LOGIN“หนาวรึเปล่าครับ” พี่แทนหันมาเอ่ยถามฉันเพราะเห็นฉันขยับแขนกอดเขาแน่น แถมยังยุกยิกเกาแขนเป็นระยะ เอาจริง ๆ ในป่ากลางคืนมันก็หนาวจริง ๆ นั่นแหละ แถมแมลงก็เริ่มเยอะแล้วด้วย
“นิดหน่อยค่ะพี่” ฉันหันไปยิ้มให้เขา และตอบตามความจริง
“เข้าในเต็นท์กันไหมเดี๋ยวไม่สบายเอาได้” เสียงนุ่มละมุนฝันเอ่ยออกมา ฉันพยักหน้ารับก่อนจะพยายามลุกขึ้น แต่ทันใดนั้น เขาก็ช้อนตัวอุ้มฉันขึ้นในอ้อมแขนอย่างมั่นคง ร่างเบาหวิวของฉันถูกยกขึ้นอย่างง่ายดาย
“พี่อุ้มหนูแบบนี้...ระวังหลงรักคนสวยอย่างหนูมากขึ้นอีกนะคะ เดี๋ยวจะหาทางออกไม่เจอ” ฉันแกล้งกระซิบเบา ๆ แต่ใจจริงกลัวตัวเองจะหลงเขามากกว่า
“ที่เป็นอยู่พี่ก็หลงจนหาทางไม่ออกอยู่แล้วครับ” เขาก้มหน้ามาหอมแก้มฉันฟอดใหญ่ พร้อมเสียงนุ่มลึกบาดหูที่ทำเอาตัวฉันร้อนวูบวาบไปทั้งตัว
โคมไฟดวงที่ตระเตรียมมาส่องทางให้เราเดินกลับเต็นท์อย่างปลอดภัย เขาค่อย ๆ วางฉันลงบนผ้าปูผืนหนาในเต็นท์สีเทาเรียบ แล้วก็หันไปปิดซิปเต็นท์ลงเบา ๆ เพื่อป้องกันแมลง และความเป็นส่วนตัว
ฉันที่ถูกวางลงลุกขึ้นนั่งช้า ๆ ก่อนจะยื่นมือไปแตะแขนเขาเบา ๆ
“พี่แทนคะ...” เสียงฉันบางเบา ชะงักเล็กน้อยและครุ่นคิดอยู่สักพักว่ามันถึงเวลาแล้วรึยังที่ฉันจะเป็นฝ่ายเริ่มบ้าง
“หื้ม...มีอะไรครับ” พี่แทนหันมากุมมือฉันก่อนจะยกมือนั้นมาจูบอย่างบางเบา
“หนูอยากทำอะไรให้พี่บ้าง...พี่จะ...” ฉันเบือนหน้ากัดริมฝีปากด้วยความเหนียมอาย
“มิ้น...” เขาขมวดคิ้วมองมา
“ครั้งนี้...ขอเป็นหนูที่เริ่มก่อน...นะคะ” ฉันหันกลับไปมองเขาด้วยดวงตาที่แน่วแน่ แต่แฝงด้วยอารมณ์ที่ปะทุร้อนอยู่เต็มอก ฉันยืดตัวเพียงให้ใบหน้าตรงกับคนร่างสูง โน้มตัวเข้าไปใกล้ จับปลายเสื้อของตัวเองถกขึ้นช้า ๆ เสื้อสีอ่อนเลื่อนขึ้นเผยให้เห็นผิวฉัน พร้อมความกล้าไปพร้อม ๆ กัน
เขานิ่งไป ดวงตาหลุบต่ำลงแล้วกลับมามองดวงหน้าฉันใหม่ และเหมือนกำลังจะพูดบางอย่าง แต่นิ้วของฉันกลับยื่นแตะริมฝีปากเขาไว้
“ไม่ต้องพูดอะไรค่ะ พี่แค่อยู่เฉย ๆ ฟังเสียงหัวใจของหนูก็พอ” ฉันมองด้วยนัยน์ตาหยาดเยิ้มไปที่เขา ขณะที่มือฉันยังสั่นนิด ๆ พลางเอื้อมไปปลดกระดุมเขาทีละเม็ดช้า ๆ เสียงหัวใจเริ่มเต้นดังขึ้นเรื่อย ๆ จนไม่รู้ว่าเป็นเสียงหัวใจของพี่แทนหรือของฉัน
“มิ้น...” เสียงเขาแหบพร่าสั่นปลายเล็ก ๆ “ถ้าหนูยังมองพี่แบบนี้...พี่จะทนไม่ไหวเอาได้นะคะ” ฉันยิ้มบาง ๆ ดวงตาฉ่ำวาวด้วยความใจกล้า
“จริง ๆ ก็ไม่ได้อยากให้พี่ทนนะคะ แต่ว่า..ขอหนูกินพี่ก่อนได้รึเปล่า”
มือของฉันวางลงบนอกแกร่งของเขา เสียงลมหายใจของพี่แทนเริ่มไม่สม่ำเสมอ หยาบพร่าและขาดช่วงนิด ๆ แต่เขายังคงนิ่ง นิ่งจนฉันอยากแกล้งเขา
ฉันโน้มใบหน้าลงไป ลมหายใจรดข้างแก้มเขา จวบจนริมฝีปากฉันหยุดลงที่ใบหูเขา
“หนูอยากรู้จัง...ว่าถ้าหนูเป็นฝ่ายทำให้พี่ หน้าของพี่ตอนห้ามใจไม่อยู่จะเป็นยังไงกันนะ” เสียงกระซิบแหบพร่าของฉันเอ่ยเบา ๆ เห็นเขากระตุกตัวเล็กน้อย จากนั้นฉันใช้ริมฝีปากบางงับใบหูเขา ก่อนจะใช้ลิ้นร้อนลากไล้วนไปมาที่ใบหูเขาจนเปียกชื้น
“มิ้น...” เสียงเขาแหบพร่าและอ่อนแรงหนักกว่าเดิม “อย่ายั่วพี่ อย่าทำแบบนี้ ถ้าพี่เผลอไป พี่จะคุมตัวเองไม่ได้นะครับ”
“ก็อย่าเผลอสิคะ” ฉันพูดพร้อมกับเลื่อนมือข้างหนึ่งทาบไปตรงอกตำแหน่งหัวใจของเขา “หัวใจพี่เต้นแรงจังค่ะ เหมือนพี่จะแพ้หนูรึเปล่านะ” ฉันเลื่อนช้า ๆ ขึ้นคร่อมบนตัก ใบหน้าจดจ่อจนริมฝีปากเราห่างกันเพียงนิด เขาเงียบจ้องตาไม่กะพริบ
“พี่แทน...” ฉันครางเบา ๆ เรียกชื่อในโทนที่ขนาดฉันฟังยังขนลุก ฉันไม่รู้เหมือนกันว่าเอาความกล้าทั้งหมดนี้มาจากไหน นี่ไม่ใช่บทละคร แต่ฉันกำลังแสดงในชีวิตจริงกับแฟนจริง ๆ “รู้ไหมคะ...ว่าตอนหนูมองพี่ หนูไม่ได้แค่อยากให้พี่กอดนะ แต่หนูต้องการมากกว่านั้น...” ฉันใช้มือเรียวเล็กประคองหน้าเขาไว้ ใช้ปลายนิ้วลูบไล้กรอบหน้า และมุมปากที่ฉันเฝ้ามองมาตลอด
ฉันก้มลงจูบริมฝีปากเขาเบา ๆ คราวนี้ไม่ใช่การขอจูบเขา แต่เป็นจูบที่อยากให้เขาเสียมากกว่า และในเสี้ยววินาทีนั้น ฉันรู้ว่าเขาไม่อาจห้ามใจได้อีกต่อไป
พี่แทนพลิกตัวฉันลงใต้ร่างเขา จ้องฉันด้วยนัยน์ตาแดงก่ำที่รอการขย้ำอยู่รอมร่อ
“รู้ตัวไหม...ทำแบบนี้อันตรายต่อใจพี่นะครับ ไม่กลัวโดนรับแรงกระแทกรึไง” เขากระซิบ พลางกดปลายจมูกลงที่แก้มฉันหอมฟอดใหญ่ย้ำ ๆ คล้ายว่าสติใกล้กระเจิงเต็มทน
“รู้สิคะ” ฉันตอบด้วยเสียงที่เต็มไปด้วยกามารมณ์ “เพราะหนูก็ต้องการแรงกระแทกจากพี่ค่ะ” เขาจ้องฉันนิ่งด้วยนัยน์ตาฉ่ำวาวเหมือนจะกลั้นไว้ไม่อยู่
“ถ้าอย่างนั้น...ก็อย่าห้ามพี่ล่ะ” แล้วเขาก็จูบฉัน เป็นจูบที่ลึกและร้อนแรงจนลมหายใจฉันขาดห้วง ริมฝีปากเขาไล้ลงมาตามแนวกราม ฉันสะดุ้งเล็ก ๆ เมื่อเขาจูบฝังซอกคอ ก่อนจะลากปลายจมูกลงมาแนบบนไหล่
“พี่แทน...” ฉันครางชื่อเขาเสียงแหบพร่า เมื่อปลายนิ้วของเขาลูบไล้ลงมาที่เอวฉัน ก่อนจะช้อนตัวฉันขึ้นเล็กน้อย แล้วแนบตัวสองเราเข้าหากัน
ริมฝีปากเราสองยังคงปะทะอย่างร้อนแรง เรียวลิ้นร้อนตวัดกวัดเกี่ยวกันอย่างบ้าคลั่ง เพราะทั้งฉันและเขาต่างคิดที่จะครอบครองร่างกายของอีกฝ่ายเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ
ฝ่ามือร้อนข้างหนึ่งของเขาเริ่มนวดเฟ้นจับก้อนเนื้อนิ่ม พลางใช้ปลายนิ้วสะกิดยอดถันอย่างมันมือ ความรู้สึกสั่นสะท้านไปทั้งทรวง จนร่อนสะโพกไปมาบนตักเขาอย่างสิ้นสติ ในขณะที่แก่นกายของเขาก็ค่อย ๆ ตื่นขึ้นจนฉันสัมผัสความแข็งขืนได้แม้มีกางเกงกั้นอยู่
“พี่แทนขา...” ความซ่านในตัวตื่นขั้นสุด จนสัมผัสได้ถึงความเฉอะแฉะกึ่งกายตนไหลไปตามง่ามขา “หนูไม่ไหวแล้ว...ขอได้ไหม” ฉันดีดตัวขึ้นถอดกางเกงพร้อมชั้นในตัวเองทิ้ง ก่อนจะนั่งลงถอดให้เขาอย่างหน้ามืดตามัว พี่แทนดูตกใจไม่น้อย ถึงท่าทีของฉัน เพียงวินาทีที่ฉันดึงกางเกงและชั้นในเขาออกไป แก่นกายเขาก็ตั้งลำตรงหน้าเต็มที่
ฉันหลุบตามองมัน สลับกับมองหน้าพี่แทนด้วยนัยน์ตาหยาดเยิ้มปนเขินเล็กน้อย เผลอเลียริมฝีปากออกมาไม่รู้ตัว
“มิ้นครับ...ตอนนี้...อึ่ก...อื้อ” ไม่ทันที่เขาจะได้พูดต่อ ใบหน้าฉันก้มลงใช้อุ้งปากและเรียวลิ้นละเลงเจ้าแก่นกายของเขาอย่างโหยหา แรงปรารถนาที่มีอยู่ในจิต ปะทุออกมาอย่างบ้ากระหาย
“อ่อก...อ่อก...อ่อก” เสียงวาบหวาม ที่เกิดจากการกระทำของฉันดังไปทั่ว
“มิ้น...อื้อ...” ฉันกลอกตามองเขา ยิ่งเห็นเขาแหงนหน้าซู้ดปาก ยิ่งทำให้ฉันพอใจและเร่งจังหวะเร็วขึ้น ฝ่ามือหนาทั้งสองข้างกุมหัวฉันไว้ ก่อนจะเริ่มนำจังหวะ พลางยกสะโพกสวนขึ้น จนแทบมิดลำในโพรงปากฉัน
ฉันเริ่มหายใจไม่ทันเพราะคนตรงหน้าเร่งจังหวะยกสะโพกสวนเข้ามาเร็วเกินไป สองมือฉันที่จับต้นขาแกร่งอยู่ต้องตบเพื่อเป็นสัญญาณบอกเขาว่าฉันหายใจไม่ทัน
“พี่ไม่ไหวแล้วมิ้นพี่...อึก...อ่าห์” ฉันสะดุ้งตกใจน้ำขุ่นรักมากมายพวยพุ่งออกมาเต็มโพรงปากฉัน เขาอัดสะโพกมิดลำ สองมือกดหัวฉันอัดแก่นกายเขาไว้แน่น
ฉันไม่มีทางเลือกจึงต้องกลืนมันไปจนหมด รสชาติปะแล่มไม่คุ้นชินละมั้ง แต่มันก็ไม่ได้แย่จนฝืนกลืนมันไม่ได้
ดูเหมือนพี่แทนจะได้สติ รีบคลายมือออกแล้วจับตัวฉันลุกขึ้น
“แฮ่ก...แฮ่ก...แฮ่ก” ฉันนั่งหอบหายใจแรง เพราะเหนื่อยมาก ยกนิ้วมือขึ้นมาเช็ดคราบน้ำที่เปรอะเปื้อนริมฝีปากแต่ยังไม่ทันจะเช็ดให้ดี เขาก็ดึงฉันไปนั่งบนตักพลางจูบอย่างอ่อนโยนเนิบช้า เราจูบกันเนิ่นนานด้วยความรัก และฉันก็รู้สึกได้ว่ากึ่งกายเขาที่มันสงบเพราะอุ้งปากฉัน บัดนี้มันตื่นผงาดปลุกความเสียวซ่านในตัวฉันอีกครั้ง
ฉันอยากครอบครองมัน ฉันเสียวจนอยากทำด้วยตัวเองจึงพาเนินนุ่มกลีบอวบ ร่อนไปบนแก่นกายเขา น้ำรักที่พรั่งพรูชโลมอาบไปทั้งลำ
เมื่อเห็นว่าแก่นกายแข็งขืนเต็มที่ ฉันจึงค่อย ๆ ยกสะโพกของตนขึ้น ก่อนจะจ่อกึ่งกายของตนลงบนแก่นกายของเขา จากนั้นจึงค่อย ๆ กดลง
“พี่แทน...” ฉันร้องเสียงหลง แขนฉันที่คล้องคอเขาอยู่รัดแน่นหนักขึ้น
“อึก...ของหนูแน่นจังครับ” เสียงแหบพร่าของเขาทำให้ฉันลืมความอึดอัดไปชั่วขณะ ค่อย ๆ กดสะโพกลงไปทีละนิด จนเนินนุ่มกลีบอวบครอบครองมันจนหมด ความรู้สึกอึดอัดจนแทบบ้า แต่ก็เป็นความอึดอัดที่รู้สึกดี
“แล้วชอบมันไหมคะ” ฉันค่อย ๆ เอียงหน้าไปใกล้ใบหูเขาพร้อมกับเอ่ยวาจาที่ปกติฉันจะไม่พูดแน่ ๆ
“ชอบครับ...แน่นขนาดนี้ พี่อยากกระหน่ำเจ็ดวันเจ็ดคืน” เขากระซิบตอบฉัน
“บ้าน่า...ว๊าย!” จู่ ๆ พี่แทนก็จับร่างฉันนอนตะแคงลง ในขณะที่แก่นกายเขายังคาอยู่ในเนินสาวอวบฉ่ำของฉันอยู่ เขายกเรียวขายาวด้านบนพาดไหล่แกร่งไว้ พอเขากระหน่ำสอบเอวจากมุมนี้ ฉันยิ่งร้องเสียงครางดังกว่าเคย
“ชอบไหม” แม้เขาจะเอ่ยถามเสียงแหบพร่า แต่เอวเขายังกระหน่ำสอบเอวไม่หยุด จนฉันจุกท้องน้อยไปหมด
“พี่แทน...เบา ๆ หน่อยสิคะ” ฉันร้องเสียงสั่น จับแขนเขาแน่น เพราะทุกจังหวะสอบเอวคือ หนักหน่วงและมิดลำทุกการเข้าออก
พี่แทนโน้มใบหน้าลงมาจูบกันแรง ในขณะที่แก่นกายยังอัดประโคมกันอยู่
“พั่บ...พั่บ...พั่บ” เสียงวาบหวามสะท้านก้องไปทั่ว เขาเร่งจังหวะเร็วขึ้น แรงขึ้น ความเสียวซ่านขีดสุดพาฉันไปถึงสรวงสวรรค์ก่อน ตัวกระตุกวาบ ก่อนที่พี่แทนจะตามมาติด ๆ
“อึก..อื้อ...” เสียงทุ้มครางออกมาก่อนจะกระตุกตัวปล่อยน้ำขุนรักเข้ามาในโพรงนุ่มของฉันเต็ม ๆ
ฉันมุดหน้าลงหมอนอย่างเหนื่อยหอบ ใบหน้าชื้นเหงื่อเพราะความเหนื่อยล้า คนตัวโตด้านบนก็ล้มทับฉันหายใจแรงรดหู
“เหนื่อยเหรอครับ”
“ต้องเหนื่อยสิคะ พี่เล่นกระแทกกันขนาดนี้”
“พี่ก็บอกแล้วไงครับ ว่าให้รอรับแรงกระแทกได้เลย” สองแขนของเขาโอบรัดร่างฉันแน่น
“นี่...พี่แทนคะ”
“ครับ?”
“พี่กะจะแช่เจ้าท่อนนั้นคาไว้แบบนี้เหรอคะ หนูรู้สึกว่ามันเริ่ม...”
“หนูอยากต่อรึเปล่า...”
“ก็อยากอยู่ค่ะ แต่หนูเหนื่อย”
“แต่พี่ไม่เหนื่อยนิครับ”
“เอ้า...แล้วพี่จะถาม...อุปส์” เขาไม่รอให้ฉันพูดจบ กลับก้มจูบปิดปากฉันสนิท ฉากรักรอบใหม่เริ่มขึ้น เปลี่ยนท่ากันไปมาเป็นว่าเล่น เสร็จกันไปหลายรอบ ราวกับนี่เป็นทุกอย่างที่เขาเคยเก็บไว้ ทั้งความอดกลั้น ความโหยหา และความรักที่เอ่อล้น ตอนนี้ถูกปลดปล่อยมันออกมาทั้งหมดแล้ว
พี่แทนไม่ได้พูดคำว่ารัก...ให้ฉัน แต่การกระทำของเขากำลังตะโกนคำคำนั้น ซ้ำไปซ้ำมา ทุกสัมผัสของเขากำลังบอกว่า ฉันเป็นของเขา และฉันก็ยอมปล่อยตัวให้จมอยู่ในห้วงเวลาแห่งความสุขอย่างเต็มใจ
ห้องรับรองหลังฉากในสตูดิโอรายการ ‘4 แซ่บบันเทิง’ แม้จะเย็นฉ่ำจากแอร์ แต่มันก็ไม่สามารถดับความประหม่าในใจฉันได้เลยสักนิด“พี่...แน่ใจเหรอ ว่าเราควรมานั่งให้สัมภาษณ์แบบนี้ มันจะไม่โหนกระแสไปหน่อยเหรอคะ” ฉันหันไปกระซิบถามพี่แทนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ พลางจับมือเขาแน่นจนชื้นเหงื่อ“แน่ใจสิครับ ไหน ๆ ก็เปิดตัวแล้ว เราก็ควรจะไปให้สุด” เขาตอบพร้อมรอยยิ้มอย่างใจเย็นใจ ฉันพ่นลมหายใจยาวใช้หลังมืออีกข้างแตะหน้าผากตัวเองเบา ๆ ได้แต่ภาวนาให้ฉันอย่าหลุดพูดอะไรแปลก ๆ เลยเถอะ“อีกสิบนาที เตรียมตัวนะคะ” หนึ่งในทีมงานเดินเข้ามาแจ้ง ก่อนจะหันมายิ้มให้ฉันอย่างเป็นกันเอง “ไม่ต้องเกร็งนะคะคุณมิ้น แฟน ๆ ตอนนี้ยอดคนดูรอแล้วกว่าแสนคน” ฉันพยักหน้ารับ ขณะที่พี่แทนหันมากระซิบข้างหูกันเบา ๆ“ไม่ต้องกลัวนะครับ พี่อยู่ตรงนี้ตลอด” แม้หัวใจฉันจะเต้นแรง แต่เพียงเขาพูดแค่นี้ก็ทำให้ฉันสงบลงได้ ใช่...ต่อจากนี้เราจะไม่ต้องแอบ ไม่ต้องหลบ และปิดบังอีกต่อไป(หน้าฉากสตูดิโอ รายการ 4 แซ่บบันเทิง)“ว้าว...ไม่คิดว่าวันหนึ่งจะได้นั่งสัมภาษณ์สองคนนี้ในฐานะ ‘คู่รัก’ ก่อนอื่นต้องขอแสดงความยินดีกับความรักครั้งนี้ด้วยนะคะ คุณแทนและคุณมิ้น”
นาฬิกาชีวิตปลุกให้ฉันตื่นขึ้นอัตโนมัติ กิจกรรมร่วมรักบนเตียงเมื่อคืนส่งผลให้ความปวดร้าว หนักหน่วงคืบคลานไปทั่วร่างแม้จะตื่นขึ้นมาแล้ว แต่ฉันก็ยังขยับตัวลำบาก เนื่องจากสองแขนแกร่งของคนนอนข้างกายยังคงรัดแน่นไม่ยอมปล่อยราวกับกลัวว่าฉันจะหนีหายไปพี่แทนยังคงหลับสนิท ฉันหันไปจ้องหน้าเขาชัด ๆ ยิ่งมองยิ่งรู้สึก...หล่อจนใจสั่น ไม่ใช่เพียงรูปลักษณ์ภายนอกเท่านั้น แต่หัวใจที่เขามอบให้ฉันก็รับรู้ได้ทั้งหมดเขานอนตะแคงหันหน้ามาทางฉัน มือหนึ่งยังพาดอยู่บนเอวฉัน“โธ่เอ้ย...พอหลับแล้วไม่เห็นจะดูเจ้าเล่ห์เลยนะ” ฉันยิ้มพึมพำเบา ๆ ขณะใช้นิ้วเกลี่ยเส้นผมที่ปรกใบหน้าหล่อเขาให้เห็นเด่นชัดฉันเอี้ยวตัวอย่างเบามือ ให้ตัวแนบชิดกับเขามากกว่าเดิม ซบหน้าลงกับอกแกร่งฟังเสียงหัวใจของเขาที่ยังเต้นแรงอยู่“เมื่อวานที่หนูบอกว่า...ไม่อยากแพ้พี่” ฉันกระซิบเบา ๆ กับตัวเอง “ไม่ใช่เพราะหนูอยากเอาชนะ” ฉันยิ้มพลางขยับใบหน้าเบา ๆ เพื่อรับไออุ่นมากขึ้น “แต่หนูอยากให้พี่เห็นว่า หนูก็พร้อมมอบความรักให้พี่เช่นกันค่ะ”เขาขยับตัวเล็กน้อย มือที่กอดฉันไว้กระชับแน่นขึ้น ทำฉันสะดุ้งจนกระตุกวูบ“แกล้งหลับอยู่ใช่ไหมคะ...” ฉันแหงนหน้ามอ
ฉันยังชันเข่าอยู่ตรงหน้าเขาแบบนั้น แต่อารมณ์ในตอนนี้ไม่ใช่แค่นั่งเฉย ๆ อีกต่อไป สองเราลูบไล้และทอดนัยน์ตายั่วยวนกันและกัน โดยไม่มีใครยอมใครมือฉันแนบอยู่บนอกแกร่ง มือเขาแนบอยู่ที่แผ่นหลังฉัน พลางไล้นิ้วไปตามสันหลังก่อนจะหยุดตรงกลางหลังแล้วพยายามเร่งโน้มตัวฉันลงไปอีก แต่ฉันไม่ยอมหรอก“จะรีบร้อนทำไมคะ” ฉันกระซิบแหบพร่า พร้อมกดมือบนอกแกร่งเขาเบา ๆ จงใจถ่วงเวลาไว้พี่แทนยิ้มแฝงด้วยจิตวิญญาณนักล่าที่รู้ว่าคนตรงข้ามอย่างฉันกำลังเล่นเกมด้วยความรู้สึกเดียวกัน“ไม่ได้รีบร้อน แค่รู้สึกว่าถ้าพี่ปล่อยให้หนูคุมเกมมากกว่านี้ พี่อาจจะหมดแรงก่อนได้เริ่มจริง”“แปลว่าเริ่มกลัวหนูแล้วสินะ”“ไม่ได้กลัว...แค่ไม่ประมาทครับ” ฉันยกยิ้มมุมปากโน้มใบหน้าเข้าใกล้ใช้เรียวลิ้นร้อนไล้เลียไปตามแนวหลังใบหู สันกรามเบา ๆ ขณะที่มือฉันเริ่มเคลื่อนไปตามอารมณ์สอดเข้าในเรือนผมของเขาพลางขยุ้มเบา ๆเขาชะงักเล็กน้อยกับสัมผัสบางเบานี้“ถ้าเล่นแรงแบบนี้ พี่คงต้องเอาจริงแล้วนะครับ” ฉันยิ้มมุมปาก ขณะใช้มืออีกข้างลูบไปตามแนวแขนแกร่งเขา“ก็รออยู่นี่ไงคะ จะเอายังไงก็เชิญ พร้อมรับแรงกระแทกเสมอ” สิ้นคำสิ่งที่เขาตอบกลับมาคือการกดจูบอีก
“โอเคครับ กล้องพร้อม! ไฟพร้อม! แอคชั่น!” เสียงผู้กำกับดังขึ้นท่ามกลางกองถ่ายบ้านหรูปลีกวิเวกที่แสนสงบ เราสวมชุดนักแสดงเต็มยศ ฉันอยู่ในชุดเดรสลูกไม้สีฟ้าอ่อน พี่แทนอยู่ในชุดเชิ้ตขาวพับแขนกับกางเกงสแล็คเข้ารูปบรรกาศโดยรอบเงียบลงอย่างรวดเร็ว ทุกคนอยู่ในตำแหน่งหน้าที่ของตน...ฉากที่เรากำลังจะถ่ายกันคือ ‘ฉากจูบแรก’ ของพระเอกและนางเอกในละครเรื่อง รอยยิ้มของตัวจริง ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนของความสัมพันธ์ระหว่างสองตัวละครหลัก โดยก่อนหน้านี้มีแต่การปะทะอารมณ์และเข้าใจผิดมาโดยตลอด ‘ในการถ่ายทำชื่อตัวละครในเรื่อง คือชื่อพวกเราเลย แต่ในเมื่อคนเขียนบทอย่างพี่แทนเขียนมาแบบนั้น ฉันก็เออออไปตามนั้นแหละ’และตอนนี้ พี่แทนกำลังจะจูบฉัน“มิ้น...” เสียงเขาเรียกเบา ๆ ขณะยืนห่างฉันไม่ถึงฝ่ามือ นัยน์ตามีความลังเลปนกับความรู้สึกบางอย่าง“มิ้นรู้ไหม ตั้งแต่วันแรกที่เราเจอกัน พี่ไม่เคยหันไปมองใครอีกเลย” บทละครบอกให้ฉันต้องนิ่ง น้ำตาคลอ ตัวสั่นนิด ๆ และปล่อยให้เขาโน้มตัวเข้ามาช้า ๆ ฉันทำตามบททุกอย่างอย่างมืออาชีพ และที่สำคัญฉันใส่หัวใจตัวเองลงไปเล่นด้วยริมฝีปากของพี่แทนเคลื่อนเข้ามาใกล้ ใกล้จนฉันได้กลิ่นหอมจาง ๆ จา
หลังกลับมาจากการพักผ่อน ชีวิตนักแสดงสาวก็เข้าสู่วังวนการทำงานที่คุ้นเคย ตอนนี้ชื่อเสียงของฉันทวีคูณมากขึ้น ตั้งแต่ฉันเปิดใจว่าจะรับบท ‘นางเอก’ ก็มีผู้ผลิตละครหลายเจ้ายื่นเสนอมาให้พิจารณาบทเป็นกอง แต่...เรื่องพวกนั้นเอาไว้ทีหลังก่อน เพราะการกลับมาเล่นบทนำในครั้งนี้ ยังไงซะฉันก็ตัดสินใจจะเล่นให้กับละครที่แฟนของฉันเขียนขึ้นมาก่อนวันนี้เป็นวันแถลงข่าวเปิดตัวนักแสดงนำของละครเรื่อง รอยยิ้มของตัวจริง อย่างเป็นทางการ ฉันมาในชุดเดรสสีดำ ผมชมพูฟาร่าลอนสวย ชนิดที่เดินผ่านคนไหนก็ต้องเหลียวหันมามอง อาจเป็นเพราะก่อนหน้าฉันรับแต่บทตัวประกอบเวลามีงานแถลงข่าวก็ไม่ได้ถูกเชิญขึ้น“พี่กรีน พี่พอรู้รึเปล่าว่าเรื่องนี้ ใครรับบทพระเอก” ฉันหันไปถามผู้จัดการส่วนตัว เอาจริงนะ ฉันไม่รู้อะไรเลยว่าใครแสดงบ้าง บทจริงยังไม่เห็นด้วยซ้ำ แต่เพราะมั่นใจในตัวพี่แทน ฉันเลยไม่ได้ซีเรียสอะไร“ไม่รู้สิ ผู้ผลิตเขาไม่ได้แจ้งอะไรเพิ่มเติมมาเลย ลึกลับมาก”“งั้นเหรอคะ” ฉันเลิกคิ้ว แต่สุดท้ายก็เลิกที่จะสนใจมันไปไม่นานนัก มีทีมงานเรียกให้ฉันเตรียมพร้อมรอขึ้นเวทีอยู่ด้านข้าง“เรียนสื่อมวลชนทุกท่าน กรุณาเตรียมกล้องให้พร้อมนะครับ เ
เสียงนกร้องเบา ๆ จากยอดไม้ข้างนอกดังลอดเข้ามาในเต็นท์ ทำให้เปลือกตาฉันที่หลับสนิทค่อย ๆ ตื่นขึ้นมา วินาทีแรกที่ได้กลิ่นไอดินปะปนกับกลิ่นหญ้าเปียกหลังฝนจางเมื่อคืนที่ผ่านมา ความสดชื่นก็แผ่ไปทั่วร่างร่างฉันยังซุกแนบอยู่ในอ้อมกอดพี่แทน ใบหน้าแนบชิดกับอกแกร่งอย่างเคยใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน ฉันรับรู้ได้ถึงลมหายใจของเขาที่รินรดบนหัว เสียงลมหายใจสม่ำเสมอบ่งบอกได้ว่าหลับสนิทมากเพียงใดฉันขยับตัวเล็กน้อย แต่ยังไม่กล้าเปลี่ยนท่าทางมาก เพราะกลัวจะรบกวนการนอนของเขา แต่ก็ได้แค่คิด...“หนาวเหรอ?” เสียงทุ้มงัวเงียกระซิบชิดข้างหูฉัน ฉันเงียบไปอึดใจก่อนจะส่ายหน้าเล็ก ๆ แล้วตอบกลับเบา ๆ“เปล่าค่ะ...แค่ยังไม่ชินปกตินอนคนเดียวมาตลอด” พี่แทนขยับตัวเล็กน้อยสองแขนกอดรัดฉันแน่นขึ้น“ก็ทำให้ชินสิครับ” เขาขยับหัวมาแนบแก้มนุ่มฉัน ริมฝีปากแตะหน้าผากอย่างแผ่วเบาก่อนพึมพำต่อ “ถ้าเราตื่นมาแบบนี้พร้อมกันทุกวันก็ได้นะ ถ้าหนูไม่เบื่อ”ฉันยิ้มมองใบหน้าคมที่ปรือตามองฉันเพราะเพิ่งตื่นนอน“หนูไม่เบื่อหรอกค่ะ แต่กลัวว่าจะเป็นพี่มากกว่าที่เบื่อก่อนหนูก็ได้” ฉันพูดจบเขาก็ลากนิ้วไล้กรอบหน้า ก่อนจะหยุดที่ริมฝีปากฉัน“ทั้งที่เพิ่







