“ ก่อนอื่นข้าจะไปสำรวจในครัวก่อนก็แล้วกันนะว่ามีอะไรกินบ้าง แล้วจะลงมือทำความสะอาดห้องพักของข้าก่อน พวกท่านกินอะไรกันหรือยัง ” ชายร่างผอมส่ายหน้า “ ยัง วันนี้ข้ายังไม่ได้ลงจากเตียงเลย ” เพ่ยอันจ้องมองบนเตียงของเขาพบว่าเขาน่าจะยังไม่ได้อาบน้ำและบุตรสาวของเขาก็มอมแมมพอกัน เพราะคนขาเจ็บคงจะลุกจากเตียงลำบากมาก
“ ข้าจะพยุงท่านไปเข้าห้องน้ำและอาบน้ำให้สะอาดก่อนนะ แล้วจะอาบน้ำให้เด็กน้อยคนนี้ เจ้าชื่อว่าลี่หลิน น้าเรียกเจ้าว่าอาหลินก็แล้วกันนะ จะได้เรียกง่ายๆ ดีไหมจ๊ะ ” นางหันไปพูดกับเด็กน้อยที่ดวงตากลมโตจ้องมองนางตาแป๋วแล้วพยักหน้าอย่างเข้าใจ “ อาหลินจะตามไปด้วยกันก็ได้นะ น้าจะได้อาบน้ำให้เจ้าพร้อมกับท่านพ่อเลย ”
เพ่ยอันพับแขนเสื้อของตนเองแล้วผูกเอาไว้ วันนี้คงจะเหนื่อยแน่ งานยังมีให้ทำอีกมากมาย นางเข็นรถเข็นไม้ไปจนชิดกับเตียงหลังใหญ่ของเขา แล้วค่อยๆพยุงเขาขยับมานั่งบนรถเข็นของตนเองจนได้ ขาของเขาน่าจะหักหลายที่ มันคงจะยังไม่สมานกันทั้งหมด “ ท่านยังเจ็บอยู่ไหม ” ชายหนุ่มพยักหน้า
“ เจ็บอยู่ คิดว่ากระดูกคงจะยังไม่สมานกันทั้งหมด แต่แผลนั้นหายแล้ว ไม่ต้องล้างแผลแล้ว ” เขาบอกขณะที่เพ่ยอันจัดท่าทางให้เขานั่งให้ถนัด แล้วค่อยๆเข็นเขาออกไปจากห้อง นางเข็นรถของเขาออกไปจอดไว้หน้าห้องก่อน แล้วเดินกลับมาช่วยหนูน้อยลงจากเตียง แล้วจึงได้ลงมือรวบผ้าผวยของเขาและผ้าปูที่นอนและหมอนออกไปจากห้องทั้งหมดเพราะต้องทำความสะอาดขนาดใหญ่เพราะมีกลิ่นเหม็นมากตั้งแต่นางเดินเข้ามาแล้ว
ขณะที่ทิ้งสองพ่อลูกเอาไว้หน้าห้อง นางก็เดินรวบผ้าผวยมาตากที่ล้านกว้างที่มีไม้ไผ่ผูกเอาไว้เป็นราวตากผ้าไว้หลายราว นางตากหมดทุกผืนแล้วดึงปลอกหมอนออกไปเพื่อจะซัก นางทุบหมอนกับก้อนหินใหญ่ใต้ต้นไม้นั้นเพื่อไล่ฝุ่นแล้วตากเอาไว้บนก้อนหินนั่นแล้วตอนบ่ายค่อยมาเก็บมัน
จากนั้นก็หอบผ้าที่เหลือเดินไปที่โอ่งหน้าครัว แล้ววางเอาไว้ในถังใบใหญ่ข้างโอ่ง แล้วเดินเข้าไปในครัวสำรวจข้าวของในนั้น พบว่ามีข้าวต้มเปล่าๆ อยู่นิดหน่อย แต่มันเย็นชืดแล้วน่าจะเป็นของจากเมื่อวานและค้นพบข้าวสารอีกไม่มากในถังไม้ใต้โต๊ะ ค้นดูวัตถุดิบที่จะใช้ปรุงอาหารมีเกลือเหลืออยู่นิดหน่อย มีไข่ไก่อยู่ในตระกร้าสาน นางคิดว่าหลังจากอาบน้ำให้สองพ่อลูกแล้วจะเดินไปตลาดก่อน แล้วค่อยหลับมาหุงหาอาหาร แต่ต้องซักผ้าตากเอาไว้ก่อน
นางเดินออกมากจากห้องครัวแล้วเดินกลับไปหาสองพ่อลูกนั่น แล้วค่อยๆเข็นรถเข็นของเขามาที่ใกล้โอ่งน้ำขนาดใหญ่ “ ท่านจะเข้าห้องน้ำก่อนหรือไม่ ” เขาพยักหน้า “ อาหลิน นั่งรอน้าที่เก้าอี้ตรงนี้ก่อนนะ อย่าไปที่ไหนนะ น้าจะพาพ่อของเจ้าไปอาบน้ำก่อน ” นางค่อยๆเข็นรถเข็นขอบเขาไปที่ห้องน้ำที่เลยจากครัวไปไม่ไกลมาก นางเปิดประตูออกกว้างแล้วเข็นรถเข็นของเขาเข้าไป แล้วพยุงเขานั่งที่โถส้วม “ ถ้าเสร็จแล้ว เรียกข้านะ ” เขาพยักหน้า นางจึงไม่ได้ปิดประตูห้องน้ำ แล้วเดินกลับไปหาเจ้าตัวน้อย แล้วจับนางถอดอาภรณ์ เจ้าตัวน้อยขัดขืนเล็กน้อยเหมือนนางไม่คุ้นเคยกับเพ่ยอัน
“ ไม่ต้องอายหรอก ถ้าเจ้ายอมอาบนำ้เปลี่ยนอาภรณ์ดีๆ ถ้าน้าไปตลาดจะซื้อขนมมาฝากดีไหม ” เด็กหญิงพยักหน้าน้อยๆ แล้วยอมให้เพ่ยอันถอดอาภรณ์ที่เหม็นสาปของนางออกจนหมด แล้วจูงมือเด็กน้อยไปยืนที่ข้างโอ่งดินเผาใบใหญ่แล้วตักน้ำราดตัวของนางแล้วถูไปมาให้สะอาด นางค้นพบเศษสบู่ที่ทำจากมันแพะ แล้วจึงได้ใช้มันฟอกตัวเด็กน้อยจนสะอาดแล้วอาบน้ำให้นางจนเสร็จแล้ว อุ้มนางเดินไปยังห้องที่มีของใช้ของนางอยู่ ในหีบมีเสื้อผ้าของเด็กน้อยมากมาย เพ่ยอันเช็ดเนื้อตัวของเด็กหญิงจนแห้งดีแล้ว จึงได้สวมอาภรณ์ใหม่ให้นาง แล้วหวีผมให้นางจนเรียบร้อยแล้วดีแล้ว เด็กน้อย หน้าตาน่ารักแจ่มใส่ขึ้นมากเมื่อได้อาบน้ำเปลี่ยนอาภรณ์ใหม่แล้ว เนื้อผ้านี้เป็นเนื้อผ้าอย่างดี คงจะของที่เก็บมาจากจวนเดิมของนางเพ่ยอันครุ่นคิดขณะที่ค้นหาอาภรณ์ที่มีจนเกือบเต็มหีบของเด็กน้อย นางอุ้มเด็กหญิงมาวางไว้บนเก้าอี้ตัวเดิม
“ อาหลิน เจ้ารอที่นี่ก่อนนะ อย่าไปที่ใด น้าจะไปอาบน้ำให้ท่านพ่อของเจ้าก่อน แล้วทำความสะอาดห้องให้ท่านพ่อของเจ้า เข้าใจหรือไม่ ” เด็กหญิงพยักหน้าอย่างเข้าใจ อย่างน้อยเด็กน้อยนี่ก็เชื่อฟังและรู้ความมาก เพ่ยอันคิดแล้วก็เดินย้อนกลับไปที่ห้องน้ำ ก่อนเข้าไปนางร้องถามเขา ได้ยินเสียงตอบรับจึงได้เดินไปช่วยพยุงเขานั่งรถเข็น แล้วเข็นออกมาจากห้องน้ำ แล้วเข็นมาที่ตุ้มน้ำใบใหญ๋
“ ตุ่มใบไหนเป็นน้ำที่ใช้กิน ” เขาชี้มือไปที่ตุ่มใบเล็กที่สุด “ แล้วท่านเอาน้ำมาจากที่ใด ” เขาชี้มือไปที่ริมกำแพงนั้นมีบ่อน้ำเล็กอยู่ ที่นั่นมีเชือกที่พันกับไม้เหมือนชักรอกถังที่ใช้ตักน้ำจากในบ่อขึ้นมาใช้ เพ่ยอันมองตามมือของเขาแล้วก็ค่อยเบาใจ นางลืมไปเลยว่าต้องตักน้ำใส่โอ่งด้วย ดีแล้วที่ในจวนนี้มีบ่อน้ำด้วย ค่อยโล่งใจไปหน่อยคิดว่าจะต้องไปหาบมาจากที่อื่นเสียอีก นางเปิดฝาโอ่งอีกครั้ง แล้วลงมือถอดอาภรณ์ของเขา แต่คนร่างผอมยื้อยุดกางเกงเอาไว้มั่น คงจะอายมาก “ ถ้าอย่างนั้น ข้าให้ท่านอาบเองดีไหม ข้าจะไปเอาผ้ามาให้ท่านเช็ดตัว แล้วค่อยไปเปลี่ยนอาภรณ์ในห้องเองดีไหม เขาพยักหน้า
เพ่ยอันเดินไปหยิบผ้ามาพาดไว้บนราวไม้ใกล้มือของเขา แล้วเดินไปในครัวลงมือหุงข้าวทันที นางนำหม้อดินเผาใบเก่ามาซาวข้าวแล้วก็เดินเข้าไปครัวไปจุดไฟแล้วหุงข้าว นางหันไปเห็นต้นหอมเหลืออยู่จึงได้เดินออกไปล้างต้นหอมแล้วนำมาหั่นใส่ลงในชามแล้วตอกไข่ไปสี่ฟอง นางหยิบเกลือใส่ลงไปนิดหน่อยแล้วใช้ตะเกียบตีไข่จนขึ้นฟู เสร็จแล้วก็คนข้าวในหม้อไปด้วย
เมื่อข้าวใกล้จุะสุกแล้วนางจึงยกหม้อไปซาวน้ำทิ้ง แล้วจึงยกหม้อข้าวมาระอุบนเตาไฟจนข้าวสุกใหม่ส่งกลิ่นหอม แล้วจึงได้ยกระทะดินเผาขึ้นตั้งไฟ แล้วเทน้ำมันที่เหลือติดก้นหม้อเคลือบใบเล็กนั้นลงไปในกระทะรอน้ำมันร้อนจึงได้เทไข่ที่ตีจนขึ้นฟูแล้วลงไปในกระทะหลังจากนั้นก็รอกลับไข่จนมันสุกและกรอบน่ากินมาก ส่งกลิ่นหอมหวลไปทั่วทั้งครัวและคนด้านนอกสองคนก็พากันกลืนน้ำลายกันใหญ่ คนตัวเล็กที่นั่งจุมปุกตามคำสั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวใหญ่นั้นทนไม่ไหว จึงได้ค่อยลงมาจากเก้าอี้แล้วตามกลิ่นอาหารนั้นเข้าไปในครัวทันที นางกลืนน้ำลายอึกใหญ่ท้องน้อยๆนั้นส่งเสียงประท้วงทันที มือป้อมๆยกมือลูบท้องของตนเองไปมา จ้องมองคนที่ทำกับข้าวอย่างมีความหวัง
คนที่อยู่หน้าเตาไฟ หันมาเห็นเข้าก็อดยิ้มไม่ได้ อาหลินน้าทำเสร็จแล้วนะ เจ้าไปนั่งรอกินที่เดิมเดี๋ยวน้าจะยกไปให้ นางหันไปบอกเด็กน้อย แล้วก็หันกลับมาทำงานตรงหน้าต่อ เมื่อไข่สุกแล้วก็ตักออกใส่ลงในจานใบใหญ่ยกกระทะออกวางไว้บนเตาไฟอีกข้างที่เป็นเตาที่ว่างเปล่า แล้วจึงค่อยๆใช้ขี้เถ้าใต้เตานั้นดับไฟลง เพราะต้องประหยัดฟืน นางใช้ชีวิตมัธยัตส์กับมารดามาจนชินแล้ว จึงทำทุกสิ่งดังเช่นปกติที่เคยทำที่เรือนกับมารดา เมื่อเห็นสองพ่อลูกในห้องนั้น นางอดสงสารไม่ได้ และยิ่งกลิ่นตัวและที่นอนหมอนมุ้งของพวกเข้านั้นส่งกลิ่นอย่างรุนแรง นางจำเป็นต้องลงมือทำงานอย่างรวดเร็ว อย่างน้อยคืนนี้พวกเขาก็จะนอนสบายกว่าเดิม
บทส่งท้าย เรื่องชีวิตรักของคุณชายหวู่เฉิงหว่าน นั้นอาภัพรักจริงหรือไม่ …..คุณชายหวู่เฉิ่งหว่านผู้ช้ำรัก หลังจากที่เขากลับมายังเมืองชานตง และได้เข้าไปที่ร้านอาภรณ์พบกับมารดาของเพ่ยอัน และได้รู้เรื่องราวทั้งหมดว่าเพ่ยกันกลับไปคืนดีกับสามีของนางแล้ว และพวกเขากำลังจะแต่งงานกันอีกครั้ง และนางนั้นได้เป็นถึงพระชายาของท่านอ๋องอี้เหวิน และอีกไม่นานมารดาของนางที่ดูแลร้านให้เขาอยู่ในขณะนี้ก็จะขอลาออก เพื่อย้ายไปอยู่กับบุตรสาวที่ตำหนักของท่านอ๋อง เพราะเพ่ยอันตั้งครรภ์ตั้งแต่อยู่ที่ร้านนี้แล้ว แต่นางไม่ได้บอกผู้ใด จนเมื่อคืนดีกับสามีนางถึงได้บอกกับทุกคนว่านางตั้งครรภ์บุตรของท่านอ๋องอี้เหวินแล้ว เป็นอันว่าหนทางรักของเขากับเพ่ยอันสิ้นสุดลงเพียงเท่านี้ ความหวังของเขาที่จะรับนางเป็นอนุนั้นเป็นหมันลงอีกครั้ง แต่อีกใจนั้นเขาก็ยินดีกับนางด้วย นางนั้นมีวาสนาได้เป็นถึงพระชายาของท่านอ๋อง จะมามัวอยากจะฉุดรั้งนางเอาไว้กับเขาและมอบเพียงตำแหน่งอนุให้กับนางนั้น ดูจะเป็นการเห็นแก่ตัวไม่น้อย คุณชายหนุ่มรับปากกับมารดาของเพ่ยอันว่าจะหาคนมาดูแลร้านนี้แทนนาง และมารดาของเพ่ยอันนั้นก็แสนจะดี นางบอกว่าจะอยู่ดูแลร้
“ อ๊าย อ๊ายย อ๊ะ อ๊ะ อย่านะ อย่านะ อ๊าย ” อดีตชายาที่กำลังจะต้องหวนคืนกลับมาดิ้นรนส่ายร่างไปมา นางแอ่นอกจนโค้งขึ้นหาปากหนานั่น อ๋องหนุ่มยิ่งดูดดึงนางยิ่งขึ้น เขาทั้งเลียทั้งดูดดื่มมัน จนร่างบางครวญครางกระเส่าอย่างทนต่อไปไม่ไหวมือหนาของเขาควานลงไปในชุดกระโปรงของนางจนพบเนินอวบใหญ่เต็มมือของเขา แล้วตรงเข้าขยำมันเบาๆ บีบเค้นคลึงไปมา นิ้วแกร่งก็สอดเข้าไปควานในร่องอวบนั้น นิ้วแกร่งสอดเข้าไปในร่องอวบนั้นช้าๆ จนมันมิดลำกาย เพ่ยอันกรีดร้องเสียงดังด้วยความเจ็บปวดเพราะนางนั้นแม้จะเคยเริงรักกับเขามาแล้ว แต่ก็ห่างกายกันไปนาน จึงยังทั้งเจ็บทั้งแสบไม่น้อย อ๋องหนุ่มประกบจูบนางทันทีอย่างดูดดื่ม เขาวนเวียนจูบนางจนเคลิบเคลิ้ม มือด้านล่างก็ชักเข้าสุดออกสุด จากที่เป็นจังหวะช้าๆก็เร่งขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งกระแทกนางอย่างรัวเร็ว “ อ๊าย อ๊าย อ๊าย อ๊ะ อ๊ะ ” สะโพกอวบของนางกระตุกเกร็งหลายๆครั้ง น้ำหวานของนางซึมออกมาเปื้อนมือของเขา ร่างบางหอบหายใจอย่างเหน็ดเหนื่อย อ๋องหนุ่มปลดสายคาดเอวของเขาออก แล้วดึงรั้งกางเกงเอารูดของเขาลงไปจนพ้นหัวเข่า เพื่อปลดปล่อยลำกายอวบใหญ่่ออกมา มันพรักพร้อมเมื่อเห็นเมียรักส่า
ส่วนอ๋องหนุ่มทำเป็นยังไม่ฟื้นแต่ก็แอบมองชายาของตนเองเวลาที่นางเผลอ เขาไม่อยากจะหายเร็วจนเกินไป อยากจะแสร้งทำเป็นเจ็บป่วยและอ้อนนางอยู่ที่นี่จนกว่านางจะหายโกรธและยอมกลับตำหนักไปกับเขา ก่อนมาเขาขอให้ฮ่องเต้ที่เป็นพี่ชายต่างมารดาของเขาดูแลท่านหญิงน้อยให้เขาแล้วจึงไม่ต้องเป็นห่วงบุตรสาว อ๋องหนุ่มแสร้งทำเป็นนอนสลบอยู่บนเตียงยังไม่ฟื้นทั้งที่จริงเขาฟื้นหลังจากที่ท่านหมอกลับไปเพียงแค่ครู่เดียว และเขารู้สึกว่าไม่ได้เจ็บปวดอะไรมาก เพียงแค่เขาอาจจะเคยมีอาการบาดเจ็บที่ศีรษะมาก่อนที่เป็นสาเหตุที่ทำให้ความจำเสื่อมและคงจะกระแทกถูกบาดแผลเก่าเข้า ทำให้เขาสลบไป แต่เขารู้สึกว่าไม่ได้เป็นอะไรมาก มีเพียงแค่แผลที่หัวและที่แขนซ้ายนิดหน่อยเท่านั้น หลังจากที่นอนไปหลายชั่วยามก็รู้สึกว่าอาการดีขึ้นมากจนสามารถลุกขึ้นได้แล้ว แต่เขาเกรงชายาจะไล่ให้เขากลับไปเขาจึงทำเป็นยังไม่ฟื้น และเมื่อถึงเวลาค่ำคืน หลังจากที่มารดาของเพ่ยอันมาดูอาการท่านอ๋องก่อนที่นางจะเข้านอนในอีกห้องหนึ่งแล้ว เพ่ยอันจำต้องอยู่ดูแลเขาในห้องนี้เผื่อว่าเขาจะฟื้นขึ้นมานางจะได้ให้เขาดื่มยาที่ท่านหมอเจียดเอาไว้ให้เพ่ยอันเดินไปนอนที่ตั่งไม้ริมผนั
แต่นั่นเป็นเพียงความคิดของเพ่ยอันเพียงเท่านั้น อ๋องหนุ่มตั้งใจเอาไว้แล้วว่าเขาจะไม่มีทางยอมแพ้ เขาเช่าห้องแถวที่ว่างอยู่ตรงข้ามกับห้องแถวของนางเพื่อจับตาดูนางกับคุณชายหวู่และอาจจะมีบุรุษอีกหรือไม่ เขาจะต้องรู้ให้ได้ว่านางมีรักใหม่กับชายอื่น และนางคิดจะสวมหมวกเขียวให้เขาหรือไม่ ด้านฮ่องเต้ก็สถาปนาพระสนมเอกคือท่านหญิงอวี้ชางและย้ายนางมาอยู่ตำหนักใกล้ๆกันกับเขา โดยบิดาของนางตอนแรกก็ตกใจยิ่งนัก เพราะเป็นเรื่องที่เขาคาดไม่ถึง แต่กลับกลายเป็นธิดาของเขาได้ดีกว่าเดิม นางกลายเป็นสนมเอกของฮ่องเต้และดูทั้งสองจะรักใคร่และหลงไหลกันมากอีกด้วย ท่านอ๋องอิ้นจึงไม่รื้อฟื้นเรื่องการแต่่งงานกับท่านอ๋องอี้เหวินอีก เขาปล่อยผ่านมันไป เพราะเขาสมใจเรื่องธิดาแล้ว และนางทำท่าว่าจะได้ดีกว่าเดิม อีกไม่นานคงจะเลื่อนขัั้นขึ้นไปอีก เพราะเขาสังเกตุว่าฮ่องเต้ดูจะหลงไหลนางมาก หากนางตั้งครรภ์มังกรเขาก็สบายและนางเองก็สบาย เมื่อเสร็จพิธีการสถาปนาธิดาเขาก็เดินทางกลับไปยังเมืองที่ตนเองปกครองทันที เรื่องของท่านหญิงอวี้ชางก็จบลงโดยดี นางพอใจและหลงไหลฮ่องเต้หนุ่มมาก นางแทบจะลืมไปเลยว่านางเคยหลงรักท่านอ๋องอี้เหวิน เพราะนาง
อ๋องหนุ่มนั้นเมื่อไปราชการนอกเมือง เมื่อนั่งรถม้ากลับมากับคนสนิทคือเฉฺิินหมิ่นนั้น อยู่ๆ เขากลับฟื้นความทรงจำได้ และจดจำได้ว่าตนเองแต่งงานใหม่แล้ว และชายาคือหยูเพ่ยอัน เขารีบกลับไปที่จวนท้ายตลาด แต่ไม่พบใครที่นั่น และนางไม่ได้เขียนจดหมายทิ้งไว้เลย นางพวกนางพากันย้ายไปอยู่ที่ใด นางเก็บข้าวของๆนางและมารดาไปหมด พวกเขาค้นทุกอย่างในจวนแล้ว มีแต่ข้าวของๆ ท่านอ๋องและท่านหญิงน้อยที่เก็บเอาไว้ที่เดิม แต่ไม่มีสิ่งใดที่เป็นของๆสองแม่ลูกเลย มีเพียงข้าวของที่พวกเขาซื้อหามาใช้และนางคงจะขนเอาไม่ได้ได้ จึงไม่ได้เก็บเอาไปด้วย อ๋องหนุ่มรู้สึกว่าความหวังว่าจะได้อยู่กันพร้อมหน้านั้นพังลงไปในพริบตา เมื่อพบว่าในจวนนั้นว่างเปล่าไม่มีร่างของเมียรักของเขาอยู่เลย “ ท่านอ๋องขอรับ พวกนางคงจะไปหลายวันแล้ว เพราะว่าฝุ่นเริ่มจะจับไปจนทั่ว ถ้าเช่นนั้นเรากลับกันก่อนดีหรือไม่ แล้วค่อยสืบหาพวกนางว่าย้ายไปอยู่ที่ใดกัน ” อ๋องหนุ่มนั่งนิ่งงัน เขานึกไม่ออกว่านางจะไปที่ใด และทำไมนางถึงไม่อยู่รอเขาที่นี่ หาเขาเสร็จภารกิจย่อมจะต้องกลับมารับนาง เฉินหมิ่นเห็นท่านอ๋องมีท่าทางเสียใจ เขาจึงได้สารภาพว่าเขาบอกกับพระชายาไปอย่า
แต่เมื่อค้นพบแล้วก็จะเก็บนางเอาไว้บำเรอรักเช่นนี้ แต่เขามิอาจยกนางเป็นฮ่องเอาได้ แต่เขาจะยกนางเป็นสนมเอกและท่านอ๋องอิ้นบิดาของนางก็คงจะพอใจที่นางจะแต่งเป็นเพียงชายาของอ๋องอี้เหวินน้องชายของเขา กับหญิงอื่น เขาแต่งกับพวกนางเพื่อเชื่อมสัมพันธไมตรีระหว่างแคว้นเพียงเท่านั้น และบางนางเขาก็แต่งเพื่อถ่วงดุลอำนาจของเขา และเพื่อความมั่นคงของแคว้นเพียงเท่านั้น เขาอยู่กับพวกนางเพราะหน้าที่ ดูแลพวกนางตามหน้าที่ของสวามี แต่กับท่านหญิงอวี้ชางสนมหมาด ๆ ผู้นี้ หญิงที่เขามองข้ามไม่เคยสนใจ เพราะเห็นว่านางจืดชืดจนเกินไป และทุกอย่างที่เขาทำลงไปในวันนี้ก็เพื่อน้องชายร่วมบิดา คืออ๋องอี้เหวินเท่านั้น แต่เขากลับพบว่า นางถูกอกถูกใจเขายิ่งนัก ฮ่องเต้หนุ่มโยกขย่มร่องอวบของนางสนมหมาด ๆ อย่างเร่าร้อน นางก็โยกสะโพกอวบรับลำกายแกร่งของเขา สองแขนเรียวก็ยกขึ้นโอบลำคอเขาเอาไว้ โน้มใบหน้าของเขาลงมาประกบจูบกันอย่างเต็มอกเต็มใจ ตอนนี้นางติดใจในรสรักของเขาไม่น้อย นางสุขสมเหลือเกิน “ พระองค์ หม่อมฉันจำได้แล้ว พระองค์คือองค์ฮ่องเต้ ใช่หรือไม่เพคะ ” อยู่ๆนางก็พลันนึกออกว่าเคยเห็นเขาที่ใด นางพบเขามาหลายครั้งแล้วนับ