Share

ตอนที่61มิตรภาพ

last update Terakhir Diperbarui: 2025-04-26 22:41:51

แต่ก่อนที่มือเล็กจะคว้าได้ เสียงม้าสองสายก็ดังกระหึ่มมาแต่ไกล

สายตาทั้งสองเหลือบแลเห็นไท่จือเว่ยจิ้น บุรุษหนุ่มในชุดครามเข้ม เจิดจ้าเหมือนดวงตะวันยามเช้า

หยิ่งยโสแต่ ไม่ไร้น้ำใจ รอยยิ้มของเขาราวกับระบายกลิ่นชากุหลาบจางๆ และอีกคนหนึ่ง ไท่จือซ่างหลาง

สง่างามเฉียบคมในชุดม่วงเทา เจือกลิ่นอายของเงาจันทร์ ดวงตาเรียวยาวคมกริบ ใต้รอยยิ้มสงบนิ่งมีประกายเย้าแหย่เจ้าเล่ห์

พวกเขาต่างลงจากหลังม้าแทบจะพร้อมกันเพราะควบม้าแข่งกันมานั่นเอง

สายตาทั้งคู่ต่างทอแสงเมื่อเห็นหญิงงามในดวงใจ

"ไป๋ฮวา เจ้ามาที่นี่ได้อย่างไร?" เว่ยจิ้นก้าวยาวๆ เข้ามาหาพูดด้วยน้ำเสียงที่พยายามจะฟังดูนิ่งขรึม

แต่ไท่จือซางหลางก้าวแซงหน้าขึ้นมา หรี่ตามองเย้าๆ

"ช่างบังเอิญยิ่งนัก...หรือตั้งใจ? ข้าคิดว่าเว่ยจิ้นคงตามกลิ่นขนมงาดำมาถึงนี่หรอกกระมัง"

เว่ยจิ้นเลิกคิ้ว หัวเราะหึในลำคอ

"แล้วเจ้าล่ะ ซางหลาง กลิ่นขนมหรือกลิ่นไป๋ฮวาที่เจ้าตามมา?"

ไป๋อวี้ที่ยืนกอดอกอยู่ข้าง ๆ พ่นลมหายใจพลางส่ายหน้า

"ทั้งสองคนนี่ นิสัยเดิมไม่เปลี่ยนชอบหาเรื่องกันเหมือนสมัยยังตัวกะเปี๊ยกไม่ผิดเพี้ยน"

ไป๋ฮวาแอบยิ้ม แก้มแดงระเรื่อก้าวขึ้นมาข้างหน้า พลางย่อ
Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi
Bab Terkunci

Bab terbaru

  • ชายาอัปลักษณ์ของท่านอ๋องรูปงาม   รอยยิ้มงดงาม

    ในลานกว้างหน้าเรือนกลาง สายลมแห่งยามบ่ายยังพัดเอื่อยราวกระซิบขับกล่อมความรู้สึกขณะผู้ใหญ่สนทนากันอย่างสงบ ท่ามกลางสายตาทอดมองมายังเด็กๆเสียงหัวเราะใสๆ ดังขึ้นจากทางเดินด้านข้าง เป็นเสียงของ อี้เหยา ที่กำลังเดินเคียงมากับ เว่ยจิน ที่ยังคงวางท่าเงียบขรึมแต่ใบหน้าเริ่มผ่อนคลายมากขึ้นทุกทีเบื้องหลังอีกด้าน ไป๋ฮวา เดินพลางถือพัดแกะสลัก เดินเยื้องย่างเหมือนดอกไม้บานสะพรั่งในสวนฤดูใบไม้ผลิ ข้างกายคือ ไท่จือซางหลาง ที่ยามนี้สีหน้าราวกับดอกเหมยแรกแย้มเช่นกัน"ซางหลาง ท่านไม่ต้องทำหน้าเหมือนเพิ่งถูกตัดสิทธิ์จากงานสอบขุนนางก็ได้นะ" เว่ยจินเอ่ยเย้า แววตาแพรวพราว"ข้าเพียงสงสัยว่า เหตุใดสตรีบางคนจึงชอบยั่วโมโชข้าแล้วทำเฉยราวกับไร้เดียงสา" ซางหลางเอ่ยเนิบช้า แต่ดวงตากลับจ้องไป๋ฮวาไม่ละ"ข้าเนี่ยนะ? เด็กน้อยใสซื่อเช่นข้าจะยั่วโมโหไท่จือผู้ยิ่งใหญ่ได้อย่างไรกัน" ไป๋ฮวาเชิดหน้าระคนยิ้มซางหลางพ่นลมหายใจ คล้ายจนปัญญา ก่อนจะหลุดยิ้ม "เจ้านี่…สมแล้วที่ทำให้ข้าต้องวนเวียนมาที่จนอ๋องไร้พ่าย"“ทำไมต้องมา”“ก็เพราะข้าอาจต่อคำเจ้าจนชนะอย่างไรเล่า จึงต้องแวะมาต่อคำเจ้าจากคนพูดน้อยกลายเป็นคนพูดมาก” คนทั้งหม

  • ชายาอัปลักษณ์ของท่านอ๋องรูปงาม   เลือดใหม่

    ณ มุมสวนด้านตะวันตกของจวนอ๋องไร้พ่าย ภายหลังการแสดงและพิธีรินชา ผู้คนต่างทยอยแยกย้ายไปตามมุมพักผ่อน แต่เสียงหัวเราะใสๆ กลับดังขึ้นจากใต้ต้นเหมยซึ่งกำลังออกดอกบานสะพรั่ง“เจ้ารู้หรือไม่” ไป๋ฮวาเดินเข้ามาด้วยดวงหน้าเปื้อนยิ้ม ขณะในมือถือถาดขนมเปี๊ยะหอมใหม่แกะจากห้องเครื่อง “การที่อี้หลินยกชาส่งให้เจ้า นั่นหมายถึงนางให้โอกาสเจ้าได้แก้ตัวแล้ว”ไป๋อวี้ยกจอกชาขึ้นจิบเบาๆ แววตาแฝงความหมายจนยากจะปิดบัง “แต่ข้าก็ยังไม่กล้าพอจะเอื้อมขออะไรจากนาง…”“ก็ดีแล้ว” ไป๋ฮวาหัวเราะพลางเอื้อมมือหยิบขนมเปี๊ยะส่งให้ “ถือว่าฟ้าให้โอกาส อย่ารีบเร่งนักต้องใจเย็นๆ นางยังไม่ไปไหน”ก่อนที่ไป๋อวี้จะทันตอบเสียงทุ้มหนึ่งก็ดังขึ้นจากด้านหลัง“เมื่อใดข้าจึงจะได้โอกาสดีๆ เช่นนั้นบ้างเล่า”เสียงนั้นอ่อนโยนแต่แฝงรอยตัดพ้อบางเบาไท่จือซางหลางยืนพิงเสาไม้ ทอดสายตามองหญิงสาวตรงหน้าอย่างไม่วางตา…ไป๋ฮวายกคิ้ว ทำทีเป็นไม่เข้าใจในความหมาย “ท่านหมายถึง…อี้หลินหรือ เช่นนั้นเจ้าต้องข้ามศพเจ้ากบไปก่อนล่ะ ข้าจะช่วยถือดาบให้ ลำบากท่านแล้ว ไท่จือซางหลางเอาอย่างนี้ไป๋ฮวาเป็นแม่สื่อให้ท่านเองดีไหม”“หึ…” ซางหลางถอนหายใจ ก่อนจะสาวเท

  • ชายาอัปลักษณ์ของท่านอ๋องรูปงาม   ยังให้โอกาส

    ไป๋อวี้...ยืนอยู่ใต้เงาร่มไผ่ ใบหน้าเงียบขรึมแต่ดวงตากลับเปี่ยมด้วยความรู้สึกหลากหลายเขาจ้องมองอี้หลินด้วยสายตาที่สะท้อนทั้งความรู้สึกผิดเขาปรามาสนางเกินไปดวงตาคู่นั้นเหมือนจะได้ยินทุกถ้อยคำจากปากนางทุกถ้อยคำที่เปรียบเสมือนเข็มทิ่มกลางอกเขาขยับเท้า...ราวจะก้าวไปข้างหน้าแต่แล้ว...กลับหยุดชะงักใจเต้นแรงดั่งระฆังทองถูกเคาะในอกสุดท้าย เขาทำได้เพียงมองนางเงียบๆแม้ยืนอยู่แค่ปลายสายตา... ก็ยังไม่กล้าเดินเข้าใกล้ความรู้สึกผิดเต็มหัวใจเว่ยจิน ไท่จือแห่งเป่ยเอียน เดินตรงเข้ามาตรงหน้าเจียวหยูและตงเกานั่งเคียงข้างกันเว่ยจินหยุดยืนตรง ก้มศีรษะคารวะอย่างนอบน้อม“ข้าน้อยเว่ยจิน คารวะฮูหยินเจียวหยูและท่านฟางตงเกา เป็นเกียรติยิ่งนักที่ได้พบท่านทั้งสองในวันนี้”เจียวหยูยิ้มบาง แต่แววตายังคงสุขุมเปี่ยมไปด้วยชั้นเชิงของสตรีที่ผ่านโลกมามาก นางพยักหน้ารับ“เจ้าช่างเติบโตมาได้องอาจสมกับที่เป็นโอรสของฮ่องเต้โตวโฮฉินและองค์หญิงเก้าจิวอันนัก ข้าได้ยินชื่อเสียงของเจ้าไม่น้อย...”ตงเกาเอ่ยขึ้นบ้าง เสียงนุ่มลึก“ตระกูลเป่ยเอียนและตระกูลฟางแม้ไม่เคยเกี่ยวข้องกันโดยตรงแต่ก็เคยมีสายสัมพันธ์อันดีกันในอดีต บ

  • ชายาอัปลักษณ์ของท่านอ๋องรูปงาม   ตามหารักแท้พบเจอหรือยัง

    เสียงปรบมือสองที… แปะ… แปะ…ผู้คนหันขวับใต้ร่มพัดไผ่ลายทอง ไท่จือเว่ยจินยืนนิ่งในอาภรณ์สีน้ำเงินเข้มปักลายพญาอินทรีเหินเวหา ดวงตาคมยามนั้นมีแววเฉียบขาดแต่เรียบสงบ ริมฝีปากคลี่ยิ้มบาง เปิดเผยจริงใจเขาหันข้างเล็กน้อย แล้วกล่าวกับขันทีคนสนิทเสียงแผ่วเบาแต่หนักแน่น“นำของกำนัลไปมอบให้คุณหนูทั้งสอง… กล่าวกับนางว่า ข้าชื่นชมจากใจ”ขันทีนามหลิวกวง โค้งรับคำ แล้วเบี่ยงตัวออกไปในมือมีหีบไม้จันทน์ขนาดเล็กสองกล่อง ห่อด้วยผ้าไหมทอด้วยดิ้นทองขันทีน้อยยืนเบื้องหน้าสองพี่น้อง แล้วกล่าวด้วยเสียงชัดเจน“ไท่จือเว่ยจิน รับชมการแสดงของคุณหนูฟางทั้งสองด้วยความประทับใจอย่างยิ่งจึงขอมอบของกำนัลนี้แด่ท่านทั้งสอง เพื่อเป็นเกียรติและคำขอบคุณในศิลปะอันเลอค่า ขอให้รับไว้เถิดขอรับ”อี้เหยาถอนหายใจไม่ชอบใจท่าทีอวดสรรพคุณของเว่ยจินนัก ก่อนที่อี้หลินจะรับเอาหีบไม้ประคองไว้ด้วยมือนุ่มนวลอี้เหยายืนนิ่ง แต่ก็ย่อกายเล็กน้อย กล่าวเสียงนุ่ม“ไท่จือเมตตาเกินไปเพคะ พวกหม่อมฉันหาได้กล้ารับสิ่งใดโดยไม่กล่าวคำขอบคุณ...”เว่ยจินเพียงแค่ยกมือขึ้นเบา ๆ“อย่าได้เกรงใจ... สตรีที่ยิงธนูแม่นยำราวกับอ่านใจได้ และผู้บรรเลงพิณเสนาะจ

  • ชายาอัปลักษณ์ของท่านอ๋องรูปงาม   สองพี่น้องบ้านฟาง

    เสียงพิณแว่วแผ่วจากเหล่านางดนตรี เพลงบรรเลงพลิ้วราวหมอกยามเช้า ผสานเข้ากับเสียงดีดเครื่องสายอย่างสงบเยือกเย็นบนฟากฟ้าเหนือเวที…สายลมเริ่มพัดแรง ใบหลิวปลิวว่อนประหนึ่งสัญญาณแห่งความแปรเปลี่ยนทันใดนั้นเองเสียงตะโกนจากผู้ดำเนินงานดังกังวาน“และบัดนี้...ขอเชิญรับชมการแม่นธนูและบรรเลงเพลงพิณจากบุตรีบ้านฟาง คุณหนูฟางอี้หลิน และคุณหนูฟางอี้เหยา”จู่ๆ แสงไฟเวทีพลันหรี่ลง ท้องฟ้าสีทองส้มฉายเงาผ่านหลังคาศาลาไม้สูงเสียงลมหวิว…ผู้คนทั้งงานหันหน้าขึ้นไปพร้อมกันและแล้วร่างหนึ่งในชุดสีฟ้าครามปักลายปรากฏกายเหนือหลังคาศาลา ใบหน้าปิดบังไว้ด้วยหน้ากากอัปลักษณ์สลักลายคล้ายหยกกะเทาะ ร่อนตัวลงจากหลังคา ร่างเบาหวิวราวกับขนนก ในนาทีที่เท้าสัมผัสพื้นเวที ก็ยืนในท่ามั่นเสียงฮือฮาอื้ออึง มือขวายกคันธนูไม้หอมขึ้นเหนี่ยวสายคันธนูดั่งเทพีธนูที่หลุดมาจากตำนานเสียงฮือฮาทั้งลานดังขึ้นอีกครั้งกับท่าทีสง่างามเกินหญิง“นั่นหรือคุณหนูฟาง ไหนว่าพวกนางสองพี่น้องงดงามราวเทพีสวรรค์ แล้วเหตุใดถึงสวมหน้ากากอัปลักษณ์เช่นนั้น “หรือตั้งใจจะทำสิ่งใดกันแน่” เสียงซุบซิบดังไปทั่วลานท่ามกลางสายตาทุกคู่ที่จับจ้อง ไป๋อวี้ที่นั่

  • ชายาอัปลักษณ์ของท่านอ๋องรูปงาม   มิตรภาพ

    กลิ่นหอมจากชาอู่หลงชั้นเลิศลอยแผ่วอ้อยอิ่ง ขับกล่อมให้ลานน้ำชาชั้นสูงดูอบอุ่นและงดงามในแสงอาทิตย์อ่อน ๆอี้เหยาในอาภรณ์ผ้าไหมสีชมพูอ่อนปักดอกเหมย ยืนเคียงมารดาเจียวหยูริมซุ้มพฤกษา แววตาเธอจับจ้องไปยังขบวนเสด็จของโตวโฮฉินและเครื่องบรรณาการที่มีไท่จือเว่ยจินปรากฏตัวพร้อมกับขบวนบรรณาการอลังการอี้เหยาเบ้ปากเล็กน้อย ขณะกระซิบเบาๆ กับมารดา“ท่านแม่...บุรุษหน้ายิ้มผู้นั้นคือผู้ใดหรือเจ้าคะ ช่างทำตัวเย่อหยิ่งราวกับโลกทั้งใบเป็นของเขา มิรู้จักความพอดีเอาเสียเลย”เจียวหยูหันมามองลูกสาวแวบหนึ่ง ก่อนเอ่ยเสียงนุ่ม“นั่นคือไท่จือเว่ยจิน บุตรชายหัวแก้วหัวแหวนขององค์หญิงเก้าจิวฮัวกับฮ่องเต้โตวโฮฉินแห่งแคว้นเป่ยเอียน”อี้เหยาทำตาโต“โอ้...เชื้อสายสูงศักดิ์เช่นนั้นหรือ...ก็ว่าอยู่ ทำไมถึงดูร่ำรวยและ...อวดดีนัก”“เหยาเอ๋อร์” เจียวหยูปรามเสียงเบาแต่จริงจัง “แม้เจ้าจะไม่ชอบเขา ก็ไม่ควรพูดเช่นนั้น บุญคุณเก่าระหว่างแคว้นเป่ยเอียนกับเรา รวมถึงตัวฝ่าาทกับฮองเฮาแคว้นเป่นเอียน เคยมีต่อพ่อเจ้าและตัวแม่ไม่น้อย เขาก็ไม่ต่างจากเฉิงอู๋อ๋องกับพระชายาที่เจ้าชื่นชมนัก”อี้เหยาขมวดคิ้วเล็กน้อย“แต่เขามิใช่เฉิงอู๋อ๋อง

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status