เบลล่ากลับมาถึงคฤหาสน์เมบิลแล้ว เธอจัดการนำเงินหนึ่งแสนเหรียญไปฝากเรียบร้อย เธอยืนมองคฤหาสน์เมบิลเงียบๆ อย่างใช้ความคิด
เบลล่าเคยถามคิร่าว่าทำไมเคนเนดี้จะต้องสร้างคฤหาสน์ที่ใหญ่โตขนาดหลายร้อยห้อง ทั้งๆ ที่ก็มีแค่คิร่าและท่านเคาน์พักอยู่สองคน คิร่าบอกมาว่า นี่คือการอวดความแข็งแกร่งของเคนเนดี้ได้ง่ายที่สุด… ชนชั้นสูงสมองทึบพวกนั้นมองแค่ภายนอกสินะ…นั่นก็มีส่วนดีอยู่บ้างตรงที่คฤหาสน์เมบิลของเธอมันเล็กนิดเดียวชนชั้นสูงทั้งหลายก็จะมองข้ามเธอไปราวกับเธอไม่มีตัวตน การทำอะไรต่างๆ ก็จะง่ายขึ้น พรุ่งนี้ท่านลุงจะมาที่นี่ เธอจะได้ถือโอกาสถามข้อมูลเกี่ยวกับตระกูลริชแมน… แค่ชื่อก็ดูโคตรจะรวย เคาน์เตสจ่ายเงินค่าจ้างหนึ่งล้านเหรียญราวกับเป็นเรื่องสบายๆ แค่นั้นมันก็บอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าตระกูลริชแมนรวยแค่ไหน!! ในอดีตตอนที่เธออยู่แลนเดอร์ท่านพ่อยังเคยจะขายเธอเป็นนางบำเรอของท่านเคาน์เลย อีกทั้งท่านเคาน์ยังรับซื้อสตรีเพื่อมาเป็นนางบำเรอเรื่อยๆ… เบลล่าส่ายหน้า อ่า..ชายผู้นี้ช่างมักมากเสียจริง ท่านลุงเจคอปมาที่เมบิลแต่เช้าตรู่ พร้อมกับรถม้าสามคัน “ขบวนของท่านลุง มันจะสะดุดตาไปไหมคะ?” “เมบิลถือว่าทำเลดีนะ ตั้งอยู่ชานเมืองแต่เดินไปนิดเดียวก็ถึงตลาดแล้ว อีกทั้งรอบๆ ยังไม่มีบ้านใครอีกต่างหาก นี่มันสะดวกในการใช้เป็นฐานลับเลยไม่ใช่รึไง” เจคอปกระโดดลงจากหลังม้าพร้อมกับเดินเข้ามาหาเบลล่า เขายกมือขึ้นมาลูบผมของผมของเธออย่างเอ็นดู “…หากจะให้ข้าเดาจากรอยยิ้มของท่านลุง ท่านก็คงจะขายเพชรได้ราคาดีเยี่ยมเลยใช่ไหมคะ?” เบลล่ายกยิ้มก่อนจะพาเจคอปเข้าไปในคฤหาสน์ ส่วนท่านลุงคนที่เหลือกำลังยกหีบเหรียญทองเข้ามาให้เธอ “ห้าสิบล้านเหรียญ…และนี่เป็นยี่สิบห้าล้านของเจ้า” พระเจ้า!!! ใครมันบ้าใช้เงินห้าสิบล้านเพื่อซื้อเพชรก้อนเดียวกันนะ บ้าไปแล้ว! แล้วนี่เงินยี่สิบห้าล้านเหรียญ! เบลล่าคิดว่าเธอกำลังจะเป็นลม! นี่สินะเงินที่พระเอกเอาไปซื้อที่ดินบนภูเขาเออเกรย์ เท่ากับเธอขาดเงินอีก สี่ล้านเก้าแสนเหรียญเท่านั้น!! เบลล่าไม่อยากจะเชื่อเลย ไม่อยากเชื่อจริงๆ ว่าความฝันของเธอมันจะเดินทางเข้ามาใกล้ขนาดนี้!! เธอจัดการให้เซนเดอร์นำเงินทั้งหมดไปฝาก “ท่านแม่ใกล้กลับมารึยังมิเกล..” เธอบอกท่านแม่ไปว่าจะมีทหารรับจ้างมาเฝ้าคฤหาสน์และจะมาช่วยดูแลความปลอดภัยของท่านแม่ด้วย ท่านแม่ก็ตื่นเต้นและตื่นตั้งแต่เช้ามืดเพื่อจะจัดเตรียมมื้อเช้าต้อนรับพวกทหารรับจ้าง “ข้าอยากรู้เกี่ยวกับข้อมูลของริชแมนค่ะ ทั้งท่านเคาน์และเคาน์เตส “ เจคอปยกยิ้ม “ถูกว่าจ้างมาให้ไปทำลายงานแต่งรึไง?” เบลล่าชะงักเล็กน้อย “ข้อมูลของคนที่ขายดีที่สุดในจักรวรรดิก็คือตระกลูริชแมน ข้าต้องส่งคนของเราไปเป็นคนรับใช้ที่ตระกูลนั้นเพื่อสืบหาข้อมูลเลย” “แสดงว่าท่านเคาน์เป็นคนมากรักจริงๆ งั้นหรือคะ?” เจคอปยกมือขึ้นมาขยี้หัวของเบลล่า “เรื่องนั้นยังเป็นปริศนาถึงขนาดที่ว่าข้ายังหาคำตอบไม่ได้เลย ตระกูลริชแมนรวยมากที่สุดในจักรวรรดิด้วยธุรกิจสองร้อยอย่างในนามของริชแมน และอีกกว่าห้าสิบอย่างในนามของเอเซล่า ท่านเคาน์ริชแมนเป็นคนที่ทำธุรกิจประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก เรียกได้ว่าจับอะไรก็เป็นเงินเป็นทองไปซะหมด…ปัญหาหนึ่งเดียวในชีวิตชายผู้ร่ำรวยคือเคาน์เตส” เบลล่าขมวดคิ้ว “ข้าเห็นในภาพวาด เคาน์เตสริชแมนก็ดูงดงาม…” “ความงดงามไม่ได้มีส่วนช่วยให้ชีวิตคู่มีความสุขหรอกนะ ในวันแต่งงานท่านเคาน์และเคาน์เตสไม่ได้เข้าหอกัน เรื่องนั้นทำให้เคาน์เตสเสื่อมเสียเกียรติมากจนเกิดเป็นสงครามระหว่างสามีภรรยา ท่านเคาน์ไม่ได้มานั่งทะเลาะกับภรรยาแต่เขาทำมากกว่านั้นคือเริ่มรับสตรีเข้ามาเป็นอนุภรรยาเรื่อยๆ” อ่า..เบลล่าคิดว่าเธอเจอปัญหาใหญ่เข้าให้ซะแล้ว “เคาน์เตสจ้างคนให้ไปทำลายงานแต่งครั้งแล้วครั้งเล่าแต่ก็ไม่เคยทำสำเร็จ เจ้าลองทายสิว่าเพราะอะไร” คำตอบนั้นมันอยู่ในคำถามแล้วไงล่ะ “เพราะท่านเคาน์รู้นะสิคะ ว่าเคาน์เตสจะต้องว่าจ้างให้คนไปทำลายงานแต่ง…ท่านก็เลยไม่สนใจและตั้งหน้าตั้งตาแต่งงานอย่างเดียว เพื่อจะเอาชนะเคาน์เตส” เจคอปยกยิ้ม เด็กน้อยผู้นี้ถือว่าฉลาดใช้ได้ “ว่าแต่เจ้าได้รับค่าจ้างมาเท่าไหร่?” “หนึ่งล้านค่ะ” “ก็ลองคิดดูแล้วกันว่าจะใช้แผนไหน แต่การใส่ร้ายเจ้าสาวเพื่อล่มงานแต่ง อันนี้ไม่ได้ผลนะเพราะถูกใช้บ่อยที่สุด เดี๋ยวข้าจะส่งข้อมูลของเจ้าสาวในครั้งนี้มาให้แล้วกัน” “ขอบคุณค่ะ ข้าก็ไม่คิดจะใช้แผนนั้นอยู่แล้ว” หลังจากที่เราคุยกับจบท่านแม่ก็มาพอดี “ขอโทษด้วยนะคะ!!..ข้าตั้งใจจะทำอาหารต้อนรับแต่กลับกลายเป็นว่ามาช้ากว่าแขกไปซะได้..” “….” เจคอปเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของน้ำเสียงที่หวานล้ำ…เขามองใบหน้าที่งดงามของสตรีผู้หนึ่งที่กำลังยืนอยู่หน้าประตู เธอส่งยิ้มให้เขาอย่างไม่มีทีท่าว่าจะรังเกียจเลย “….” เบลล่ามองหน้าท่านลุงเจคอป ก่อนที่เธอจะขมวดคิ้ว “นี่ท่านแม่ของข้าเองค่ะ..ที่คุยกันว่าจะให้ท่านคุ้มกัน…ท่านลุง…ท่านลุงคะ!!!” เจคอปตกใจเสียงของเบลล่าเขาจึงทำทีว่าเข้าใจ “อืม..เข้าใจแล้ว” “แล้วท่านลุงจะหน้าแดงทำไม?” ฮันน่ายกมือขึ้นปิดปากเพื่อหัวเราะเบาๆ เธอส่งของในมือให้คนรับใช้ไปจัดโต๊ะอาหาร เธอมัวแต่แวะคุยกับคุณยายขายไวน์นานไปหน่อย ก็เลยคิดว่าซื้อของมาทำอาหารคงจะไม่ทันแล้ว ฮันน่าจึงซื้อเนื้อย่างและเครื่องเคียงอีกสองสามอย่างมา “ข้าชื่อฮันน่าค่ะ ขอบคุณที่ท่านเมตตาเบลนะคะ” “ขะ..ข้าเจคอปครับ” เบลล่ายกยิ้ม ให้ตาย!! นี่มันอะไรกันเนี่ย!! สายตาที่ท่านลุงมองท่านแม่นั่นมันจังหวะตกหลุมรักในนิยายชัดๆ “เช่นนั้นวันนี้ท่านลุงก็มาคอยคุ้มกันท่านแม่ได้เลยนะคะ เพราะว่าวันนี้ข้าจะต้องไปสอนหนังสือที่เคนเนดี้..หากท่านลุงมีเรื่องด่วนอะไรก็ส่งจดหมายไปที่เคนเนดี้ได้เลย” “อืม..” เจคอปส่งยิ้มให้เบลล่า “เบลจะไม่ทานข้าวก่อนหรือ?” “ไม่ค่ะ..ข้าคิดถึงคิร่าแล้ว” เธอกล่าวพร้อมกับขยิบตาให้เจคอป ก่อนจะเดินไปขึ้นรถม้า เธอมีเวลาทั้งหมดสี่วัน ในการคิดหาหนทางทำลายงานแต่งของเคาน์ริชแมน แต่ตอนนี้ต้องไปที่คฤหาสน์เคเนดี้ก่อน!! พอเบลล่ามาถึงเธอก็ถือกระเป๋าไปไว้ให้ห้องเช่นเดิม เจนบอกว่าคิร่ามีธุระต้องไปข้างนอกกับท่านดยุคแม็คซิมัส กว่าจะกลับมาก็ตอนเย็น คิร่าสั่งเอาไว้ว่าให้เธอเตรียมตัวเพราะคืนนี้ท่านเคาน์จะพาไปเที่ยวงาน ในตอนนี้เบลล่าก็เลยว่าง “เอาล่ะ ไหนดูซิว่าตอนนี้คิดแผนอะไรออกบ้าง” ใส่ร้ายเจ้าสาว ตัดออกไปได้เลย หาผู้ชายมาปลอมตัวเป็นสามีของเจ้าสาว เอออันนี้น่าสนใจแต่เธอไม่มีเวลาเพราะต้องอยู่ที่เคนเนดี้สามวัน!! เธอก็ไม่มีเวลาเลยไม่ใช่รึไงเพราะเธออยู่ที่นี่สามวัน วันที่สี่ก็คืองานแต่งเลย….นี่ก็คือซูเปอร์ความยุ่งยากในชีวิตของเธอเลยใช่ไหม เธอจะพลาดหนึ่งล้านเหรียญนี้ไปไม่ได้เด็ดขาด…ใจเย็นๆ เบลล่าค่อยๆ คิด “กินข้าวมารึยัง?” เบลล่ารีบขยำกระดาษที่เธอเขียนแผนการล้มงานแต่งอย่างรวดเร็ว… “ยะ..ยังค่ะ” เบลล่าส่งยิ้มให้ท่านเคาน์…ไม่นะ เขาน่าจะไม่สงสัยอะไรหรอกมั้ง โคลด์ปิดประตูก่อนจะเลิกคิ้วมองเบลล่า เขาเดินเข้ามาหาเธอ แล้วยกยิ้ม “ซ่อนอะไรไว้ด้านหลัง?” ฉิบหายแล้วไง!! “ไม่มีค่ะ!!..ไม่มีอะไรเลย” เขารวบเบลล่าเอาไว้ในอ้อมกอด ก่อนจะจับข้อมือของเธอเอาไว้แล้วแย่งกระดาษออกมาจากมือเธอ “แผนการล้มงานแต่ง? ..งานแต่งใครงั้นหรือ?” เบลล่าเม้มปากแน่น โชคดีที่ตอนนี้เขาโอบกอดเธอเอาไว้เธอก็เลยถือโอกาสซบลงที่อกของเขาซะเลย เธอไม่อยากให้ท่านเคาน์เห็นหน้าของเธอในตอนนี้เลยให้ตาย!! โคลด์ยกยิ้ม เพราะเบลล่ากำลังซบลงที่อกของเขา นี่มันไม่ต้องเดาเลยไม่ใช่รึไง เธอเขียนเลขสี่เอาไว้ที่หัวกระดาษนั่นก็คือเหลือเวลาอีกสี่วัน งานแต่งเคาน์ริชแมน.. “เบล เจ้าทำงานให้ดยุคโอเว่นใช่ไหม?” หัวใจของเบลล่านั้นหล่นไปที่ตาตุ่มทันที เธอรีบเงยหน้าขึ้นมามองหน้าของท่านเคาน์ด้วยความตกใจ “จะรับสารภาพเอง หรือจะให้ข้าเปิดโปง…” แล้วมันเหลือทางเลือกให้เธอรึไงกัน…แต่ถ้าเธอสารภาพออกไป..ท่านเคาน์จะเกลียดเธอไหมนะ? ยังจะคิร่าอีก โคลด์ที่เห็นเบลล่าเงียบไป..พอเขามองหน้าเธอก็พบว่าน้ำตาของเธอกำลังไหลลงมา “…ข้า..ขอโทษค่ะ ข้าทำงานให้ท่านดยุคโอเว่น ข้ามาที่นี่ก็เพราะคำสั่งของท่านดยุค…” เบลล่าก้มหน้าลง เธอยกมือขึ้นมาเช็ดน้ำตาตัวเอง จบสิ้นแล้ว… มือของเธอนั้นสั่นเทา เบลล่าเดินออกมาจากอ้อมกอดของท่านเคาน์ เธอเดินมาเพื่อเก็บข้าวของต่างๆ ในห้องใส่กระเป๋า “ข้าจะรีบออกไปจากที่นี่ให้ไวที่สุด..หรือหากว่าท่านเคาน์ไม่พอใจ…” “ใครอนุญาตให้เจ้าออกไปจากเคนเนดี้?” “….ก็..คือ..ในเมื่อท่านรู้ความจริง…” โคลด์เดินเข้ามาหาเบลล่า ก่อนที่เขาจะยกมือขึ้นมาเช็ดน้ำตาให้เธอ “หากว่าข้าบอกว่าข้ารู้ตั้งแต่วันแรกที่เจ้าเข้ามาที่นี่ล่ะ” เธอเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าที่ดูราวกับว่าเขากำลังโกรธเธอนิดๆ “แล้วเหตุใดถึงยังยอมให้ข้าเข้ามาในเคนเนดี้” “เพราะแววตาที่งดงามของเจ้า..มันคุ้มที่ข้าจะเสี่ยง เบลแววตาของเจ้ามันไม่ใช่แววตาของคนที่เลวร้ายเลย การตามดูทุกการกระทำของเจ้าที่มีต่อคิร่า..เจ้าไม่เคยคิดจะทำร้ายนางด้วยซ้ำ..” เธอเม้มปากแน่นก่อนจะร้องไห้ออกมาอีกครั้ง..โคลด์ยกยิ้มก่อนจะดึงเธอเข้ามากอด “ในเมื่องานที่ดยุคโอเว่นสั่งจบลงแล้ว เจ้าก็อยู่ที่นี่ต่อไปในฐานะเพื่อนที่แท้จริงของคิร่าเถอะ” “ข้าอยู่ได้จริงๆ งั้นหรือคะ!!” “จริงสิ..อยู่ที่นี่ต่อได้แน่นอน…” เบลล่าถอนหายใจอย่างโล่งอก เธอมองที่ใบหน้าของท่านเคาน์อย่างซาบซึ้งและขอบคุณ เขาเป็นคนดีมากจริงๆ ด้วยสินะ ขอบคุณพระเจ้าที่ส่งเธอมาเจอคนดีๆ เช่นนี้!! “แต่หลังจากที่ข้าลงโทษเจ้าเสร็จแล้วนะ…” “!!!!”เบลล่าตื่นขึ้นมากลางดึก ไบรอันยังคงโอบกอดเธอเอาไว้ ส่วนเลโอนอนอีกฝั่งนึกตอนที่ทั้งสองคนมาเจอกันไม่ออกเลย แต่รอยช้ำที่แก้มของไบรอันก็บอกเธอได้ดี ว่ากว่าเลโอจะยอมคงจะตกลงกันนานพอสมควรเธอลุกขึ้นเดินไปที่หน้าต่างก่อนจะมองไปด้านล่าง เบลล่ามองฝนที่ยังคงตกลงมาต่อเนื่องอย่างไม่มีทีท่าว่าจะแล้งเธอไม่ชอบเวลาฝนตกเลย มันเหมือนกับว่าบรรยากาศรอบข้างมันเศร้ายังไงไม่รู้เลโอลุกขึ้นจากเตียง เขาเดินมาโอบกอดเธอจากด้านหลัง“นอนไม่หลับอีกแล้วงั้นหรือ ไปเจออะไรที่วิหารมา”เธอถอนหายใจ“ข้าไม่แน่ใจว่าสิ่งที่ข้าเห็นมันจะเป็นจริงรึเปล่า แต่ในอนาคตที่ไม่รู้ว่าระยะเวลามันจะอีกแค่ไหน ข้าจะตาย…”เบลล่าสัมผัสได้ถึงอ้อมกอดที่แน่นขึ้นของเลโอ เขาพรมจูบที่ต้นคอของเธอไล่ลงไปจนถึงไหล่“นั่น!..อาจจะมีอะไรผิดพลาด ข้าจะไม่ยอมให้เป็นเช่นนั้นแน่!”เธอยกมือขึ้นมากุมหน้าเขาเอาไว้“ข้ารู้เลโอ ว่าท่านจะต้องปกป้องข้า ข้าก็ไม่คิดจะยอมรับโชคชะตาเช่นนั้นเหมือนกัน การที่อาเชอร์บอกเรื่องนี้กับข้าแสดงว่าเขาอยากให้ข้าเป็นคนแก้ปัญหา…”“ข้าจะช่วยแก้ปัญหาด้วย!”ไบรอันลุกขึ้น เขาเดินมาหาเบลล่าพร้อมทั้งเอาคางเกยไว้ที่ไหล่ของเธอ“ตอนที่เจ้า
ไบรอันมองเบลล่าอย่างเป็นห่วง เขายกมือขึ้นมาแตะที่หน้าผากของเธอเพราะตอนนี้ใบหน้าของเธอมันกำลังแดง จริงๆ ไม่ใช่แดงแค่หน้าแต่แขนและคอของเธอมันแดงไปหมด“เบล ข้าควรไปตามนักบุญด้านนอกมารักษาเจ้า”“โพชั่นที่อาเชอร์ทำ ไม่มีเวทมนตร์ใดที่สามารถรักษาได้ มีแต่ต้องรอให้มันหายไปเองเท่านั้น!”อาการของเธอดูน่าเป็นห่วงจนไบรอันรู้สึกไม่ดีเลย ใบหน้าที่งดงามของเธอมันบิดเบี้ยวเพราะเธอกำลังเจ็บปวด“ล็อกห้องนี้แล้วพาข้ากลับเมบิล…”ไบรอันอุ้มเธอขึ้นมาเขาพาเธอเดินออกไปพร้อมกับปิดห้องให้เรียบร้อย แล้วรีบอุ้มเบลล่าไปที่รถม้า“อื้อ!!”เขาวางเธอลงบนรถม้า ตอนนี้ใบหน้าของเธอมันชุ่มไปด้วยหยาดเหงื่อ“ข้าควรจะตามหมอมารักษาเจ้า”เบลล่าส่ายหน้า“ไม่ต้อง!! ไปตามเลโอมาก็พอ อึก!!”ความปรารถนากำลังโจมตีเธออยากหนักจนขาทั้งสองข้างมันกำลังสั่นเทา เบลล่าสัมผัสได้ถึงความเปียกชื้นที่จุดกึ่งกลางจนเธอจนต้องหนีบขาเข้าด้วยกัน คอของเธอมันแห้งผาดราวกับว่าเธอกำลังกระหายน้ำ“แกรนด์ดยุคเขาจะรักษาเจ้าได้ยังไง เขาไม่ใช่หมอสักหน่อย”เธอกำลังหงุดหงิด เขาจะถามอะไรมากมายนัก แค่ไปทำตามที่เธอสั่งมันยากนักรึไง!!ไบรอันเห็นตัวของเบลล่ากำลังสั่นเทา
เลโอดึงเบลล่าไปกอด เพราะเขาสัมผัสได้ถึงความกังวลมากมายจากสายตาของเธอ“เบล ไม่ว่าข้างหน้าจะมีอะไรรออยู่ ข้าจะเป็นคนปกป้องเจ้าเอง อย่าได้กังวลไปเลย”เธอกำกุญแจในมือเอาไว้แน่น แล้วโอบกอดเลโอ“เลโอ ท่านทำให้ข้ามีแรงสู้ขึ้นมา หากว่าไม่มีท่านข้าอาจจะซื้อเรือสำเภาสักลำแล้วหอบเงินขึ้นเรือหนีไป…”เลโอพรมจูบที่ซอกคอของเธอเบาๆ“เจ้าแข็งแกร่งกว่าที่ตัวเองคิดมากนะเบล ไม่อย่างนั้นตอนที่พบกันครั้งแรกเจ้าไม่กล้ารับงานที่ข้าสั่งไปทำหรอก”ใบหน้าที่งดงามของเบลล่ายกยิ้มขึ้นมา เกือบลืมไปแล้วว่าในตอนแรกเธอและเลโอคือเจ้านายและลูกจ้าง“ยังเจ็บตรงไหนอยู่รึเปล่า?”มือของเขานั้นเริ่มซุกซนจนเธอต้องยกมือขึ้นมาห้ามเอาไว้“ไม่เจ็บแล้วค่ะ แต่ข้ายังเหนื่อยอยู่มาก…”“เช่นนั้นก็นอนกันเถิด”เขากลืนความอยากลงคอไปแล้วโอบกอดเธอเข้ามาในอ้อมแขน เสียงฝนที่ตกอย่างหนักราวกับเสียงเพลงที่ขับกล่อมให้เขาและเธอเข้าสู้ห้วงนิทราอย่างรวดเร็วยามเช้าที่ไร้แสงตะวัน เธอลืมตาขึ้นมาโดยปราศจากเงาของเลโอ เบลล่าลุกขึ้นมาแล้วเดินไปที่หน้าต่าง เช้านี้ฝนตกปรอยๆ พอเหลือบมองนาฬิกาก็พบว่าเป็นเวลาเกือบเที่ยงวันน่าแปลกที่วันนี้เธอไม่รู้สึกง่วงแล้ว เบ
เลโอยกมือขึ้นมากุมมือของเบลล่าเอาไว้ เขามองเธอด้วยสายตาแห่งความเจ็บปวด ถึงอาเชอร์จะช่วยรักษาเธอแล้วแต่อวัยวะภายในได้รับความเสียหายอย่างมาก จะต้องใช้เวลาในการฟื้นฟูตัวเองที่ห้องข้างๆ ก็ตึงเครียดไม่แพ้กัน ถึงจักรพรรดินีจะได้รับยาพิษไปในปริมาณเล็กน้อย แต่นั่นก็เพียงพอที่ทำให้เธอสูญเสียลูกคนแรกไป ถึงแม้จะพ้นขีดอันตรายแล้วแต่สภาพจิตใจของคิร่าแย่มากทีเดียวงานเลี้ยงด้านล่างยังคงดำเนินต่อไปไม่มีการยกเลิก…“พระองค์ควรจะลงไปข้างล่าง…ซ่อนความเจ็บปวดและอ่อนแอในใจเอาไว้ให้มิดชิด อย่าให้คนที่กระทำรับรู้ว่าเรากำลังเจ็บปวด”เอซยกมือขึ้นมาตบไหล่ของวัลโด้เบาๆ วัลโด้มองมาที่เลโอที่พยักหน้าให้เขาเขาสูญเสียลูกคนแรกไป ในตอนนี้ขาทั้งสองข้าจะยืนไม่อยู่แล้วด้วยซ้ำ แต่หากว่าเขาอ่อนแอ คนด้านหลังจะอยู่ได้อย่างไร ตอนนี้เขาถือเป็นผู้นำของทุกคนวัลโด้ถอนหายใจเขายกผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเช็ดคราบเหงื่อและน้ำตาบนใบหน้า ก่อนจะเดินลงไปด้านล่างพร้อมราชเลขา“สภาพเราทุกคน มันดู…แย่ไปหมด คนพวกนั้นฉลาดมาก พวกมันไม่ได้โจมตีแค่ร่างกายแต่โจมตีที่จิตใจของเรา…”โคลด์ทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟา ทำไมมันถึงเกิดเรื่องกับเบลล่าและคิร่าซ้ำแล้วซ้ำ
สตรีใบหน้างดงามที่เข้ามา..นั่นคือภรรยาของเขาไม่ใช่รึไง!!ชายที่เธอควงแขนอยู่นั่นก็ไม่ใช่โคลด์ แล้วไอ้เวรนั่นเป็นใครกันวะ!!!วัลโด้สัมผัสได้ถึงความเย็นยะเยือก ในห้องพอเขามองตามสายตาของเลโอไปก็พบกับผู้ที่เดินเข้ามาในงาน..นั่นมันองค์รัชทายาทมาเดลีนไม่ใช่รึไง ข้างกายของเขาคือสตรีใบหน้างดงามที่คุ้นตา เบลล่า!?“อย่าบอกว่านั่นคือองค์รัชทายาท?”เลโอกล่าวถามพร้อมทั้งชี้ลงไปด้านล่าง วัลโด้พยักหน้า เขาส่งยิ้มจางๆ ให้เลโอ“นี่มันเป็นไปตามแผนของเราเลยไม่ใช่รึไง เป็นเบลล่าก็ถือว่า…”“อย่าได้พูดอะไรเช่นนี้ออกมาอีก และอย่ามาคิดใช้ภรรยาของข้าเป็นหมากในกระดานนี้”เลโอกล่าวจบก็รีบเดินไปหาเบลล่าด้านล่าง วัลโด้ยักไหล่พร้อมกับหัวเราะเบาๆ“เอซ ไม่ลงไปรึไง?”เอซยกยิ้ม“กับเบลข้าไม่ห่วงนางแล้วล่ะ เมื่อคืนได้พูดคุยอะไรกับนางหลายๆ อย่าง ก็พอเข้าใจได้ ตอนนี้พระองค์ต่างหากที่ควรลงไปห้ามแกรนด์ดยุค ไม่ให้เขาทำร้ายองค์รัชทายาทมาเดลีน”วัลโด้ชะงักพร้อมกับมองไปที่บันได เลโอกำลังเดินอย่างรวดเร็วไปหาเบลล่าอ่า..ให้ตายเถอะ!!เขามองไปที่ราชเลขาเพื่อสั่งให้วงดนตรีบรรเลงเพลง แล้วรีบเดินลงไปด้านล่างตามเลโอไปติดๆ“นี่คงจะเป็
องค์จักรพรรดิวัลโด้ถอนหายใจเมื่อเขาเห็นจดหมายในมือ เขารู้สึกรำคาญเมเบโล่ยิ่งนัก แกรนด์ดัชเชสผู้นั้นยื่นเรื่องให้เขารับหลานสาวของนางขึ้นมาเป็นสนมเอกปัญหาก็คือแกรนด์ดัชเชสเมเบโล่สนิทกับท่านพ่อนี่แหละ!! เขาไม่อยากผิดใจกับคิร่าเลยจริงๆ นางกำลังตั้งครรภ์ด้วยเขาไม่อยากทำให้นางคิดมากเลย“หากไม่อยากรับสตรีผู้นั้นมาพระองค์ก็แค่หาทางสร้างพรหมลิขิตให้นางกับชนชั้นสูงสักคน…”เลโอกล่าวพร้อมกับวางกระดาษรายงานเรื่องงบประมาณลงบนโต๊ะ“อันที่จริงข้าส่งนางไปเป็นภรรยาน้อยของแกรนด์ดยุคโอเว่นก็ได้นี่นา”“หากไม่กลัวว่าพระองค์จะสูญเสียกำลังทางทหารไปก็ลองดู”“อ่า ล้อเล่นหน่อยก็ไม่ได้งั้นหรือ?”“ข้าแนะนำทางแก้ไปแล้ว สุดแต่พระองค์จะตัดสินใจเถิด…”เลโอและวัลโด้ถูกเลี้ยงมาด้วยกัน ทำให้เลโอไม่นึกกลัวองค์จักรพรรดิ และวัลโด้ก็ไม่ได้นึกโกรธคำกล่าวของเลโอเลยเพราะเขามองเลโอเป็นพี่ชายมาโดยตลอดเอซยกแก้วเหล้าขึ้นมาดื่ม“เมื่อเช้ากิลข้อมูลส่งข่าวมาว่าอาร์ชดยุคกูเรี่ยนเคลื่อนไหวแปลกๆ เมื่อคืนหลังจากที่เบลล่ากลับมา โดโนแวนตามดูต่อ ปรากฏว่าแกรนด์ดัชเชสเมเบโล่เข้าไปพบกับอาร์ชดยุคที่โรงแรม…”เลโอแย่งแก้วเหล้าในมือของเอซมาดื่มจ
อาร์ชดยุคกูเรี่ยนพาสตรีใบหน้างดงามทั้งสองขึ้นโรงแรมไป ดูไปแล้วก็ไม่มีอะไรที่น่าผิดสังเกต เบลล่าเรียกให้โดโนแวนมาเฝ้าอาร์ชดยุคต่อ ส่วนเธอจะกลับไปพักที่คฤหาสน์ พอมาถึงเมบิลก็มีบัตรเชิญจากพระราชวังส่งมา เปิดอ่านก็พบว่าคิร่าเชิญเธอไปที่งานเลี้ยงต้อนรับองค์รัชทายาทมาเดลีน เธอโยนบัตรเชิญนั้นไว้บนโต๊ะก่อนจะล้มตัวลงนอนบนโซฟา ไม่อยากไปเลยแฮะ…เดิมทีเธอก็ไม่ใช่คนที่จะชอบเข้าสังคมของชนชั้นสูงอยู่แล้ว เบลล่าพยายามหลีกเลี่ยงงานเข้าสังคมมาตลอด เพราะเธอคิดว่ามันไร้สาระ “ท่านหญิงคะ ดยุคเอเซล่ามาขอเข้าพบค่ะ” รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของเบลล่าเธอไม่ทันจะลุกขึ้นเอซก็เดินเข้ามาใจห้องแล้ว เบลล่าอ้าแขนออกเพื่อโอบกอดเขา “คิดถึงจะบ้าอยู่แล้ว!!” เอซกล่าวพร้อมทั้งจูบลงบนผมของเบลล่าอย่างแรง “เหตุใดถึงมายามนี้ ท่านก็รู้ว่าการเดินทางยามค่ำคืนมันอันตราย บ้านเรือนของเรามิได้อยู่ในช่วงที่สงบ…” “ตั้งแต่ข้าย้ายเข้าไปที่เดเลี่ยน ในใจมันก็ไร้ซึ่งความหวาดกลัวใดๆ อีกแล้ว ที่นั่นอยู่ติดกับชายแดน ข้าศึกพร้อมจะบุกเข้ามาทุกเมื่อ ที่หายไปก็เพราะข้าต้องเฝ้าดูการก่อสร้างกำแพงเมือง โชคดีที่ท่านแกรนด์ดยุคโอเว่นส่งทหารไปช่วยเป
ด้านนอกหน้าต่างฝนกำลังตกอย่างหนัก ค่ำคืนที่มืดมิดไร้แสงจันทร์ มีเพียงเสียงของเม็ดฝนที่ตกลงมาแรง พร้อมกับเสียงครางแว่วหวานในห้องผ้าปูที่นอนที่ยับเยินและเปียกชุ่มบ่งบอกได้ดีว่าสตรีและบุรุษบนเตียงนั้นร่วมรักกันอย่างรุนแรงแค่ไหน“อื้อ!! ไม่ไหวแล้ว!!”“หึ ใครจะยอมให้เจ้าเสร็จสมกันที่รัก…”เขาดึงแก่นกายออกมาจากทางรักที่เปียกชุ่มของเธอ ผิวกายที่ขาวราวกับหิมะนั้นขึ้นเป็นสีแดงระเรื่อ ใบหน้าที่งดงามของเธอมีสีหน้าเจ็บปวดและโมโหในเวลาเดียวกัน ดวงตากลมโตของเธอมองมาที่เขาอย่างหงุดหงิด แพรขนตายาวเปียกชุ่มไปด้วยน้ำตา…ความเจ็บปวดที่ส่งผ่านใบหน้าของเธอมันช่าง สาแก่ใจเขายิ่งนัก!!ไม่บ่อยที่เขาจะรู้สึกสนุกกับการร่วมรักเช่นนี้ อาจจะเป็นเพราะเขาต้องการและเฝ้ามองเธอมาอย่างยาวนานเขายกมือขึ้นมาชักรูดตัวตนของเขา พร้อมทั้งส่งสายตายั่วยวนไปให้เธอ…จนกว่าฝนในค่ำคืนนี้จะหยุดตก เขาจะไม่ยอมหยุดทรมานเธอแน่!!!……..“ให้ตายเถอะ ใครจะไปคิดว่าเจ้าจะตั้งครรภ์ได้ไวขนาดนั้น มีเจ้าเด็กตัวอ้วนอยู่ในนี้ใช่ไหม?”คิร่าหัวเราะให้กับท่าทางที่ประหลาดใจของเบลล่า เธอเองก็ไม่อยากจะเชื่อว่าตัวเองจะตั้งครรภ์ได้ห้าเดือนแล้ว“ไม่ท้องสิ
อาเชอร์ก้มมองดอกกุหลาบสีขาวในมือ ก่อนที่เขาจะยกมือขึ้นมาเปิดประตูเข้าไปในบ้าน ตอนนี้เป็นเวลาเย็นมากแล้วท้องฟ้าเริ่มจะเปลี่ยนสีเป็นสีดำเขาออกจากบ้านไปตั้งแต่เมื่อวานตอนเที่ยง…หลังจากเข้าไปด้านในเธอก็คงจะด่าเขาเช่นเดิมไม่สิ อาจจะหนักกว่าทุกวันทว่าทันทีที่อาเชอร์เข้ามาภายในบ้านก็มืดสนิท เขายกมือขึ้นมาร่ายเวทย์เพื่อจุดตะเกียงที่ต่างๆ ในบ้านอาเชอร์วางดอกไม้เอาไว้บนโต๊ะ เขาเดินเข้าไปในห้องนอนเพื่อไปหาโจลี่“เจ้า..กินข้าวรึยัง?”เขากลืนน้ำลายลงคออย่างคนที่รู้สึกผิด…อาเชอร์นั่งลงบนเตียงข้างๆ โจลี่“วันนี้ลูกดิ้นรึเปล่า ยังแพ้ท้องอยู่ไหม….”เขาชะงักเมื่อเห็นดวงตาของเธอบวมช้ำราวกับว่าผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก“โจลี่…ข้าขอโทษ ข้าไปทำงานมา…”“ทำงาน!! ท่านก็อ้างแต่ว่าทำงานตลอด อาเชอร์ท่านหายไปหนึ่งวันโดยที่ไม่บอกกล่าวข้าเลย!!”เธอลุกขึ้นมา แล้วยกมือทุบเขาอย่างแรง อาเชอร์ไม่ได้ตอบโต้เขาทำเพียงนั่งนิ่งๆ เพื่อให้เธอได้ระบายอารมณ์จนกว่าเธอจะพอใจ“เหตุใดถึงไม่หลบการโจมตีของข้า…”“ก็ข้าผิดจริงๆ นี่นา เจ้าทุบตีข้าได้เลย ทุบตีได้จนกว่าเจ้าจะหายโกรธ”เธอเม้มปากแน่น อาเชอร์ยกมือขึ้นมา บรรจงเช็ดน้ำตาให้เ