Share

โลกใบใหม่ 2

last update Terakhir Diperbarui: 2024-12-25 19:15:12

ณ แคว้นหลิวอวิ๋น จวนเจ้าเมืองตระกูลหลี่

ยามจื่อ*เรือนชิงหวา

'อึก'

หายใจไม่ออก หญิงสาวดิ้นพล่านพยายามหลุดออกจากมือเรียวที่กำอยู่รอบคอของนาง ปากเล็กอ้ากว้างเพื่อสูดอากาศหายใจ แต่ก็ไม่สำเร็จ สองมือน้อยๆ ยกขึ้นผลักสตรีที่อยู่ด้านบนลำตัวอย่างสุดแรง นางพยายามส่งสายตาเว้าวอน หวาดกลัว ท้อแท้ และสิ้นหวัง แต่ที่มากกว่านั้นคือความไม่เข้าใจ เหตุใดสตรีนางนี้ถึงต้องการให้นางตาย หัวใจดวงเล็กๆ เจ็บแปลบเหลือแสน พวงแก้มทั้งสองข้างเปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำตา

"นางสารเลว ทำไมไม่ตายๆ ไปสักที เลี้ยงเจ้าไปก็เสียข้าวสุก แพศยาไร้ค่าอย่างเจ้า ควรจะตายๆ ไปซะ! " เสียงแหลมสูงดังขึ้นราวกับคนไร้สติอยู่ข้างหูของสาวน้อย ใบหน้าที่เคยอ่อนหวาน เคยมองนางด้วยความอ่อนโยน ยามนี้กลับบิดเบี้ยวจนไม่เหลือเค้าความงามอีกต่อไป

หลี่หลิงเฟิ่งเด็กสาวอายุราวๆ สิบสองสิบสามปีไร้เรี่ยวแรงจะต่อต้าน ก่อนหน้านี้เด็กสาวก็ป่วยติดเตียงมาสามวันเนื่องจากถูกผลักตกน้ำ กำลังอันน้อยนิดไหนเลยอาจหาญสู้กับหญิงผู้มีเรี่่ยวแรงเต็มเปี่ยมนี้ได้ นางได้แต่หวังว่าเสี่ยวเซียงสาวใช้คนสนิทจะเข้ามาพบและดึงสตรีเสียสติผู้นี้ออกไปเสีย

"ฮ่าๆๆ เจ้าควรจะไปอยู่ในปรโลกตั้งนานแล้ว ข้าทนเลี้ยงดูเจ้ามาเพื่อหวังพึ่งพา แต่เจ้ามันก็แค่สวะที่ถูกทิ้ง ฮ่าๆๆๆๆ " เสียงหัวเราะของแม่สามราวกับคนบ้าและทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ

ใช่แล้ว สตรีคลุ้มคลั่งคนนี้คืออนุสาม มารดาแท้ๆ ของนางนั่นเอง มารดาที่กำลังสังหารบุตรสาวในอุทร

'ท่านแม่ เหตุใดท่านจึงฆ่าข้า ท่านเกลียดข้านักหรือ'นางอยากถามออกไปเหลือเกิน แต่นางไม่สามารถพูดออกไปได้ ได้แต่มองมารดาอย่างท้อแท้

'ทรมานเหลือเกิน ความหวังของข้าไม่คงเหลืออีกแล้ว' ดวงตาบวมเป่งเหลือกตามองมุ้งเก่าสกปรก รอบๆมุ้งมีรูที่ขาดผ่านรอยปะชุนนับครั้งไม่ถ้วนเหล่านั้นก็ให้ขมขื่นในใจ ชีวิตคุณหนูห้าในจวนเจ้าเมืองย่ำแย่ยิ่งกว่าสาวใช้ส่วนตัวของพี่ใหญ่เสียอีก

ผู้คนในจวนนี้มีใครบ้างไม่อยากให้นางตาย แม้กระทั่งผู้ให้กำเนิดที่นางหลงคิดไปว่ารักนางยังต้องการที่จะสังหารนาง ทั้งหมดนี้เป็นเพราะนางไร้พลังยุทธ์ เป็นตัวไร้ค่าของตระกูล เหมือนขยะที่รอวันย่อยสลาย หลี่หลิงเฟิ่งน้ำตารินไหลไม่ขาดสาย ไม่นานร่างกายของนางก็กระตุกไม่หยุด หนังตาหนักอึ้งค่อยๆ ปิดลงช้าๆ 

"เจ้าไม่ต้องห่วงไป เจ้าล่วงหน้าไปก่อน ข้าจะไม่รอให้เจ้าต้องอยู่อย่างเดียวดายในปรโลกแน่" น้ำตามากมายหยดลงบนใบหน้าหลี่หลิงเฟิ่ง ทว่ามือที่กำรอบคอของนางไม่ได้ผ่อนแรงลงแม้แต่น้อย

'หากข้าตาย ทุกคนคงจะสมปรารถนา ตัวขยะอย่างข้าอยู่ไปก็มีแต่ทำให้ตระกูลต้องอับอาย' เด็กสาวไม่รับรู้สิ่งใดอีกต่อไปแล้ว นางฝืนไม่ไหวแล้ว สติสุดท้ายดับวูบสู่ความเวิ้งว้างอันมืดมิด

" เฟิ่งเอ๋อร่์ ฮึก ไม่ต้องกลัวนะลูก อีกไม่นานแม่จะตามเจ้าไปแล้ว" เสียงร่ำไห้ของอนุสามครวญครางอย่างสิ้นหวัง นางเดินไปจับเชือกใต้ขื่อคานใกล้ปลายเตียง เอี้ยวศรีษะหันกลับมามองเด็กสาวผอมบางที่นอนอยู่บนเตียงเป็นครั้งสุดท้าย รอยยิ้มอ่อนโยนปรากฏขึ้นอีกครั้ง สองขาก้าวขึ้นบนตั่งช้าๆ มือเรียวกำเชือกไว้แน่น สองตาพลันว่างเปล่าราวกับปล่อยวางทุกอย่าง ขาเตะตั่งให้ล้มลงเบาๆ ร่างของสตรีที่่เคยงดงามดิ้นอยู่สองสามครั้งก่อนจะแน่นิ่งไป

'ข้าขอโทษ'

เปรี้ยง!

ท้องฟ้ามืดครึ้มยามราตรี มองไม่เห็นดวงดาว หญิงหน้าตาจิ้มลิ้มมือข้างหนึ่งถือโคมไฟ อีกข้างถือถังน้ำ สองเท้าเร่งรีบกลับเรือนด้วยกลัวฝนจะตกลงมา

"เสี่ยวเซียงนั่นเจ้ากำลังจะไปไหน" เสียงนุ่มนวลด้านหลังดังขึ้นแผ่วเบา เสี่ยงเซียงหันไปมองพบว่าเป็นหญิงหน้าตาสะอาดสะอ้านนางหนึ่งกำลังเดินมาทางนี้

"พี่จิ่นอวี้ ข้ามาตักน้ำไปเช็ดตัวให้คุณหนูห้า ท่านมีธุระเร่งด่วนอะไรหรือ" สาวใช้นามจิ่นอวี้ผู้นี้เป็นสาวใช้ข้างกายอนุสาม เสี่ยวเซียงมองนางยิ้มๆ หยุดยืนรอนางให้เดินไปพร้อมกัน ถ้านางเดาไม่ผิดฮูหยินต้องอยู่ที่เรือนคุณหนูห้าแน่ๆ

"ข้าตามไปรับใช้ฮูหยิน เจ้าไปพร้อมกับข้าเลยแล้วกัน" จิ่นอวี้ปรายมองเสี่ยงเซียงอย่างเฉยชา เดินนำหน้ามุ่งไปเรือนชิงหวา

"ฮูหยิน คุณหนูเจ้าคะ บ่าวกลับมาแล้วเจ้าค่ะ เมื่อสักครู่บ่าวไปห้องครัวได้หมั่นโถวมาสองลูก คุณหนูรองท้องไปก่อนนะเจ้าคะ" เสี่ยวเซียงเดินขึ้นไปบนเรือนพร้อมผลักประตูออก หยิบห่อหมั่นโถวออกมาจากแขนเสื้อ ทันทีที่หันหน้าไปมองในห้องนอน ข้าวของที่อยู่ในมือทั้งสองข้างก็หล่นลงบนพื้นกระจัดกระจาย หน้าตาตื่นตระหนก ร่างกายอ่อนแรงทรุดลงบนพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง

กรี๊ดดดดด

"ฮูหยิน! " จิ่นอวี้ที่ยืนนิ่งค้างอยู่ด้านนอกประตูรีบเร่งเข้าไปหาเจ้านาย พลางหันหน้าไปมองเสี่ยวเซียงอย่างเกรี้ยวกราด

"เร็วเข้า รีบดึงฮูหยินลงมา! " เสียงตะโกนที่ดังลั่นของสาวใช้ทั้งสอง พลันปลุกให้ผู้คนในจวนสะดุ้งตื่น ทั้งหมดรีบเร่งมาทางเรือนชิงหวาอย่างตื่นตกใจ เสี่ยวเซียงที่โดนจิ่นอวี้ตะคอกใส่พลันได้สติ สองขาน้อยๆ ค่อยๆ ลุกขึ้นยืนเดินไปเบื้องหน้าอนุสามอย่างหวาดกลัว ขาทั้งสองข้างสั่นไม่หยุด มือยื่นออกไปจับตัวเย็นเฉียบของอนุสาม ทั้งสองค่อยๆ ดึงร่างที่ตัวเริ่มเย็นของผู้เป็นนายลงมา

"ฮือ ฮูหยิน ท่านไม่น่าด่วนจากไปเช่นนี้เลย ไยท่านใจร้ายทิ้งคุณหนูกับบ่าวไว้เพียงลำพัง" จิ่นอวี้ร่ำไห้ราวจะขาดใจข้างศพเจ้านาย

"คุณหนู คุณหนูเล่า" เสี่ยวเซียงพลันได้สติรีบวิ่งตรงไปที่เตียงนอน ฉับพลันเสียงร้องไห้ของนางก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง

"ฮือๆๆๆ คุณหนู...ฟื้นสิเจ้าคะ...อย่าทิ้งข้าไว้คนเดียว...ข้ากลัว...ฮึก" เสียงร้องไห้คร่ำครวญของสาวใช้ดังอยู่นานก็ไม่มีวี่แววว่าเด็กสาวบนเตียงจะตื่นขึ้นมา สาวใช้ครวญครางจนลำคอแหบแห้ง มือเล็กๆ หยาบกระด้างเขย่าตัวนางไปมาไม่หยุด แรงเขย่าของเสี่ยวเซียงหนักหน่วงจนทำให้เธอเวียนหัว หลี่หลิงเฟิ่งขมวดคิ้วอย่างหงุดหงิด ค่อยๆเปิดเปลือกตาอันหนักอึ้ง จนดวงตาสองคู่สบประสานกัน

"คุณ...คุณหนู...คุณหนูฟื้นแล้ว ฮือๆๆๆๆๆ " เสี่ยวเซียงที่กำลังร่ำไห้พลันชะงักเงยหน้าขึ้นสบตากับหลี่หลิงเฟิ่ง เมื่อเห็นว่าสาวน้อยฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง ก็ทั้งตกใจระคนดีใจ ร้องไห้หนักกว่าเดิม

"เงียบ! " หลี่หลิงเฟิ่งตลาดเสียงดัง แต่เสียงที่เปล่งออกไปนั้นแหบแห้ง ซ้ำร้ายยังเบาเหมือนยุง แต่ถึงกระนั้นก็มีรังสีเย็นชาแผ่ออกมา ทำให้รอบด้านรู้สึกหนาวยะเยือก เสี่ยวเซียงรีบหุบปากฉับก้มหน้ากลั้นเสียงสะอื้นทันควัน

หลี่หลิงเฟิ่งมองสำรวจไปรอบๆ ห้อง เห็นข้าวของเก่าๆ กระจัดกระจายอยู่เกลื่อนพื้นเต็มไปหมด ราวกับบุคคลในห้องได้ผ่านการต่อสู้กันมา มุ้งหมอนโทรมๆ เสื้อผ้าสีหม่นก่ำคร่ำครึไม่รู้ว่าผ่านการใช้งานมากี่ปีแล้ว ทั่วทั้งห้องเหมือนสิ่งที่ปล่อยถูกทิ้งร้างมาแล้วหลายสิบปี ถ้าไม่ใช่เพราะว่าไม่มีฝุ่นและหยากไย่ เธอคงคิดว่าอยู่ในบ้านร้าง สุดท้ายสายตาของนางมาตกอยู่ที่หญิงสาวเจ้าของเสียงที่น่ารำคาญและแรงโคนั่น นางเป็นเด็กสาวหน้าตาน่ารักใช้ได้คนหนึ่ง อายุราวสิบสามสิบสี่ แต่นั่นยังไม่ใช่เรื่องใหญ่ สิ่งที่ทำให้เธอสับสนงุนงงคือคนพวกนี้เป็นใคร และ...

เธออยู่ที่ไหน

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • ชายาอสรพิษ   วิชามารสังเวยชีวิต

    หลี่หลิงเฟิ่งวาดแผนที่ จนกระทั่งร่างชายผอมเดินโซเซออกจากห้องเวรด้วยกลิ่นเหล้าติดตัว หลี่หลิงเฟิ่งย่อกายต่ำ ติดตามชายผอมไป ทิศทางของเขาไม่ใช่ที่พัก ชายผอมเดินลึกเข้าไปในค่าย ทางเดินที่ควรเป็นเขตร้างยามกลับสว่างจ้าจากแสงไฟ เมื่อเดินผ่านอาคารสามหลัง ทั่วบริเวณเริ่มไร้เสียงผู้คน มีเพียงลมเย็นพัดผนังดังฟืด ฟืด จนรู้สึกคล้ายเสียงครางแผ่วที่มองไม่เห็น ในที่สุด ชายผอมก็หยุดหน้าประตูไม้หลังหนึ่ง อาคารนี้ภายนอกเหมือนศาลาฝึกยุทธ์ธรรมดา แต่ผนังสั่นตลอดเวลาเขาผลักประตูก้าวเข้าไป หลี่หลิงเฟิ่งอาศัยจังหวะนั้นลอบเล็ดลอดเข้าตามอย่างแนบเนียนสิ่งที่เห็นทำให้นางชะงักไปครู่หนึ่ง ภายในอาคารกว้างนี้มีผู้ฝึกกว่าห้าสิบคน นั่งเรียงเป็นแถวตั้งแต่ใกล้ประตูเรื่อยไปถึงแท่นหินใหญ่กลางห้องครืด ครืด ทุกคนนั่งหลับตา เร่งพลังจนเสียงดังออกมาจากกระดูก และสิ่งที่น่าตกใจคือ... ดวงตาสองข้างล้วนแดงฉาน!หลี่หลิงเฟิ่งเคยเห็นผู้ฝึกยุทธ์กำลังบ่มเพาะมามาก แต่ไม่เคยเห็นเช่นนี้มาก่อนเลยพลังที่พวกเขาดูดซับเข้าร่างไม่ใช่จากไอปรานตามธรรมชาติ แต

  • ชายาอสรพิษ   ท่าใหญ่ที่แปลกไป

    เสียงกรนเบาของพวกโจรในห้องเวรยังดังลอยมาเรื่อย ๆ หลี่หลิงเฟิ่งยังเคลื่อนตัวบนคานไม้หลีกเลี่ยงอย่างแนบเนียนที่สุด ก่อนจะหยุดห้องหนึ่งเริ่มวาดแผนที่ สักพักมีสองคนเข้ามานั่งดื่มเหล้าสนทนา นางวาดไปพลางแอบฟังไปพลาง“เจ้าว่าหัวหน้าสามคนนี้คิดจะทำอะไรกันแน่” เสียงชายผอมเอ่ยขึ้นหลังดื่มไปอีกอึก ความอยากรู้เริ่มสุมจนทนไม่ไหวหน้าบากหัวเราะหึในลำคอ “เจ้าเพิ่งมาใหม่ อยากรู้นักก็ฟังไว้ แต่เก็บลิ้นเจ้าให้ดี ไม่งั้นมีหวังโดนโบยจนหลังเปิด”ชายผอมรีบพยักหน้า “รับรองได้ ข้าไม่พูดให้ใครฟังหรอก”หน้าบากว่าต่อเสียงต่ำ “ในค่ายเราน่ะ มีหัวหน้าใหญ่สามคน”หลี่หลิงเฟิ่งขยับตัว ข้อมูลตรงกับสิ่งที่นางเดาไว้ไม่มีผิด“หัวหน้าใหญ่คนแรก คนเจอเขาน้อยจนนับนิ้วได้ กระทั่งข้าที่อยู่มานานยังไม่เคยเห็น ตอนนี้ลือว่ากำลังทำภารกิจอยู่ข้างนอก แต่อันที่จริงอยู่หรือไม่อยู่ในค่ายก็ไม่รู้ อีกอย่างคำสั่งหลักๆ ล้วนมาจากเขาทั้งนั้น”ชายผอมกลืนน้ำลาย “แล้วหัวหน้าคนที่สองกับคนที่สามล่ะ”หน้าบากส่ายหน้าเบา ๆ “พี่รองนิสัยร้อน อารมณ์ขึ้นง่าย ชอบแก้ปัญหาโผงผาง ช่วงก่อนยังเห็นอยู่ แต่พักหลังไม่รู้หายหัวไปไหน แต่น่าจะยังอยู่ในค่าย”หน้าบาก

  • ชายาอสรพิษ   สำรวจค่าย

    หลี่หลิงเฟิ่งหยุดยืนบนคานไม้สูง ด้านล่างเป็นลานกว้างมีเวรยามเดินตรวจเป็นช่วง ๆ“เราจะหนีตอนที่พวกมันยังไม่ทันรู้ตัวดีหรือไม่นะ” หลี่หลิงเฟิ่งคิดแวบหนึ่ง ก่อนส่ายหน้านางอุตส่าห์ลอบเข้ามาได้โดยไม่ถูกจับได้ นับว่าเป็นความโชคดีระดับสวรรค์เปิดทาง หากพลาดโอกาส ครั้งหน้าอยากจะกลับมาตรวจสอบอีก ก็เป็นไปไม่ได้แล้วหลี่หลิงเฟิ่งแตะปลายผ้าคลุมล่องหน ของวิเศษถ้าใช้อย่างถูกจังหวะ ประโยชน์ย่อมมหาศาล แต่ถ้าใช้ผิดเวลา คงกลายเป็นหลุมฝังศพตัวเองภายในชั่วเสี้ยวเดียวยามด้านล่างเหล่านั้น พลังมิได้แข็งแกร่งมาก ตราบใดที่นางซ่อนตัวแนบเนียน พวกนั้นไม่มีผู้ใดจับสัมผัสนางได้แน่มากสุด ก็เพียงผู้ฝึกขั้นสูงบางคนเท่านั้น แต่เท่าที่เห็นจากการสังเกตมาตลอดคืน ตอนนี้ยังไม่มีตัวตนอันตรายระดับนั้นผ่านเข้ามาในเขตหน้าเลยปลอดภัยพอสมควร แต่ไม่อาจประมาทหลี่หลิงเฟิ่งมองลานกว้างที่เรียงรายไปด้วยกระท่อมและอาคารหลายสิบหลัง เหยื่อหลายร้อยคนถูกขังไว้ภายในเหมือนฝูงปศุสัตว์รอวันเชือดผู้ฝึกยุทธ์ที่หายตัวไปในดินแดนช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ต้นตออยู่ที่น

  • ชายาอสรพิษ   ตีเนียนเข้าซ่องโจร

    เกร้ง เกร้งเขย่าไปไม่ถึงครึ่งชั่วยาม รถม้าก็หยุด เสียงลากโซ่ดัง แล้วประตูเหล็กก็ถูกเปิดออกหลี่หลิงเฟิ่งยังคงทำทีสลบ ปล่อยให้มือสากของสองคนลากนางลงจากรถม้าเหมือนหีบศพหลี่หลิงเฟิ่งยันกายลุกขึ้นเมื่อเสียงฝีเท้าเดินห่างออกไปเรื่อย ๆนางหายใจแผ่วเบา ก่อนจะเหลือบไปรอบด้าน แล้วหรี่ลงในห้องนี้ ไม่ได้มีแค่นางใต้แสงตะเกียงน้ำมันที่สว่างบ้างดับบ้าง คนยี่สิบกว่าร่างนั่งพิงกำแพงกระจัดกระจาย หลายคนมีโซ่ตรวนรัดข้อมือ ส่วนใหญ่อยู่ในสภาวะสลบไสล ที่สำคัญ ทั้งหมดไม่มีพลังยุทธ์เหลืออยู่แม้แต่น้อย“ยาสะกดพลัง” หลี่หลิงเฟิ่งพึมพำ ลอบถอนหายใจเย็นเหยื่อพวกนี้ไม่ได้มีเฉพาะในห้อง แต่จากที่ผ่านมา น่าจะมีห้องติดกับนางมากกว่ายี่สิบห้อง รวมกันแล้วเหยื่อเป็นร้อยแน่หลี่หลิงเฟิ่งกำหมัดแน่น ซ่องโจรนี่ ชั่วช้านักในจังหวะที่นางกำลังจะสำรวจต่อ สายตาสะดุดเข้ากับเงาร่างหนึ่งตรงมุมอับของห้อง ร่างผอมบาง ผมยุ่งเหยิง ร่างกายสั่นเป็นระยะ จมูกมีคราบยาขาวแห้งเกาะอยู่ ดวงตาเลื่อนลอยเหมือนจำใครไม่ได้ทั้งสิ้นหลี่เจี้ยน ขามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรยาที่ถูกป้อนให้เขา ต้องไม่ธรรมดา ไม่เพียงสะกดพลังยุทธ์ แต่ยังทำให้สติพร่าเบลอ จิต

  • ชายาอสรพิษ   ลักพาตัว

    รอยแยกมิติปิดลงอย่างสมบูรณ์ แต่ความคลุ้มคลั่งของเขตระดับห้ายังสะท้อนก้องในหูหลี่หลิงเฟิ่งอยู่ นางมองไปรอบข้าง พบว่ากลับมายังที่เดิมใกล้รังมังกรดิน แต่อากาศเบื้องหน้าโปร่งใส สดชื่นกว่ามากนางยืนปรับลมหายใจครู่หนึ่ง ก่อนกลิ่นอันคุ้นเคยพุ่งเข้าหานางราวลูกศร“ “พี่สะใภ้!”เสียงมาก่อนตัว ร้อนรนจนคนทั้งคณะสะดุ้งถอยมองแทบพร้อมกัน โม่เจี้ยนหมิงพุ่งเข้ามา เสื้อตัวคลุมพลิ้วไหวตามแรงลม ดวงตาที่ปกติเรียบเฉยกลับสั่นไหวไปด้วยความหวาดกลัวในวินาทีแรก และโล่งอกในวินาทีถัดมาเขาหยุดตรงหน้านาง พรูลมหายใจหนัก สายตาคมกวาดสำรวจตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าอย่างไม่ละวาง“ไม่มีเลือด ไม่มีบาดแผล ไร้รอยขีดข่วน ดียิ่งนัก” พี่สะใภ้ยังอยู่ครบสามสิบสอง เขาก็ไม่ต้องกลัวถูกพี่รองถลกหนังภายภาคหน้าแล้ว“ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว” เหวินเจิ้งที่อยู่ด้านหลังกล่าวเสียงโล่งอกไม่ต่างกันหลี่หลิงเฟิ่งย่นคิ้วเล็กน้อย ก่อนสายตาจะเลื่อนไปพบใบหน้าเล็กของเด็กสาวคนหนึ่ง เป่ยฮวาซิน นางแทบกลั้นหายใจเมื่อเห็นโฉมหน้านางดวงตาเด็กสาวสว่า

  • ชายาอสรพิษ   กลับคืนถิ่น

    อสูรฝูงแรกถูกกำจัดในไม่ช้า เหลือเพียงลมหอบสะท้านของคนทั้งสองคณะ แต่แรงสั่นของพื้นยังดำเนินต่อ แถมหนักกว่าเดิมหลายเท่า ชัดเจนเหลือเกินว่าอีกฝูงกำลังพุ่งทะลุเข้ามาเป็นคลื่นที่สองใครบางคนกลืนน้ำลาย แล้วเอ่ยเสียงสั่น“มาอีกฝูงรึ”หลี่หลิงเฟิ่งหลุบตาลง เกรงว่าไม่ใช่แค่ฝูงเดียวนางเหลือบตามองเด็กหนุ่มคนนั้นอีกครั้ง คราวนี้เขาหลบตาแทบไม่ทัน ความคิดหนึ่งแล่นในหัวหลี่หลิงเฟิ่งเจ้าหนู ดึงสัตว์อสูรมาซ้ำอีก คิดจะสังหารทุกคนที่นี่ทั้งหมดริมฝีปากนางยกยิ้มเหี้ยม จนคนมองหนาวถึงไขสันหลัง“ศิษย์พี่ ท่านว่าสัตว์อสูรพวกนี้แปลก ๆ หรือไม่” นางกระซิบ มีเพียงเยี่ยเหล่าโถวที่ยืนใกล้ที่สุดได้ยินเยี่ยเหล่าโถวเหลือบตามามอง กึ่งสงสัยกึ่งไม่แปลกใจเพราะเขารู้ดี ศิษย์น้องเล็กผู้นี้ ไม่เคยกลัวปัญหา ทว่า ชอบหาเรื่องใส่ตัว ทุกที่ที่ไป“ไม่นี่ เจ้าพบสิ่งใดหรือ”ไม่ทันได้ตอบกลับ พื้นดินสั่นหนักขึ้นเรื่อย ๆ เงาอสูรตัวใหม่แลบออกจากหมอกมืดด้านหน้า เหมือนกำลังจะกลืนทั้งคณะลงในคราวเดียวส

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status