ทุกคนล้วนแต่รู้สึกดึงดูดจนดึงสติกลับมาไม่ได้ไปชั่วขณะ บ้างก็น้ำตารื้น ปาดน้ำตาไม่หยุด พลางร้องไห้สะอึกสะอื้น "เรื่องที่หานอ๋องเฟยเขียนช่างอนาถยิ่งนัก นางเอกเดิมเป็นที่รักของทุกคน แต่เมื่อผลัดเปลี่ยนรัชกาล ก็ถูกพาตัวเข้าวังไปทรมานตั้งแต่สิบขวบ ทั้งยังต้องคลอดลูกชายของทรราชอย่างเซวียนหยวนจิ่นเจ๋ออีก ตอนที่นางถูกรังแกเพิ่งจะอายุได้สิบขวบ เรื่องโหดร้ายทารุณเช่นนั้น เซวียนหยวนจิ่นเจ๋อทำลงได้อย่างไร" "ข้าคิดว่าพี่ชายทั้งเจ็ดของนางเอกหยางฉู่รั่วช่างน่าเวทนายิ่งนัก ทุกคนล้วนแต่มีความสามารถโดดเด่น เก่งกาจทั้งบู๊และบุ๋น แต่กลับต้องตายอย่างทรมาน อีกทั้งตระกูลหยางทั้งตระกูล เป็นตระกูลที่จงรักภักดีแท้ๆ เซวียนหยวนจิ่นเจ๋อช่างโหดเหี้ยมยิ่งนัก" "ไม่ ที่น่าเวทนาที่สุดคือลูกชายของหยางฉู่รั่ว เดิมทีเขาควรเป็นรัชทายาท แต่เพราะเซวียนหยวนจิ่นเจ๋อไม่ยอมรับเขา ถึงได้มีชีวิตที่เทียบไม่ได้กับกระทั่งข้าทาสในวังหลวง ตั้งแต่เกิดออกมาก็ต้องอยู่อย่างอดๆ อยากๆ ต้องทนหิวและหนาวเหน็บทุกวันคืน แต่เขาก็ไม่เคยตัดพ้อ เก็บของกินไว้ให้หยางฉู่รั่วทุกครั้ง เด็กคนนี้ ช่างรู้เดียงสาจนทำให้คนสงสารจับใจ" "นั่นน่ะสิ เขาถูก
กู้ชูหน่วนยิ้มแก้เขิน "จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไร พวกเขามีภรรยา มีทายาทกันแล้วยังเล่าเรียนอยู่ที่นี่อยู่เลย ข้ายังไม่มีทายาทเสียด้วยซ้ำ ไม่มีเหตุผลใดที่จะไม่ตั้งใจเรียน อาจารย์ซ่างกวานวางใจเถอะ ข้าจะต้องตั้งใจเรียน ก้าวหน้าขึ้นในทุกวัน และเขียนเรื่องราวที่ประทับใจผู้คนที่ดีที่สุดออกมาให้ได้" "เป็นเช่นนี้ดีที่สุด เช่นนั้นอาจารย์อย่างข้าจะตั้งตารอ" "น้อมรับคำสั่ง รับประกันว่าจะทำภารกิจให้สำเร็จ" ซ่างกวานฉู่เก็บปิ่นระย้าหยกขาวไป ใช้ผ้าผืนหนึ่งคลุมเอาไว้ เขาสามารถรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่า ภายในดวงตาของกู้ชูหน่วนแฝงไปด้วยความโลภ ความหนักแน่น ราวกับจะต้องเอามันมาให้ได้ ที่เขาทำเช่นนี้ อย่างแรกเพราะอยากจะมอบปิ่นระย้าให้กู้ชูหน่วน แต่หาเหตุผลไม่ได้ อย่างที่สอง เพราะอยากเห็นว่ากู้ชูหน่วนจะเขียนเรื่องราวซาบซึ้งกินใจผู้คนออกมาเช่นไร จะเกี่ยวข้องกับวัยเด็กของนางหรือไม่ คาบเรียนนี้ ทุกคนต่างก็ก้มหน้าก้มตาใช้ความคิดอย่างหนักว่าจะเขียนอย่างไรถึงจะทำให้ผู้คนซาบซึ้งได้ โดยเฉพาะกู้ชูอวิ๋น นี่เป็นเพียงครั้งเดียวที่นางจะได้ใกล้ชิดกับซ่างกวานฉู่ นางไม่อยากจะแพ้โดยไม่ได้ทำอะไร กู้ชูหน่วน
กู้ชูหน่วนกวาดสายตามองเหล่าเพื่อนบัณฑิต หลิ่วเยว่ อวี๋ฮุยตะโกนเสียงดังลั่น "พวกข้ายังไม่มีภรรยา ทั้งยังไม่มีทายาท" นอกจากพวกเขาสองคนแล้ว คนอื่นๆ แทบจะไม่ส่งเสียงใดๆ กู้ชูหน่วนหมดคำพูด นี่มันอะไรกัน แต่งงานมีลูกกันหมดแล้ว ยังจะมาเรียนหนังสือทำไมอีก ให้ลูกๆ ของพวกเขามาเรียนยังพอว่า กู้ชูหน่วนกำลังคิดจะฉีกหน้าซ่างกวานฉู่ โดยการออกไปจากสำนักบัณฑิตหลวง ทว่ากลับได้ยินซ่างกวานฉู่พูดขึ้นมา "วันนี้ คาบนี้เป็นอิสระมาก ขอเพียงแค่พวกเจ้าเขียนเรื่องสั้นที่สามารถดึงดูดความสนใจผู้คน อีกทั้งยังทำให้ผู้คนซาบซึ้งได้มาหนึ่งเรื่อง ก็จะได้เป็นอันดับหนึ่ง" "ท่านอาจารย์ เป็นที่หนึ่งแล้วจะได้อะไร" "ได้แน่นอน หากผู้ใดได้อันดับหนึ่ง ข้าจะมอบปิ่นระย้านี้ให้กับผู้นั้น" กู้ชูหน่วนยิ้มเยาะด้วยความเย้ยหยัน ก็แค่ปิ่นระย้าอันเดียว จะไปมีประโยชน์อะไร มอบให้นางเปล่าๆ นางก็ไม่เอา ตอนที่จากไป หางตานางเหลือบไปเห็นปิ่นระย้าที่อยู่ในมือซ่างกวานฉู่ เท้าของนางพลันหนักอึ้งราวกับมีตะกั่วบรรจุอยู่เต็มไปหมด ไม่ว่าอย่างไรก็ขยับไม่ได้ นั่นคือปิ่นระย้าอะไรกัน ด้ามสีขาวดุจหิมะ ด้านบนมีผีเสื
"อาจารย์ซ่างกวานบอกว่า สำนักบัณฑิตมีกฎเกณฑ์ของสำนักบัณฑิต ไม่ใช่ว่าท่านคิดจะเรียนก็เรียน คิดจะเลิกก็เลิก ต่อให้เป็นฮ่องเต้ ก็ไม่มีสิทธิ์บังคับคนของสำนักบัณฑิตลาออกโดยไม่ได้รับอนุญาต" "ซ่างกวานฉู่ผู้นี้อวดดียิ่งนัก ช่างเถอะ ข้าจะไปคุยกับเขาให้รู้เรื่องเอง" ภายในห้องเรียน ทันทีที่นางปรากฏตัว ทั้งห้องพลันเงียบสงัด ทุกคนต่างก็มองนางด้วยสายตาที่แตกต่างกันไป มีสายตาของความอิจฉา ริษยา เลื่อมใส เหลือเชื่อ คิดไม่ถึง หลิ่วเยว่อวี๋ฮุยรีบเข้ามาล้อมนางทันที "ลูกพี่ ในที่สุดท่านก็กลับมาสำนักบัณฑิตแล้ว พวกเราคิดว่าท่านจะไม่กลับมาแล้วเสียอีก เมื่อวานท่านยอดเยี่ยมไปเลย ฝีมือการยิงธนูแม่นเสียยิ่งกว่าแม่น ท่านกลับมาสอนพวกเราขี่ม้ายิงธนูหรือ" เห็นพวกเขาสองคน แต่กลับไม่เห็นเซียวอวี่เชียน กู้ชูหน่วนจึงรู้สึกแปลกๆ เล็กน้อย "ยังไม่ได้ข่าวของเซียวอวี่เชียนอีกรึ" ทั้งสองคนต่างก็หน้าเสียไปทันที "ไม่มีเลย ไม่รู้พี่ใหญ่ไปอยู่ที่ใด แต่ได้ยินมาว่าช่วงนี้มีคนแหกคุก ไม่รู้ว่าใช่พี่ใหญ่หรือไม่" "ครั้งนี้ฮ่องเต้ให้แม่ทัพเฒ่าเซียวนำทัพออกศึก ขอเพียงแค่แม่ทัพเฒ่าเซียวชนะ พี่ใหญ่ก็จะกลับมาได้แล้ว
จวบจนในที่สุด หล่อแกไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ อีก แสงสว่างก็หยุดลงเช่นกัน ลวดลายและภาพบนจานหล่อแกก็ต่างไปจากตอนแรก สิ่งเดียวที่ยังไม่เปลี่ยนไปคือ หลุมเว้ารูปดาวสามหลุมบนหล่อแกยังคงอยู่ ใต้ดวงตาแห่งหล่อแก ปรากฏภาพสัญลักษณ์ภาพหนึ่ง ชาวบ้านในภาพสัญลักษณ์บูชาอีกาเป็นเทพนก ต่างก็กำลังคุกเข่าอยู่บนแท่นบูชาศิลาห้าแสง กู้ชูหน่วนจ้องมองภาพสัญลักษณ์อยู่นาน แต่ก็มองไม่ออก "ฝูกวง เจ้าเข้ามาหน่อย" "นายหญิง ท่านเรียกข้าหรือ" "ดูนี่หน่อย รู้หรือไม่ว่าภาพสัญลักษณ์นี่กำลังอธิบายสิ่งใด" ฝูกวงพินิจมองอย่างตั้งใจ ผ่านไปสักพัก เขาส่ายหน้า "ข้าน้อยก็ไม่รู้ ไม่เช่นนั้น ข้าน้อยวาดมันออกมาแล้วนำไปให้คนของหอเลิศหล้าสืบดีหรือไม่" "ก็ได้ ห้ามปล่อยให้เล็ดลอดออกไปเด็ดขาด" "ขอรับ" ฝูกวงกำลังจะออกไป ทันใดนั้นดูเหมือนจะคิดอะไรขึ้นมาได้ จึงย้อนกลับมาอีกครั้ง "จริงสิ นายหญิง แม้ข้าน้อยจะไม่รู้ว่าที่นี่คือที่ใด แต่พื้นที่ต้องห้ามของเผ่าหมอมีอีกาอยู่เยอะมาก เกรงว่าจะเป็นที่ที่รวมอีกาไว้มากที่สุดในใต้หล้า ยิ่งไปกว่านั้น ได้ยินมาว่าคนรุ่นก่อนของเผ่าหมอให้ความเคารพนับถืออีกามาก แต่หลายร้อยป
เรื่องโศกเศร้าในอดีตหลั่งใหลเข้ามา ใจของไทเฮาพลันเจ็บแปลบขึ้นมาทันที "แหมะ......" นางที่ไม่รู้ว่าไม่ได้หลั่งน้ำตามานานแค่ไหนแล้ว น้ำตากลับไหลลงมาหนึ่งหยด องค์หญิงตังตังลนลาน รีบเข้าไปกอดไทเฮา นางปาดน้ำตาก่อนจะพูดด้วยความกระสับกระส่าย "เสด็จแม่ ท่านเป็นอะไรไป ลูกผิดไปแล้ว ลูกไม่ควรพูดเรื่องปวดใจพวกนั้น เสด็จแม่ อย่าเศร้าไปเลยนะ ฮือฮือ..." "เด็กโง่ เจ้ารู้หรือไม่ว่าสร้อยเส้นนั้นคือสิ่งใด" "ไม่รู้ ข้ารู้เพียงแค่ว่าข้าเกลียดมัน มันทำให้ข้าเสียเสด็จพ่อและเสด็จพี่หญิงไป" แม้เสด็จพี่หญิงจะไม่ใช่พี่สาวที่เสด็จแม่คลอดออกมา แต่กลับดีกับนางยิ่งกว่าพี่สาวแท้ๆ ของนางเสียอีก "สร้อยเส้นนั้น เสด็จพ่อของเจ้าชิงมาด้วยชีวิต ตั้งใจจะมอบให้เผ่าอวี้ แต่น่าเสียดายที่เผ่าอวี้ตัดขาดจากโลกภายนอก หลายปีมานี้ไม่เคยปรากฏตัวอีกเลย" ร่างของไทเฮาอ่อนแรงราวกับเรี่ยวแรงถูกสูบหายไปหมด นางรอมาเนิ่นนานหลายปี เพราะตั้งใจจะมอบมันให้กับเผ่าอวี้ในสภาพที่ไม่บุบสลาย แต่ครอบครัวคนใกล้ชิดกลับต้องมาตายเพราะสร้อยเส้นนั้น ทุกครั้งที่เห็นสร้อยเส้นนั้น นางก็อดปวดใจไม่ได้ เพราะแบบนี้ หลายปีมานี้ นางจึงไม่ถ