เข้าสู่ระบบ“ก็ได้ พ่อคนฉลาด” ...ฉลาดจนแยกไม่ออกว่าใครเป็นใคร วาสินีสะบัดเสียงเข้าใส่ “ฉันจะแต่งงานกับคุณก็ได้ แต่ฉันมีข้อตกลงบางอย่างกับคุณ”
คิ้วดกหนาเลิกขึ้นสูง ดวงตาสีฟ้าสดจ้องหน้าคนพูดอย่างระแวง “ข้อเสนออะไร ถ้ามันไม่เกินความสามารถและไม่ทำให้ผมเดือดร้อน ผมอาจรับปากคุณ”
“มันไม่เกินความสามารถของคุณแน่”
วาสินีเริ่มทนความเจ้าอำนาจของเขาไม่ได้ ไหนสิตาภาเคยบอกว่าโอลิเวอร์แสนดี ยกย่องเธออย่างกับเจ้าหญิง ยอมให้จูงจมูกง่ายอย่างไรล่ะ ตอนนี้ผู้ชายที่สิตาภาเคยหลอกใช้เป็นเครื่องมือกลับทำท่าน่ากลัวจนไม่อยากเข้าใกล้
“ว่ามา ข้อตกลงที่คุณต้องการมีอะไรบ้าง” โอลิเวอร์กอดอก ตั้งท่ารับฟังเต็มที่
“เราจะแต่งงานกันแต่ในนามเท่านั้น ห้ามคุณล่วงเกินฉันแบบสามีภรรยาทั่วไป เอ่อ... ฉันหมายถึงห้ามคุณนอนกับฉัน” วาสินีกลั้นใจพูดออกไป ใบหน้างามแดงเรื่อเมื่อต้องเอ่ยปากพูดถึงเรื่องลึกซึ้งแบบนี้
“ผมเข้าใจ คุณเป็นเลสเบี้ยนไม่ชอบนอนกับผู้ชายอยู่แล้วนี่ ผมไม่ฝืนใจคุณหรอก เราจะอยู่ด้วยกันในฐานะพ่อแม่ของน้องเอื้อเท่านั้น เรื่องบนเตียงผมจะไม่ยุ่งกับคุณ”
โอลิเวอร์พยักหน้ายอมรับ เขาเข้าใจว่าเธอคงรังกียจสัมผัสจากผู้ชาย ซึ่งเขาเองก็คงไม่คิดจะมีอะไรกับเธออีก ครั้งนั้นเขาข่มเหงเธอเพราะแรงโทสะเธอไม่ได้เต็มใจ
วาสินีรู้สึกโล่งใจเมื่ออีกฝ่ายยอมรับปาก “ขอบคุณมาก ที่คุณเข้าใจฉัน” เธอแอบขอบคุณรสนิยมทางเพศของพี่สาวฝาแฝด ที่กลายเป็นเกราะป้องกันเธอจากผู้ชายคนนี้
“ผมก็มีเรื่องต้องตกลงกับคุณเหมือนกัน” เขาไม่ยอมเสียเปรียบฝ่ายเดียว
วาสินีกะพริบตาปริบๆ พยักหน้าให้เขา” ว่ามาค่ะ ถ้าฉันทำได้ฉันจะทำ” เธอยอมรอมชอมเพราะเห็นแก่ที่เขายอมรับข้อตกลงของเธอแล้ว
“เราแต่งงานกันในนามก็จริง แต่ผมไม่อยากให้ใครมองว่าคู่ของเราไม่สมบูรณ์ เวลาอยู่ต่อหน้าคนอื่นเราต้องสวมบทบาทสามีภรรยาที่รักกันมาก บางทีมันต้องมีแตะเนื้อต้องตัวกันบ้าง กอดหอมกันบ้างไม่คนอื่นสงสัย น้องเอื้อเองแกก็คงอยากมีครอบครัวที่อบอุ่นพ่อแม่รักใคร่กัน” โอลิเวอร์บอกความต้องการของตัวเองให้เธอรู้
“ค่ะ ถ้าไม่มากกว่านี้ฉันไม่มีปัญหา” วาสินีพยักหน้ารับ ยอมทำตามที่เขาบอก
“ดีมาก ยังมีอีกข้อสำคัญมาก” เขาเน้นเสียง ก่อนจะเอ่ยถึงสิ่งที่ตัวเองต้องการออกมา “ในเมื่อคุณไม่สามารถทำหน้าที่บนเตียงได้ ผมก็มีสิทธิ์ไปปลดปล่อยความต้องการกับผู้หญิงคนอื่นเช่นกัน ผมไม่ใช่คนที่ยอมอดทนกับเรื่องพวกนี้หรอกนะสิตา ถ้าคุณให้ผมไม่ได้ผมก็ต้องหาจากคนอื่น คุณต้องยอมรับและห้ามหึงหวงผม”
วาสินีหน้าแดงจัด ไม่ใช่เขินอายแต่กำลังโมโหคนมักมาก เขาร้ายกาจนักอาศัยช่องโหว่จากข้อตกลงของเธอ เอาประโยชน์เข้าตัว
“ใครจะหึงคุณ เชิญตามสบาย จะไปนอนกับผู้หญิงที่ไหนกี่คนก็เรื่องของคุณ แต่อย่าให้คนอื่นเขามานินทาฉันเด็ดขาดว่าถูกสามีสวมเขา และอย่าให้ผู้หญิงของคุณมาระรานฉันด้วย” เธอเชิดหน้าบอกอย่างไม่ยีหระ
“โอเค เป็นอันว่าเราสองคนจะทำตามข้อตกลงนี้”
ร่างสูงใหญ่ลุกขึ้นยืน มุมปากอมยิ้มน้อยๆ เมื่อปรายหางตา เห็นศีรษะเล็กของลูกชายอยู่ตรงหน้าต่างห้อง เจ้าตัวคงรอดูว่าพ่อของแกจะง้อแม่สำเร็จไหม
“ลูกแอบดูเราอยู่” โอลิเวอร์ บุ้ยบ้ายให้วาสินีดูที่หน้าต่าง
“อุ๊ย คุณจะทำอะไร”
หญิงสาวผุดลุกขึ้น ก่อนจะร้องอุทานด้วยความตกใจ เมื่อถูกวงแขนแข็งแรงตวัดเกี่ยวเอวคอดรั้งตัวเธอไปกอดไว้ เธอมองหน้าเขาอย่างหวาดหวั่น มือยกยันแผงอกหนาไว้ไม่ให้เข้ามาแนบชิด
“น้องเอื้อ คงอยากเห็นพ่อแม่คืนดีกัน” เขากดยิ้มตาพราว มองใบหน้าตื่นๆ ของหญิงสาว “เราต้องแกล้งแสดงให้ลูกเห็นว่าเราสองคนดีกันแล้ว”
“แสดงยังไงคะ”
วาสินีถามเสียงสั่น ใจเต้นแรงเมื่ออ้อมกอดของเขากระชับแน่นกว่าเดิม ใบหน้าหล่อเหลาราวกับเทพบุตรยื่นมาหา ชวนใจสั่นสะท้าน เธอเป็นอะไรไปทำไมใจเต้นแรงราวกับตีกลองแบบนี้ กลิ่นน้ำยาโกนหนวดของเขาโชยเข้าจมูก ผสานกับไอร้อนจากแผงอกหนาล่ำสันด้วยกล้ามเนื้อแกร่งกำลังบดเบียดแนบชิดเธอ มันทำให้คนไม่เคยถูกเพศตรงข้ามแตะต้องเนื้อตัวรู้สึกประหลาดล้ำ
“กอดคอผม จากนั้นก็ยิ้มหวานๆ”
เขาจับมือเธอมาคล้องคอ เมื่อเธอยอมยิ้มหวานๆ เขาก็ยื่นหน้าก้มลงไปหา ก่อนจะกดจมูกโด่งงามบนพวงแก้มนุ่มหอมแรงๆ สองครั้งซ้อนทั้งแก้มซ้ายและแก้มขวา เสียงดังฟอด กลิ่นหอมอ่อนๆ ของแป้งเด็กถูกสูดเข้าไปเต็มปอด มันให้ความรู้สึกสดชื่นหอมละมุนจนคนได้กลิ่นอดใจไม่ไหวก้มลงไปสูดกลิ่นอีกครั้ง
“หอมจังเมียผม” โอลิเวอร์พึมพำชิดใบหูขาวสะอาด เขาแย้มริมฝีปากกว้างเมื่อเห็นรอยแดงบนแก้มเนียน “หอมผมคืนด้วยสิ หอมสิ ลูกดูอยู่นะ”
วาสินีร้อนวูบไปทั้งหน้า แค่ถูกเขาหอมเธอก็แทบจะหัวใจวาย นี่ต้องมาหอมเขาคืนอีก โอย... จะเป็นลม
“ไม่... ไม่หอมได้ไหมคะ ฉัน...”
“คุณรังเกียจผมใช่ไหม” อารมณ์เคลิ้มๆ จางหายไปในทันทีเมื่อได้ยินเธอปฏิเสธ เขาน่าจะรู้ว่าเธอรังเกียจไม่ชอบสัมผัสของผู้ชายหรือแตะต้องเนื้อตัวผู้ชาย “ฝืนใจหน่อยสิตา เหมือนที่ผมฝืนใจหอมแก้มคุณ ท่องเอาไว้ทำเพื่อลูก”
“ก็ได้ ฉันหอมก็ได้”
วาสินีมองเห็นแววตาตัดพ้อจากดวงตาสีฟ้าคู่นั้นแล้วรู้สึกเห็นใจ สิตาภาทำร้ายเขาไว้มากโอลิเวอร์คงเจ็บช้ำไม่น้อย หญิงสาวสงสารคนตรงหน้าเหลือเกิน จนอยากชดใช้ให้เขาแทนพี่สาวฝาแฝด เธอสูดลมหายใจแรงๆ ก่อนจะกลั้นใจหลับตาแน่น ยื่นหน้าหมายแตะจมูกบนแก้มเขาพอเป็นพิธี แต่เหมือนกามเทพเล่นกลรักเมื่อโอลิเวอร์ก้มลงมา ริมฝีปากของเขาจึงถูกริมฝีปากนุ่มประทับพอดี
จุ๊บ !!!
ชายหนุ่มนิ่งงันในขณะที่วาสินีเบิกตากว้างตกใจ ริมฝีปากเผยอออกอย่างลืมตัว ดวงตาสองคู่ประสานกันในระยะใกล้ลมหายใจร้อนผ่าวรินรดกันและกัน สัมผัสเพียงแผ่วเบากลับสร้างความวาบหวามให้เกิดขึ้นในหัวใจสองดวง วาสินีรู้สึกตัวก่อนรีบแอ่นหน้าถอยห่าง แต่ถูกมือหนาช้อนท้ายทอยกดดึงเข้ามาหา ริมฝีปากร้อนผ่าวประทับลงมาปิดเสียงอุทานให้เลือนหายไปในคอระหง เรียวปากอิ่มได้รับจุมพิตแรกแห่งวัยสาวอย่างดูดดื่ม ร่างบางแข็งทื่อสมองพร่าพราย สองมือเหนี่ยวเกาะลำคอหนาไว้เป็นที่พึ่งไม่ให้เข่าทรุดลงไป ขณะเผลอไผลหลงอยู่ในมนตร์สะกดตกอยู่ในห้วงเสน่หาอย่างไม่รู้ตัว ว่ากำลังเผลอตัวจูบตอบเขาไป
หวาน... ทำไมหวานแบบนี้
โอลิเวอร์อุทานในใจ เมื่อได้ลิ้มชิมกลีบปากนุ่มหวานของหญิงสาว เขาเคยจูบสิตาภาสองหนครั้งแรกตอนกลับจากงานเลี้ยงที่อพาร์ตเมนท์ของโรสิตา ครั้งที่สองตอนที่เขารังแกเธอ ทั้งสองครั้งเธอไม่ได้ตอบสนองเขาแบบนี้ ชายหนุ่มหยุดคิดสงสัยเมื่อสอดปลายลิ้นเข้าไปกวาดต้อนความหวานล้ำในโพรงปากนุ่ม ลิ้นเล็กๆ ของเธอหลีกหลบปลายลิ้นร้อนของเขาอย่างไม่ประสา ก่อนจะถูกเขาเกี่ยวกระหวัดเอาไว้จนหนีไม่พ้น โอลิเวอร์ดูดดึงความหวานจากเรียวปากสวยของเธอทั้งบนและล่าง ยิ่งเธอตอบสนองเขายิ่งรุกเร้าร้อนแรงขึ้น มือหนาเลื่อนลูบไปทั่วแผ่นหลังเนียนขณะที่ริมฝีปากยังคงแระเล็มความหวานไม่ยอมหยุด เสียงลมหายใจหอบกระเส่าของเขาและเธอประสานกันตามอารมณ์ที่โลดแรง โอลิเวอร์ผละริมฝีปากออกช้าๆ ดวงตาวาววามจ้องมองใบหน้างามของหญิงสาว เธอปรือตามองเขาขบเม้มริมฝีปากที่เริ่มเจ่อนิดๆ จากรสจูบแสนเร่าร้อนเมื่อครู่ ร่างบางอ่อนระทวยในอ้อมแขนของเขาเย้ายวนหัวใจคนมองจนแทบควบคุมตัวเองไม่ไหว หากไม่ได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักดังแว่วมา เขาคงสานต่อกับเธอจนสุดทาง
“ขอบคุณสำหรับความรักที่มอบให้สิตา”เธอฝืนยิ้มทั้งที่รู้สึกรวดร้าว หัวใจทำไมถึงเจ็บปวดแบบนี้ มันเร็วไปไหมกับการรู้สึกแบบนี้กับเขา หรือที่เคยได้ยินว่ารักไม่ต้องการเวลามันคือเรื่องจริง “ผมขอโทษ ขอโทษที่เคยทำร้ายคุณ” เขากล่าวคำที่อยากบอกเธอมานานหลายปีออกมาวาสินีพยักหน้าช้าๆ “มันผ่านไปแล้วค่ะ สิตาก็ทำผิดไว้กับคุณและครอบครัวของคุณมากมาย ถือว่าชดใช้ให้กันนะคะ” เธอยิ้มให้เขาโอลิเวอร์นิ่งงันกับคำตอบของเธอ ดวงตาคมมองใบหน้างามของเธอนิ่ง ในหัวนึกถึงเรื่องของสิตาภาในอดีต หญิงสาวเคยทำร้ายเขาและพี่ชายไว้ร้ายแรงนัก หลอกลวง ปั้นหน้า สร้างเรื่องโกหกสารพัด จนถึงขั้นยิงเอริกจนปางตายเธอก็ทำมาแล้ว หัวใจของเขาเจ็บปวดกับการกระทำของเธอจนแทบขาดใจตาย และกลั่นความรู้สึกเจ็บแค้นมาทำร้ายเธอในภายหลัง วูบแรกที่เจอเธอมันทั้งดีใจและปวดใจในคราเดียวกัน ทั้งรักทั้งแค้นแต่ก็ไม่อาจปล่อยเธอไป“เราจะเริ่มต้นกันใหม่นะ ให้โอกาสผมนะสินี”โอลิเวอร์ยิ้มให้เธอ ก่อนจะก้มลงมาประทับจุมพิตบนริมฝีปากอิ่มสีกุหลาบแล้วแทรกปลายลิ้นร้อนเข้าไปควานหาความหวานฉ่ำอย่างโหยหา เมื่อคืนเขาทนทรมานตัวเองนอนหันหลังให้เธอตลอดทั้งคืนไม่ใช่เพราะเขาโกร
หญิงสาวถอนความคิดออกจากภวังค์ แล้วรามือจากการคนเมื่อเห็นข้าวสุกจนได้ที่ โอลิเวอร์อาสาช่วยยกหม้อลงจากเตา เขาตามติดเป็นเงามานั่งข้างๆ ตอนเธอทำอาหารอย่างอื่น ทำตัวน่ารักสงบเสงี่ยมนั่งมองเธอทำนู่นนี่ด้วยความเพลิดเพลิน ไม่อาสาช่วยเพราะเธอเคยห้ามเขาไว้เมื่อวานเย็น เมื่อปรุงอาหารเสร็จก็ช่วยกันยกมาวางที่โต๊ะหน้ากระท่อมโอลิเวอร์ มองหญิงสาวช่วยคนข้าวต้มในถ้วยของเขาให้คลายร้อน เธอตักไข่เจียวใส่ให้เขา ก่อนจะส่งถ้วยที่ข้าวเริ่มเย็นให้“ค่อยๆ ทานนะคะ มันยังร้อน” วาสินีส่งข้าวต้มให้เขา ก่อนจะตักของตัวเองบ้าง“ของคุณก็ร้อน ระวังลวกปากนะ” เขาบอกอย่างห่วงใยวาสินียิ้มละมุน “ขอบคุณค่ะ” เธอตักข้าวต้มในถ้วยของตัวเองมาเป่าแรงๆ ก่อนจะเอาเข้าปาก“ไข่เจียวอร่อยดี แต่ยำกุ้งแห้งก็น่าอร่อย” เขายื่นมือไปหมายจะตัก แต่วาสินีจับมือเขาไว้ก่อน“เดี๋ยวสินีตักให้ค่ะ มันมีพริก ต้องเขี่ยออกก่อน” เธอใช้ช้อนเขี่ยพริกขี้หนูซอยไปวางข้างขอบจาน เลือกตักแต่กุ้งให้เขาแทน “เห็นเม็ดเล็กๆ แบบนี้เผ็ดจนปากพองเลยนะคะ ปกติถ้าสินีทำทานเองจะชอบตำให้ละเอียดเผ็ดถึงใจดี”โอลิเวอร์ยิ้มขอบคุณตั้งหน้าตั้งตารับประทานอาหารด้วยความเอร็ดอร่อย รู้ส
พระอาทิตย์ทอแสงแรกแห่งวันสาดส่องผืนน้ำสีคราม สายลมอ่อนๆ พัดโชยหอบเอาไอทะเลเย็นฉ่ำกระจายไปทั่วบรรยากาศในยามเช้าบนเกาะดาวเคียงเดือนแสนสดชื่น ผืนป่าเขียวขจีอุดมสมบูรณ์ด้วยต้นไม้ใบหญ้าดั่งมรกตกลางทะเล เหล่านกกาพากันออกหากินต่างโบยบินกระพือปีกส่งเสียงดังไปทั่วเกาะแห่งนี้ ในกระท่อมหลังน้อยอันเป็นที่พักของคู่แต่งงานใหม่ สองหนุ่มสาวนอนหันหลังให้กันมือสองข้างยังถูกพันธนาการด้วยปลอกข้อมือร้อยโซ่ทองเหลือง เป็นตรวนแห่งการพิสูจน์รักแท้ตามธรรมเนียมปฏิบัติของชาวเกาะล้อมรัก ให้คู่แต่งงานใหม่ได้เรียนรู้กันและกัน ทว่าแค่วันเดียวบ่าวสาวชาวเมืองก็พากันแตกคอนอนหันหลังให้กันเสียแล้วฝ่ายหญิงลืมตาตื่นขึ้นก่อนขยับลุกขึ้นนั่งมองคนที่นอนหลับตาหันหลังให้เธอ ใบหน้าหล่อเหลานิ่งสงบอยู่ในห้วงนิทราดูละม้ายคล้ายลูกชายตัวน้อย ต่างจากยามตื่นที่มักทำให้คนถูกมองรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ มือบางยื่นไปแตะแก้มสากคายที่มีตอหนวดขึ้นเขียวครึ้มแผ่วเบา ใจคนมองอ่อนยวบลงด้วยความรู้สึกวูบไหว ดวงตาคู่สวยจ้องมองเขานิ่งอยู่แบบนั้นขณะสมองคิดทบทวนถึงเหตุการณ์ตั้งแต่แรกพบจวบจนถึงตอนนี้ เวลาแค่สองวันกลับเปลี่ยนชะชีวิตของเธอให้ตกอยู่ใต้เงื้อมมือของ
“หยุดพูดเลยนะ” เธอสะบัดเสียงใส่อย่างลืมตัว ก่อนจะลดเสียงลงเมื่อเห็นผู้ใหญ่สองคนหันมามอง “ฉันเกลียดผู้ชายอย่างคุณที่สุด ปากร้าย ปากเสีย ชอบใช่ไหมพูดจิกกัดคนอื่นเนี่ย”“เห้อ คนอะไร ไม่ยอมรับความจริงแล้วยังพาลเหมือนหมาบ้าอีก”โจนาธานหัวเราะหึหึ ไม่ได้สะดุ้งสะเทือนกับคำด่าของเธอสักนิด เขาขยับเข้ามาใกล้คนขี้โมโหจงใจเบียดร่างหนากับร่างบางจนแทบจะเกยกัน“เปลี่ยนใจตอนนี้ยังทันนะ ลองคบกับผมดูไหมล่ะ ถ้าไม่รักไม่หลงผมในสามวัน ยินดีให้ถีบหัวส่งโดยไม่คิดค่าเสียหาย” “บ้า ! ฝันไปเถอะย่ะ ชาติหน้าตอนบ่ายแก่ๆ ฉันยังไม่แลตามองคุณ ไปศัลยกรรมให้หล่อเท่าพี่โอลิเวอร์แล้วหาเงินให้รวยๆ เท่าเขาก่อน แล้วค่อยมาเสนอตัวเป็นแฟนฉัน” เธอตอกกลับเขาแบบไม่ไว้หน้า“แหม ถึงผมจะไม่รวยเท่าเขา แต่ก็เลี้ยงดูคุณไม่ให้อดตายได้หรอกน่า” โจนาธานยังยิ้มได้ แม้จะโดนเปรียบเทียบแบบนั้น “และถึงผมจะไม่หล่อในสายตาคุณ แต่ผมเชื่อว่าผมทำให้คุณร้องครางใต้ร่างผมจนลืมผู้ชายคนนั้นได้ก็แล้วกัน”“คุณ! คุณมันไอ้ทุเรศ” มิเชลแทบกรีดร้องออกมาด้วยความคับแค้นใจเธอไม่น่าปล่อยให้เขามีโอกาสได้พูดจาร้ายกาจแบบนี้ นึกเจ็บใจตัวเองที่เสียท่าถูกเขามอมเมาด้วยเส
“ตอนนี้แยกไม่ได้ สักวันพอตาเอื้อโตรู้ความ คงเลือกอยู่กับเราเองค่ะ แกคงไม่อยู่กับแม่ที่เคยทำร้ายพ่อกับลุงของแกหรอก วันหนึ่งฉันจะบอกหลานเรื่องนี้” คุณอโณมาไม่ยอมแพ้“อย่าพูดเรื่องนี้กับหลานเด็ดขาด” คุณโรเบิร์ตเสียงเข้มขึ้น มองภรรยาด้วยแววตาคมดุ“ผมไม่อยากให้หลานของเรา รับรู้เรื่องไม่ดีในอดีตของพ่อแม่ ถ้าแกรู้ว่าตัวแกเกิดมาจากการข่มขืน คุณคิดดูว่ามันจะเป็นปมด้อยในใจแกแค่ไหน สิตาภาอาจจะเคยทำผิดจริง แต่โอลิเวอร์ก็ทำร้ายสิตาภาไม่น้อยกว่ากัน อย่ามองความผิดของคนอื่นเท่าภูเขาแล้วมองความผิดของลูกชายเราเท่าเม็ดฝุ่นสิคุณ”คุณโรเบิร์ตเตือนสติภรรยา ไม่ให้เอาอคติความเกลียดชังมารดาหลานชายมาสร้างรอยแผลเป็นในใจให้หลาน“คุณคิดเหรอว่าผู้หญิงลักเพศอย่างนั้นจะกลับใจได้ ฉันรู้นะว่าตาโอลิเวอร์คงไปบังคับหรือยื่นข้อเสนออะไรบางอย่างกับสิตา ไม่อย่างนั้นเลสเบี้ยนหรือจะยอมแต่งงานกับผู้ชาย” คุณอโณมาหาเรื่องมาโต้แย้งสามี“คุณจะตัดสินคนจากอดีตสิ ตอนนี้สิตาภาอาจเปลี่ยนไปแล้วก็ได้” คุณโรเบิร์ตถอนหายใจ เหนื่อยหน่ายกับความอคติของภรรยา “ให้โอกาสสิตาภาบ้าง ถ้าไม่เห็นแก่ใครก็เห็นแก่หลานเราบ้าง อย่าปิดตาปิดใจไม่ยอมรับเพราะคว
“มิเชลมีงานค้างอยู่ค่ะ อยากรีบไปสะสาง” มิเชลหาเหตุผลมาอ้างเธอเกรงใจผู้ใหญ่ แต่ก็ไม่อยากอยู่ต่อเพราะไม่ต้องการเผชิญหน้ากับโจนาธานอีก แค่ถูกเขารังแกจนแทบเสียเนื้อเสียตัวก็ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน เธอไม่ชอบโกหกแต่ก็ไม่กล้าบอกความจริงเรื่องนี้ให้ใครรู้ ได้แต่หาทางหลบไปให้พ้นจากสถานการณ์อึดอัดนี้ก่อนคุณอโณมาส่ายหน้าไม่ยอม “ไม่เอาๆ ป้าไม่ให้หนูกลับ งานทางโน้นให้มาคัสดูแลก็ได้ อีกสองสามวันเอริกก็กลับแล้ว ไม่มีอะไรน่าห่วงหรอก ถ้าหนูยังไม่วางใจก็โทรสั่งงานมาคัสไว้สิ” ท่านหาทางออกให้“ป้าเขาไม่ค่อยแข็งแรง หนูช่วยเป็นเพื่อนป้าเขาหน่อยนะมิเชล ลุงเองก็ต้องช่วยป้าเขาดูแลเจ้าตัวเล็กนี่ด้วย”คุณโรเบิร์ตช่วยภรรยาเกลี้ยกล่อมมิเชลอีกแรง ท่านเห็นแววตาของหญิงสาวก็รู้ว่ามีความอึดอัดใจบางอย่างซ่อนอยู่ และรู้ดีว่าทำไมมิเชลถึงได้คิดอยากกลับ ผู้สูงวัยกว่าลอบยิ้มเมื่อนึกถึงภาพที่ท่านเห็นเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนบางทีพรหมลิขิตกำลังเล่นกลกับมิเชลอยู่ คู่แท้ของเธอคงไม่ใช่โอลิเวอร์ลูกชายของท่านแต่เป็นชายหนุ่มเจ้าของเกาะแห่งนี้ก็ได้ ท่านจะขอเป็นกามเทพจับคู่สองหนุ่มสาวแข่งกับภรรยาดูสักหน คุณอโณมาอาจจะผิดหวังบ้างที่







