คิร่ามองออกไปที่ด้านนอกหน้าต่างของพระราชวัง ตอนนี้แผลถูกแทงของเธอหายไปโดยการร่ายเวทรักษาของท่านนักบุญอาเชอร์
ท่านพี่โคลด์ยกมือขึ้นมาลูบหัวเธอเบาๆ “เราทุกคนต่างก็เสียใจ และพี่คิดว่าคนที่เสียใจที่สุดก็คือเราสองคน…” โคลด์ส่งสมุดบันทึกให้คิร่า เธอรับมันมาด้วยมือที่สั่นเทา “ข้าคิดว่าการที่เราไม่ไปหานาง จะทำให้นางเบาใจเรื่องของพวกเรา แต่มันกลับทำให้นาง..จมอยู่กับความเจ็บปวด…” คิร่าถอนหายใจ เธอเปิดสมุดบันทึกของท่านพ่อออกมา… สมัยก่อนเคนเนดี้เป็นเพียงตระกูลเล็กๆ ชาร์ลพึ่งได้ตำแหน่งเคาน์มา เขาจัดการใช้เงินเก็บที่มีลงทุนไปกับธุรกิจสมุนไพร สมัยนั้นมีนักบุญที่มีพลังศักดิ์สิทธิ์จำนวนมากผู้คนก็เลยไม่ค่อยเห็นคุณค่าของสมุนไพร ทว่าชาร์ลยังคงไม่ยอมแพ้เพราะเขารู้ว่าวันหนึ่งพลังรักษาจะต้องจางหายไปตามกาลเวลา แล้วก็จะไม่เพียงพอต่อความต้องการ สักวันหนึ่งสมุนไพรของเขาจะต้องขายได้ ก็แค่รอเวลาเท่านั้น ทว่าชนชั้นสูงคนอื่นต่างก็ดูแคลนเคนเนดี้ถึงการทำไร่สมุนไพรที่แสนจะโง่เขลา เมลยกมือขึ้นมาเช็ดเหงื่อที่ไหลซึมบนใบหน้าของชาร์ล “ชาร์ลท่านควรจะแบ่งเงินทุนไปทำธุรกิจอื่นบ้าง ท่านพ่อกับท่านแม่ของข้าต้องการความมั่นคง…” เขามองไปที่ใบหน้าวิตกกังวลของหญิงคนรักด้วยหัวใจที่เจ็บปวด มินาเดส เมล คือคนรักของเขา ตระกูลมินาเดสนั้นค่อนข้างจะรุ่งเรืองและมีอำนาจเพราะเป็นถึงตระกลูของแม่ทัพ ซึ่งท่านแม่ของเธอไม่ชอบเคาน์จนๆ อย่างเขาเลย.. “อืม เอาอย่างนั้นก็ได้เมล” เขาและเมลมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกันหลายครั้ง ชาร์ลตั้งใจว่าจะแบ่งเงินลงทุนไปกับธุรกิจเรือส่งสินค้าบ้าง เขาพยายามอย่างหนักเพื่อให้ตัวเองประสบความสำเร็จ แม่ของเมลจะได้ยอมยกเธอให้มาเป็นเคาน์เตสของเขา ทว่าเรือสำเภาในนามของเคนเนดี้เกิดจมลงใต้ทะเลเพราะทนแรงพายุไม่ไหว ค่าเสียหายสิ่งของบนเรือทั้งหมด ชาร์ลจะต้องหามาจ่ายคืนแก่ผู้ว่าจ้าง แม่ของเมลเห็นท่าไม่ดี ตระกูลเคนเนดี้จะต้องล่มสลายเป็นแน่ เธอไม่อาจจะฝากชีวิตของบุตรสาวอันเป็นที่รักไว้กับคนล้มเหลวเช่นชาร์ลได้!! การแต่งงานระหว่างตระกูลมินาเดส และ แมรี่ ถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ ชาร์ลถึงกับกินไม่ได้นอนไม่หลับอยู่หลายเดือน ราวกับว่าชีวิตของเขามันไร้ความหมายแล้ว ทว่าสิ่งที่ทำให้เขาลุกขึ้นมาสู้อีกครั้ง คือความคับแค้นในใจ ชาร์ลเริ่มหากู้เงินมาจ่ายค่าเสียหายทั้งหมด และเขายังเชื่อมั่นในตัวเองเรื่องสมุนไพรอยู่ เขาจึงยังคงทุ่มเททำไร่สมุนไพรต่อไป ในค่ำคืนที่เงียบสงบ มินาเดสล่มสลายเพราะถูกชนเผ่าบาซิเลี่ยนบุกมาตามล้างแค้น ในใจของชาร์ลรู้สึกห่วงใยเมลอยู่ลึกๆ เพราะว่าเธอจะอยู่ที่แมรี่โดยไร้ที่พึ่งพิงแล้ว..ทว่าชีวิตจำต้องเดินต่อและเขาควรจะตัดใจ ชาร์ลได้รู้จักกับคาเลนโดยบังเอิญจากการค้าขายสมุนไพร “ถึงข้าจะเป็นเคาน์ แต่เคนเนดี้ยากจนนัก เจ้าจะยินดีร่วมกันสร้างไร่สมุนไพรนี้กับข้าไหม?” “มีเหตุผลอะไรให้ต้องปฏิเสธกันคะ ข้าจะช่วยท่านขายสมุนไพรเอง” ไม่มีพิธีแต่งงานหรืองานเลี้ยงระหว่างเขาและเธอ มีเพียงคำสาบานที่มั่นคงต่อหน้าพระจันทร์เท่านั้น สองปีต่อมาเกิดโรคระบาดขึ้นมาราชอาณาจักร นักบุญและนักบวชมิอาจจะใช้พลังศักดิ์สิทธิ์รักษาทุกคนได้ พระราชวังใช้เงินจำนวนมากในการหาซื้อสมุนไพร เคนเนดี้โด่งดังในชั่วข้ามคืน ไร่สมุนไพรที่ใครๆ ต่างก็มองว่าไร้สาระ ในวันนี้สามารถทำเงินได้หลายร้อยล้านเหรียญ ชาร์ลโอบกอดคาเลนแน่น เราทั้งสองคนร้องไห้ด้วยความสุขท่ามกลางกองเหรียญทองที่มากมาย สูงท่วมตัวของพวกเขา หน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์ทุกฉบับต่างลงข่าวเรื่องเคนเนดี้ที่ร่ำรวยในชั่วข้ามคืน ชาร์ลใช้เงินส่วนหนึ่งไปกับการซื้อคฤหาสน์ เขาเริ่มวางแผนธุรกิจและวางแผนการเงินอย่างจริงจังทำให้เคนเนดี้ประสบความสำเร็จมาเรื่อยๆ ในค่ำคืนที่ฝนพรำ มีจดหมายส่งมาจากเมล ว่ามิลาด้าคือลูกสาวของเขา…. เขาคุกเข่าสำนึกผิดต่อหน้าคาเลนที่กำลังอุ้มท้องลูกคนแรกของเขา “พานางมาอยู่ที่นี่ได้ไหมคะ? ข้าจะเลี้ยงนางเอง” อ่า เธอช่างแสนดี..ดีจนเขามั่นใจว่าเขาเลือกไม่ผิดเลยจริงๆ ชาร์ลส่งจดหมายกลับไปให้เมลเพื่อขอคุยกับมาร์คคิสแมรี่และเมล เขาตั้งใจว่าจะทำทุกอย่างให้ถูกต้องและรับเมลกับมิลาด้ามาอยู่ด้วยกัน จดหมายตอบกลับมาหาเขา คือเธอปฏิเสธ มิลาด้ามีสัญญาหมั้นหมายกับริชแมนหากว่าเธอมาอยู่กับเขาสัญญาหมั้นหมายนี้ก็จะจบลง แล้วทุกคนก็จะตราหน้าเธอว่าเป็นสตรีชั่วช้า เธอขอร้องไม่ให้เขาบอกใครเรื่องที่มิลาด้าเป็นลูกของเขา เพียงแต่ในยามที่มิลาด้าเดือดร้อน ให้เขายื่นมือไปช่วยบ้างเท่านั้นก็พอ ชาร์ลจึงไม่ไปยุ่งกับมิลาด้า แต่เขาว่าจ้างคนไปดูแลเธออยู่ห่างๆ เขาได้ส่งมอบบันทึกนี้ให้โคลด์พร้อมทั้งบอกกล่าวถึงความจริงให้ลูกชายของเขาได้รับรู้เอาไว้ เผื่อวันไหนที่มิลาด้าเดือดร้อน โคลด์จะได้ไปช่วยพี่สาวได้ทัน…. คิร่ายกยิ้ม เธอถอนหายใจอย่างโล่งอก “ข้าบอกนางไปแล้วนะคะ ว่าข้ารู้ว่านางคือพี่สาวของข้า ตอนนี้ข้าก็เลย รู้สึกโล่งใจมากๆ ที่ได้บอกกล่าวสิ่งที่อัดอั้นในใจ…” “ดีแล้วล่ะ” “เมื่อไหร่ท่านจะกลับไปสักที ข้าต้องการอยู่กับพระชายา…” วัลโด้เดินเข้ามาพร้อมกับนั่งลงบนเตียงข้างคิร่า “องค์รัชทายาทก็ช่วยปรับความเข้าใจในสิ่งที่ท่านกล่าวออกไปก่อนหน้านี้ด้วยนะครับ” วัลโด้ยกมือขึ้นมาลูบผมของคิร่า “ทั้งหมดมันเป็นแผนของเอซ..หากเจ้าไม่หายโกรธ ข้าจะสั่งประหารเขาซะ!!” …..ง้อแบบนั้นก็ได้เรอะ!! โคลด์ส่ายหน้าเบาๆ เขาโบกมือลาคิร่า แล้วเดินออกมา เรื่องคิร่าก็เรียบร้อยแล้ว เขาควรจะไปหาเบลสิ ไม่รู้ว่าป่านนี้เจ้าพวกนั้นจะตีกันตายไปแล้วรึยัง!! โคลด์ใช้เวลาไม่นานก็มาถึงคฤหาสน์โอเว่น เขาส่งยิ้มให้แกรนด์ดัชเชสก่อนจะขึ้นไปด้านบน “ปะ..ปล่อยนะ!! อื้อ!!” ให้ตายเถอะนั่นมันเสียงอะไรกัน!! โคลด์เปิดประตูเข้ามาก็ตกใจ เขาเห็นเอซกำลังจุมพิตเบลล่าอยู่ ส่วนท่านดยุคกำลังพยายามถอดเสื้อผ้าของเบลออก “บอกข้าทีว่านี่มันเรื่องอะไรกัน…?” โคลด์เดินเข้ามาหาเบลล่าเขาดึงเธอออกมาจากอ้อมกอดของเอซ “อยากตายรึไง!!” เอซกล่าวพร้อมทั้งยกมือขึ้นมาเช็ดมุมปากของเบลล่า ส่วนเลโอกำลังถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย “พวกเจ้ากำลังขืนใจนางงั้นเรอะ!! ข้ายอมไม่ได้!!” โคลด์โอบกอดเบลล่าเอาไว้ในอก ส่วนเลโอและเอซกำลังขมวดคิ้วมองมาที่เขา “ทนไม่ได้ก็ออกไปซะ ข้าไม่ได้ขอร้องให้เจ้าอยู่…” เลโอกล่าวพร้อมทั้งดึงเบลล่าออกมาจากอ้อมกอดของโคลด์ เขาวางเธอลงบนเตียงก่อนจะดึงสายชุดนอนของเธอออกมา เบลล่าตกใจเล็กน้อย ให้ตายเถอะนี่มันอะไรกัน!! “ข้าเพียงแค่จะตรวจดูร่างกายของเจ้าก็เท่านั้น ว่ามีแผลที่อื่นอีกรึเปล่า…” เลโอถอดชุดนอนของเธอออก จนกลายเป็นว่าตอนนี้เบลล่าเปลือยเปล่าต่อหน้าทุกคน เธอรีบดึงผ้าห่มมาเพิ่มปิดบังส่วนที่น่าอายเอาไว้ ทว่าเลโอนั้นรู้ทันเธอเขาดึงผ้าห่มทิ้งลงไปที่พื้นอย่างรวดเร็ว เขายกนิ้วขึ้นมาแตะที่ริมฝีปากอวบอิ่มของเธอ แล้วลากลงไปด้านล่าง ผ่านลำคอระหง เขาลากนิ้ววนเบาๆ ที่อกอวบอิ่มก่อนจะสัมผัสเน้นย้ำตรงยอดอก เธอเม้มปากแน่นเพื่อไม่ให้ส่งเสียงที่น่าอายออกมา…ทว่าก็ช่าง…ทำได้ยากเย็น เลโอลากนิ้วของเขาลงไปเรื่องๆ ผ่านเอวที่คอดกิ่ว ลงมาจนถึงจุดกึ่งกลาง “เจ้าก็ดูปลอดภัยดี ไม่มีแผลที่ใดบนร่างกายอีก” “เช่นนั้นก็ควรจะคืนชุดนอนให้ข้า!” เลโอขมวดคิ้ว เขามองชุดนอนของเธอที่กองอยู่บนพื้น “ข้าสำรวจดูร่างกายของเจ้าก็เพราะว่าจะดูว่าเจ้าบาดเจ็บตรงไหนรึเปล่า แต่นี่เจ้าดูสบายดี…เช่นนั้นเจ้าก็จะสามารถรับสัมผัสที่ข้าจะบรรจงมอบให้….” โคลด์รู้สึกได้เลยว่าเหงื่อของเขามันกำลังไหลซึมออกมา พร้อมกับหัวใจที่เต้นแรง ใบหน้าที่เย้ายวนเช่นนั้นของเบลล่าเขาไม่เคยเห็นมาก่อน อีกทั้งตอนนี้ท่านดยุค และเอซกำลังถอดเสื้อผ้าอยู่ “ว่ายังไงเคาน์เคนเนดี้ ยังจะอยากห้ามข้าอยู่รึเปล่า?” ท่านดยุคกล่าวถามเขาพร้อมทั้งแสยะยิ้ม เขาก็อยากจะกล่าวห้ามออกไปถ้าไม่ติดกับว่าตัวตนของเขาในตอนนี้ มันกำลังตื่นขึ้นมา..เบลล่าตื่นขึ้นมากลางดึก ไบรอันยังคงโอบกอดเธอเอาไว้ ส่วนเลโอนอนอีกฝั่งนึกตอนที่ทั้งสองคนมาเจอกันไม่ออกเลย แต่รอยช้ำที่แก้มของไบรอันก็บอกเธอได้ดี ว่ากว่าเลโอจะยอมคงจะตกลงกันนานพอสมควรเธอลุกขึ้นเดินไปที่หน้าต่างก่อนจะมองไปด้านล่าง เบลล่ามองฝนที่ยังคงตกลงมาต่อเนื่องอย่างไม่มีทีท่าว่าจะแล้งเธอไม่ชอบเวลาฝนตกเลย มันเหมือนกับว่าบรรยากาศรอบข้างมันเศร้ายังไงไม่รู้เลโอลุกขึ้นจากเตียง เขาเดินมาโอบกอดเธอจากด้านหลัง“นอนไม่หลับอีกแล้วงั้นหรือ ไปเจออะไรที่วิหารมา”เธอถอนหายใจ“ข้าไม่แน่ใจว่าสิ่งที่ข้าเห็นมันจะเป็นจริงรึเปล่า แต่ในอนาคตที่ไม่รู้ว่าระยะเวลามันจะอีกแค่ไหน ข้าจะตาย…”เบลล่าสัมผัสได้ถึงอ้อมกอดที่แน่นขึ้นของเลโอ เขาพรมจูบที่ต้นคอของเธอไล่ลงไปจนถึงไหล่“นั่น!..อาจจะมีอะไรผิดพลาด ข้าจะไม่ยอมให้เป็นเช่นนั้นแน่!”เธอยกมือขึ้นมากุมหน้าเขาเอาไว้“ข้ารู้เลโอ ว่าท่านจะต้องปกป้องข้า ข้าก็ไม่คิดจะยอมรับโชคชะตาเช่นนั้นเหมือนกัน การที่อาเชอร์บอกเรื่องนี้กับข้าแสดงว่าเขาอยากให้ข้าเป็นคนแก้ปัญหา…”“ข้าจะช่วยแก้ปัญหาด้วย!”ไบรอันลุกขึ้น เขาเดินมาหาเบลล่าพร้อมทั้งเอาคางเกยไว้ที่ไหล่ของเธอ“ตอนที่เจ้า
ไบรอันมองเบลล่าอย่างเป็นห่วง เขายกมือขึ้นมาแตะที่หน้าผากของเธอเพราะตอนนี้ใบหน้าของเธอมันกำลังแดง จริงๆ ไม่ใช่แดงแค่หน้าแต่แขนและคอของเธอมันแดงไปหมด“เบล ข้าควรไปตามนักบุญด้านนอกมารักษาเจ้า”“โพชั่นที่อาเชอร์ทำ ไม่มีเวทมนตร์ใดที่สามารถรักษาได้ มีแต่ต้องรอให้มันหายไปเองเท่านั้น!”อาการของเธอดูน่าเป็นห่วงจนไบรอันรู้สึกไม่ดีเลย ใบหน้าที่งดงามของเธอมันบิดเบี้ยวเพราะเธอกำลังเจ็บปวด“ล็อกห้องนี้แล้วพาข้ากลับเมบิล…”ไบรอันอุ้มเธอขึ้นมาเขาพาเธอเดินออกไปพร้อมกับปิดห้องให้เรียบร้อย แล้วรีบอุ้มเบลล่าไปที่รถม้า“อื้อ!!”เขาวางเธอลงบนรถม้า ตอนนี้ใบหน้าของเธอมันชุ่มไปด้วยหยาดเหงื่อ“ข้าควรจะตามหมอมารักษาเจ้า”เบลล่าส่ายหน้า“ไม่ต้อง!! ไปตามเลโอมาก็พอ อึก!!”ความปรารถนากำลังโจมตีเธออยากหนักจนขาทั้งสองข้างมันกำลังสั่นเทา เบลล่าสัมผัสได้ถึงความเปียกชื้นที่จุดกึ่งกลางจนเธอจนต้องหนีบขาเข้าด้วยกัน คอของเธอมันแห้งผาดราวกับว่าเธอกำลังกระหายน้ำ“แกรนด์ดยุคเขาจะรักษาเจ้าได้ยังไง เขาไม่ใช่หมอสักหน่อย”เธอกำลังหงุดหงิด เขาจะถามอะไรมากมายนัก แค่ไปทำตามที่เธอสั่งมันยากนักรึไง!!ไบรอันเห็นตัวของเบลล่ากำลังสั่นเทา
เลโอดึงเบลล่าไปกอด เพราะเขาสัมผัสได้ถึงความกังวลมากมายจากสายตาของเธอ“เบล ไม่ว่าข้างหน้าจะมีอะไรรออยู่ ข้าจะเป็นคนปกป้องเจ้าเอง อย่าได้กังวลไปเลย”เธอกำกุญแจในมือเอาไว้แน่น แล้วโอบกอดเลโอ“เลโอ ท่านทำให้ข้ามีแรงสู้ขึ้นมา หากว่าไม่มีท่านข้าอาจจะซื้อเรือสำเภาสักลำแล้วหอบเงินขึ้นเรือหนีไป…”เลโอพรมจูบที่ซอกคอของเธอเบาๆ“เจ้าแข็งแกร่งกว่าที่ตัวเองคิดมากนะเบล ไม่อย่างนั้นตอนที่พบกันครั้งแรกเจ้าไม่กล้ารับงานที่ข้าสั่งไปทำหรอก”ใบหน้าที่งดงามของเบลล่ายกยิ้มขึ้นมา เกือบลืมไปแล้วว่าในตอนแรกเธอและเลโอคือเจ้านายและลูกจ้าง“ยังเจ็บตรงไหนอยู่รึเปล่า?”มือของเขานั้นเริ่มซุกซนจนเธอต้องยกมือขึ้นมาห้ามเอาไว้“ไม่เจ็บแล้วค่ะ แต่ข้ายังเหนื่อยอยู่มาก…”“เช่นนั้นก็นอนกันเถิด”เขากลืนความอยากลงคอไปแล้วโอบกอดเธอเข้ามาในอ้อมแขน เสียงฝนที่ตกอย่างหนักราวกับเสียงเพลงที่ขับกล่อมให้เขาและเธอเข้าสู้ห้วงนิทราอย่างรวดเร็วยามเช้าที่ไร้แสงตะวัน เธอลืมตาขึ้นมาโดยปราศจากเงาของเลโอ เบลล่าลุกขึ้นมาแล้วเดินไปที่หน้าต่าง เช้านี้ฝนตกปรอยๆ พอเหลือบมองนาฬิกาก็พบว่าเป็นเวลาเกือบเที่ยงวันน่าแปลกที่วันนี้เธอไม่รู้สึกง่วงแล้ว เบ
เลโอยกมือขึ้นมากุมมือของเบลล่าเอาไว้ เขามองเธอด้วยสายตาแห่งความเจ็บปวด ถึงอาเชอร์จะช่วยรักษาเธอแล้วแต่อวัยวะภายในได้รับความเสียหายอย่างมาก จะต้องใช้เวลาในการฟื้นฟูตัวเองที่ห้องข้างๆ ก็ตึงเครียดไม่แพ้กัน ถึงจักรพรรดินีจะได้รับยาพิษไปในปริมาณเล็กน้อย แต่นั่นก็เพียงพอที่ทำให้เธอสูญเสียลูกคนแรกไป ถึงแม้จะพ้นขีดอันตรายแล้วแต่สภาพจิตใจของคิร่าแย่มากทีเดียวงานเลี้ยงด้านล่างยังคงดำเนินต่อไปไม่มีการยกเลิก…“พระองค์ควรจะลงไปข้างล่าง…ซ่อนความเจ็บปวดและอ่อนแอในใจเอาไว้ให้มิดชิด อย่าให้คนที่กระทำรับรู้ว่าเรากำลังเจ็บปวด”เอซยกมือขึ้นมาตบไหล่ของวัลโด้เบาๆ วัลโด้มองมาที่เลโอที่พยักหน้าให้เขาเขาสูญเสียลูกคนแรกไป ในตอนนี้ขาทั้งสองข้าจะยืนไม่อยู่แล้วด้วยซ้ำ แต่หากว่าเขาอ่อนแอ คนด้านหลังจะอยู่ได้อย่างไร ตอนนี้เขาถือเป็นผู้นำของทุกคนวัลโด้ถอนหายใจเขายกผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเช็ดคราบเหงื่อและน้ำตาบนใบหน้า ก่อนจะเดินลงไปด้านล่างพร้อมราชเลขา“สภาพเราทุกคน มันดู…แย่ไปหมด คนพวกนั้นฉลาดมาก พวกมันไม่ได้โจมตีแค่ร่างกายแต่โจมตีที่จิตใจของเรา…”โคลด์ทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟา ทำไมมันถึงเกิดเรื่องกับเบลล่าและคิร่าซ้ำแล้วซ้ำ
สตรีใบหน้างดงามที่เข้ามา..นั่นคือภรรยาของเขาไม่ใช่รึไง!!ชายที่เธอควงแขนอยู่นั่นก็ไม่ใช่โคลด์ แล้วไอ้เวรนั่นเป็นใครกันวะ!!!วัลโด้สัมผัสได้ถึงความเย็นยะเยือก ในห้องพอเขามองตามสายตาของเลโอไปก็พบกับผู้ที่เดินเข้ามาในงาน..นั่นมันองค์รัชทายาทมาเดลีนไม่ใช่รึไง ข้างกายของเขาคือสตรีใบหน้างดงามที่คุ้นตา เบลล่า!?“อย่าบอกว่านั่นคือองค์รัชทายาท?”เลโอกล่าวถามพร้อมทั้งชี้ลงไปด้านล่าง วัลโด้พยักหน้า เขาส่งยิ้มจางๆ ให้เลโอ“นี่มันเป็นไปตามแผนของเราเลยไม่ใช่รึไง เป็นเบลล่าก็ถือว่า…”“อย่าได้พูดอะไรเช่นนี้ออกมาอีก และอย่ามาคิดใช้ภรรยาของข้าเป็นหมากในกระดานนี้”เลโอกล่าวจบก็รีบเดินไปหาเบลล่าด้านล่าง วัลโด้ยักไหล่พร้อมกับหัวเราะเบาๆ“เอซ ไม่ลงไปรึไง?”เอซยกยิ้ม“กับเบลข้าไม่ห่วงนางแล้วล่ะ เมื่อคืนได้พูดคุยอะไรกับนางหลายๆ อย่าง ก็พอเข้าใจได้ ตอนนี้พระองค์ต่างหากที่ควรลงไปห้ามแกรนด์ดยุค ไม่ให้เขาทำร้ายองค์รัชทายาทมาเดลีน”วัลโด้ชะงักพร้อมกับมองไปที่บันได เลโอกำลังเดินอย่างรวดเร็วไปหาเบลล่าอ่า..ให้ตายเถอะ!!เขามองไปที่ราชเลขาเพื่อสั่งให้วงดนตรีบรรเลงเพลง แล้วรีบเดินลงไปด้านล่างตามเลโอไปติดๆ“นี่คงจะเป็
องค์จักรพรรดิวัลโด้ถอนหายใจเมื่อเขาเห็นจดหมายในมือ เขารู้สึกรำคาญเมเบโล่ยิ่งนัก แกรนด์ดัชเชสผู้นั้นยื่นเรื่องให้เขารับหลานสาวของนางขึ้นมาเป็นสนมเอกปัญหาก็คือแกรนด์ดัชเชสเมเบโล่สนิทกับท่านพ่อนี่แหละ!! เขาไม่อยากผิดใจกับคิร่าเลยจริงๆ นางกำลังตั้งครรภ์ด้วยเขาไม่อยากทำให้นางคิดมากเลย“หากไม่อยากรับสตรีผู้นั้นมาพระองค์ก็แค่หาทางสร้างพรหมลิขิตให้นางกับชนชั้นสูงสักคน…”เลโอกล่าวพร้อมกับวางกระดาษรายงานเรื่องงบประมาณลงบนโต๊ะ“อันที่จริงข้าส่งนางไปเป็นภรรยาน้อยของแกรนด์ดยุคโอเว่นก็ได้นี่นา”“หากไม่กลัวว่าพระองค์จะสูญเสียกำลังทางทหารไปก็ลองดู”“อ่า ล้อเล่นหน่อยก็ไม่ได้งั้นหรือ?”“ข้าแนะนำทางแก้ไปแล้ว สุดแต่พระองค์จะตัดสินใจเถิด…”เลโอและวัลโด้ถูกเลี้ยงมาด้วยกัน ทำให้เลโอไม่นึกกลัวองค์จักรพรรดิ และวัลโด้ก็ไม่ได้นึกโกรธคำกล่าวของเลโอเลยเพราะเขามองเลโอเป็นพี่ชายมาโดยตลอดเอซยกแก้วเหล้าขึ้นมาดื่ม“เมื่อเช้ากิลข้อมูลส่งข่าวมาว่าอาร์ชดยุคกูเรี่ยนเคลื่อนไหวแปลกๆ เมื่อคืนหลังจากที่เบลล่ากลับมา โดโนแวนตามดูต่อ ปรากฏว่าแกรนด์ดัชเชสเมเบโล่เข้าไปพบกับอาร์ชดยุคที่โรงแรม…”เลโอแย่งแก้วเหล้าในมือของเอซมาดื่มจ
อาร์ชดยุคกูเรี่ยนพาสตรีใบหน้างดงามทั้งสองขึ้นโรงแรมไป ดูไปแล้วก็ไม่มีอะไรที่น่าผิดสังเกต เบลล่าเรียกให้โดโนแวนมาเฝ้าอาร์ชดยุคต่อ ส่วนเธอจะกลับไปพักที่คฤหาสน์ พอมาถึงเมบิลก็มีบัตรเชิญจากพระราชวังส่งมา เปิดอ่านก็พบว่าคิร่าเชิญเธอไปที่งานเลี้ยงต้อนรับองค์รัชทายาทมาเดลีน เธอโยนบัตรเชิญนั้นไว้บนโต๊ะก่อนจะล้มตัวลงนอนบนโซฟา ไม่อยากไปเลยแฮะ…เดิมทีเธอก็ไม่ใช่คนที่จะชอบเข้าสังคมของชนชั้นสูงอยู่แล้ว เบลล่าพยายามหลีกเลี่ยงงานเข้าสังคมมาตลอด เพราะเธอคิดว่ามันไร้สาระ “ท่านหญิงคะ ดยุคเอเซล่ามาขอเข้าพบค่ะ” รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของเบลล่าเธอไม่ทันจะลุกขึ้นเอซก็เดินเข้ามาใจห้องแล้ว เบลล่าอ้าแขนออกเพื่อโอบกอดเขา “คิดถึงจะบ้าอยู่แล้ว!!” เอซกล่าวพร้อมทั้งจูบลงบนผมของเบลล่าอย่างแรง “เหตุใดถึงมายามนี้ ท่านก็รู้ว่าการเดินทางยามค่ำคืนมันอันตราย บ้านเรือนของเรามิได้อยู่ในช่วงที่สงบ…” “ตั้งแต่ข้าย้ายเข้าไปที่เดเลี่ยน ในใจมันก็ไร้ซึ่งความหวาดกลัวใดๆ อีกแล้ว ที่นั่นอยู่ติดกับชายแดน ข้าศึกพร้อมจะบุกเข้ามาทุกเมื่อ ที่หายไปก็เพราะข้าต้องเฝ้าดูการก่อสร้างกำแพงเมือง โชคดีที่ท่านแกรนด์ดยุคโอเว่นส่งทหารไปช่วยเป
ด้านนอกหน้าต่างฝนกำลังตกอย่างหนัก ค่ำคืนที่มืดมิดไร้แสงจันทร์ มีเพียงเสียงของเม็ดฝนที่ตกลงมาแรง พร้อมกับเสียงครางแว่วหวานในห้องผ้าปูที่นอนที่ยับเยินและเปียกชุ่มบ่งบอกได้ดีว่าสตรีและบุรุษบนเตียงนั้นร่วมรักกันอย่างรุนแรงแค่ไหน“อื้อ!! ไม่ไหวแล้ว!!”“หึ ใครจะยอมให้เจ้าเสร็จสมกันที่รัก…”เขาดึงแก่นกายออกมาจากทางรักที่เปียกชุ่มของเธอ ผิวกายที่ขาวราวกับหิมะนั้นขึ้นเป็นสีแดงระเรื่อ ใบหน้าที่งดงามของเธอมีสีหน้าเจ็บปวดและโมโหในเวลาเดียวกัน ดวงตากลมโตของเธอมองมาที่เขาอย่างหงุดหงิด แพรขนตายาวเปียกชุ่มไปด้วยน้ำตา…ความเจ็บปวดที่ส่งผ่านใบหน้าของเธอมันช่าง สาแก่ใจเขายิ่งนัก!!ไม่บ่อยที่เขาจะรู้สึกสนุกกับการร่วมรักเช่นนี้ อาจจะเป็นเพราะเขาต้องการและเฝ้ามองเธอมาอย่างยาวนานเขายกมือขึ้นมาชักรูดตัวตนของเขา พร้อมทั้งส่งสายตายั่วยวนไปให้เธอ…จนกว่าฝนในค่ำคืนนี้จะหยุดตก เขาจะไม่ยอมหยุดทรมานเธอแน่!!!……..“ให้ตายเถอะ ใครจะไปคิดว่าเจ้าจะตั้งครรภ์ได้ไวขนาดนั้น มีเจ้าเด็กตัวอ้วนอยู่ในนี้ใช่ไหม?”คิร่าหัวเราะให้กับท่าทางที่ประหลาดใจของเบลล่า เธอเองก็ไม่อยากจะเชื่อว่าตัวเองจะตั้งครรภ์ได้ห้าเดือนแล้ว“ไม่ท้องสิ
อาเชอร์ก้มมองดอกกุหลาบสีขาวในมือ ก่อนที่เขาจะยกมือขึ้นมาเปิดประตูเข้าไปในบ้าน ตอนนี้เป็นเวลาเย็นมากแล้วท้องฟ้าเริ่มจะเปลี่ยนสีเป็นสีดำเขาออกจากบ้านไปตั้งแต่เมื่อวานตอนเที่ยง…หลังจากเข้าไปด้านในเธอก็คงจะด่าเขาเช่นเดิมไม่สิ อาจจะหนักกว่าทุกวันทว่าทันทีที่อาเชอร์เข้ามาภายในบ้านก็มืดสนิท เขายกมือขึ้นมาร่ายเวทย์เพื่อจุดตะเกียงที่ต่างๆ ในบ้านอาเชอร์วางดอกไม้เอาไว้บนโต๊ะ เขาเดินเข้าไปในห้องนอนเพื่อไปหาโจลี่“เจ้า..กินข้าวรึยัง?”เขากลืนน้ำลายลงคออย่างคนที่รู้สึกผิด…อาเชอร์นั่งลงบนเตียงข้างๆ โจลี่“วันนี้ลูกดิ้นรึเปล่า ยังแพ้ท้องอยู่ไหม….”เขาชะงักเมื่อเห็นดวงตาของเธอบวมช้ำราวกับว่าผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก“โจลี่…ข้าขอโทษ ข้าไปทำงานมา…”“ทำงาน!! ท่านก็อ้างแต่ว่าทำงานตลอด อาเชอร์ท่านหายไปหนึ่งวันโดยที่ไม่บอกกล่าวข้าเลย!!”เธอลุกขึ้นมา แล้วยกมือทุบเขาอย่างแรง อาเชอร์ไม่ได้ตอบโต้เขาทำเพียงนั่งนิ่งๆ เพื่อให้เธอได้ระบายอารมณ์จนกว่าเธอจะพอใจ“เหตุใดถึงไม่หลบการโจมตีของข้า…”“ก็ข้าผิดจริงๆ นี่นา เจ้าทุบตีข้าได้เลย ทุบตีได้จนกว่าเจ้าจะหายโกรธ”เธอเม้มปากแน่น อาเชอร์ยกมือขึ้นมา บรรจงเช็ดน้ำตาให้เ