รินรดาแทบเอาพวกมาลัยเขวี้ยงหัวคนร่างสูงไปที่เขามองข้ามหล่อนไป... รู้อยู่หรอกว่ารวยจนเหมาเครื่องบินเดินทางเป็นส่วนตัวได้ แต่ก็ไม่เห็นว่าต้องหยิ่ง บ้านหล่อนก็รวยเหมือนกันยังต้องมาทำงานงกๆ อย่างนี้เลย
แล้วนายผู้โดยสารสูงเท่าเสาไฟฟ้าคนนี้จะรวยสักแค่ไหนนะถึงได้หยิ่งขนาดนี้... เมื่อคนติดตามเขาเดินขึ้นเครื่องตามเขาไปแล้วก็ยื่นพวงมาลัยให้ ลูกน้องเขารับและขอบคุณ... แต่หล่อนก็ยังอคติอยู่ หล่อนกำลังคิดว่าคนพวกนี้คงเป็นมาเฟีย หรือพวกผู้มีอิทธิพลที่ทำธุรกิจผิดกฎหมายอะไรสักอย่างแน่ถึงได้รวยขนาดนี้.. หล่อนคิดเล่นๆ ก่อนจะเดินตามผู้โดยสารคนสุดท้ายเข้าไป...
รินรดาคิดว่าคนพวกนี้ไม่สนใจหล่อนมากก็ดีเหมือนกัน ต่างคนต่างอยู่ก็ดีเพราะว่าหล่อนเองก็แสนจะรำคาญพวกผู้โดยสารที่ชีกอชอบหวังหลีแอร์บนเครื่องจนอยากจะเลิกอาชีพนี้หลายหน... แต่ถ้าหล่อนไม่ทำงานก็ต้องกลับไปอยู่บ้าน ข้ออ้างของการอยู่คอนโดมิเนียมก็ไม่มีอีก หล่อนจึงยอมทำงานหนักเพื่อความสบายใจของตัวเอง...
เมื่อเครื่องขึ้นสู่เวหาและเริ่มทรงตัวคงที่แล้ว ร่างเพรียวบางเดินมาเตรียมเครื่องดื่มและอาหารที่ลูกค้าออเดอร์ไว้ก่อนขึ้นเครื่องให้ลูกค้า... วันนี้หล่อนทำงานคนเดียว ไม่มีเพื่อนตรงส่วนการให้บริการเหมือนตอนอยู่เครื่องใหญ่ แม้ว่าจะอู้ไม่ได้แต่ก็สบายใจดีเหมือนกันตรงที่ไม่ต้องวุ่นวายกับใคร หล่อนตั้งใจว่าลงเครื่องแล้วจะไปเดินเที่ยวเมืองเชียงใหม่คนเดียวก่อนกลับมาด้วยซ้ำ
รินรดาเข็นรถอาหารมาเพื่อรอเสิร์ฟ หล่อนเริ่มที่นายหัวหน้ามาเฟียชุดเทานี่ก่อนเพราะเขานั่งแยกตัวอยู่ห่างเพื่อน และเป็นจุดแรกที่จะต้องเสิร์ฟ...
“รับน้ำดื่มอะไรดีคะ น้ำส้ม น้ำกีวี่ น้ำเปล่า ชาหรือกาแฟดีคะ” หล่อนถามคนที่นั่งไขว่ห้างกอดอกพิงเบาะอยู่อย่างแสนสบาย เขาไม่ได้หันมามองเพราะสายตาจดจ้องกับรายการสารคดีที่จอมอนิเตอร์ตรงหน้า
“ไวน์ครับ” เสียงห้วนๆ ตอบกลับมา
ดีที่ไม่สั่งเหล้าไปเลย... แต่งตัวก็ดีดันชอบดื่มของมึนเมา หล่อนนินทาเขาในใจ แล้วหล่อนก็หยิบไวน์ฝรั่งเศสชั้นดีรสเลิศที่ใช้ต้อนรับลูกค้าคนสำคัญเท่านั้น แสดงว่าเขาคงเป็นลูกค้าระดับพรีเมี่ยมทางสายการบินถึงได้จัดอาหารชั้นดีเช่นนี้ไว้ให้เขาก่อนหน้า... อันที่จริงบางครั้งหล่อนก็ควรรู้ว่าผู้โดยสารเป็นใคร แต่วันนี้หล่อนมาช้าเนื่องจากเกิดอุบัติเหตุจึงไม่ทันได้ดูรายละเอียดอะไรละเอียด
แก้วไวน์ก้านยาววางลงตรงที่วางแก้วอย่างเรียบร้อย แล้วหล่อนก็หยิบลาซาญญ่าผักโขมราดหน้าเบคอนทอดที่สั่งไว้พิเศษสี่ชุดมาเปิดออกพร้อมรับประทานเพื่อบริการให้เขา แต่จังหวะที่หล่อนจะยื่นให้มือเขาก็ยื่นสวนมาเพื่อจะหยิบหนังสือพิมพ์ที่วางไว้ มือของทั้งคู่จึงชนกันแล้วถาดลาซาญญ่าในมือหล่อนก็หลุดร่วงลงมาที่พื้นจนทำให้มีเศษอาหารบางส่วนกระเด็นมาโดนรองเท้าสีขาวคู่โปรดของหล่อนที่หล่อนยอมควักเงินมากเกินความจำเป็นซื้อมาเพราะว่าถูกใจ ตอนนี้มันมีเศษลาซาญญ่าน่าเกลียดติดอยู่ เพราะนายคนนี้คนเดียว เขามันไม่ดูตาม้าตาเรือจะหยิบของก็ไม่มองก่อน รู้ทั้งรู้ว่าหล่อนเสิร์ฟอาหารอยู่แท้ๆ
“คุณทำผิดแล้วก็กรุณาขอโทษฉันด้วยคะ” หล่อนบอกอย่างมีโมโหเมื่อเขาทำเฉย ไม่พูดขอโทษอะไรเลยทั้งที่เขาผิด
“ไม่ใช้หน้าที่ที่ผมต้องมาขอโทษใคร คุณต่างหากที่ต้องขอโทษที่ทำหน้าที่บกพร่อง” เขาหันมามองหน้าตาเอาเรื่องของหล่อน แล้วก็หันหน้าหนีไม่ได้สนใจ จนหล่อนชักโมโหขึ้นมา
เขามันมรรยาททรามที่สุด ทำผิดแล้วไม่รู้จักขอโทษ หล่อนมีหน้าที่บริการเขาก็จริง แต่เรื่องอะไรที่จะให้หล่อนเที่ยวขอโทษทั้งที่ไม่ผิดกันเล่า คนบ้า!
หล่อนมองเขา ใบหน้าเขาคล้ายกับคนที่ขับรถห่วยแตกเมื่อเช้ามาก แต่รู้สึกได้ว่าคนสองคนนี้ไม่ใช่คนเดียวกัน หล่อนอาจจะตกใจมากเมื่อเช้านี้จึงไม่ทันมองคู่กรณีดีๆ เห็นแต่ร่างสูงๆ จึงคิดว่าเขาเหมือนกับผู้ชายคนนี้ ทั้งคู่มีนิสัยไม่รู้จักระวังไม่ต่างกันเลย... ดีแต่นายคนเมื่อเช้ารู้จักขอโทษไม่เหมือนนายคนนี้ที่ทำผิดแล้วกลับผินหน้าไปอ่านหนังสือพิมพ์หน้าตาเฉย
“คุณต้องขอโทษฉัน” หล่อนบอกอย่างเอาเรื่อง ไม่ยอมลงง่ายๆ ถ้าเป็นคนอื่นอาจจะยอมเพราะเห็นเขาเป็นลูกค้า แต่นี่เป็นหล่อน หล่อนจะไม่ยอมก้มหัวให้ใครโดยที่คนนั้นทำตัวไม่น่าเคารพ
แต่เขากับมองอาการเอาเรื่องของหล่อนไม่เห็นและแปลการกระทำของหล่อนผิดไปอีกทาง...
“ถ้าคิดจะอ่อยผมก็ไม่ต้องหรอกนะ ผมไม่คิดจะสนใจผู้หญิงที่พบกันครั้งแรก ทำหน้าที่ของคุณไปซะ อย่ารบกวนการพักผ่อนของผม ไม่อย่างนั้นผมจะแจ้งไปที่ต้นสังกัดของคุณ” เขาบอกเสียงเรียบ เขาพูดกับหล่อนทั้งๆ ที่หน้ายังก้มมองหนังสือพิมพ์...
รินรดายืนฟังอยู่ตั้งนานกว่าจะรู้ว่าเขาหมายถึงอะไร...
อ่อย? เขาหมายถึง หล่อนอ่อยเขางั้นหรือ... ตลกหรือไง หล่อนนี่นะต้องอ่อยเขา...
หญิงสาวยืนตัวสั่นเทิ้ม ตั้งแต่เกิดมายังไม่มีใครที่ทำให้หล่อนโมโหได้ขนาดนี้ ปรกติหล่อนจะพบแต่คนที่ยอมอ่อนข้อให้ แต่ตอนนี้กลับถูกหยามอย่างไม่เหลือดี...
มือเรียวที่สั่นเทานิดๆ เพราะความโกรธจับเหยือกที่บรรจุน้ำเย็นเฉียบยกขึ้น... เขาไม่ทันมอง หล่อนจึงราดมันบนหัวเขา กว่าเขาจะรู้ตัวหล่อนก็เทมันจนหมดแล้ว... ลูกน้องเขากรูกันเข้ามายืนมองการกระทำอันอุกอาจของหล่อน แต่หล่อนก็ไม่สนใจ
รินรดายังไม่ทันที่จะได้เคลิ้มหลับดีหล่อนก็รู้สึกว่าได้ยินเสียงประตูเปิดดังโครม เสียงไม่ใกล้ไม่ไกลที่ไหนเพราะมันน่าจะเป็นเสียงห้องของหล่อนเอง จังหวะเดียวกันกับที่ดึงผ้าปิดตาออก ผ้าห่มที่หล่อนห่มอยู่ก็ถูกกระชากออกมาพร้อมๆ กัน “กรี๊ด” หญิงสาวกรี๊ดออกมา แล้วหล่อนก็หยิบหมอนจะไปฟาดผู้บุกรุก “จะร้องทำไม เก่งนักไม่ใช่เหรอ ทำไมเก่งจริงไม่ไปหาเรื่องที่ห้อง มุดอยู่ในรูแล้วโทรแกล้งชาวบ้าน ถนัดนักหรือไง” เขายืนเด่นหราต่อหน้าขณะด่าหล่อน ใบหน้าถมึงทึงนั้นเอาเรื่องอยู่เช่นกัน... “คุณทำฉันก่อนนี่ แล้วเข้ามาที่นี่ได้ยังไง... รีบออกไปก่อนที่ฉันจะร้องเรียกคนมาช่วย ไม่งั้นคุณลำบากแน่” “ไม่ออก จนกว่าจะขอโทษผมก่อน วันนี้หลายเรื่องแล้วนะที่คุณทำให้ผมไม่พอใจ อยากตายหรือไง”“คุณมันจอมหาเรื่อง ใครเขาอยากมีเรื่องกับคุณ มีแต่คุณเท่านั้นแหละที่บ้ามาเอาเรื่องกับฉันทั้งๆ ที่ฉันไม่ได้ทำอะไรคุณสักนิด ฉันรู้ว่านรกจะลงโทษคนเลวๆ อย่างคุณเอง” หล่อนด่าเขากลับอย่างแสบร้อนไม่แพ้กัน“ทำไม ผมทำอะไรผิดนรกถึงต้องลงโทษผม”“พวกมาเฟียร้าย ฆ่าคนเป็นผักเป็นปลา... แถมยังกล้ารังแกผู้หญิงที่เป
กริ๊งงงงง เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น... รินรดาค่อยๆ ขยับร่างลุกขึ้นนั่ง หล่อนยังรู้สึกเมื่อยขบปวดระบมบางส่วนในร่างกายหลังจากที่กลับเข้ามาสำรวจตัวเองในห้องแล้วว่าไม่มีอะไรร้ายแรงมาก นอกจากรอยช้ำนิดๆ หน่อยๆ เท่านั้น... หล่อนก็ค่อยหลับลงพร้อมกับความคิดที่ว่าจะไม่ออกไปเที่ยวอีกแล้วจนเสียงโทรศัพท์บ้านี่ดังขึ้นมานั่นแหละ... เบอร์โทรเป็นของห้องหมายเลขข้างเคียงห้องหล่อนนั่นเอง... รินรดานิ่วหน้า ก่อนจะคว้าขึ้นมารับอย่างไม่แน่ใจ เพราะกลัวว่าจะเป็นห้องคนที่มาระรานหล่อน หรือบางทีหล่อนก็ไม่แน่ใจว่าจะเป็นห้องคนที่มาช่วยหล่อนเพราะหล่อนไม่ได้ดูเลขห้องเขา “ฮัลโหล” หล่อนกรอกเสียงลงไป “เป็นยังไงบ้าง เจ็บตรงไหนหรือเปล่า” เสียงทุ้มถามมาเป็นภาษาไทยหล่อนก็รู้ทันทีเลยว่าเป็นเขา... ลูกค้ามาเฟียวีไอพีของสายการบินบิดาหล่อนนี่เอง “ไม่เป็นไรค่ะ... ไม่เป็นไรแล้ว” หล่อนบอก หญิงสาวยอมรับว่าเสียขวัญมาก หากเขาไม่มาช่วยหล่อนอาจจะต้องสู้กับฝรั่งนั่นจนหมดแรงและอาจพ่ายแพ้จนเกิดภัยกับตัวแน่..แต่เมื่อทุกอย่างผ่านพ้นมาได้หล่อนก็ไม่ได้คิดจะเอาเรื่องเพราะหล่อนเหนื่อยเกินกว่าที่
เมื่อคนที่เดินตามเข้ามาในลิฟต์ถามรินรดาด้วยความเข้าใจผิดและหมิ่นหยามว่าหล่อนมีราคาเท่าไหร่ หล่อนก็เกิดอารมณ์โมโหขึ้นมาทันทีทันใด... “นรก” รินรดาด่าสบถก่อนที่จะพูดอะไร... “ปล่อยฉัน” “เราตกลงราคากันได้... ฉันมีเงิน มีมากกว่าที่เธอจะคิดซะอีก”“ไอ้บ้า ฉันไม่ได้ขายตัวนะ ไปลงนรกโน่นไป” รินรดาสะบัดมือเต็มแรงจนมือเขากระเด็นออกไป... จังหวะเดียวกันกับที่ลิฟต์เปิดเมื่อเคลื่อนมาถึงชั้นแปด หล่อนจึงวิ่งออกไป แต่ผมหล่อนก็ถูกกระชากไว้จากด้านหลัง แรงดึงทำเอาคอแทบหัก... ไอ้บ้านั่นรั้งบ่าหล่อนให้หันหน้ามาหามัน จนหล่อนดิ้นหนีไม่หลุด... “ปล่อยฉันนะ” หล่อนบอกด้วยน้ำเสียงรังเกียจอย่างเห็นได้ชัด ดวงตาหรี่ปรือของมันมองหล่อนฉ่ำเยิ้มก่อนจะหัวเราะออกมาเมื่อเห็นหล่อนดิ้นหนีมือมันแต่ไม่สำเร็จเพราะแรงมันมากกว่า... “ฉันถามว่าเท่าไหร่ เมื่อครู่เธอต่อรองราคากับไอ้หนุ่มนั่นจนมันสู้ราคาไม่ไหวล่ะซิ แต่กับฉันไม่ต้องห่วงนะ ฉันให้ไม่อั้น... ว่ามาเลยว่าเท่าไหร่” “ฉันไม่ได้ขายตัวนะไอ้บ้า” รินรดาตวาดแว้ด มือหล่อนยกขึ้นมาสะบัดใส่หน้ามันดังฉาดจนฝ่ามือหล่อนแดงเถือกไปหมด...
“ฉันมาทำงานค่ะ” หล่อนตอบอย่างเป็นทางการ รินรดาสร้างกำแพงขึ้นมาอีกชั้น... หล่อนไม่อยากสนิทกับเขามากเท่าไหร่ แค่ทักทายกันเท่านั้นก็คงมากเกินพอแล้ว...“แต่ตอนนี้คงไม่ได้ทำงานใช่ไหม ค่ำๆ อย่างนี้เราคงออกไปเดินเล่นข้างนอกด้วยกันได้... เดี๋ยวเราไปกินข้าวด้วยกันสักมื้อนะ”“ฉัน... เอ่อ ฉันไม่ได้คิดจะออกไปข้างนอกหรอกค่ะ ฉันแค่จะเดินลงมาสั่งอาหารที่ห้องอาหารไปรับประทานเท่านั้น ฉันทำงานเหนื่อยมากคงไม่มีแรงที่จะเดินออกไปที่ไหนหรอกค่ะ แต่ก็ขอบคุณที่ชวน เดี๋ยวฉันขึ้นห้องก่อนนะคะ ขอให้เที่ยวให้สนุกค่ะ”“ขอบคุณมากนะดีน่า” เขาเรียกหล่อนด้วยชื่อเดียวกับมารดาเรียกนั่นยิ่งทำให้หญิงสาวคอแข็งขึ้นมาเพราะไม่ได้สนิทกับเขาถึงเพียงนั้น หล่อนไม่ต้องการให้ใครเข้ามารุกคืบชีวิตส่วนตัว โดยเฉพาะลูกชายของพ่อเลี้ยง คนที่มีส่วนสำคัญที่ทำให้ครอบครัวหล่อนแตกแยก“เราจะได้เจอกันอีกไหมเนี่ย”“อาจจะไม่ก็ได้ค่ะเพราะว่าฉันจะต้องกลับแต่เช้า...”“น่าเสียดาย หวังว่าคริสต์มาสนี้คุณคงไปฉลองกันที่อิตาลีบ้างนะ เรเชลบ่นถึงคุณใหญ่เลย” เขาพูดถึงเรเชล รามอส น้องสาวของหล่อนที่เกิดจากผู้เป็นมารดาของและบิดาเลี้ยงของหล่อน“อาจจะไปค่ะ” หล่อนตอ
เวลาสิบเจ็ดนาฬิกาเป็นฤกษ์งามยามดีที่รินรดาจะออกจากห้องไปเดินเล่นข้างนอก หล่อนสั่งอาหารง่ายๆ ของทางโรงแรมรองท้องมาก่อนแล้วเพื่อว่าจะได้ไม่หิวเกินไปนัก วันนี้หล่อนนึกครึ้มอยากได้เครื่องเงินกับเครื่องประดับขึ้นมาเฉยๆ เลยตั้งใจว่าจะจ้างรถโรงแรมไปส่งที่ร้านเพชรอันขึ้นชื่อของที่นี่แล้วค่อยกลับมาผลงานศิลปะของทางเมืองเหนือสะท้อนมาในเครื่องประดับบางอย่างในร้าน ที่ไม่เพียงแต่ออกแบบสินค้าที่คลาสสิกเท่านั้น แต่ยังมีสินค้าที่มีสถาปัตยกรรมแบบล้านนาเหนือให้เห็นอีกด้วย แต่หล่อนได้เพียงแค่ชื่นชมเพราะว่างานเหล่านี้อลังการเกินไป หล่อนต้องการเครื่องประดับที่ใส่ได้ทุกโอกาสมากกว่าที่จะเอาไว้ใส่ออกงานราตรีใหญ่ๆ อย่างเดียวเพราะว่าหล่อนไม่เคยออกงานราตรีเลย...ไม่ใช่ว่าหล่อนไม่สังคมกับใครไม่คบค้าสมาคมกับใครเลยแต่เป็นเพราะว่าแม่เลี้ยงและผู้เป็นย่าชอบกีดกันและค่อนขอดอยู่เสมอว่าหล่อนเป็นลูกหลานที่น่าอับอายไม่คู่ควรให้บิดาพาออกงาน รินรดาจึงออกอาการต่อต้านไม่ยอมเข้าสังคมและแยกตัวออกมาอยู่อย่างโดดเดี่ยวเท่านั้นยังไม่พอหล่อนยังถูกย่าแท้ๆ ที่ท่านไม่อยากจะนับหล่อนเป็นหลาน บอกว่าหล่อนหนีออกมาอยู่ข้างนอกไม่ทำงานอะไร มั
เขาเคยไปกินอาหารจานโปรดของตัวเองซึ่งทำจากระรินทิพย์โดยไร้เงาพี่ชายเพียงครั้งสองครั้ง ต่อมาคุณนายมาลาตีก็เบนเข็มมาที่เขาแทนและเข็มที่เบนมาทางนี้ก็ไม่มีทีท่าว่าจะหมุนย้อนกลับเพราะคิดว่าเขาคงมีใจให้ลูกสาวนาง เรียกได้ว่างานนี้เขาดิ้นไม่หลุดจนมาถึงบัดนี้... และเขาเองก็เป็นฝ่ายที่ไม่ได้ดิ้นออกมาทั้งที่เขาไม่เคยต้องการผูกมัดกับลูกสาวบ้านนี้หรือลูกสาวบ้านไหน... แต่ที่เขายอมมีบ่วงนั้นเป็นเพราะระรินทิพย์ ผู้หญิงสวยที่มีนิสัยอ่อนโยน เรียบร้อยเหมือนผ้าขาวที่ไม่มีสิ่งแต่งแต้มเจือปนที่รีดเรียบสนิทแล้วพับไว้อย่างสวยงาม... หญิงสาวผู้แสนหวานและอ่อนต่อโลกที่ไม่ได้รู้แม้สักน้อยนิดว่าตนเองถูกยัดเยียดให้เขาจนดูน่าเกลียดในบางครา... หากเป็นลูกสาวบ้านอื่นเขาคงไม่สนใจและไม่ให้ความหวัง แต่เห็นว่าเป็นระรินทิพย์ที่เป็นผู้หญิงที่น่าสนใจ และไม่เหมือนใคร หล่อนสวย เพียบพร้อมชาติตระกูลดี และนิสัยดีจนเกินกว่าที่จะมองข้ามไป หม่อมราชวงศ์เขตแดนจึงไม่ละเลยสาวนางนี้และให้ความหวังมารดาของหล่อนด้วยการเข้านอกออกในบ้านนี้ตามคำเชิญบ่อยๆ... เนื่องจากว่าต้องการเก็บระรินทิพย์ไว้เป็นตัวเลือกหนึ่งหาก