ท่านแม่กินเก่งน้องสาวก็กินเก่ง อนาคตเขาจะต้องทำงานให้ได้วันละเท่าไรกันนะ ถึงจะพอเลี้ยงซาลาเปาพวกนางอิ่มหลังกินขนมตบท้ายเสร็จ เยว่อวิ๋นก็ต้มน้ำร้อนให้เด็กๆ อาบ เสี่ยวอวี้กับตาเป่าถูกมารดาจับถูเจ่าโต้ว[1]ที่ซื้อมาจนเนื้อตัวสะอาดเอี่ยม กลิ่นหอมที่ติดกายมาทำให้พวกเขาตื่นเต้นอย่างยิ่ง แม้แต่ต้าเป่าก็ยัง
ชายหนุ่มคิดแล้วค่อยผ่อนคลายความระแวดระวัง เยวอวิ๋นที่กำลังไล้ปลายมีดผ่านตามคางและแก้มชายหนุ่ม สัมผัสได้ว่าอีกฝ่ายลดการป้องกันลงแล้ว ก็ผงกศีรษะขึ้นลงอย่างพอใจนางรำคาญเจ้าสิ่งนี้บนใบหน้าเขามานานแล้ว จะป้อนอาหารหรือยาก็ล้วนลำบาก ต้องมานั่งทำความสะอาดทีหลังให้วุ่นวายอีกอย่าง…หากวัดจากความชอบที่มีต่อบ
เมื่อสิ่งที่ต่างฝ่ายต่างต้องการบรรลุผล การพูดคุยก็ง่ายดายขึ้นชั่วเวลาสั้นๆ เยว่อวิ๋นกับเซี่ยฉงอวิ๋นก็เปลี่ยนมุมมองที่มีต่อกัน โดยเฉพาะเยว่อวิ๋น นางนึกไม่ถึงเลยว่าสามีที่ชาวบ้านมองว่าโง่เขลาของนาง จะเป็นคนมีความคิดลึกซึ้งเพียงนี้แล้วที่ผ่านๆ มาคืออะไร โรคโง่งมกำเริบเป็นบางเวลางั้นหรือ ไม่สิ ไม่ถูกต
หญิงสาวฝืนบังคับมุมปากที่บิดเบี้ยวของตนให้กลับมาเป็นปกติ ก่อนจะถาม “หมอจาง ท่านกำลังทำอะไร”หมอจางโขกศีรษะรัวๆ ตอบด้วยน้ำเสียงขึงขัง “อาจารย์ ท่านไม่เพียงจะมอบตำราสมุนไพรให้ศิษย์ ยังต้องการสอนศิษย์ทำน้ำยาล้างแผลอีก บุญคุณนี้ใหญ่หลวงยิ่ง ต่อไปภายหน้าศิษย์จะต้องกตัญญูต่อท่าน ไม่ทำให้ท่านผิดหวังแน่นอน”
“สกุลจางมีเครือข่ายอำนาจด้านการค้า เจ้ารับหมอจางเป็นศิษย์นับเป็นเรื่องดีที่มีแต่ได้ไม่มีเสีย” จี้จิ่งชวนไม่รู้เพราะเหตุใดตัวเองถึงบอกกับนางเรื่องนี้ อาจเพราะสงสารที่นางต้องแบกรับภาระมากมาย จึงอดช่วยออกความเห็นให้ไม่ได้กระมังเยว่อวิ๋นผงกศีรษะรับรู้ นางไม่สนใจครอบครัวของจางถิงสักเท่าไร การพึ่งพาคนอื่
แน่นอนว่าเยว่อวิ๋นไม่คิดอธิบายความหมายของประโยคที่กล่าวให้เซี่ยหว่านหรูฟัง พอเอ่ยจบก็เดินจากมาทันทีเซี่ยหว่านหรูยังคงงุนงง นางยืนขบคิดอยู่เป็นนาน ถึงเข้าใจความหมายของอีกฝ่าย สะใภ้รองตัวดีกล้ามาว่านางเป็นบ้างั้นหรือพอคิดได้อ้าปากหมายจะพูด ก็เห็นว่าบนทางเดินนั้นมีเพียงนางที่ยืนอยู่ ไหนเลยจะมีเงาร่าง
เดิมทีเซี่ยฉงอวิ๋นมีความคิดว่าหากตนเองไม่อาจรักษาหายจริงๆ ก็จะอาศัยช่วงเวลาที่บ้านใหญ่หาคนมาแต่งเพื่อให้ตนเองแยกครอบครัว จัดการเรื่องของสองพี่น้องให้เรียบร้อยสมบูรณ์เขามั่นใจว่าหากว่าที่ภรรยาร่างนี้รู้ว่าตัวเองแต่งให้คนพิการ ย่อมไม่มีทางยอมรับได้ รอหลังจากเขาใช้นางแยกครอบครัวสลัดคนบ้านใหญ่ได้ จะยอม
ขณะเดียวกันภรรยาผู้เชื่อฟังที่นอนอยู่ด้านข้างก็ได้แต่ถอนหายใจโล่งอก พลางค่อยๆ ปิดเปลือกตาลงช้าๆ ขณะนอนเอนกายลงท่ามกลางความมืดค่ำคืนแห่งความสงบมีสายลมเย็นพัดผ่าน ไอน้ำค้างยามราตรีของฤดูใบไม้ร่วงอาจไม่เหน็บหนาวเท่าฤดูเหมันต์ ทว่าด้วยกระท่อมที่แทบไม่สามารถป้องกันลมเบาๆ เมื่อรวมเข้ากับผ้าห่มที่ไร้คุณภา
เรื่องอะไรนางต้องลำบากลำบนเป็นหนี้เพื่อซื้อผู้หญิงให้สามีตัวเองด้วย!“เยว่ซื่อเจ้าอย่าได้ทำเกินไปนักนะ คิดว่าตัวเองเป็นใครถึงมาเจ้ากี้เจ้าการเรื่องครอบครัวข้า แค่สามีข้ารู้จักสวีเหยาเจ้าก็คิดจะยัดเยียดคนเข้ามาแล้วรึ เจ้านี่มันไร้เหตุผลสิ้นดี”“เจ้าเองก็รู้นี่ ว่าเรื่องแบบนี้มันไร้เหตุผล แล้วทีเจ้าลา
เซี่ยเหล่าซานมีหรือจะไม่รู้นิสัยลูกสะใภ้ตัวเอง นางสงสารสวีเหยาจริงเสียที่ไหนกัน ก็แค่อยากสร้างความลำบากใจให้ผู้อื่นเท่านั้นแหละ“สะใภ้รองเจ้าว่างมากนักหรือไง ถ้าไม่มีอะไรทำก็กลับเข้าบ้านไปเสีย อย่ามาอยู่ตรงนี้ให้คนเขาระอาเลย” อยู่ต่อหน้าเยว่อวิ๋นเซี่ยเหล่าซานไม่สะดวกจะสั่งสอนลูกสะใภ้ จึงได้แต่ถลึงตา
พอรู้ว่าคนไปแล้วนางเจียงจึงขมวดคิ้ว บ่นสามีที่ไม่รู้ความเบาๆ “ดูเจ้าสิ อายุปูนนี้แล้วยังคิดไม่ได้ เยว่ซื่อมอบของตอบแทนที่เจ้าช่วยเหลือ เจ้าก็ไม่คิดอะไรแบมือรับอย่างเดียวหรือ”ผู้ใหญ่บ้านฟังแล้วหน้าแดง รู้สึกว่าตนบกพร่องมารยาทไปจริงๆ เจียงซื่อเห็นเขาคิดได้ก็ไม่พูดต่อ นางเพียงส่งผักที่กอดไว้ให้อีกฝ่าย
อีกด้าน เยว่อวิ๋นจัดการแบ่งใบชาที่ซื้อมาใส่ห่อพร้อมขนมกุ้ยฮวาที่ซื้อมาอีกหนึ่งกล่อง เตรียมของเสร็จนางก็กำชับต้าเป่ากับเสี่ยวอวี้ให้คอยดูคนป่วยสองคนด้านใน จากนั้นจึงมุ่งหน้าไปยังบ้านผู้ใหญ่บ้านบ้านของผู้ใหญ่อยู่ห่างจากบ้านของเยว่อวิ๋นพอประมานใช้เวลาเดินเกือบๆ หนึ่งเค่อ เยว่อวิ๋นเดินไปตามทางอย่างไม่ร
พอเยว่อวิ๋นจากไปในห้องก็พลันเงียบงันชั่วขณะ เซี่ยฉงอวิ๋นที่เมื่อครู่ต่อล้อต่อเถียงก็เอาแต่จ้องมองใบหน้าหลีจวินไม่กล่าววาจา เห็นอย่างนั้นหลีจวินก็ใจแป้วขึ้นมาทันที“เจ้ามองข้าแบบนั้นทำไม ขะ... ข้าเป็นลูกค้าบ้านเจ้านะ” หลายวันมานี้เขาถูกคนตรงหน้ากลั่นแกล้งจนหัวหมุนขยาดไปหมดแล้ว“แล้วอย่างไร เจ้ายังไม่
เรื่องราวของสวีเหยาถูกโจษจันไปทั่วหมู่บ้าน หญิงสาวยังไม่แต่งงานคนหนึ่ง กลับวิ่งไปหาบุรุษที่มีภรรยาอยู่แล้วเพื่อขอเป็นอนุ นี่ช่างเป็นเรื่องตลกร้ายที่น่าอับอายอย่างแท้จริงพริบตาที่เรื่องนี้แพร่ออกไป ไม่เพียงครอบครัวสวีที่กลายเป็นตัวตลก แต่บ้านจ้าวเองก็หนีไม่พ้นเช่นกันป้าจ้าวที่เคยเดินเชิดหน้านินทาคน
ทว่าสวีเหยากลับไม่ได้ทำอะไรเยว่อวิ๋นอย่างที่ทุกคนคาดเดา นางเพียงพุ่งไปคุกเข่าเบื้องหน้าเยว่อวิ๋น ก่อนจะก้มลงโขกศีรษะให้ฝ่ายหลังสุดแรง“เยว่อวิ๋น ขอร้องเจ้าแล้ว ยอมให้ข้าเป็นอนุของพี่ชายอวิ๋นเถอะ ขอแค่เจ้ายอมรับปาก ข้าสาบานจะปรนนิบัติรับใช้เจ้ากับพี่ชายอวิ๋นจนชีวิตหาไม่”สวีเหยาพร่ำขอร้องไปพลางโขกศีร
อีกด้าน เยว่อวิ๋นกำลังฝังเข็มให้เซี่ยฉงอวิ๋นอยู่เช่นกัน ทว่าฝั่งนี้กลับดูสบายกว่าทางหลีจวินอย่างเห็นได้ชัด“หลีจวินนี่เด็กจริงๆ เขาแกล้งเอะอะใส่หมอจางทุกครั้งแบบนี้สนุกนักหรือไง” เยว่อวิ๋นฟังเสียงร้องโหยหวน พลางขมวดคิ้วบ่นเบาๆถึงอย่างไรหมอจางก็เป็นลูกศิษย์นาง เจ้าหนุ่มนั่นไม่รู้จักเคารพผู้อาวุโสเอา
ได้ยินอีกฝ่ายสาธยายความผิดของฟางฮัวทีละข้อชัดถ้อยชัดคำ เยว่อวิ๋นได้แต่นิ่งเงียบพูดไม่ออก นี่เขาพิการออกไปไหนไม่ได้จริงหรือส่วนฟางฮัวผู้นี้คงรังเกียจว่าชีวิตตนสงบสุขเกินไปสินะ ถึงได้พยายามรนหาที่ซะเหลือเกินเซี่ยฉงอวิ๋นเห็นภรรยาไม่คิดจะพูดแทนฟางฮัวอีกก็พอใจอย่างมาก เขาเอื้อมมือดึงคนเข้ามากอดขณะเอ่ยเ