างไปแบบนั้นเมื่อเห็นบุคคลทั้งสี่ที่เพิ่งมาใหม่

กว่าที่คู่สามีภรรยาจะตกลงกับบุคคลที่แนะนำตัวเองว่าเป็นทนายของเจ้าของที่ดินแห่งนี้เสร็จก็ล่วงเข้าช่วงเย็นของวัน ทั้งคู่ต้องทำการย้ายออกภายในยี่สิบสี่ชั่วโมงนับจากนี้โดยไม่มีสิทธิ์อุทธรณ์ใด ๆ ทั้งสิ้น

ระหว่างการย้ายออก ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเฝ้าอยู่ตลอดเวลาจนคู่สามีภรรยาไม่สามารถกระดิกตัวไปหาเรื่องใครได้อีก บานชื่นและโชติจึงได้แต่จำใจเก็บข้าวของใส่รถเข็นมือเป็นระวิง กระนั้นบานชื่นก็ไม่ลืมที่จะหันไปมองบ้านสายด้วยแววตาอาฆาตก่อนเข็นรถเข็นออกจากที่ดินแห่งนี้ไป

-----

“เอานี่ไปจัดการด้วยตัวเอง” เมื่อจัดการขับไล่บานชื่นออกจากที่ดินได้แล้ว สายได้ยื่นใบโฉนดที่ดินให้วรรณารีในอีกสามวันให้หลัง

วรรณารีมีสีหน้างุนงงอยู่ไม่น้อยแต่ก็รับใบโฉนดที่ดินมาไว้ในมือแต่โดยดี แต่เมื่อได้อ่านรายละเอียดที่ระบุในโฉนด หญิงสาวถึงกับทำตาโต “ป้าคะ ทำไมโฉนดเป็นชื่อวรรณ”

“ฉันโอนให้เพื่อที่เธอจะได้นำที่ดินไปจำนองได้ เธอจะได้มีเงินไปทำร้าน”

“ไม่เอาค่ะป้า วรรณเกรงใจ แค่ป้าออกทุนทำบ้านใหม่ทั้งหมดเอง วรรณก็เกรงใจจนไม่รู้จะเกรงใจยังไงแล้ว วรรณจะทำเหมือนเดิม สร้างเพิงเล็ก ๆ ไว้เก็บของที่หามาได้ก็พอ รอมีรายได้สักระยะก็ค่อยขยับขยายให้มันใหญ่ขึ้น”

ตั้งแต่ได้คุยเรื่องย้ายบ้านกับสายในวันนั้น ทำให้วรรณารีได้มีโอกาสรับรู้เรื่องราวในชีวิตของสายมาตั้งแต่ต้น ไม่เท่านั้น เธอยังรับรู้อีกว่าที่ดินที่บานชื่นใช้อาศัยอยู่ แท้จริงแล้วเป็นของสาย และสายไม่ใช่หญิงบ้าหาเช้ากินค่ำอย่างที่หลาย ๆ คนเข้าใจ เธอเป็นคนมีฐานะดีมากคนหนึ่งเพียงแค่ไม่แสดงตัวให้ใครรับรู้ เผลอ ๆ อาจมีฐานะดีพอ ๆ กับยี่สุ่นเสียด้วยซ้ำ

สายนิ่วหน้า “เกรงใจอะไรกัน ตอนนี้พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว ถ้าป้าจะยกที่ดินหรือสร้างบ้านให้หลานมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลย อีกอย่าง ถ้าคิดแต่จะทำกิจการเล็ก ๆ แบบนี้ต่อไป แล้วเมื่อไหร่ชีวิตจะก้าวหน้า เธอไม่อยากให้ลูกสาวภูมิใจหรือว่ามีแม่เก่ง สามารถเปิดร้านใหญ่โตได้”

วรรณารีเหลือบตามองสายอย่างลังเลก่อนตัดสินใจถาม “ที่ดินเป็นชื่อวรรณแบบนี้ ป้าไม่กลัวว่าวรรณจะคดโกงแล้วคิดไม่ดีกับป้าหรือคะ”

สายมองแบบกึ่งขันกึ่งฉิว “นี่เธอเห็นฉันที่อายุเกือบหกสิบยังเป็นเด็กอมมืออยู่หรือ ถึงคิดว่าฉันมองคนไม่ออก”

วรรณารียิ้มเจื่อนก่อนพูดต่อ “แต่เรื่องร้าน วรรณยังไม่มั่นใจ วรรณกลัวว่ากิจการร้านจะออกมาไม่ดี”

“อย่าตีตนไปก่อนไข้ ฉันเชื่อในตัววรรณารีคนที่ใจกล้าเดินไปคุ้ยหาของในถังขยะตั้งแต่วันแรกที่เริ่มจับงานขายของเก่า ขนาดฉันยังเชื่อมั่นในตัวเธอ แล้วทำไมเธอถึงไม่เชื่อมั่นในตัวเองล่ะ”

วรรณารีหลุบตามองพื้น “วรรณอายที่จะเอาของของป้ามาแบบนี้”

“คิดอะไรไม่เข้าเรื่อง” สายเอ็ดเสียงดัง “เธอมายื้อมาแย่งของฉันไปหรือก็เปล่า ฉันให้ด้วยความเต็มใจ”

สายถอนหายใจเฮือกเมื่อยังเห็นท่าทีไม่ยินยอมพร้อมใจของหญิงสาว

“ที่ป้าตัดสินใจโอนที่ดินผืนนี้ให้ก็เพื่อความสะดวกของพวกเราทั้งคู่ วรรณจะได้สะดวกตรงที่มีเงินในมือเพียงพอต่อการจะคิดจะทำอะไร ป้าก็สะดวกตรงที่ไม่ต้องเหนื่อยจัดการเรื่องจุกจิกในบ้านอีก ป้าอายุเยอะแล้ว ถ้าวรรณจะสงเคราะห์ก็แค่ปล่อยให้ป้านั่ง ๆ นอน ๆ อยู่ในบ้านแบบสบาย ๆ กับจิ๊ดริดโดยไม่ต้องเปลืองสมองกังวลกับภาระจุกจิกต่าง ๆ ดีกว่า”

“แต่ถ้าเธอยังรู้สึกกระดากใจก็เอาแบบนี้สิ พอร้านเปิดสักระยะค่อยแบ่งรายได้ให้ป้าเป็นรายเดือนก็ได้”

วรรณารีรีบพยักหน้าเห็นด้วย “งั้นเรามาแบ่งกันคนละครึ่งนะคะ”

“ฉันจะเอาเงินไปทำอะไรเยอะแยะ” สายตวาดแหว “เอาแค่ห้าหรือสิบเปอร์เซ็นต์ก็พอ แล้วอย่าคิดเล่นตุกติกให้ฉันมากกว่านี้เชียวนะ ฉันเก่งเรื่องบัญชีตัวเลขพอตัว”

“ไปดีกว่าจิ๊ดริด ไปนอนเล่นกันที่ห้องยาย ฟังแม่เราพูดไร้สาระแบบนี้ปวดหัวใช่ไหม” สายไม่สนใจต่อความยาวกับวรรณารีอีก เธออุ้มที่รักที่นอนลืมตาแป๋วฟังยายและแม่พูดกันอยู่ด้านข้างเงียบ ๆ ขึ้นมาและเดินลิ่วไปยังห้องนอนของตัวเองโดยมีวรรณารีส่งยิ้มเจื่อนตามหลังไป

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • จิ๊ดริดที่รัก   33. เจอคนไม่คาดฝัน 2

    หลังปลีกตัวออกมาจากโซนเด็กเล่นได้ พีรายุเริ่มรู้สึกผ่อนคลายขึ้น เขาเร่งฝีเท้าไปยังร้านเพชร สถานที่นัดหมายกับภรรยา ระหว่างนั้น ชายหนุ่มได้ยกกาแฟที่เริ่มเย็นชืดขึ้นดื่มด้วยภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งนาทีให้หลัง เขาได้เกิดอาการหน้ามืดจนเซถลาไปชนกับคนที่เดินอยู่บริเวณนั้น“คุณเป็นอะไรหรือเปล่าครับ” ผู้ชายที่ถูกชนรีบประคองพาเขาไปนั่งพักตรงม้านั่งซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลพีรายุรีบโบกมือปฏิเสธพลางสูดหายใจเข้าลึก “น่าจะตาลายเพราะคนเยอะ ไม่เป็นอะไรมากครับแค่นั่งพักสักครู่ก็หาย ขอบคุณมากนะครับ”เมื่อเห็นว่าสีหน้าพีรายุค่อย ๆ กลับมามีสีเลือดอีกครั้ง คน ๆ นั้นจึงวางใจและเดินจากไปพีรายุยังคงมีอาการมวนในท้องไม่หยุด เขานั่งหลับตานิ่งอยู่หลายนาที แล้วทันใดนั้นเอง“วรรณ!” ชายหนุ่มเอ่ยเรียกวรรณารีออกมาเสียงดัง ดวงตาสอดส่ายไปมาโดยรอบอย่างสับสน ในเวลาเดียวกันนั้นเองก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เขาหยิบขึ้นมากดรับด้วยสีหน้าที่ยังไม่ดีขึ้น“สวัสดีครับ”“พีอยู่ไหนแล้วคะ จินนั่งรออยู่ที่ร้านเพชรนานแล้วนะ อย่าบอกนะคะว่าลืม จินไม่ยอมจริง ๆ ด้วย วันนี้ไ

  • จิ๊ดริดที่รัก   32. เจอคนไม่คาดฝัน 1

    “แม่จ๋า ไหนชุดโยคะ”“ไปหาซื้อชุดนักเรียนกับอุปกรณ์เรียนก่อน ส่วนชุดโยคะเอาไว้ทีหลัง” วันนี้วรรณารีพาที่รักมาหาซื้อชุดและอุปกรณ์การเรียน เนื่องจากเด็กหญิงจะเริ่มเข้าเรียนระดับชั้นอนุบาลในภาคการศึกษาหน้า ซึ่งนับแล้วเหลือเวลาอีกสองสัปดาห์ก็จะเปิดเทอมแล้ววรรณารีพามาที่ห้างใหญ่ใจกลางกรุงเทพฯ เพราะที่นี่มีสวนสนุกขนาดใหญ่อยู่ด้านใน เธอตั้งใจจะพาลูกมาเล่นสนุกที่นี่เพื่อเป็นรางวัลปลอบใจก่อนที่จะเปิดเทอม อลิสรา คชาภัทร และนับหนึ่งก็ตามมาด้วยส่วนเรื่องชุดโยคะนั้นเพราะที่รักต้องการเรียนเองเนื่องจากเห็นคชาภัทร อลิสรา และนับหนึ่งไปเรียนศิลปะการต่อสู้ทุกเสาร์อาทิตย์ที่ศูนย์กิจกรรมพิเศษใกล้บ้าน โดยคชาภัทรและนับหนึ่งเลือกเรียนมวยไทย ส่วนอลิสราเรียนเทควันโดเมื่อเห็นพี่ทั้งสามมีความสุขมากในการไปเรียนที่นั่น ที่รักก็อยากไปกับพี่ ๆ ด้วย แล้วไม่รู้เธอไปได้ยินมาจากไหนว่าการเรียนโยคะทำให้ผอมได้ เธอจึงมุ่งมั่นที่จะเรียนให้ได้ซึ่งวรรณารีเองก็ไม่ขัด สิ่งใดที่เป็นความปรารถนาของลูก เธอพร้อมที่จะสนับสนุนเสมอ“รีบไปซื้อแล้วก็กลับกันเลย ตอนเย็นจิ๊ดริดจะไปเรียน

  • จิ๊ดริดที่รัก   31. จิ๊ดริดอยากผอม 2

    “พี่ช้าง จิ๊ดริดผอมลงยัง” ที่รักร้องถามเมื่อเจอหน้าคชาภัทรสะดุดกึกและรีบกวาดตาสำรวจร่างป้อมที่ยืนอยู่ตรงหน้าโดยอัตโนมัติ ที่รักในวันนี้ใส่ชุดกระโปรงสีเหลืองอ่อนแขนกุด ทำให้เห็นแขนอวบขาวอมชมพูอย่างชัดเจน ประกอบกับใบหน้ากลมแป้นที่มีจุดเด่นตรงตาเรียวเล็ก แก้มแดงอมชมพูที่แสดงถึงความมีสุขภาพดีของเธอ ปลายนิ้วของเขาคันยิบขึ้นมาอีกครั้งด้วยอยากจิ้มแก้มนิ่ม ๆ เล่น แต่เมื่อนึกถึงแรงถีบของเธอที่เขาเจอมานับครั้งไม่ถ้วน คชาภัทรจำต้องสกัดความอยากของตัวเองลงอย่างยากเย็น“น้องถามทำไมไม่ตอบ” อลิสราหันมาเอ็ด “ตอบดี ๆ ล่ะ” แล้วก็กำชับเสียงเหี้ยมนับหนึ่งที่ยืนอยู่ด้านข้างถึงกับเผยยิ้มออกมาคชาภัทรถอยห่างจากพี่สาวโดยสัญชาตญาณ เมื่อวานตอนค่ำเขาโดนสมาชิกในบ้านเล่นงานอยู่ไม่ใช่น้อย วันนี้ให้ตายอย่างไรก็จะไม่ทำอีกเด็ดขาดเด็กชายรุ่นพี่กวาดตาสำรวจร่างป้อมที่อยู่ตรงหน้าอีกครั้งและจ้องดูพุงที่กลมกว่าทุกวันก็ลอบถอนใจยาว“อืม ดูผอมลงนิดหน่อย” น้ำเสียงดูไม่เต็มปากนักที่รักลูบพุงตัวเองอย่างชอบใจ “วันนี้จิ๊ดริดกินข้าวน้อยกว่าทุกวัน”คชาภัทร

  • จิ๊ดริดที่รัก   30. จิ๊ดริดอยากผอม 1

    “จิ๊ดริดไม่สบายหรือลูก ทำไมเดินแบบนั้น” วรรณารีร้องถามอย่างประหลาดใจเมื่อเห็นที่รักกำลังก้าวขาออกจากห้องนอนอย่างเชื่องช้าในเช้าวันต่อมา กว่าที่เธอจะก้าวเท้าสัมผัสพื้นแต่ละก้าวได้นั้นเล่นเอาคนเป็นแม่ยืนลุ้นจนใจหายใจคว่ำ“หนูไม่เป็นไข้” ที่รักบอกแม่เสียงเบา“ในเมื่อสบายดีแล้วทำไมหนูก้าวช้าแบบนั้น หรือว่าปวดขาปวดข้อตรงไหน”“หนูไม่ปวด”“งั้นก้าวขาเร็ว ๆ สิลูก ค่อย ๆ ย่างแบบนั้นเดี๋ยวเสียจังหวะหัวทิ่มได้นะ”“หนูจะเดินช้า ๆ”“ทำไมล่ะลูก”“จะได้ผอม” ที่รักตอบพร้อมกับค่อย ๆ ย่างเท้าซ้าย“ทำแบบนี้จะผอมได้ยังไง”“แม่ไม่ถามเดี๋ยวหนูอ้วน” ที่รักค่อย ๆ ย่างเท้าขวาต่อวรรณารียืนงงเป็นไก่ตาแตกที่รักซึ่งใช้เวลาสิบนาทีในการก้าวจากห้องนอนไปยังห้องครัวได้สำเร็จ เธอยกมือปาดเหงื่อที่แตกซ่กตรงหน้าผากด้วยสีหน้าสดชื่นแจ่มใสเป็นที่สุดแตกต่างจากสีหน้าของแม่และยายที่กำลังยืนมองดูเธออยู่แบบลิบลับ“ทำไมหนูเดินช้าล่ะลูก” วรรณารียังคงถามอย่างกังขา“หนูจะได้ไม่หิว”“ทำแบบนี้จะไม่หิวได้ยังไง” สายไม่เข

  • จิ๊ดริดที่รัก   29. จิ๊ดริดอ้วน

    “จิ๊ดริด มาดูปลานี่เร็ว เยอะแยะเลย” อลิสราที่เนื้อตัวมอมแมมเพราะลงไปในคลองกับเขาด้วยได้เรียกหาที่รักทันทีที่ขึ้นจากน้ำที่รักก็ลุกไปหาทันทีที่พี่เรียก เปล่า...ไม่ใช่เธอเป็นเด็กดีอะไรหรอก เพียงแต่ละครภาคต่อที่ฟังอยู่มันจบตอนไปแล้วก็เท่านั้นเอง“เอาปลาขึ้นมาให้จิ๊ดริดดูเร็วเข้า ห้ามอุ๊บอิ๊บเอาไปซ่อนเด็ดขาด” อลิสราส่งเสียงเผด็จการให้กับทุกคนที่ช่วยจับปลาอยู่ในคลอง แม้แต่กับพ่อตัวเองก็ไม่เว้นนับหนึ่งกุลีกุจอลากกะละมังใบใหญ่มาตั้งเบื้องหน้าที่รัก และเดินไปแย่งถังใบเล็กที่ใช้ใส่ปลาจากมือแต่ละคนมาเทใส่กะละมังอย่างขมีขมัน เมื่อได้จากมือครบทุกคนแล้ว เขาก็ได้หันมายิ้มให้อลิสราอย่างเอาใจอลิสราใช้มือที่เปื้อนโคลนลูบศีรษะของนับหนึ่งอย่างอารมณ์ดี “ดีมาก” เธอเอ่ยชมสั้น ๆแม้คำชมจะสั้นแต่ก็ทำให้นับหนึ่งหน้าบานเป็นจานเชิงออกมา ขณะที่คชาภัทรได้แต่กลอกตามองบนจนตาแทบกลับ“ดิ้นดุ๊กดิ๊กเต็มเลย เอาไปปล่อยกัน มันจะได้ไม่ตาย” ที่รักตาเป็นประกายเมื่อเห็นปลาจำนวนมากทั้งน้อยใหญ่กำลังว่ายเบียดกันอยู่ในกะละมัง“เราเอามากิน เหนื่อยจับจะแ

  • จิ๊ดริดที่รัก   28. จับปลาที่ร่องสวน

    “ทองแดงโลละสองร้อย ขวดใสโลละแปด กระดาษอ่อนโลห้าบาท กระดาษแข็งโลสามบาท”เสียงใสของเด็กหญิงวัยห้าขวบที่ยังพูดไม่ชัดนักเจื้อยแจ้วอยู่บริเวณหน้าร้านรับซื้อของเก่า เป็นภาพที่ชินตาสำหรับผู้คนที่ผ่านไปมาแถวนี้เป็นอย่างดีไม่เพียงแค่ตะโกนบอกราคาเสียงใส ตัวเธอเองก็ไม่อยู่นิ่ง มือคอยขยับยกข้าวของที่มีลูกค้านำมาขาย จับแยกออกเป็นประเภทอย่างชำนาญเพื่อให้สะดวกต่อการชั่งน้ำหนักและคิดราคา แม้ข้าวของจะแลดูสกปรกในสายตาผู้คนทั่วไปแต่เด็กหญิงก็หารังเกียจไม่ ภาพนี้สร้างความรู้สึกเอื้อเอ็นดูให้กับลูกค้าที่เข้ามารับบริการเป็นอย่างยิ่ง“จิ๊ดริด อย่ายกของหนักนะลูก ให้ลุงหวินกับน้าโหน่งยกแทน” วรรณารีหันมาเตือนลูกสาวเป็นระยะ“จิ๊ดริดยกไหวจ้ะแม่จ๋า แม่ไม่ต้องห่วง” เด็กหญิงพูดตอบกลับไป“ไม่ได้นะลูก กระดูกหนูยังอ่อน ยกของหนักมากกระดูกจะเสียหายได้ แล้วหนูก็จะไม่สูงด้วยนะ”พอได้ยินคำว่าไม่สูง ที่รักรีบวางกองหนังสือที่มัดเรียงกันเป็นตั้งลงทันที ไม่ได้สิเรื่องความสวยความงามต้องมาที่หนึ่งที่รักจากแรกเกิด

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status