"คุณหนูกู้ จวนอ๋องถูกผิดมีกฎแยกแยะชัดเจน ท่าน..."กู้ชูหน่วนขัดจังหวะด้วยความเยือกเย็น "เจ้าเรียกข้าว่าคุณหนูกู้ หมายความว่าข้ายังไม่ใช่คนของจวนอ๋อง ในเมื่อข้าไม่ใช่คนจวนอ๋อง ก็เลิกเอากฎนั่นมาขู่ข้าเสียที""ฟึบฟึบฟึบ..."ร่างแปดร่างโผล่พรวดออกมาจับกู้ชูหน่วนและชิวเอ๋อร์แยกจากกัน คล่องแคล่วว่องไวประดุจเสือชีตาร์เพียงแค่แวบเดียว กู้ชูหน่วนก็รู้เลยว่าวิทยายุทธ์ของแปดคนนั้นไม่ธรรมดา กลัวก็แต่ว่าตัวนางเองจะรับมือไม่ไหวเสียด้วยซ้ำชิวเอ๋อร์ลนลาน ลำตัวสั่นไหวไม่หยุดกู้ชูหน่วนหันไปมองเย่จิ่งหาน หรี่ตาลงพลางเอ่ย "ท่านอ๋อง นี่ท่านหมายความเช่นไร""เจ้าชอบเกี้ยวชายงามนักไม่ใช่หรือ ข้าจะให้สาวใช้ของเจ้าได้สัมผัสดูว่าผู้ใต้บัญชาของข้าฝีมือดีหรือไม่" เย่จิ่งหานจงใจตอกย้ำคำว่าฝีมือพับผ่าสินี่มันเรื่องตั้งแต่ปีมะโว้มาแล้ว ยังจะฝังใจอยู่อีกหมอนี่ใจแคบยิ่งกว่าผู้หญิงเสียอีกในที่สุดนางก็เข้าใจแล้วว่าเย่จิ่งหานเป็นชายหนุ่มเจ้าคิดเจ้าแค้นคนหนึ่ง แค้นชนิดที่ว่าฝังหุ่น"ผู้ใต้บัญชาของท่านย่อมมีฝีมือที่ดีอยู่แล้ว จากที่ข้าดู ไม่จำเป็นต้องลองสัมผัสดูหรอก""ข้าว่า...จำเป็นมาก""เย่จิ่งหาน ท่า
"ท่านพูดแล้วว่าขอเพียงแค่ล้มพวกเขาแปดคนได้ก่อนที่คนของท่านจะพาตัวชิวเอ๋อร์ไป ท่านก็จะไม่ติดใจเอาความเรื่องที่ข้าไปเที่ยวหอโคมเชียวกับเรื่องของชิวเอ๋อร์ เทพสงครามผู้ยิ่งใหญ่คงไม่กลับคำหรอกกระมัง"กู้ชูหน่วนไม่ค่อยมั่นใจ นางสามารถมองทุกคนได้อย่างทะลุปรุโปร่ง มีเพียงเย่จิ่งหานผู้เดียวที่นางมองไม่ออก นัยน์ตาดำสนิทที่นิ่งสงบของเขาคู่นั้น ไม่มีแม้แต่แววตาใดๆ ทำให้นางไม่อาจคาดเดาได้แม้แต่น้อยผ่านไปนาน นานจนกระทั่งกู้ชูหน่วนคิดว่าเย่จิ่งหานคงคิดคืนคำแล้ว เขาถึงจะค่อยๆ เปล่งเสียงออกมาเบาๆ หนึ่งประโยค"เรื่องนี้พอเท่านี้ หากมีครั้งหน้าอีก เจ้าก็ลองไตร่ตรองดูเอง""เทพสงครามพูดออกมาเองขนาดนี้แล้ว มีหรือที่ข้าจะกล้าไปเกี้ยวชายงามที่หอโคมเขียวอีก""เหอะ เทพสงครามหรือ ใหญ่โตมาจากไหนกัน ข้าอยากจะไปหาผู้ใด ต้องได้รับอนุญาตจากเขาก่อนหรือ"บ้าจริงหมอนี่สั่งให้คนสะกดรอยตามนาง รู้กระทั่งว่านางเคยพูดอะไรกู้ชูหน่วนยิ้มประจบประแจง "ความชื่นชมศรัทธาที่ข้ามีต่อท่านเหลือคณานับ คำพูดเหล่านั้น แค่พูดไร้สาระเรื่อยเปื่อย ข้าจะกล้าด่าว่าท่านได้อย่างไร""เริ่มกันเถอะ""เริ่มอะไร" กู้ชูหน่วนถามอย่างอึ้งๆ
"เหลวไหล ข้าจะอายได้อย่างไร""เช่นนั้นก็เร็วเข้า อืดอาดยืดยาดเสียเวลานอนของข้า ทั้งเรือนร่างของท่าน มีจุดไหนบ้างที่ข้ายังไม่เคยเห็น""เฮือก..."ไม่ต้องพูดถึงในห้อง ทั้งจวนอ๋อง ไอเย็นพลันลดลงไปถึงจุดเยือกแข็ง ทั้งยังเจือด้วยรังสีอำมหิตอยู่รางๆชิงเฟิงเจี้ยงเสวี่ยมุดหน้าลงต่ำที่สุดเท่าที่จะต่ำได้หากเป็นไปได้ พวกเขาอยากจะมุดออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้คุณหนูสามกู้ไม่รู้กาลเทศะเกินไปแล้ว เรื่องไหนควรพูดเรื่องไหนไม่ควรกู้ชูหน่วนพลันหนาวสั่น รู้สึกได้เลือนๆ ว่าเท้าข้างหนึ่งของตนได้ย่างเข้านรกภูมิไปแล้วนางไม่แคลงใจแม้แต่น้อย ว่าแค่นางพูดอีกเพียงประโยคเดียว เย่จิ่งหานจะต้องเอาชีวิตของนางเป็นแน่"กู้ชูหน่วน เจ้าคิดว่าข้าไม่กล้าฆ่าเจ้าใช่หรือไม่""กล้ากล้ากล้า ท่านคือเทพสงคราม คุมกองกำลังทหาร มีอำนาจล้นมือ คิดจะฆ่าข้าง่ายเสียกว่าขยี้มดให้ตายเสียอีก เพียงแต่ ข้าอยากถามท่านคำถามเดียว ท่านยังต้องการรักษาอยู่หรือไม่ หากไม่ต้องการรักษา เช่นนั้นข้าจะกลับไปนอนแล้ว"เห็นท่าทางเหนื่อยคร้านของกู้ชูหน่วนเช่นนั้นแล้ว เย่จิ่งหานอยากจะบดขยี้นางให้แหลกเสียให้รู้แล้วรู้รอดเขาไม่รู้ว่าเขากลายเป็นคนใจ
"ไม่รักษาแล้วเหรอ ได้เลย รีบบอกแต่แรกสิ เช่นนั้นข้ากลับไปนอนก่อน" "ข้าอนุญาตให้เจ้าไปแล้วหรือ" น้ำเสียงเยือกเย็นของเย่จิ่งหานลอยมากู้ชูหน่วนข้องใจเสียเหลือเกินล้วนแต่พูดกันว่าเทพสงครามอารมณ์รุนแรง เอาแน่เอานอนไม่ได้แต่นางปั่นหัวขนาดนี้แล้ว ชายผู้นี้ก็ยังทนอยู่ได้อีก ?"คุณหนูสามกู้ ข้าขอเตือนเจ้าว่าทางที่ดีเจ้าคิดทบทวนให้ชัดเจนว่าควรรักษาเช่นไร" เขาไม่ได้พูดครึ่งประโยคหลัง แต่ไม่ว่าผู้ใดต่างก็รู้ว่า หากไม่รักษาให้ดี จุดจบจะเป็นเช่นไร"ข้าก็ตั้งใจรักษามาตลอดนี่ รีบดื่มยาเสีย เดี๋ยวเย็นแล้วจะรสชาติไม่ดี"กู้ชูหน่วนส่งถ้วยยาให้เขา จากนั้นก็ยื่นผลไม้แช่อิ่มหนึ่งเม็ดตามไป ก่อนจะยิ้มร่าเผยให้เห็นลักยิ้มเล็กๆ สองข้าง "แก้ขม ได้ผลชะงัดนัก"เย่จิ่งหานที่เดิมทีถูกครอบงำด้วยความฉุนเฉียว แต่เพราะผลไม้แช่อิ่มเม็ดนี้ ทำให้คลายความหงุดหงิดลงไปได้บ้างมือที่ขาวเรียวของเขายกถ้วยยาขึ้น แล้วดื่มยาด้านในจนหมด เพียงแต่ผลไม้แช่อิ่มเม็ดนั้นยังคงกำไว้ในมือ ไม่ได้กินเข้าไป"ประครองข้าเข้าไป"ชิงเฟิงเจี้ยงเสวี่ยตะลึงงัน "นายท่าน น้ำในหม้อสามขาเดือดพล่านเลย คนปกติเพียงแค่เข้าไป ก็จะต้องถูกต้มจนสุกเป
กู้ชูหน่วนลูบหม้อสามขา สัมผัสเย็นเฉียบจนมือนางแทบเแข็ง"เหอะๆ ไม่รู้ว่าที่ผ่านมา เหตุใดเจ้าถึงไม่แข็งตาย""คุณหนูสามกู้" ชิงเฟิงเอ็ด"ตะโกนเสียงดังทำไม ข้าไม่ได้หูหนวกเสียหน่อย โรยผงยานี่ให้รอบหม้อสามขา แล้วเทงูพิษกับแมงป่องพิษลงไปให้หมด""ว่าไง... ไม่ฆ่าเอามาทำยารึ? ยังเป็นๆอยู่เลยนะ?" เกิดกัดนายท่านขึ้นมาจะทำอย่างไร?"ถ้าไม่เป็นข้าไม่ใช้หรอก เร็วเข้า ประเดี๋ยวแข็งขึ้นมาแล้ว ต่อให้พวกเจ้าจับงูพิษมาอีกกี่ตัวก็ไม่มีประโยชน์""นายท่าน..."เรื่องผิดศีลธรรมเช่นนี้ พวกเขาสองคนกล้าทำได้อย่างไร เขาเหลียวไปมองเย่จิ่งหาน รอคำสั่งแววตาล้ำลึกของเย่จิ่งหานสว่างวาบ ก่อนจะเอ่ยประโยคหนึ่งออกมา "ทำตามที่นางบอก"ชิงเฟิงและเจี้ยงเสวี่ยปาดเหงื่ออีกครั้งทว่าเหงื่อครั้งนี้นั่นเย็นเฉียบขณะเทตะขาบ แมงมุม และอสรพิษอื่นลงไป ปากพวกเขาสั่นผับๆ หัวใจเต้นรัวสุดขีดเมื่อเหล่าอสรพิษถูกเทลงไป พวกมันวิ่งพล่านตะเกียกตะกากอยู่ในหม้อสามขา แต่ไม่ยักกัดเย่จิ่งหาน แถมยังดูท่ากลัวเย่จิ่งหานด้วยซ้ำพวกมันอยากหนีออกจากหม้อสามขา แต่ก็เหมือนกลัวผงยาที่โรยอยู่รอบหม้อ จึงทำได้เพียงวิ่งไปมาอย่างทุรนทุรายชิงเฟิงและ
ชิงเฟิงและเจี้ยงเสวี่ยคุกเข่าลงในทันใด ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมองเจ้านายตัวเอง กู้ชูหน่วนรีบร้อนอธิบาย "ขอโทษที ข้าไม่รู้จริงๆว่าเจ้างูน้อยพวกนี้จะกัดตรง... ตรง... ตรงนั้นของเจ้า เจ้าพวกนี้ไม่มีลูกตารึไง ประเดี๋ยวข้าจะสับพวกมันเป็นชิ้นๆเอง"เย่จิ่งหานเดือดดาลเดือดจนลุกเป็นไฟที่น่าโมโหยิ่งกว่าก็คือ ทุกครั้งที่ถูกกู้ชูหน่วนแกล้ง เขามักจะไร้ทางสู้เสทอครั้งแล้วครั้งเล่าที่เขาอ่อนแอจนไม่แม้แต่แขนยังยกไม่ขึ้นงูน้อยงั้นรึ?นี่คืองูน้อยหรือ?นั่นมันคืองูยักษ์ชัดๆ เจ้าเคยเห็นงูยาวสองเมตรรึ?"ดูสิ มันนาเรื่องเอง กลับไปเจอยมบาลแล้ว"กู้ชูหน่วนชี้ไปที่งูตัวนั้น สีหน้าประหนึ่งผู้ผดุงคุณธรรม จงเกลียดจงชังเจ้างูตัวนั้นเหลือเกินตายไปแล้วตัวหนึ่ง แต่ยังเหลืออีกไม่รู้กี่ตัว แถมยังมีทั้งตะขาบ แมงป่อง ร่างทั้งร่างของเย่จิ่งหานถูกอสรพิษไต่ต่อม แต่ละตัวจ้องจะกัดกินร่างกายเขาเจ็บปวดไม่รู้จักจบสิ้น เจ็บจนเขาจะขาดใจกู้ชูหน่วนคว้าถ้วยยาที่เขาดื่มเมื่อครู่ยื่นให้เขาด้วยความหวังดี ก่อนจะชะโงกมองไปที่ก้นหม้อสามขา พลางเอ่ยเสียงจริงจัง "อ๋อ ปิดฝาก็สิ้นเรื่อง""…"เสียง "โครม..." ดังขึ้นนิ้วมือของเย
ชิงเฟิงกลืนน้ำลาย เขารู้ว่าพิษในกายนายท่านนั้นร้ายแรงแค่ไหน แต่คิดไม่ถึงเลยว่า เพียงแค่อสรพิษร้ายกัดนายท่านเพียงครั้งเดียวจะทนพิษไม่ไหวจนตายกันทั้งหมู่ แถม...น้ำยาในหม้อสามขาที่นายท่านแช่อยู่เปลี่ยนจากสีขาวเป็นสีดำทมิฬ ดำเหมือนน้ำหมึกอย่างไรอย่างนั้นนี่มัน...นี่เรียกว่าถอนพิษออกร่างนายท่านจนหมดตัวแล้วใช่หรือไม่?เขาเอ่ยถามเสียงตะกุกตะกัก "แล้วจะทำอย่างไรกับศพของอสรพิษพวกนั้น?""ทำอย่างไรรึ เจ้าจะเก็บไว้กินหม้อไฟหรือไร ก็ตักออกไปทิ้งสิ""ขอรับ..."ชิงเฟิงรับคำสั่ง ตักเหล่าอสรพิษที่ลอยละล่องไปทิ้ง"เช่นนั้นนายท่านขึ้นได้หรือยัง?""แช่ต่อไป อีกหนึ่งชั่วยามค่อยมาครอบแก้ว ดูดเลือดพิษออกมา""ครอบแก้ว? คืออะไรรึ?" คือวิธีการรักษาอย่างหนึ่งหรือ? เหตุใดพวกเขาถึงไม่เคยได้ยินมาก่อน"ไปตัดไม้ไผ่มากสักท่อนสองท่อน แล้วผ่าให้เป็นแก้ว ด้านหนึ่งเป็นปาก ด้านหนึ่งเป็นก้อน" การแพทย์ในยุคนี้ช่างล้าหลัง ไม่รู้จักแม้แต่ครอบแก้ว"ขอรับ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้" ชิงเฟิงคำนับเย่จิ่งหาน ก่อนจะออกไปกู้ชูหน่วนมองฟ้า ใกล้ฟ้าสางแล้ว มิน่าเล่านางถึงได้ง่วงนักเมื่อหาท่าสบายตัวเจอ กู้ชูหน่วนกำลังจะผล็อยหลับไ
เย่จิ่งหานหัวเราะ สิบแปดเชียวรึดูท่าคนที่อยากได้กระดิ่งภินวิญญาณคงไม่น้อยทีเดียวเจี้ยงเสวี่ยเหมือนอยากจะพูดอะไรแต่กลับยั้งไว้"ว่ามา""นายท่านขอรับ ข้าน้อยรู้มาว่า มีคนอีกกลุ่มหนึ่งคอยเฝ้าคุ้มครองคุณหนูสามกู้อยู่ห่างๆ พวกนั้นแต่ละคนฝีมือสุดยอดไม่แพ้พวกเรา ข้าน้อยตามสืบมานานแล้วแต่ก็ยังไม่พบเบาะแส ข้าน้อยออกไปถามถึงเรือนชาลฟ้า"เย่จิ่งหานหรี่ตาลง มองไปยังถ้วยหยกขาวราวกับมันน่าสนใจเหลือเกินเรือนชาลฟ้าโด่งดังไม่เป็นรองหอเลิศหล้า ไม่ว่าข่าวเล็กข่าวหรือข่าวใหญ๋ก็ไม่อาจรอดพ้นพวกเขาไปได้ จึงได้ฉายาว่าจะเรือนหรือหอ ผีสางต่างร้องขอชีวิตคนที่แม้แต้เรือนชาลฟ้ายังไม่รู้ว่าเป็นใคร ก็ย่อมต้องเป็นคนของหอเลิศหล้า หรือไม่ก็คนที่หอเลิศหล้าคุ้มกะลาหัวอยู่กู้ชูหน่วนคืออย่างแรกหรืออย่างหลักกันจวนอัครเสนาบดีไม่รักคุณหนูสามมิใช่รึ?เหอะ...หากเป็นเช่นนั้น แล้วเหตุใดถึงมีคนคอยแอบปกป้องนาง?คนไม่เอาไหนอย่างนั้นรึ?เขาเฝ้าสังเกตการณ์การประลองศิลปะอยู่ในมุมมืดเย่จิ่งหานนึกถึงยามประลองศิลปะ กู้ชูหน่วนหลอกให้คู่แข่งตายใจ ชนะเดิมพันได้เงินมาครั้งแล้วครั้งเล่า ทารุณเจ๋ออ๋องแสนสาหัส จู่ๆ มุมปากขอ
“แก้วมังกร...” อี้เฉินเฟยหน้าเปลี่ยนสี อยากจะเข้าไปชิงมา ทว่าร่างกายกลับอ่อนแอไร้เรี่ยวแรง ไม่เป็นไปตามที่เขาควบคุมเลยแม้แต่น้อย นายท่านหลันจะอยากชิงแก้วมังกร ทว่ามือขวาที่ยื่นออกไปกลับถูกเข็มขัดของกู้ชูหน่วนรัดเอาไว้โดยไม่ทันได้ตั้งตัว สายตาเยี่ยเฟิงเย็นเยียบ ต้องการสู้สุดแรงเกิด ยกมีดขึ้นมาแล้วสับแขนขวาของนายท่านหลันอย่างแรงจนขาดเป็นท่อน "อ้ากกก..." นายท่านหลันร้องโหยหวน แขนกระเด็นออกไปกลางอากาศพร้อมกับเลือดที่พุ่งออกมาเป็นสายฝน เจ็บเหลือเกิน...... เจ็บจนนายท่านหลันสีหน้าเหยเก มือขวาของเขาถูกเยี่ยเฟิงตัดขาดทั้งเป็นเช่นนี้เสียได้ กู้ชูหน่วนไม่มีเวลาไปสนใจนายท่านหลัน วิ่งไปทางหน้าผาตามสัญชาตญาณ "อาหน่วน..." อี้เฉินเฟยโมโหสุดขีด ตกตะลึงจนใจหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม เยี่ยเฟิงที่เดิมตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะสังหารนายท่านหลัน เห็นกู้ชูหน่วนที่รู้ทั้งรู้ว่าทะเลโลหิตอยู่ตรงหน้า กลับยังวิ่งไปโดยไม่สนใจอะไรอีก จึงจำต้องปล่อยนายท่านหลันไปก่อน แล้ววิ่งตามไปด้วย แก้วมังกรกลิ้งตกหน้าผา กู้ชูหน่วนวิ่งตามไปพลางใช้ผ้าผูกเอวของตัวเองห่อแก้วมังกรเอาไว้ "ฟึบ......" ผ
“ในเมื่อเจ้าอยากให้ข้าตายถึงเพียงนี้ เช่นนั้นพวกเราก็ตายไปด้วยกันเลยเถอะ” นายท่านหลันพูดพลางปล่อยมืออย่างกะทันหัน ปล่อยให้ดาบทิ่มแทงเข้าไปในร่างของเขา ทันทีที่พลิกมือขวาของตัวเองมีดสั้นพลันปรากฏขึ้นในมือ มุมปากของเขายกยิ้มเจ้าเล่ห์และชั่วร้าย ทันใดนั้นก็เสียบมีดเข้าไปบนหน้าอกของเยี่ยเฟิงที่กำลังเอนตัวเข้ามาใกล้เขา ขณะเดียวกัน กู้ชูหน่วนปลดผ้าพันเอวแล้วรวบรวมกำลังภายในไว้บนนั้น ทำให้ผ้าพันเอวราวกับลูกงูที่มีมันสมองพุ่งเข้าไปรัดเอวของเยี่ยเฟิงเอาไว้ ก่อนจะออกแรงดึงเยี่ยเฟิงเข้ามาอยู่ข้างกายตนเอง หลบจากคมมีดของนายท่านหลันได้อย่างหวุดหวิด นายท่านหลันโจมตีครั้งแรกไม่สำเร็จ จึงโจมตีอีกครั้ง เขารวบรวมกำลังเป็นลูกไฟ ลูกไฟแดงเพลิงล้วนแต่แฝงไว้ด้วยพลังเผาไหม้และทำลายล้าง หากสัมผัสโดนลูกไฟ ก็จะลุกไหม้กลายเป็นกองเพลิงและมอดดับไปในที่สุด หรือเน่าสลายกลายเป็นศพ เยี่ยเฟิงหยิบขลุ่ยหยกของอี้เฉินเฟยมาจากบนพื้น วางบนริมฝีปากของตนแล้วเริ่มบรรเลงช้าๆ วิทยายุทธของเขาธรรมดา แต่การโจมตีด้วยเสียงกลับรุนแรงยิ่ง เสียงขลุ่ยกลายเป็นเกราะคุ้มกัน ทำให้ลูกไฟเหล่านั้นถูกกันอยู่ด้านนอก ไม่ว่าอย่าง
“เจ้าจงไปตายเสียเถิด” ใบหน้าหล่อเหลาเย็นชาของเยี่ยเฟิงเต็มไปด้วยความเกลียดชัง เขาดึงดาบออกมาอย่างแรง เลือดสีแดงสดของนายท่านหลันพุ่งทะลักไปทั่ว สาดกระเซ็นมาบนใบหน้าขาวซีดของเยี่ยเฟิง ทำให้สายตาของเขาเลือนลาง ทว่าวินานี้ เยี่ยเฟิงกลับเห็นชัดแจ้งกว่าผู้ใด ดวงตาที่เต็มไปด้วยความอาฆาตแค้นคู่นั้นสะท้อนสีหน้าตกตะลึงของนายท่านหลัน “เจ้ากล้าฆ่าข้าเลยรึ...เจ้าคือผู้ที่ฆ่าเลี้ยงดูมาตั้งแต่เด็กจนโต เหตุใดถึงกล้าฆ่าข้าได้ เฮือก...” สิ่งที่ตอบแทนนายท่านหลันกลับมาคือการแทงด้วยกระบี่เข้าไปอีกครั้งอย่างไร้เยื่อใยจากเยี่ยเฟิง นายท่านหลันถูกแทงติดกันสองครั้ง ร่างกายเจ็บปวดราวกับใจจะขาด แต่เขากลับไม่รู้สึกอะไรเลย เพียงแค่จ้องมองเยี่ยเฟิงด้วยความโกรธแค้น จากความรู้สึกเหลือเชื่อในตอนแรก กลายเป็นปวดร้าว ไปจนถึงโกรธเกลียด เยี่ยเฟิงแสยะหัวเราะเบาๆ “ข้าคือผู้ที่เจ้าเลี้ยงดูมาตั้งแต่เด็กจนโต ? เลี้ยงดูงั้นรึ เหอะ...เลี้ยงดูที่เจ้าหมายถึงคือทรมานข้าทุกวันทุกเวลา หน้าหนาวปล่อยให้ข้านอนเปลือยกาย หิวโหยอยู่บนพื้นหิมะ หน้าร้อนแขวนข้าไว้ใต้แสงอาทิตย์ไม่ให้กินดื่มเป็นเวลาหลายวัน ทั้งยังลงโทษอย่างหน
นายท่านหลันที่เดิมก็กระสับกระส่ายจนทำอะไรไม่ถูก เพราะการเข้ามามีส่วนร่วมของกู้ชูหน่วน ทำให้มีบาดแผลเพิ่มขึ้นอีกหลายแผล "ฟึบ..." อาวุธลับของกู้ชูหน่วนเชื่องช้า ทว่าพุ่งออกมากลางอากาศแล้วความเร็วกับเพิ่มกะทันหัน พริบตาเดียวเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว อาวุธพุ่งเข้าที่หน้าอกของนายท่านหลัน ฝังลึกในร่างกาย เขาอยากจะตอบโต้ ทว่ากลับถูกต้อนจนจนมุม ไม่มีช่องว่างให้โจมตีกลับได้เลยแม้แต่น้อย ขืนเป็นเช่นนี้ต่อไป เขาคงต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย นายท่านหลันรู้สึกสิ้นหวังยิ่งกว่าเดิม หวังแค่ว่านายท่านหมู่ตานและคนอื่นๆ จะรีบมาถึงโดยเร็ว ไม่เช่นนั้นชีวิตของเขาคงต้องจบลงตรงนี้แล้ว กู้ชูหน่วนและอี้เฉินเฟยยิ่งร้อนรน ลำพังเพียงแค่เขาคนใดคนหนึ่งต่างก็ไม่อาจสังหารนายท่านหลันได้ ยามนี้วิทยายุทธของกู้ชูหน่วนแข็งแกร่งไม่พอ อี้เฉินเฟยทั้งเจ็บสาหัสและป่วยหนัก เว้นเสียแต่พวกเขาร่วมมือกัน แต่บาดแผลของอี้เฉินเฟยรุนแรงเกินไป อาจต้านทานไม่ไหวได้ทุกเมื่อ หากเขาทนไม่ไหว เช่นนั้นสถานการณ์การต่อสู้ครั้งนี้จะพลิกผันทันที เสียงขลุ่ยเปลี่ยนไป ราวกับกลองรบคำราม กึกก้องหนักแน่น ดาบที่พุ่งใส่นายท่านหล
ใบหูของกู้ชูหน่วนพลันกระดิก นางรับรู้ได้ถึงไอสังหารของนายท่านหลันแล้ว เพียงแต่ความเร็วของนางยังไม่เปลี่ยน ยังคงรวบรวมกำลังภายในทั้งหมดกระแทกใส่นายท่านเถาฮวา สองนายท่านแห่งกองธงร่วมมือกันโจมตี นางถูกหนีบอยู่ตรงกลาง ไม่มีหนทางจะชนะได้เลย หากเป็นเช่นนี้ ไม่สู้จัดการไปทีละคน สังหารนายท่านเถาฮวาก่อน ค่อยหันไปจัดการนายท่านหลัน ขณะเดียวกัน นางเองก็เชื่อ เชื่อว่าอี้เฉินเฟยไม่มีทางปล่อยให้นางตายอย่างทุกข์ทรมานด้วยน้ำมือของนายท่านหลัน "เฮือก..." นายท่านเถาฮวาไม่มีที่ให้หลบได้อีก ถูกพลังจากฝ่ามือของกู้ชูหน่วนโจมตี ร่างกายราวกับว่าวที่สายขาด กระเด็ดกลับไป สุดท้ายชนเข้ากับหินก้อนโตอย่างแรง เลือดอาบหินก้อนนั้นจนชุ่ม ความเร็วของกู้ชูหน่วนยังไม่เปลี่ยน ถีบลูกเตะออกไปทำให้นายท่านเถาฮวาพลัดตกหน้าผาร่วงไปยังทะเลโลหิตด้านล่าง ความแข็งแกร่งของนางอยู่เพียงแค่ขั้นหนึ่งชั้นกลาง แต่พละกำลังที่นางระเบิดออกมากลับแกร่งกว่าขั้นสอง นายท่านเถาฮวาผู้น่าสงสารจึงต้องตายไปเพราะกู้ชูหน่วนที่วิทยายุทธด้อยกว่าเขามาก ขณะเดียวกัน กระบวนท่าไม้ตายของนายท่านหลันก็พุ่งเข้ามาถึง อี้เฉินเฟยยกมือขวาขึ้นมา
"ในเมื่อเจ้าพูดยากขนาดนี้ เช่นนั้นก็คงต้องทำลายแก้วมังกรทิ้งเสีย ถึงอย่างไรหากต้องตาย มีแก้วมังกรฝังไปด้วยกันก็ไม่เลว" กู้ชูหน่วนพูดพลางเล็งอาวุธลับไปที่ดอกกุหลาบอีกครั้ง นายท่านหลันหน้าถอดสีอย่างรุนแรง นางผู้นี้ไม่เคยทำอย่างที่คนปกติเขาทำกันเลย หากนางยิงแก้วมังกรบนดอกกุหลาบร่วงลงทะเลโลหิตจริง เช่นนั้นก็จะกลายเป็นความสูญเสียที่ไม่อาจย้อนกลับคืนมาได้อีก แม้อี้เฉินเฟยจะรู้ว่ากู้ชูหน่วนไม่มีทางทำให้แก้วมังกรร่วงหล่นทะเลโลหิตไปจริงๆ แต่เห็นแล้วก็ยังรู้สึกอกสั่นขวัญแขวนอยู่ดี "ผลไม้สีแดงเพลิงของที่นี่มีฤทธิ์ในการรักษาอาการบาดเจ็บ เพียงแค่กินเข้าไปไม่กี่ลูก ก็จะสามารถฟื้นฟูได้ ซึ่งก็คือผลไม้ในมือเจ้าเมื่อครู่นั่นแหละ" "เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าผลไม้นี่สามารถรักษาอาการบาดเจ็บได้" "กู้ชูหน่วน ข้าขอเตือนเจ้าว่าอย่าถามให้มากนัก" เขาจะบอกกู้ชูหน่วนได้อย่างไรว่า เขาไม่ได้กินอะไรมาหลายวัน เพราะความหิว จึงเด็ดผลไม้มากิน คิดไม่ถึงว่าวิทยายุทธจะได้รับการฟื้นฟูกลับมาแบบงงๆ กู้ชูหน่วนคลี่ยิ้มมีเลศนัยให้เขา เช็ดผลไม้ในมือ ก่อนจะยื่นให้อี้เฉินเฟยพลางจ้องมองนายท่านหลันด้วยท่าทีระวังตั
ไม่ไกลออกไป มีเสียงอาวุธกระทบดังขึ้นมาไม่หยุด หลังจากนั้นก็มีเสียงหินแตกกระจายและระเบิดในที่สุด กู้ชูหน่วนถือผลไม้สีแดงเพลิงที่เพิ่งเด็ดออกมาจากต้นเอาไว้ในมือ พลางฟังเสียงความเคลื่อนไหวอย่างละเอียด "มีเสียงกางและหุบพัด ทั้งยังมีเสียงอาวุธลับกลีบดอกไม้อีกบางส่วน น่าหลันหลิงรั่วกำลังต่อสู้กับนายท่านหมู่ตานเผ่าหมอ น่าแปลก คนเผ่าหมอบาดเจ็บหนักไม่ใช่หรือ เหตุใดถึงได้มีพละกำลังแข็งแกร่งเพียงนี้ น่าหลันหลิงรั่วอาจจะสู้พวกเขาไม่ได้" กู้ชูหน่วนพึมพำคนเดียว นางอยากไปดูด้วยตัวเอง ทว่าอี้เฉินเฟยยังอาการสาหัสขนาดนั้น หากฝืนประครองเขาไป มีแต่จะทำให้อาการเขาแย่กว่าเดิม แต่น่าหลันหลิงรั่วหากไม่ใช่เพราะช่วยนาง ก็คงไม่ต้องตกลงมายังที่แห่งนี้ แม้อี้เฉินเฟยจะบาดเจ็บสาหัสทั้งยังป่วยหนัก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะฟังอะไรไม่ออกเลย สามารถใช้พลังกระแทกหินก้อนโตให้แตกได้เป็นก้อนๆ ต่อให้พละกำลังยังไม่ฟื้นฟูกลับมาทั้งหมด แต่เกรงว่าจะกลับมาถึงเจ็ดแปดส่วนแล้ว นายท่านหมู่ตานและนายท่านเถาฮวาล้อมโจมตีน่าหลันหลิงรั่ว กลัวแต่ว่าน่าหลันหลิงรั่วจะสู้พวกเขาไม่ไหว อี้เฉินเฟยเอ่ยอย่างเบาแรง "คนที่เจ้
กู้ชูหน่วนฟังด้วยความมึนงง ในเมื่อเกิดมาสูงศักดิ์ เหตุใดถึงได้ถูกปฏิบัติด้วยเช่นนั้น "เป็นหน้าที่แบบใดกันแน่" "หน้าที่ที่หนักมาก หนักอึ้งเสียจนหายใจไม่ออก" "เช่นนั้นตอนนี้นางอยู่ที่ใด" "ข้าก็ไม่รู้ว่านางไปอยู่ที่ใดแล้ว แต่ข้าเชื่อ ว่าอีกไม่นานนางจะกลับมา แค่กแค่ก..." ไม่รู้เพราะพูดมากเกินไปหรือไม่ อี้เฉินเฟยไอออกมาเป็นเลือดอีกครั้ง พลังชีวิตในร่างหายไปอย่างรวดเร็ว กู้ชูหน่วนเริ่มร้อนใจ คำถามมากมายที่กระจุกอยู่ภายในใจไม่อาจถามได้อีกต่อไป ทำได้เพียงแค่เอ่ยออกไป "ท่านอย่าเพิ่งพูดเลย พักผ่อนเถอะ" "อาหน่วน...หากวันใดที่ข้าไม่อยู่แล้ว เจ้าจะต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปอย่างดี" "ท่านพูดเหลวไหลอะไร ท่านดูสิ ข้าพบแก้วมังกรเขียวแล้ว พวกท่านหาพบสี่ลูกแล้วไม่ใช่หรือ บวกกับลูกนี้ก็เป็นห้า ขอแค่หาเพิ่มอีกสองลูก อาการป่วยของท่านก็จะรักษาหายแล้ว" กู้ชูหน่วนหยิบแก้วมังกรขนาดเท่าไข่นกพิราบออกมา ดวงตาใสเป็นประกายฉายแววยิ้ม ดวงตาของอี้เฉินเฟยกำลังยิ้ม ทว่าในใจกลับขมขื่น แก้วมังกรลูกเดียว ต้องใช้ความพยายามของคนตั้งกี่รุ่น ถึงจะเจอเบาะแส หาง่ายเช่นนั้นเสียเมื่อไหร่ แก้วมังกรลู
ก้นหลุมดำ ลมพัดจนพวกเขาวิงเวียนศีรษะ กลิ้งตุปัดตุเป๋ สุดท้ายก็ถูกทุ่มลงไปบนพื้นอย่างแรง กู้ชูหน่วนเกือบจะเป็นลมสลบไป โชคดีที่พื้นอ่อนนุ่ม ไม่เช่นนั้นนางคงต้องตายไปแล้ว ทันใดนั้น นางรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดี ทันทีที่ลืมตาขึ้นมากลับพบว่าไม่ได้อยู่บนพื้นที่อ่อนนุ่ม แต่ล้มลงบนร่างของชายหนุ่มผมขาวชุดขาวคนหนึ่ง กู้ชูหน่วนรู้สึกบีบคั้นหัวใจ รีบประครองเขาขึ้นมา "พี่ใหญ่อี้เฟย ท่านตื่นขึ้นมาสิ..." กู้ชูหน่วนเอื้อมมือออกไป กลับสัมผัสโดนของเหนียวข้นบางอย่าง เมื่อจ้องมองดูดีๆ จะเป็นอะไรไปได้อีกนอกจากเลือด มุมปากของอี้เฉินเฟยมีเลือดซึม บนร่างโดนหินมีคมบาดจนเป็นแผลทั้งตัว ชุดสีขาวดุจหิมะถูกย้อมไปด้วยเลือดสีแดงสด พื้นที่มืดดำ ใบหน้าของเขาซีดขาว ไร้ซึ่งเลือดฝาด เพียงแต่บนใบหน้าที่อ่อนโยนยังคงคลี่ยิ้มปลอบโยน เอ่ยอย่างอ่อนแรง "เจ้าไม่เป็นไรก็พอ" กู้ชูหน่วนขอบตาแดงก่ำในชั่วพริบตา "ท่านมันโง่เสียจริง เหตุใดถึงดีกับข้าขนาดนี้ ข้ามีอะไรควรค่าให้ท่านช่วยเหลือด้วยชีวิตเช่นนี้" "เพราะ...เจ้าคือน้องสาวของข้า..." "ท่านเจ็บหนักมาก อย่าเพิ่งพูดเลย ข้าจะช่วยท่านรักษาอาการบาดเจ็บ" "ไม่...ไม่