คิร่ายกแก้วไวน์ขึ้นมาดื่ม เธอปรายตามองพี่ชายด้วยอารมณ์ที่คุกรุ่น
“เหตุใดถึงมองพี่เช่นนั้น?” “ท่านพี่บอกว่าจะพาข้ากับเบลไปเที่ยวงาน แล้วท่านพี่…กลับ..!” คิร่ายกมือขึ้นมากำแน่น ตอนนี้เธอรู้สึกโกรธท่านพี่มากๆ เธออุตส่าห์รีบกลับมาที่คฤหาสน์เพราะนัดกับเบลเอาไว้ พอมาถึงเธอก็พบกับเบลที่นอนสลบอยู่บนเตียงพร้อมกับหมอหลวงที่กำลังจับชีพจรนาง ในคราแรกเธอตกใจจนแทบสิ้นสติเพราะคิดว่าเบลเป็นโรคอะไร ที่ไหนได้นางสลบเพราะท่านพี่รังแกนางมากเกินไปต่างหาก!! “อย่าโกรธพี่นักเลย…พี่ก็แค่…” “ท่านพี่ใช้คำว่าก็แค่งั้นเหรอคะ! หากเบลตื่นขึ้นมาข้าจะยุนางให้โกรธท่านพี่เสียให้เข็ด แล้วท่านพี่คิดเรื่องหลังจากนี้เอาไว้รึยัง เรื่องการจัดงานหมั้น วันแต่ง ยังจะไปพบท่านแม่ของนางอีก ท่านพี่เป็นผู้ชายที่รังแกนางแล้วควรจะรับผิดชอบนางด้วยเกียรติของเคนเนดี้นะคะ เบลต้องเป็นเคาน์เตสเท่านั้นมิเช่นนั้นข้าไม่ยอมเด็ดขาด!!!” ไปกันใหญ่แล้ว โคลด์นั้นทำได้เพียงส่งยิ้มให้น้องสาวเท่านั้น “เรื่องนี้ข้าจะไปคุยกับนางเอง วางใจเถอะ นี่เจ้าเห็นพี่เป็นคนยังไงกัน?” “ท่านพี่ไม่รู้หรอกค่ะว่าเบลเสน่ห์แรงแค่ไหน ยังจะท่านดยุคโอเว่นอีก หากเบลไม่เลือกท่านพี่เพราะความโลภมากของท่าน ข้าก็ไม่รู้จะพูดยังไงแล้ว!!!” นี่น้องสาว หรือว่าแม่กันแน่… “นี่เจ้าไม่คิดจะเข้าข้างพี่สักหน่อยเหรอ..นี่พี่ชายของเจ้านะ!!” คิร่าส่ายหน้าเบาๆ อย่างเหนื่อยหน่ายก่อนที่เธอจะยกแก้วไวน์ขึ้นมาดื่มอีกครั้ง ……. ฮันน่าส่งยิ้มให้เจคอป ถึงเบลล่าจะบอกว่าเขาคือทหารรับจ้างแต่เธอดูยังไงก็ไม่น่าจะใช่ เขาน่าจะเป็นพวกอัศวินหรือว่าขุนนางที่สืบราชการลับอะไรพวกนั้นมากกว่า “ได้ยินจากเบลว่าท่านจะเปิดร้านตัดเสื้อ…” “ค่ะ การตัดชุดสวยๆ เพื่อให้คนที่สวมใส่มีความสุข นั่นคืองานของข้า” “ใบหน้าของเคาน์เตสนั้น ไม่เหมือนคนที่จะทำงานพวกนี้เลยนะครับ ท่านดูสูงส่งราวกับเจ้าหญิง…” ฮันน่าหัวเราะเบาๆ “ไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะ เมบิลไม่ได้มีพื้นฐานที่ร่ำรวย ข้าและลูกสาวกำลังอยู่ในช่วงเวลาที่ต้องช่วยกันสร้างมันขึ้นมา….” แม่กับลูก..ไม่เหมือนกันเลยแฮะลูกสาวน่ารักเฉลียวฉลาดอีกทั้งมากไปด้วยความเจ้าเล่ห์ ส่วนแม่นั้นอ่อนหวาน อ่อนโยนแต่ทว่าในแววตานั้นมิได้อ่อนแอ ท่าทางว่าสองแม่ลูกนี่น่าจะผ่านความเจ็บปวดมาอย่างแสนสาหัสสินะ ถึงได้แข็งแกร่งกันขนาดนี้ “ข้าพอจะรู้จักร้านขายผ้าไหมที่ราคาไม่แพง หากเคาน์เตสไม่รังเกียจข้าจะพาท่านไปชม..” ฮันน่ายกยิ้ม “ข้าชื่อฮันน่าค่ะ ดูจากที่เบลเรียกท่านว่าท่านลุงหมายความว่านางคงจะไว้วางใจในตัวท่านเจคอประดับหนึ่ง ท่านเรียกข้าว่าฮันน่าเถอะค่ะ เมบิลไม่ได้ยิ่งใหญ่ขนาดที่ท่านจะต้องเรียกข้าว่าเคาน์เตสหรอก ฟังดูห่างเหินเปล่าๆ” “ได้ครับ..เช่นนั้นเราไปกันเลยไหม ฮันน่า” “ด้วยความยินดีค่ะ” เจคอปเดินนำฮันน่าออกมาเพื่อจะพาเธอไปขึ้นรถม้า.. การกระทำทุกอย่างของคนทั้งสอง…อยู่ในสายตาของเซ็ดดริกทั้งหมด เขายืนมองฮันน่าเดินเคียงคู่กับชายหน้าบากผู้นั้น เธอเดินจากไปพร้อมกับรอยยิ้มที่แสนจะงดงาม…. …… “มีหมอหลวงไปรักษาเบลล่าที่เคนเนดี้อย่างนั้นหรือ? รีบไปเชิญตัวหมอหลวงผู้นั้นมาพาข้าเดี๋ยวนี้!!!” เซอร์เฮลการ์ดก้มหน้าลงก่อนจะเดินออกไปอย่างรวดเร็ว บรรยากาศในห้องทำงานของเลโอเย็นเยียบจนอับบาสไม่กล้าส่งเสียงใดๆ ออกไป เขาวางแก้วน้ำชาลงบนโต๊ะก่อนจะรีบเดินออกมา “เกิดอะไรขึ้นรึเปล่าอับบาส?” แกรนด์ดัชเชสที่ได้ยินเลโอทำเสียงดัง กล่าวถามพ่อบ้านที่กำลังเดินมา “เซอร์เฮลการ์ดรายงานเกี่ยวกับเลดี้เมบิลครับ..” แกรนด์ดัชเชสถอนหายใจอย่างโล่งอก “โล่งอกไปทีนึกว่ามีเรื่องอะไรร้ายแรง” “ท่านหญิงมั่นใจแล้วใช่ไหมครับ ว่าเลดี้เมบิลคือสตรีที่ท่านดยุคเลือก” หญิงชราหัวเราะ “ผิดแล้วอับบาส เลโอไม่ได้เลือกเบลล่าหรอก ดูท่าทางกระสับกระส่ายเช่นนั้นข้าก็รู้ได้เลยว่าแม่หนูเบลล่าจะต้องอยู่กับชายอื่นเป็นแน่ ดีเหมือนกันให้เจ้าตัวแสบนั่นรู้จักเจ็บปวดกับความรักซะบ้าง” พ่อบ้านขมวดคิ้ว “ท่านดยุคไม่ได้เลือกเลดี้เมบิล แต่ท่านดยุคกำลังรอให้เลดี้เมบิลมาเลือกท่านใช่ไหมครับ?” “คนอย่างเลโอ เขาอดทนกับอะไรไม่เป็นหรอก…ข้าว่าอีกไม่นานเขาจะต้องทำอะไรสักอย่างกับเคนเนดี้ พอรู้เช่นนี้เรื่องไฟไหม้ที่กาสิโนก็คงหนีไม่พ้นฝีมือของเคนเนดี้แน่นอน” “อ่า..หนุ่มสาวสมัยนี้หยอกกันรุนแรงเหมือนกันนะครับ” หญิงชราหัวเราะร่ากับคำกล่าวของอับบาส “แล้วนั่นใครนั่งอยู่ที่ริมสระน้ำ..ไปดูหน่อยสิอับบาส” พ่อบ้านวัยหกสิบปีพยายามเดินแบบที่เขาคิดว่ารวดเร็วที่สุดไปยังสระน้ำ เพราะชายที่ยืนอยู่ริมสระน้ำทำท่าราวกับว่าเขาจะกระโดดลงไป “ให้ตายเถอะเซ็ดดริก!!! เหตุใดถึงมานั่งหมดอาลัยตายอยากเช่นนี้!!” พอเซ็ดดริกเงยหน้าขึ้นมา พ่อบ้านก็ต้องตกใจอีกครั้ง พระเจ้า!!! นั่นเซ็ดดริกร้องไห้งั้นรึ!! หมอหลวงกึ่งเดินกึ่งวิ่งขึ้นบันไดเพื่อไปหาท่านดยุคโอเว่น “รายงานอาการของเบลล่ามาอย่างละเอียด อย่าให้ขาดแม้แต่นิดเดียว!!” หมอหลวงกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ดยุคโอเว่นนั้นขึ้นชื่อเรื่องความโหดเหี้ยมอยู่แล้ว หากว่าเขาพูดไม่ถูกใจอาจจะไร้ชีวิตที่จะกลับไปหาลูกและภรรยาได้ เขารีบหยิบสมุดจดประวัติการรักษาขึ้นมาอ่าน “เลดี้เมบิล มีอาการเหนื่อยล้าครับ นางเป็นลมเพราะว่าร่างกายของนางถูกใช้งานอย่างหนัก…” “ใช้งานหนักยังไง! ใครมันกล้าใช้เธอทำงาน!” “คะ..คือว่าไม่ใช่ทำงานหนักครับ…” “แล้วมันใช้งานหนักแบบไหนเล่า!” เลโอถึงกับลุกขึ้นจากเก้าอี้เพราะเขารู้สึกโมโหกับท่าทีอึกอักของหมอหลวงผู้นี้ซะเหลือเกิน “คือว่า..คะ..คือว่า..นะ..นาง…” “หากเจ้ายังพูดติดอ่างอีกข้าจะตัดลิ้นเจ้าซะ!!!” เลโอดึงดาบออกมาก่อนจะจ่อไปที่คอของหมอหลวง “นางถูกร่วมรักเป็นเวลานานครับ นางกับท่านเคาน์เคนเนดี้ทำเรื่องอย่างว่ากันมากเกินไป!” “เคร้ง!!!!!” เสียงดาบหล่นลงที่พื้นดังสนั่น พร้อมกับใบหน้าที่ราวกับว่าสติของเลโอได้หลุดออกไปจากร่างแล้ว… เซอร์เฮลการ์ดรีบเข้ามาพาหมอหลวงออกไป พร้อมทั้งก้มเก็บดาบเอาไปไว้ที่เดิม… เขาเหลือบมองท่านดยุคที่ยังคงยืนอยู่ที่เดิมอย่างเป็นห่วง “จะรับไวน์สักแก้วไหมครับ?” “เฮลการ์ด…ไปเผาเคนเนดี้” “อะไรนะครับ?” “ข้าบอกให้เจ้าไปเผาเคนเนดี้ซะ!!” ………… กว่าเบลล่าจะตื่นก็คือเช้าวันรุ่นขึ้น เธอลุกขึ้นมาก็พบว่าท่านเคานมานอนอยู่ข้างๆ เบลล่าจะเดินไปที่ห้องน้ำเพื่อล้างหน้าล้างตา ทว่าเธอก็ต้องชะงักเมื่อก้าวขาลงจากเตียง เจ็บ!! ความเจ็บปวดที่จุดกึ่งกลางโจมตีเธอทันทีที่เธอเดินลงจากเตียง เบลล่ามองไปที่ท่านเคาน์อย่างโกรธแค้น!! โคลด์รู้สึกได้ถึงสายตาที่มองมาราวกับจะฆ่าเขา นี่แสดงว่าเบลล่าตื่นแล้วแน่นอน เขาลืมตาขึ้นมาพร้อมกับส่งยิ้มให้เธอ “ตื่นแล้วงั้นเหรอ?” เบลล่าเลือกที่จะไม่ตอบเขา เธอลุกขึ้นเพื่อเดินไปที่ห้องน้ำอีกครั้ง โคลด์รีบเดินเข้าไปหาเบลล่าก่อนที่เขาจะช้อนตัวเธอขึ้นมาอุ้ม “ข้าเป็นคนทำให้เจ้าใช้ชีวิตลำบาก ให้โอกาสข้ารับผิดชอบหน่อยน่า วันนี้จะโกรธหรือไม่พูดกับข้าก็ได้แต่ต้องยอมให้ข้าดูแลเจ้า ตกลงไหม?” เบลล่าไม่ได้ตอบอะไรเขา….แต่คำพูดของเขา..มันกำลังเข้าไปสั่นคลอนหัวใจของเธอช้าๆ คิร่ามองหน้าท่านพี่ของเธอที่เอาแต่ตักอาหารใส่จานเบลแบบไม่หยุดไม่หย่อน ส่วนเบลก็มองไปทางอื่นบ้าง กินน้ำบ้างแต่ไม่ยอมพูดกับท่านพี่เลย คิร่ายกยิ้มจางๆ…นี่มันก็ น่ารักดีแฮะ ท่านพี่และเบล ในมุมที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน โคลด์อุ้มเบลล่ามาส่งที่ห้องเรียนของคิร่าก่อนที่เขาจะเดินออกไป “ให้ตายเถอะ..ข้าไม่คิดเลยว่าท่านพี่จะมุมนี้ด้วย…” “เปิดหนังสือไปหน้าสามเถอะน่า…” “ข้าไม่มีอารมณ์จะเรียนแล้ววันนี้ ขอคุยกับเจ้าก่อน ท่านพี่ขอเจ้าแต่งงานรึยัง?” เบลล่าส่ายหน้าเบาๆ คิร่ารีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว “ข้าจะไปคุยกับท่านพี่ให้เอง” เบลล่ารีบคว้ามือของคิร่าเอาไว้ “ไม่ใช่แบบนั้นคิร่า ข้ายังไม่อยากแต่งงานตอนนี้..” “จะไม่แต่งได้ยังไงกัน ท่านพี่ล่วงเกินเจ้าไปแล้ว!! ข้าไม่ยอมหรอกนะ!!” “คิร่า ข้าในตอนนี้ไม่คู่ควรกับท่านเคาน์หรอก อีกอย่างเรื่องราวที่มันเกินเลยมานี้บางทีมันอาจจะเป็นแค่อารมณ์ชั่ววูบของข้าและท่านเคาน์ ข้าอยากจะแต่งงานในตอนที่ข้าพร้อมทุกอย่าง ระหว่างนี้เราทั้งสองคนจะได้ใช้เวลาทบทวนความรู้สึกที่มีต่อกันไปด้วย…” “ให้ตาย…ข้าก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี แต่ข้าเคารพการตัดสินใจของเจ้านะ “ เบลล่ายกยิ้ม “ขอบคุณมากๆ” เธอสอนคิร่าอย่างหนัก ในสองวันที่เหลือ เพราะถือเป็นการชดเชยวันแรกที่ขาดเรียน เย็นวันนี้เธอมารอรับเงินเดือนกับท่านเคาน์เพราะวันนี้เธอต้องกลับบ้าน “นี่เป็นเงินเดือนของเจ้า ข้าได้สั่งกัสปาไปฝากใส่บัญชีของเจ้าแล้ว” เบลล่าหยิบกระดาษมาดูก็พบว่าเงินสามล้านถูกฝากไปที่บัญชีของเธอ “ท่านเคาน์ นี่มันมากไปค่ะ!!” ปกติค่าสอนพิเศษจะอยู่ที่ หลักพันเท่านั้น สามล้านนี่มันเยอะเกินไปมากทีเดียว!! “ถือว่าเป็นค่าดูแลที่ข้าควรจะให้เจ้า…เบลข้าเป็นคนมีความรับผิดชอบมากนะ ถึงทางกฎหมายเจ้าจะยังไม่ใช่ภรรยาของข้า แต่ในทางปฏิบัติเจ้าถือเป็นภรรยาของข้าแล้ว สามีที่ดีก็ควรดูแลภรรยาสิ” “ถึงอย่างนั้น….” “หากคิดว่ามันมากไป ก็ตอบแทนข้าด้วยการอยู่ที่นี่อีกสักคืนสิ…” “ไม่มีทาง!..ขอบคุณสำหรับค่าจ้างค่ะ ข้าขอตัวก่อน..” “กล่าวปฏิเสธทันทีเช่นนี้ ใจร้ายจังน้า~” เบลล่ารีบเดินออกมาโดยไม่สนใจเสียงตัดพ้อของโคลด์เลย… สามล้านเหรียญทอง..เขาจะให้ด้วยเหตุผลอะไรก็ช่างแต่ก็ถือว่าเขาให้มาแล้ว อ่า..ความฝันของเธออยู่อีกไม่ไกลแล้วสินะ อีกเพียงแค่หนึ่งล้านเก้าแสนเหรียญเท่านั้น!! หากเธอบอกคนอื่นว่าเธอมีความฝันเอาไว้ว่าจะซื้อที่ดินบนภูเขาเออเกรย์ด้วยเงินสามสิบล้านเหรียญคนที่ได้ยินก็คงจะหัวเราะ… เงินสามสิบล้านสามารถซึ่งที่ดินในเมือง ทำโรงแรมหรือว่าร้านอาหารขนาดใหญ่ได้สบายเลย แต่เธอเลือกจะเอาไปซื้อที่บนภูเขาเช่นนั้น…อาจจะดูเหมือนคนโง่อยู่บ้าง เบลล่าไม่เคยบอกใครถึงที่ดินบนภูเขาเออเกรย์…เพราะเธอกลัวว่ามันจะมีคนล่วงรู้ถึงความลับว่าที่นั่นคือภูเขาที่มีแต่เพชรเต็มไปหมด… รออีกหน่อยนะเพชรจ๋า พี่สาวคนนี้จะไปครอบครองเจ้าเอง!!!เบลล่าตื่นขึ้นมากลางดึก ไบรอันยังคงโอบกอดเธอเอาไว้ ส่วนเลโอนอนอีกฝั่งนึกตอนที่ทั้งสองคนมาเจอกันไม่ออกเลย แต่รอยช้ำที่แก้มของไบรอันก็บอกเธอได้ดี ว่ากว่าเลโอจะยอมคงจะตกลงกันนานพอสมควรเธอลุกขึ้นเดินไปที่หน้าต่างก่อนจะมองไปด้านล่าง เบลล่ามองฝนที่ยังคงตกลงมาต่อเนื่องอย่างไม่มีทีท่าว่าจะแล้งเธอไม่ชอบเวลาฝนตกเลย มันเหมือนกับว่าบรรยากาศรอบข้างมันเศร้ายังไงไม่รู้เลโอลุกขึ้นจากเตียง เขาเดินมาโอบกอดเธอจากด้านหลัง“นอนไม่หลับอีกแล้วงั้นหรือ ไปเจออะไรที่วิหารมา”เธอถอนหายใจ“ข้าไม่แน่ใจว่าสิ่งที่ข้าเห็นมันจะเป็นจริงรึเปล่า แต่ในอนาคตที่ไม่รู้ว่าระยะเวลามันจะอีกแค่ไหน ข้าจะตาย…”เบลล่าสัมผัสได้ถึงอ้อมกอดที่แน่นขึ้นของเลโอ เขาพรมจูบที่ต้นคอของเธอไล่ลงไปจนถึงไหล่“นั่น!..อาจจะมีอะไรผิดพลาด ข้าจะไม่ยอมให้เป็นเช่นนั้นแน่!”เธอยกมือขึ้นมากุมหน้าเขาเอาไว้“ข้ารู้เลโอ ว่าท่านจะต้องปกป้องข้า ข้าก็ไม่คิดจะยอมรับโชคชะตาเช่นนั้นเหมือนกัน การที่อาเชอร์บอกเรื่องนี้กับข้าแสดงว่าเขาอยากให้ข้าเป็นคนแก้ปัญหา…”“ข้าจะช่วยแก้ปัญหาด้วย!”ไบรอันลุกขึ้น เขาเดินมาหาเบลล่าพร้อมทั้งเอาคางเกยไว้ที่ไหล่ของเธอ“ตอนที่เจ้า
ไบรอันมองเบลล่าอย่างเป็นห่วง เขายกมือขึ้นมาแตะที่หน้าผากของเธอเพราะตอนนี้ใบหน้าของเธอมันกำลังแดง จริงๆ ไม่ใช่แดงแค่หน้าแต่แขนและคอของเธอมันแดงไปหมด“เบล ข้าควรไปตามนักบุญด้านนอกมารักษาเจ้า”“โพชั่นที่อาเชอร์ทำ ไม่มีเวทมนตร์ใดที่สามารถรักษาได้ มีแต่ต้องรอให้มันหายไปเองเท่านั้น!”อาการของเธอดูน่าเป็นห่วงจนไบรอันรู้สึกไม่ดีเลย ใบหน้าที่งดงามของเธอมันบิดเบี้ยวเพราะเธอกำลังเจ็บปวด“ล็อกห้องนี้แล้วพาข้ากลับเมบิล…”ไบรอันอุ้มเธอขึ้นมาเขาพาเธอเดินออกไปพร้อมกับปิดห้องให้เรียบร้อย แล้วรีบอุ้มเบลล่าไปที่รถม้า“อื้อ!!”เขาวางเธอลงบนรถม้า ตอนนี้ใบหน้าของเธอมันชุ่มไปด้วยหยาดเหงื่อ“ข้าควรจะตามหมอมารักษาเจ้า”เบลล่าส่ายหน้า“ไม่ต้อง!! ไปตามเลโอมาก็พอ อึก!!”ความปรารถนากำลังโจมตีเธออยากหนักจนขาทั้งสองข้างมันกำลังสั่นเทา เบลล่าสัมผัสได้ถึงความเปียกชื้นที่จุดกึ่งกลางจนเธอจนต้องหนีบขาเข้าด้วยกัน คอของเธอมันแห้งผาดราวกับว่าเธอกำลังกระหายน้ำ“แกรนด์ดยุคเขาจะรักษาเจ้าได้ยังไง เขาไม่ใช่หมอสักหน่อย”เธอกำลังหงุดหงิด เขาจะถามอะไรมากมายนัก แค่ไปทำตามที่เธอสั่งมันยากนักรึไง!!ไบรอันเห็นตัวของเบลล่ากำลังสั่นเทา
เลโอดึงเบลล่าไปกอด เพราะเขาสัมผัสได้ถึงความกังวลมากมายจากสายตาของเธอ“เบล ไม่ว่าข้างหน้าจะมีอะไรรออยู่ ข้าจะเป็นคนปกป้องเจ้าเอง อย่าได้กังวลไปเลย”เธอกำกุญแจในมือเอาไว้แน่น แล้วโอบกอดเลโอ“เลโอ ท่านทำให้ข้ามีแรงสู้ขึ้นมา หากว่าไม่มีท่านข้าอาจจะซื้อเรือสำเภาสักลำแล้วหอบเงินขึ้นเรือหนีไป…”เลโอพรมจูบที่ซอกคอของเธอเบาๆ“เจ้าแข็งแกร่งกว่าที่ตัวเองคิดมากนะเบล ไม่อย่างนั้นตอนที่พบกันครั้งแรกเจ้าไม่กล้ารับงานที่ข้าสั่งไปทำหรอก”ใบหน้าที่งดงามของเบลล่ายกยิ้มขึ้นมา เกือบลืมไปแล้วว่าในตอนแรกเธอและเลโอคือเจ้านายและลูกจ้าง“ยังเจ็บตรงไหนอยู่รึเปล่า?”มือของเขานั้นเริ่มซุกซนจนเธอต้องยกมือขึ้นมาห้ามเอาไว้“ไม่เจ็บแล้วค่ะ แต่ข้ายังเหนื่อยอยู่มาก…”“เช่นนั้นก็นอนกันเถิด”เขากลืนความอยากลงคอไปแล้วโอบกอดเธอเข้ามาในอ้อมแขน เสียงฝนที่ตกอย่างหนักราวกับเสียงเพลงที่ขับกล่อมให้เขาและเธอเข้าสู้ห้วงนิทราอย่างรวดเร็วยามเช้าที่ไร้แสงตะวัน เธอลืมตาขึ้นมาโดยปราศจากเงาของเลโอ เบลล่าลุกขึ้นมาแล้วเดินไปที่หน้าต่าง เช้านี้ฝนตกปรอยๆ พอเหลือบมองนาฬิกาก็พบว่าเป็นเวลาเกือบเที่ยงวันน่าแปลกที่วันนี้เธอไม่รู้สึกง่วงแล้ว เบ
เลโอยกมือขึ้นมากุมมือของเบลล่าเอาไว้ เขามองเธอด้วยสายตาแห่งความเจ็บปวด ถึงอาเชอร์จะช่วยรักษาเธอแล้วแต่อวัยวะภายในได้รับความเสียหายอย่างมาก จะต้องใช้เวลาในการฟื้นฟูตัวเองที่ห้องข้างๆ ก็ตึงเครียดไม่แพ้กัน ถึงจักรพรรดินีจะได้รับยาพิษไปในปริมาณเล็กน้อย แต่นั่นก็เพียงพอที่ทำให้เธอสูญเสียลูกคนแรกไป ถึงแม้จะพ้นขีดอันตรายแล้วแต่สภาพจิตใจของคิร่าแย่มากทีเดียวงานเลี้ยงด้านล่างยังคงดำเนินต่อไปไม่มีการยกเลิก…“พระองค์ควรจะลงไปข้างล่าง…ซ่อนความเจ็บปวดและอ่อนแอในใจเอาไว้ให้มิดชิด อย่าให้คนที่กระทำรับรู้ว่าเรากำลังเจ็บปวด”เอซยกมือขึ้นมาตบไหล่ของวัลโด้เบาๆ วัลโด้มองมาที่เลโอที่พยักหน้าให้เขาเขาสูญเสียลูกคนแรกไป ในตอนนี้ขาทั้งสองข้าจะยืนไม่อยู่แล้วด้วยซ้ำ แต่หากว่าเขาอ่อนแอ คนด้านหลังจะอยู่ได้อย่างไร ตอนนี้เขาถือเป็นผู้นำของทุกคนวัลโด้ถอนหายใจเขายกผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเช็ดคราบเหงื่อและน้ำตาบนใบหน้า ก่อนจะเดินลงไปด้านล่างพร้อมราชเลขา“สภาพเราทุกคน มันดู…แย่ไปหมด คนพวกนั้นฉลาดมาก พวกมันไม่ได้โจมตีแค่ร่างกายแต่โจมตีที่จิตใจของเรา…”โคลด์ทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟา ทำไมมันถึงเกิดเรื่องกับเบลล่าและคิร่าซ้ำแล้วซ้ำ
สตรีใบหน้างดงามที่เข้ามา..นั่นคือภรรยาของเขาไม่ใช่รึไง!!ชายที่เธอควงแขนอยู่นั่นก็ไม่ใช่โคลด์ แล้วไอ้เวรนั่นเป็นใครกันวะ!!!วัลโด้สัมผัสได้ถึงความเย็นยะเยือก ในห้องพอเขามองตามสายตาของเลโอไปก็พบกับผู้ที่เดินเข้ามาในงาน..นั่นมันองค์รัชทายาทมาเดลีนไม่ใช่รึไง ข้างกายของเขาคือสตรีใบหน้างดงามที่คุ้นตา เบลล่า!?“อย่าบอกว่านั่นคือองค์รัชทายาท?”เลโอกล่าวถามพร้อมทั้งชี้ลงไปด้านล่าง วัลโด้พยักหน้า เขาส่งยิ้มจางๆ ให้เลโอ“นี่มันเป็นไปตามแผนของเราเลยไม่ใช่รึไง เป็นเบลล่าก็ถือว่า…”“อย่าได้พูดอะไรเช่นนี้ออกมาอีก และอย่ามาคิดใช้ภรรยาของข้าเป็นหมากในกระดานนี้”เลโอกล่าวจบก็รีบเดินไปหาเบลล่าด้านล่าง วัลโด้ยักไหล่พร้อมกับหัวเราะเบาๆ“เอซ ไม่ลงไปรึไง?”เอซยกยิ้ม“กับเบลข้าไม่ห่วงนางแล้วล่ะ เมื่อคืนได้พูดคุยอะไรกับนางหลายๆ อย่าง ก็พอเข้าใจได้ ตอนนี้พระองค์ต่างหากที่ควรลงไปห้ามแกรนด์ดยุค ไม่ให้เขาทำร้ายองค์รัชทายาทมาเดลีน”วัลโด้ชะงักพร้อมกับมองไปที่บันได เลโอกำลังเดินอย่างรวดเร็วไปหาเบลล่าอ่า..ให้ตายเถอะ!!เขามองไปที่ราชเลขาเพื่อสั่งให้วงดนตรีบรรเลงเพลง แล้วรีบเดินลงไปด้านล่างตามเลโอไปติดๆ“นี่คงจะเป็
องค์จักรพรรดิวัลโด้ถอนหายใจเมื่อเขาเห็นจดหมายในมือ เขารู้สึกรำคาญเมเบโล่ยิ่งนัก แกรนด์ดัชเชสผู้นั้นยื่นเรื่องให้เขารับหลานสาวของนางขึ้นมาเป็นสนมเอกปัญหาก็คือแกรนด์ดัชเชสเมเบโล่สนิทกับท่านพ่อนี่แหละ!! เขาไม่อยากผิดใจกับคิร่าเลยจริงๆ นางกำลังตั้งครรภ์ด้วยเขาไม่อยากทำให้นางคิดมากเลย“หากไม่อยากรับสตรีผู้นั้นมาพระองค์ก็แค่หาทางสร้างพรหมลิขิตให้นางกับชนชั้นสูงสักคน…”เลโอกล่าวพร้อมกับวางกระดาษรายงานเรื่องงบประมาณลงบนโต๊ะ“อันที่จริงข้าส่งนางไปเป็นภรรยาน้อยของแกรนด์ดยุคโอเว่นก็ได้นี่นา”“หากไม่กลัวว่าพระองค์จะสูญเสียกำลังทางทหารไปก็ลองดู”“อ่า ล้อเล่นหน่อยก็ไม่ได้งั้นหรือ?”“ข้าแนะนำทางแก้ไปแล้ว สุดแต่พระองค์จะตัดสินใจเถิด…”เลโอและวัลโด้ถูกเลี้ยงมาด้วยกัน ทำให้เลโอไม่นึกกลัวองค์จักรพรรดิ และวัลโด้ก็ไม่ได้นึกโกรธคำกล่าวของเลโอเลยเพราะเขามองเลโอเป็นพี่ชายมาโดยตลอดเอซยกแก้วเหล้าขึ้นมาดื่ม“เมื่อเช้ากิลข้อมูลส่งข่าวมาว่าอาร์ชดยุคกูเรี่ยนเคลื่อนไหวแปลกๆ เมื่อคืนหลังจากที่เบลล่ากลับมา โดโนแวนตามดูต่อ ปรากฏว่าแกรนด์ดัชเชสเมเบโล่เข้าไปพบกับอาร์ชดยุคที่โรงแรม…”เลโอแย่งแก้วเหล้าในมือของเอซมาดื่มจ
อาร์ชดยุคกูเรี่ยนพาสตรีใบหน้างดงามทั้งสองขึ้นโรงแรมไป ดูไปแล้วก็ไม่มีอะไรที่น่าผิดสังเกต เบลล่าเรียกให้โดโนแวนมาเฝ้าอาร์ชดยุคต่อ ส่วนเธอจะกลับไปพักที่คฤหาสน์ พอมาถึงเมบิลก็มีบัตรเชิญจากพระราชวังส่งมา เปิดอ่านก็พบว่าคิร่าเชิญเธอไปที่งานเลี้ยงต้อนรับองค์รัชทายาทมาเดลีน เธอโยนบัตรเชิญนั้นไว้บนโต๊ะก่อนจะล้มตัวลงนอนบนโซฟา ไม่อยากไปเลยแฮะ…เดิมทีเธอก็ไม่ใช่คนที่จะชอบเข้าสังคมของชนชั้นสูงอยู่แล้ว เบลล่าพยายามหลีกเลี่ยงงานเข้าสังคมมาตลอด เพราะเธอคิดว่ามันไร้สาระ “ท่านหญิงคะ ดยุคเอเซล่ามาขอเข้าพบค่ะ” รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของเบลล่าเธอไม่ทันจะลุกขึ้นเอซก็เดินเข้ามาใจห้องแล้ว เบลล่าอ้าแขนออกเพื่อโอบกอดเขา “คิดถึงจะบ้าอยู่แล้ว!!” เอซกล่าวพร้อมทั้งจูบลงบนผมของเบลล่าอย่างแรง “เหตุใดถึงมายามนี้ ท่านก็รู้ว่าการเดินทางยามค่ำคืนมันอันตราย บ้านเรือนของเรามิได้อยู่ในช่วงที่สงบ…” “ตั้งแต่ข้าย้ายเข้าไปที่เดเลี่ยน ในใจมันก็ไร้ซึ่งความหวาดกลัวใดๆ อีกแล้ว ที่นั่นอยู่ติดกับชายแดน ข้าศึกพร้อมจะบุกเข้ามาทุกเมื่อ ที่หายไปก็เพราะข้าต้องเฝ้าดูการก่อสร้างกำแพงเมือง โชคดีที่ท่านแกรนด์ดยุคโอเว่นส่งทหารไปช่วยเป
ด้านนอกหน้าต่างฝนกำลังตกอย่างหนัก ค่ำคืนที่มืดมิดไร้แสงจันทร์ มีเพียงเสียงของเม็ดฝนที่ตกลงมาแรง พร้อมกับเสียงครางแว่วหวานในห้องผ้าปูที่นอนที่ยับเยินและเปียกชุ่มบ่งบอกได้ดีว่าสตรีและบุรุษบนเตียงนั้นร่วมรักกันอย่างรุนแรงแค่ไหน“อื้อ!! ไม่ไหวแล้ว!!”“หึ ใครจะยอมให้เจ้าเสร็จสมกันที่รัก…”เขาดึงแก่นกายออกมาจากทางรักที่เปียกชุ่มของเธอ ผิวกายที่ขาวราวกับหิมะนั้นขึ้นเป็นสีแดงระเรื่อ ใบหน้าที่งดงามของเธอมีสีหน้าเจ็บปวดและโมโหในเวลาเดียวกัน ดวงตากลมโตของเธอมองมาที่เขาอย่างหงุดหงิด แพรขนตายาวเปียกชุ่มไปด้วยน้ำตา…ความเจ็บปวดที่ส่งผ่านใบหน้าของเธอมันช่าง สาแก่ใจเขายิ่งนัก!!ไม่บ่อยที่เขาจะรู้สึกสนุกกับการร่วมรักเช่นนี้ อาจจะเป็นเพราะเขาต้องการและเฝ้ามองเธอมาอย่างยาวนานเขายกมือขึ้นมาชักรูดตัวตนของเขา พร้อมทั้งส่งสายตายั่วยวนไปให้เธอ…จนกว่าฝนในค่ำคืนนี้จะหยุดตก เขาจะไม่ยอมหยุดทรมานเธอแน่!!!……..“ให้ตายเถอะ ใครจะไปคิดว่าเจ้าจะตั้งครรภ์ได้ไวขนาดนั้น มีเจ้าเด็กตัวอ้วนอยู่ในนี้ใช่ไหม?”คิร่าหัวเราะให้กับท่าทางที่ประหลาดใจของเบลล่า เธอเองก็ไม่อยากจะเชื่อว่าตัวเองจะตั้งครรภ์ได้ห้าเดือนแล้ว“ไม่ท้องสิ
อาเชอร์ก้มมองดอกกุหลาบสีขาวในมือ ก่อนที่เขาจะยกมือขึ้นมาเปิดประตูเข้าไปในบ้าน ตอนนี้เป็นเวลาเย็นมากแล้วท้องฟ้าเริ่มจะเปลี่ยนสีเป็นสีดำเขาออกจากบ้านไปตั้งแต่เมื่อวานตอนเที่ยง…หลังจากเข้าไปด้านในเธอก็คงจะด่าเขาเช่นเดิมไม่สิ อาจจะหนักกว่าทุกวันทว่าทันทีที่อาเชอร์เข้ามาภายในบ้านก็มืดสนิท เขายกมือขึ้นมาร่ายเวทย์เพื่อจุดตะเกียงที่ต่างๆ ในบ้านอาเชอร์วางดอกไม้เอาไว้บนโต๊ะ เขาเดินเข้าไปในห้องนอนเพื่อไปหาโจลี่“เจ้า..กินข้าวรึยัง?”เขากลืนน้ำลายลงคออย่างคนที่รู้สึกผิด…อาเชอร์นั่งลงบนเตียงข้างๆ โจลี่“วันนี้ลูกดิ้นรึเปล่า ยังแพ้ท้องอยู่ไหม….”เขาชะงักเมื่อเห็นดวงตาของเธอบวมช้ำราวกับว่าผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก“โจลี่…ข้าขอโทษ ข้าไปทำงานมา…”“ทำงาน!! ท่านก็อ้างแต่ว่าทำงานตลอด อาเชอร์ท่านหายไปหนึ่งวันโดยที่ไม่บอกกล่าวข้าเลย!!”เธอลุกขึ้นมา แล้วยกมือทุบเขาอย่างแรง อาเชอร์ไม่ได้ตอบโต้เขาทำเพียงนั่งนิ่งๆ เพื่อให้เธอได้ระบายอารมณ์จนกว่าเธอจะพอใจ“เหตุใดถึงไม่หลบการโจมตีของข้า…”“ก็ข้าผิดจริงๆ นี่นา เจ้าทุบตีข้าได้เลย ทุบตีได้จนกว่าเจ้าจะหายโกรธ”เธอเม้มปากแน่น อาเชอร์ยกมือขึ้นมา บรรจงเช็ดน้ำตาให้เ