Beranda / รักโบราณ / ซือหยา...ย้อนเวลามาหาดวงใจทั้งสาม / สายตาเจ้ามองแม่ด้วยความเกลียดชัง 2

Share

สายตาเจ้ามองแม่ด้วยความเกลียดชัง 2

last update Terakhir Diperbarui: 2025-10-20 21:35:18

"ไปนั่งรอด้านโน้นเสีย ในแปลงนาก็ครั้งหนึ่งแล้ว"  เสิ่นหยางรุ่ยรีบจับแขนภรรยา ก่อนจะลากนางไปนั่งเงียบอยู่ข้างศาลา

ทุกคนเริ่มล้อมวงกินอาหาร ซือหยาจัดวางถ้วยชามลงบนโต๊ะไม้ ไข่ตุ๋นเนื้อเนียนสีเหลืองอ่อนโรยต้นหอม ปลาต้มผักดองในหม้อดินยังร้อนกรุ่น ควันขาวพวยพุ่ง กลิ่นเปรี้ยว เค็ม หวานคลุ้งจนชวนให้น้ำลายสอ ผักกาดขาวผัดหมูสามชั้นรมควันมีสีทองน่ากิน

"อื้อ ฝีมือเจ้าดีมากนะน้องสะใภ้" เสิ่นหยางเฟิงตักปลาขึ้นมาชิมคำหนึ่งก็ต้องร้อง 

"ใช่ ๆ อร่อยกว่าที่ข้าทำอีก งั้นต่อไปนี้รบกวนน้องสะใภ้ทำอาหารอร่อย ๆ ให้พวกเรากินด้วยนะ"  เสิ่นหยวนอีหัวเราะน้อย ๆ 

"เจ้าค่ะ ให้เป็นหน้าที่ของข้า อี้หมิง อันหมิง ลูกลองชิมไข่ตุ๋นฝีมือแม่ดูสิว่าชอบหรือไม่"  ซือหยายิ้มพลางพยักหน้า 

นางคีบไข่ตุ๋นเนื้อนิ่มใส่ถ้วยข้าวลูกชายทั้งสอง อันหมิงเงยหน้าขึ้น เผยให้เห็นดวงตากลมเป็นประกาย 

"ขอรับท่านแม่"

เด็กชายตักเข้าปาก คำแรกก็ทำให้แก้มกลม ๆ พองขึ้น ริมฝีปากคลี่ยิ้มกว้าง 

"เป็นอย่างไร เจ้ายังชอบไข่ตุ๋นที่แม่ทำให้กินเหมือนเดิมใช่หรือไม่?"

ซือหยาพูดออกมาอย่างลืมตัว นางไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าหยางเฉิงกำลังจับพิรุธนางด้วยความสงสัย ทั้งที่นางไม่เคยทำกับข้าวให้ลูกกิน แต่ทำไมนางถึงพูดเหมือนเคยทำให้เด็ก ๆ กินมาก่อน

"อื้อ อร่อยขอรับท่านแม่ อันหมิงขอกินอีกได้หรือไม่"

"ย่อมได้" ซือหยาหัวเราะเบา ๆ แล้วหันไปทางลูกชายคนโต

"..."

 "แล้วอี้หมิงล่ะลูก จะไม่ลองกินสักหน่อยหรือ"

อี้หมิงทำหน้าขรึม ไม่รับไข่ตุ๋นที่แม่ตักให้ แต่หันไปคีบผักกาดขาวเข้าปากแทน ท่าทางไม่ไว้ใจยังคงชัดเจน

ซือหยาสบตาลูกชายแล้วถอนใจ นางจึงหันไปมองเจาตี้ที่เอาแต่ก้มหน้าคีบผักด้วยความเกร็ง เพราะสายตาของมารดานางยังคงกดดันอยู่ ซือหยาจึงเอ่ยเสียงนุ่ม...

 "เจาตี้กินเยอะ ๆ หน่อย เจ้าก็ต้องบำรุงร่างกายให้ดี เกิดเป็นผู้หญิงก็มีคุณค่า ไม่ใช่คนไร้ประโยชน์ ไม่ต้องไปฟังคำพูดไร้สาระเหล่านั้น อาสะใภ้ตักไข่ตุ๋นให้เจ้า วันนี้อาสะใภ้ได้นมวัวอุ่นร้อนมาให้เจ้ากับน้อง ๆ ด้วย เจ้าต้องเก็บท้องไว้กินด้วยนะ ดีหรือไม่"

คำพูดนั้นทำให้ดวงตาของเจาตี้สั่นไหว น้ำตาคลอจนเกือบไหลออกมา 

"ขอบคุณเจ้าค่ะอาสะใภ้"

ไข่ตุ๋นถ้วยใหญ่ถูกอันหมิง เจาตี้ และเสิ่นเซียวกินจนเกือบหมด อี้หมิงที่แรกเริ่มไม่สนใจ พอเหลือบตามองถ้วยไข่ตุ๋นที่ใกล้จะว่างเปล่าก็อดไม่ได้ที่จะคีบชิ้นเล็ก ๆ มาชิม ครั้นรสละมุนเข้าปาก เด็กชายก็ตาโตโดยไม่รู้ตัว มือเล็กรีบคีบเพิ่มใส่ถ้วยตัวเอง ทำเอาซือหยาเผลอยิ้มออกมาอย่างพอใจ

หยางเฉิงซึ่งตอนแรกนั่งนิ่งกลับตักปลาต้มผักดองเข้าปากครั้งแล้วครั้งเล่า รสกลมกล่อมทำให้ลืมแม้กระทั่งจะรักษาหน้าตัวเอง ซือหยามองแล้วหัวใจแอบอบอุ่น ‘ชาติที่แล้วเขาชอบกินปลา ชาตินี้ก็ยังเช่นเดิม’

หลังมื้ออาหาร หยวนอีกับลูกชายก็รีบเก็บถ้วยชามไปล้างที่คลองส่งน้ำ เสียงน้ำไหลเอื่อย ๆ ช่วยคลายร้อนจากแดดยามเที่ยงได้บ้าง

ซือหยาจึงหยิบกระบอกเก็บอุณหภูมิ เทนมอุ่นใส่ถ้วยแจกให้เด็ก ๆ ทั้งอี้หมิง อันหมิง เจาตี้ และอาเซียว ต่างก็ยกขึ้นดื่ม รสหวานละมุนทำให้รอยยิ้มเปื้อนเต็มใบหน้า พวกเขาไม่เคยได้ลิ้มรสนมสดที่อร่อยเช่นนี้มาก่อน

"ลืมถามไปเลย หน้าผากของเจ้าเป็นแผลเช่นนั้นไปโดนอะไรมาเหรอสะใภ้สาม" แม่เฒ่าเสิ่นหันมาถามขึ้น

ยังไม่ทันที่ใครจะเอ่ย อันหมิงก็ก้มหน้าตัวเกร็ง มือเล็กกำชายเสื้อแน่นราวกับซ่อนความผิด

ซือหยามองเห็นแววตาลูกชาย พลันเข้าใจ นางเอ่ยขึ้นเสียงเรียบ 

"ข้าล้มหัวฟาดขอบเก้าอี้เพราะลื่นเปลือกกล้วยเจ้าค่ะท่านแม่ เป็นความสะเพร่าของอันหมิงที่กินกล้วยแล้วทำเปลือกหล่น ข้าเหยียบพลาดจึงล้มลงไป"

อี้หมิงหันขวับมามองทันที ดวงตาเต็มไปด้วยความโกรธ ‘ไหนว่านางจะเปลี่ยนไปแล้ว เหตุใดถึงยังโยนความผิดให้น้อง’

ซือหยาหันไปสบตาลูกชาย แววตานางแน่วแน่ราวกับอยากสอนสั่งให้ถูกทาง

"..."

"แต่ความผิดนี้อันหมิงไม่ได้ตั้งใจ เขาไม่ได้มีเจตนาจะทำให้ใครบาดเจ็บ เรื่องนี้ไม่นับเป็นความผิดโดยตั้งใจ แต่เป็นเพราะความสะเพร่า คนเราทำผิดควรกล้ายอมรับ มิควรหลบหลังผู้อื่น มีโกหกครั้งแรกก็จะมีการโกหกครั้งต่อไป"

คำพูดของนางก้องกังวาน ทุกคนที่นั่งอยู่พลันนิ่งเงียบ หันไปมองนางด้วยแววตาเปลี่ยนไป

"..."

"อี้หมิง สายตาของเจ้ามองแม่ด้วยความเกลียดชัง แม่ไม่โทษเจ้าที่อยากปกป้องน้อง แต่ถ้าวันนี้คนที่เหยียบเปลือกกล้วยไม่ใช่แม่ แต่เป็นท่านปู่หรือท่านย่า ด้วยร่างกายชราของพวกท่าน อาจจะทนกับบาดแผลไม่ได้เหมือนแม่"

"..."

"สิ่งที่แม่ต้องการบอกเจ้ากับน้องชาย คือ...การกระทำของเรา ไม่ว่าผลของมันจะดีหรือร้าย เราต้องกล้ายอมรับ ไม่ควรหลบหลังผู้อื่น อนาคตข้างหน้าพวกเจ้าต้องเติบโต ไม่มีใครปกป้องพวกเจ้าได้ตลอดชีวิต"

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • ซือหยา...ย้อนเวลามาหาดวงใจทั้งสาม   ท่านลุงให้หลานหรือขอรับ

    บนเกวียนวัวที่หยางเฉิงเป็นคนบังคับ มีซือเหอ ซือหลิง หยวนอี อาเซียว เจาตี้ อี้หมิงและอันหมิง นั่งเบียดเสียดกันอย่างสนุกสนาน ส่วนในรถม้าที่นั่งสบายกว่า มีแม่เฒ่าหาน แม่เฒ่าเสิ่น และแม่เฒ่าฮัว นั่งอยู่พร้อมกับซือหยา"ท่านพ่อ ข้าจะซื้อของมาฝากนะเจ้าคะ" เสียงเล็ก ๆ ของเจาตี้ดังลอดออกมาระหว่างที่นางกำลังโบกมือให้หยางรุ่ยผู้เป็นบิดา ดวงตาของเด็กน้อยเป็นประกายด้วยความตื่นเต้น"เด็กดี อย่าเดินห่างท่านป้าสะใภ้กับพี่ ๆ นะลูก อยากกินอะไรเจ้าก็ซื้อได้เลย"หยางรุ่ยตอบกลับด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ใบหน้าของเขาแสดงความรักใคร่ในตัวบุตรสาว"เจ้าค่ะ"เจาตี้รับคำเสียงใสหยางเฟิงกับหยางรุ่ยยืนมองเกวียนวัวกับรถม้าที่เคลื่อนตัวห่างออกไปเรื่อย ๆ พวกเขาถอนหายใจยาว หลังจากนั้นพวกเขาก็เดินขึ้นเขาไปขุดหัวมันสำปะหลังต่อ ส่วนพ่อเฒ่าเสิ่นกับพ่อเฒ่าหานก็เดินไปไถนาหว่านข้าวต่อตามหน้าที่กระทั่งเกวียนวัวกับรถม้าเคลื่อนตัวมาถึงกลางตลาด ความวุ่นวายและเสียงตะโกนขายสินค้าเข้าปะทะโสตประสาททันที รถม้าและเกวียนหลายเล่มจอดเรียงราย ผู้คนสัญจรไปมาอย่างคับคั่ง ฮัวเจิ้งหรงจึงไปส่งมารดาและอาหญิงที่กลางตลาดก่อน ถนนหนทางเต็มไปด้วยร้านขาย

  • ซือหยา...ย้อนเวลามาหาดวงใจทั้งสาม   ท่านลุงให้หลานหรือขอรับ 1

    เช้ามืดวันต่อมา ยามอิ่น (03.00-05.00 น.) ท้องฟ้ายังคงเป็นสีเทาเข้ม อากาศเย็นยะเยือกจนไอน้ำค้างเกาะตามหลังคาเรือน เสียงไก่ขันดังแว่ว ๆ มาจากท้ายหมู่บ้าน แสงตะเกียงน้ำมันส่องสว่างเรืองรองออกมาจากหน้าต่างห้องครัวซือหยาและหยวนอีตื่นแต่เช้ามืด พวกนางเดินเข้ามาในลานเรือนที่เต็มไปด้วยอ่างดินเผาขนาดใหญ่ที่บรรจุน้ำแป้งไว้ตั้งแต่เมื่อวาน"น้องสะใภ้! แป้งคงจะตกตะกอนดีแล้วกระมัง"หยวนอีกล่าวเบา ๆ เสียงของนางแหบพร่าเล็กน้อยเพราะความเย็น นางจุดเทียนเล็ก ๆ วางไว้ข้างอ่าง เพื่อให้มองเห็นความเปลี่ยนแปลงภายในได้ชัดเจนซือหยาคุกย่อตัวลงข้างอ่าง นางใช้ปลายนิ้วเคาะขอบอ่างเบา ๆ น้ำที่อยู่ด้านบนใสจนมองเห็นเงาเลือนราง แป้งสีขาวบริสุทธิ์จมตัวอยู่ก้นอ่างอย่างหนาแน่น"ได้แล้วเจ้าค่ะพี่สะใภ้! น้ำแยกตัวออกจากเนื้อแป้งอย่างสมบูรณ์แล้ว" ซือหยาตอบด้วยรอยยิ้มอย่างพึงพอใจ"มา ๆ เดี๋ยวข้าจะเทน้ำออกเอง ยังมีอีกหลายอ่าง รีบทำรีบเสร็จ" พูดจบหยวนอีก็ลงมืออย่างคล่องแคล่ว"ข้าจะจัดการกับถังพวกนี้เองเจ้าค่ะ พี่สะใภ้ก็จัดการทางนั้นเถอะ"ระหว่างนั้นเองหยางเฉิงกับหยางเฟิงก็รีบมาช่วยภรรยาของตนทำงาน เมื่อเทน้ำใสจนหมดแล้ว สิ่งท

  • ซือหยา...ย้อนเวลามาหาดวงใจทั้งสาม   ข่าวดี 2

    เมื่อหัวมันถูกขูดจนเป็นชิ้นเล็ก ๆ ได้ปริมาณมากพอ ซือหยาก็เริ่มเข้าสู่ขั้นตอนต่อไป ซือหยาเริ่มบีบน้ำออกจากเนื้อมัน จากนั้นก็นำไปตำในครกหินขนาดใหญ่ที่อยู่ข้างเรือน จนกระทั่งเนื้อมันแหลกละเอียด น้ำสีขาวขุ่นเริ่มไหลซึมออกมามากขึ้น นางจึงตักส่วนที่ตำแล้วลงไปผสมน้ำในกะละมังตลอดช่วงเช้าสองสาวทำงานกันอย่างขะมักเขม้น "เราพักสักหน่อยเถอะพี่สะใภ้ ข้าว่าคืนนี้เนื้อตัวของข้าต้องระบมแน่ ๆ" ร่างบางนั่งลงอย่างเหนื่อยหอบ หลังจากเพิ่งบดและตำเนื้อมันจนละเอียดไปหลายตะกร้า"เจ้านั่งพักเถอะ เจ้าไม่ค่อยได้ทำงานในแปลงนา ร่างกายรับไม่ไหวก็เป็นเรื่องปกติ งานแค่นี้ทำอะไรข้าไม่ได้หรอก"พูดจบหยวนอีก็นำผ้าขาวบางผืนใหญ่แขวนไว้เหนืออ่างดินเผาขนาดใหญ่ นางตักเนื้อหัวมันที่บดละเอียดผสมกับน้ำแล้วใส่ลงบนผ้า จากนั้นค่อย ๆ โยกเบา ๆ ให้น้ำขาวขุ่นไหลลงไปในอ่างซือหยาเข้ามาช่วยบีบเนื้อมันช้า ๆ จากนั้นก็นำกากใยที่หมดน้ำแล้วออกมาใส่กะละมังไว้ แล้วทำแบบนั้นซ้ำไปซ้ำมาจนเสร็จ"กากใยพวกนี้... หากตากแห้งก็เป็นอาหารเสริมชั้นดีให้สัตว์เลี้ยงได้อีกเช่นกันเจ้าค่ะ! มีคุณค่าทางอาหารสูงกว่าเปลือกมันนัก! เราต้องใช้ทุกส่วนของมันให้คุ้มค่

  • ซือหยา...ย้อนเวลามาหาดวงใจทั้งสาม   ข่าวดี 1

    เช้าวันต่อมา แสงแดดยามอรุณเบาบางสาดส่องเข้ามาในลานเรือนที่ว่างเปล่า อากาศยังคงเย็นจัด เสียงกระดูกไม้ดัง 'เอี๊ยดอ๊าด' เมื่อแม่เฒ่าหานและแม่เฒ่าเสิ่นนำเด็ก ๆ และหยางเฟิงเดินออกจากเรือนไปตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่างนัก เพื่อมุ่งหน้าไปยังแปลงนาช่วยกันไถหว่านข้าวเปลือกวันนี้ซือหยาและหยวนอีได้รับมอบหมายให้อยู่ดูแลเรือนและเริ่มต้นภารกิจที่สำคัญที่สุดคือ การแปรรูปมันสำปะหลังหยวนอีสวมผ้ากันเปื้อนเนื้อหยาบสีขาวทับชุดของนาง นางจัดเตรียมอุปกรณ์อย่างพิถีพิถันบนโต๊ะไม้เก่า ๆ ที่ตั้งอยู่ใต้ชายคา อุปกรณ์เหล่านั้นประกอบด้วยมีดเหล็กหลายเล่ม ครกหินขนาดใหญ่ และแผ่นหินหยาบ"น้องสะใภ้! หัวมันที่เอามาจากลำธารน่าจะพร้อมแล้ว น้องรองกับน้องสามไปขนมาตั้งแต่ต้นยามเหม่าแล้วกระมัง"หยวนอีกล่าวอย่างกระฉับกระเฉง แววตาของนางเต็มไปด้วยความตื่นเต้นที่จะได้ลองทำสิ่งใหม่ ๆ "ตามเวลาแล้วพิษน่าจะถูกชะล้างออกไปมากแล้ว วันนี้เป็นงานหนักของเราสองคนแล้วเจ้าค่ะ ขั้นตอนนี้ต้องใช้เวลาแถมยังลำบากกว่าขั้นตอนอื่น ๆ"ซือหยาตอบรับ นางกำลังจัดเตรียมผ้าขาวบางผืนใหญ่สำหรับใช้ในการกรอง ผ้าผืนนั้นเป็นผ้าเนื้อดีที่นางแอบเอาออกมาจากมิติ "เอาเถอ

  • ซือหยา...ย้อนเวลามาหาดวงใจทั้งสาม   นี่หรือคือแปลงนาของเรา 2

    ใช้เวลาเดินไม่นานก็มาถึงที่นาผืนใหม่ ก็พบว่า พ่อเฒ่าหาน พ่อเฒ่าเสิ่น กับอาเซียว และซือเหอกำลังช่วยกันใช้วัวไถนาอยู่ วัวตัวผู้สีน้ำตาลเข้มกำลังเดินลากไถอย่างเชื่องช้า ดินสีดำที่ถูกพลิกขึ้นมาใหม่มีกลิ่นหอมของความอุดมสมบูรณ์ ส่วนเด็ก ๆ ก็ทำแปลงผักช่วยท่านย่าท่านยายอยู่บนเดินดินข้างศาลาพัก"ท่านแม่มาแล้ว! หู้ว! นี่หรือขอรับคือหัวมันสำปะหลัง!"อันหมิงกับอี้หมิงรีบวิ่งมาหาพ่อแม่ทันทีที่เห็นว่าทุกคนเข็นรถเข็นเลี้ยวลงมาตามคันนาใหญ่ ฝุ่นดินติดเต็มเสื้อผ้าของพวกเขา แต่ใบหน้าเล็ก ๆ สองใบนั้นเต็มไปด้วยความไร้เดียงสาและความตื่นเต้น"แม่มาแล้วลูกรัก นี่คือหัวมันสำปะหลังที่ปอกเปลือกแล้ว ว่าแต่..พวกเจ้าทั้งสองเป็นเด็กดีหรือไม่"ซือหยาวางตะกร้าลงแล้วเดินเข้าไปหาลูกชายฝาแฝด นางยิ้มอย่างอ่อนโยนพลางก้มตัวลงบีบแก้มนิ่ม ๆ ของลูกชายอย่างรักใคร่"เด็กดีขอรับ! พวกเราเป็นเด็กดีที่สุดเลยท่านแม่!" อันหมิงทำตาแป๋ว รีบตอบเสียงดังฉะฉาน "เก่งมาก ไว้เย็นนี้แม่จะทำของอร่อยให้กิน อยากกินอะไรก็บอกมาได้เลย"ซือหยากล่าวอย่างใจดี"เย้ ๆ ๆ ของอร่อยมาแล้ว!"เด็กแฝดร้องขึ้นพร้อมกันอย่างดีใจระหว่างนั้นเองเสียงน้ำลำธารไหลดัง ซู

  • ซือหยา...ย้อนเวลามาหาดวงใจทั้งสาม   นี่หรือคือแปลงนาของเรา 1

    ช่วงสายกลางยามซื่อ (ยามซื่อ 09.00-11.00 น.) แสงแดดเริ่มทอประกายเจิดจ้าเหนือหลังคาเรือน เงาของทุกคนทอดยาวเป็นรูปทรงบิดเบี้ยวบนพื้นดินเสียงหายใจหอบและเสียงรองเท้ากระทบพื้นดินดังขึ้นเมื่อ หยางเฉิง หยางเฟิง และ หยางรุ่ย แบกกระสอบหัวมันสำปะหลังขนาดมหึมา และตะกร้าสานขนาดใหญ่เดินเข้ามาในลานหน้าเรือน หัวมันที่เพิ่งขุดมายังติดดินและรากฝอยอยู่เล็กน้อย เหงื่อกาฬไหลซึมไปตามแผ่นหลังของบุรุษทั้งสาม หยวนอีและซือหยาสะพายตะกร้าตามมาติด ๆ แม้จะเหนื่อยล้าแต่ใบหน้าของพวกนางก็เต็มไปด้วยรอยยิ้มเมื่อวางหัวมันทั้งหมดลงกลางลานเรือน หยวนอีก็เอ่ยถามอย่างกระตือรือร้น นางมองกองหัวมันที่สูงท่วมหัวอย่างไม่เข้าใจ"เราต้องทำยังไงกับมันพวกนี้ต่อล่ะน้องสะใภ้?"ซือหยาจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่ แล้วเดินเข้าไปตรวจดูหัวมันกองใหญ่ ใบหน้าของนางเปื้อนรอยยิ้ม"เราต้องเร่งจัดการเสียแต่ตอนนี้เจ้าค่ะพี่สะใภ้ หัวมันสำปะหลังหากเก็บไว้นานเนื้อจะแข็งและเน่าเสียได้ง่าย"นางเริ่มต้นอธิบายขั้นตอนการแปรรูปที่ซับซ้อนอย่างละเอียดถี่ถ้วน"อันดับแรก เราต้องตัดหัวท้ายแล้วปอกเปลือกหนา ๆ ออก เปลือกมันหยาบและมีรสขมต้องปอกออกให้หมด เสร็จแล้วค่อยนำไ

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status