LOGIN“หยกของคุณทั้งหมดผมรับซื้อในราคาห้าแสนหยวน ไม่ทราบพวกคุณคิดยังไงครับ”
ผู้จัดการเถาปาดเหงื่อที่ไหลซึมออกมา เขาไม่รู้ว่าลูกค้าทั้งสองจะทราบไหมว่าหยกแก้วทั้งสองก้อนใหญ่นั้นหากนำไปประมูลแล้วมูลค่าของมันจะสูงเสียดฟ้าเลยทีเดียวเชียวนะ
ซูเมี่ยวจินคิดอยู่ครู่หนึ่ง เนื่องจากเธอไม่ทราบราคาในการประมูลหยกล้ำค่าแต่แรก เมื่อหันไปมองสามีที่ตอนนี้อ้าปากค้างไปเสียแล้ว ซูเมี่ยวจินจึงได้แต่ต้องพยักหน้ารับคำผู้จัดการเถาว่าเธอรับราคานี้ได้
“รบกวนพวกคุณรอที่นี่สักครู่นะครับ ผมจะไปจัดการนำเงินเข้าไว้ในบัตรให้คุณ”
“ตกลงค่ะ” ซูเมี่ยวจินกล่าวด้วยใบหน้านิ่งเรียบเหมือนปกติ เธอไม่ได้สนใจว่าร้านจะจ่ายเงินให้พวกเธอยังไงแต่แรก เมื่อได้ยินว่าผู้จัดการสามารถนำเงินเข้าบัตรกดเงินได้ก็ทำให้เธอโล่งใจไม่น้อย นับว่าเมืองเถิงซงนี้ก้าวหน้ามากกว่าเมืองเจิ้งไห่ที่สามารถนำเงินโอนเข้าในบัตรกดเงินได้
ฉางเล่ยหลังจากตกตะลึงอยู่พักใหญ่ เมื่อตั้งสติได้เขาจึงหันมองภรรยาว่าเธอมีปฏิกิริยาอย่างไร พอพบว่าภรรยาเขายังคงนิ่งเฉยเหมือนปกติ ฉางเล่ยอดที่จะทอดถอนหายใจออกมาไม่ได้ ภรรยาของเขาไม่มีความตื่นเต้นตกใจกับราคาที่ได้รับเลยแม้แต่น้อย หลังจากนี้ฉางเล่ยคิดในใจว่าเขาจะต้องสุขุมให้มากขึ้น เพื่อไม่ให้ภรรยาต้องเสียหน้าที่มีเขาติดตามมาด้วย
“นี่บัตรกดเงินสดครับ รหัสบัตรเป็นเลขศูนย์หกตัว” ผู้จัดการเถายื่นบัตรให้กับซูเมี่ยวจินอย่างนอบน้อม เขาดีใจมากที่ได้ซื้อหยกดี ๆ จากเธอ หลังจากนี้ร้านของเขาจะเปิดประมูลให้พ่อค้าอัญมณีที่หาหยกดี ๆ อยู่ กำไรที่ร้านเขาจะได้คงมากมายมหาศาลแน่
ซูเมี่ยวจินรับบัตรมาใส่กระเป๋าสะพายเอาไว้อย่างไม่คิดมาก เธอชวนฉางเล่ยออกจากร้านหลังจากขลุกอยู่ที่ร้านนี้สองชั่วโมงกว่าแล้ว ผู้จัดการเถาและพนักงานขายต่างค้อมคำนับลูกค้าคนสำคัญของร้านที่สร้างรายได้ให้ร้านพวกเขา
“ภรรยา เราจะไปที่ไหนต่อไหมครับ” ฉางเล่ยถามระหว่างเดินกลับไปที่รถ ในอ้อมแขนของเขายังคงกอดหินหยกน้ำแข็งเอาไว้แนบอกอย่างหวงแหน
“กลับโรงแรมกันดีกว่าค่ะ เราสั่งอาหารไปกินที่ห้องดีไหมคะ”
“ตกลงครับ ผมไม่อยากให้คนเห็นหยกของเราด้วย” ฉางเล่ยคิดจะนำหินหยกขึ้นห้องในโรงแรมไปด้วย เขาไม่ไว้ใจที่จะวางมันเอาไว้ท้ายรถ
ซูเมี่ยวจินอดที่จะเผยรอยยิ้มบางอย่างเอ็นดูสามีตัวโตของเธอไม่ได้ เขาคงไม่เคยเห็นเงินเยอะมากขนาดนี้ถึงได้ตื่นเต้นอย่างกับเด็ก ๆ ซูเมี่ยวจินปล่อยให้เขากอดหินหยกน้ำแข็งเอาไว้ เธอเป็นคนขับรถกลับโรงแรมด้วยตัวเอง
ค่ำวันนั้น ร้านขายหยกที่พวกซูเมี่ยวจินไปก็เปิดประมูลหยกทั้งหมดที่รับซื้อมาจากซูเมี่ยวจิน ลูกค้าหลายคนสอบถามถึงคนที่เปิดหยกเนื้อดีเหล่านี้ได้อย่างสนอกสนใจ หากพวกเขาสามารถใช้ประโยชน์จากเจ้าของหยกให้ช่วยเลือกหินดิบสักก้อนสองก้อน พวกเขาจะต้องได้กำไรมากมายอย่างแน่นอน
“ผมไม่รู้จักพวกเขาหรอกครับ ต้องขอโทษทุกคนด้วยนะครับ พวกเขาเพิ่งเคยมาที่ร้านเป็นครั้งแรก ผมเองก็ไม่กล้าสอบถามเรื่องส่วนตัวของพวกเขาครับ” ผู้จัดการเถาตอบอย่างแบ่งรับแบ่งสู้ เขากลัวว่าเศรษฐีบางคนจะใช้กำลังบังคับคน ที่นี่กฎหมายแทบจะไม่มีประโยชน์อะไรเลย เพราะข้าราชการในเมืองต่างรับเงินจากพวกเขาเพื่อเปิดทางให้ทำเรื่องไม่ดีมาตลอด ผู้จัดการเถาจึงเป็นห่วงสองสามีภรรยาที่ช่วยทำกำไรให้ร้านเขามากมายในคืนนี้
“ผมว่าคุณกลัวขาดรายได้มากกว่าล่ะมั้ง ถ้าพวกเขามาซื้อหินที่ร้านคุณอีกแล้วขายให้คุณทำกำไรในตอนประมูล พวกคุณก็จะได้ประโยชน์ ส่วนพวกเราที่อยากขอให้พวกเขาช่วยดูหินดิบก็คงต้องมารอประมูลด้วยราคาสูงแบบนี้อีก” ต้วนมู่ชิงกล่าวอย่างประชดประชัน
“จะเป็นไปได้ยังไงกันครับคุณต้วน ที่ผมไม่กล้าสอบถามเรื่องส่วนตัวลูกค้าก็เพราะท่าทางพวกเขาไม่ใช่คนที่จะคุยด้วยได้ง่าย ๆ” ผู้จัดการเถานึกถึงสีหน้าของซูเมี่ยวจินขึ้นมาได้ก็ถึงกับปาดเหงื่อที่ผุดออกมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
“เฮอะ! ก็แค่พวกหน้าใหม่ดวงดี มีอะไรน่ากลัวกัน” ต้วนมู่ชิงที่พาบอดี้การ์ดมาด้วยมากถึงสี่คนกล่าวอย่างดูถูก เขาไม่เชื่อหรอกว่าลูกค้าที่ผู้จัดการเถาพูดถึงจะน่าเกรงขามมากไปกว่าเขาซึ่งมาจากเมืองหลวง
“คุณชายต้วน ผมคิดว่าเราได้เข้าร่วมประมูลหยกล้ำค่าก็น่าจะพอแล้วหรือเปล่าครับ ถ้าคุณคิดจะคุกคามพวกเขาจริง ๆ ผมคงไม่เห็นด้วย” ชุ่ยฟ่านปราม
“คุณชายชุ่ยใจดีเกินไปแล้ว ถ้าร้านผมสามารถลดต้นทุนค่าหยกได้ การขายหยกที่เจียระไนแล้วย่อมได้กำไรมากกว่าหลายเท่า ใช่ว่าคุณจะไม่รู้นี่ครับ” ต้วนมู่ชิงยังคงคิดที่จะใช้งานคนดวงดีที่เลือกหินดิบคนนั้นให้ได้
“ฮึ! ถ้าอย่างนั้นก็ต้องดูว่าคุณชายต้วนจะสามารถซื้อใจพวกเขาได้หรือเปล่า” ชุ่ยฟ่านพูดอย่างดูถูก หลายครั้งที่ต้วนมู่ชิงทำตัวไร้ระเบียบ ไม่ว่าการแย่งชิง ปล้น เขาล้วนทำมาหลายครั้งแล้ว มีหน้าใหม่หลายคนต้องหมดตัวและตายไปเพราะเขาก็มาก ถึงชุ่ยฟ่านจะอยากช่วยคนพวกนั้น แต่จนใจที่พวกเขาดื้อรั้นและเห็นเศษเงินของต้วนมู่ชิงเป็นเงินก้อนโต พอพวกเขาเลือกหินดิบได้ไม่ดีเท่าที่ลงทุนไป คนพวกนั้นก็จะถูกฆ่าตายอย่างน่าสงสาร ทางการที่นี่ก็ไม่มีใครกล้ายุ่งกับต้วนมู่ชิง เขาจึงได้ใจมาตลอด
“คุณไม่ต้องกังวลแทนผมหรอกครับคุณชายชุ่ย ก็แค่หน้าใหม่ที่ไม่เคยเห็นเงิน พวกเขามีหรือจะกล้าปฏิเสธข้อเสนอดี ๆ ของผม” ต้วนมู่ชิงพูดอย่างถือดี
ผู้จัดการเกาได้แต่เหงื่อออกเต็มแผ่นหลังด้วยความกลัว เขาเสียใจจริง ๆ ที่รีบนำหยกมาประมูลจนอาจทำให้ลูกค้ารายใหญ่ของเขาเดือดร้อน หากไม่เพราะที่ร้านไม่ค่อยมีลูกค้าแล้วล่ะก็ เขาคงไม่เสี่ยงเปิดประมูลขึ้นอย่างกระทันหันแบบนี้
หลังการประมูลหยกจบลง ร้านค้าได้รับกำไรหลายล้านหยวน เพราะหยกแก้วทั้งสองชิ้นใหญ่นั้นถูกประมูลไปในราคาสูงถึงสิบล้านหยวน ก่อนที่ต้วนมู่ชิงจะออกจากร้านไป เขายังสอบถามรายละเอียดของลูกค้าที่เลือกหินดิบพวกนี้เพิ่มเติม
“ผมขอโทษครับ เรื่องส่วนตัวของลูกค้า ผมไม่สามารถบอกได้จริง ๆ” ผู้จัดการเกากัดฟันไม่ยอมบอกลักษณะของสองสามีภรรยาที่เป็นลูกค้าของเขา เขาอยากปกป้องทั้งสองคนให้ดีที่สุด
“เฮอะ! คิดว่าไม่บอกแล้วฉันจะหาพวกเขาไม่เจอหรือยังไง พวกเราไป!” ต้วนมู่ชิงสะบัดหน้าจากไปพร้อมลูกน้อง เขาประมูลหยกได้ไม่กี่ชิ้นเพราะชุ่ยฟ่านกับเศรษฐีคนอื่น ๆ ประมูลในราคาที่สูงเกินกว่าที่เขาจะยอมรับได้
ชุ่ยฟ่านนึกเห็นใจผู้จัดการเกาไม่น้อย เขาเดินเข้าไปตบไหล่ผู้จัดการเกาไม่ให้เขาคิดมากและจากไปพร้อมบอดี้การ์ดของตนเองเช่นกัน ส่วนเศรษฐีคนอื่น ๆ ก็มีบอดี้การ์ดมาด้วยเช่นเดียวกัน พวกเขาเห็นว่าดึกมากแล้วจึงกลับไปยังโรงแรมที่พักซึ่งจองเอาไว้นานถึงหนึ่งสัปดาห์
ซูเมี่ยวจินกับฉางเล่ยที่คืนนี้รีบพักผ่อนกันตั้งแต่หัวค่ำ พวกเขาไม่รู้เลยว่าที่ตลาดมีคนกำลังอยากรู้จักพวกเขาหลายคน ซูเมี่ยวจินบอกฉางเล่ยก่อนนอนว่าพรุ่งนี้เธอคิดจะซื้อหินหยกจำนวนมากแต่จะไม่ผ่าเปิดหิน เพราะซูเมี่ยวจินรู้แล้วว่าหยกแบบไหนสามารถขายได้ราคาสูงที่สุด ส่วนหยกจักรพรรดิที่ราคาแพงที่สุดนั้นเธอยังไม่เคยเห็นมาก่อน ซูเมี่ยวจินจึงคิดที่จะเดินดูหินดิบในร้านต่าง ๆ แล้วค่อยซื้อมา
แปดโมงเช้า ซูเมี่ยวจินกับฉางเล่ยก็ลงมากินข้าวที่ด้านล่างโรงแรมเหมือนเคย หินหยกก้อนเมื่อวานถูกเก็บไว้ในตู้เสื้อผ้าบนห้องของพวกเขาและซ่อนไว้อย่างดี วันนี้ซูเมี่ยวจินให้ฉางเล่ยถือกระเป๋าเงินใบใหญ่ลงมาด้วย เธอคิดที่จะซื้อหินหยกราคาสูงสักหลายก้อน และไม่อยากมาที่ตลาดค้าหยกบ่อย ๆ ส่วนเครื่องมือผ่าหินเธอค่อยซื้อทีหลังก็ยังไม่สาย อย่างน้อยขอให้ได้หินดิบมาเสียก่อน เธอกลัวว่าจะถูกคนอื่นแย่งหินหยกดี ๆ ไป จึงต้องเร่งมือซื้อหินหยกให้หมดทั้งตลาดเสียก่อน
“หยกของคุณทั้งหมดผมรับซื้อในราคาห้าแสนหยวน ไม่ทราบพวกคุณคิดยังไงครับ”ผู้จัดการเถาปาดเหงื่อที่ไหลซึมออกมา เขาไม่รู้ว่าลูกค้าทั้งสองจะทราบไหมว่าหยกแก้วทั้งสองก้อนใหญ่นั้นหากนำไปประมูลแล้วมูลค่าของมันจะสูงเสียดฟ้าเลยทีเดียวเชียวนะซูเมี่ยวจินคิดอยู่ครู่หนึ่ง เนื่องจากเธอไม่ทราบราคาในการประมูลหยกล้ำค่าแต่แรก เมื่อหันไปมองสามีที่ตอนนี้อ้าปากค้างไปเสียแล้ว ซูเมี่ยวจินจึงได้แต่ต้องพยักหน้ารับคำผู้จัดการเถาว่าเธอรับราคานี้ได้“รบกวนพวกคุณรอที่นี่สักครู่นะครับ ผมจะไปจัดการนำเงินเข้าไว้ในบัตรให้คุณ”“ตกลงค่ะ” ซูเมี่ยวจินกล่าวด้วยใบหน้านิ่งเรียบเหมือนปกติ เธอไม่ได้สนใจว่าร้านจะจ่ายเงินให้พวกเธอยังไงแต่แรก เมื่อได้ยินว่าผู้จัดการสามารถนำเงินเข้าบัตรกดเงินได้ก็ทำให้เธอโล่งใจไม่น้อย นับว่าเมืองเถิงซงนี้ก้าวหน้ามากกว่าเมืองเจิ้งไห่ที่สามารถนำเงินโอนเข้าในบัตรกดเงินได้ฉางเล่ยหลังจากตกตะลึงอยู่พักใหญ่ เมื
ซูเมี่ยวจินชี้บอกหินที่เธอต้องการให้สามีหยิบให้ หินในกองนี้ราคาไม่ต่ำกว่าหนึ่งพันหยวน เธอจึงให้เขาหยิบมาเพียงสามก้อน เพราะกลัวว่าเงินที่นำมาจะไม่พอ“ภรรยา พอแล้วเหรอครับ” ฉางเล่ยที่หยิบหินใส่รถเข็นถามขึ้น“พอก่อนดีกว่าค่ะ ให้ร้านคิดเงินแล้วผ่าหินดูกันเถอะ” ซูเมี่ยวจินทั้งที่รู้ว่าหินก้อนใหญ่ทั้งสามนั้นเป็นหยกคุณภาพดีทั้งหมดบอกสามี“ตกลงครับ พี่ชาย ช่วยคิดเงินแล้วเอาหินไปผ่าให้ด้วยครับ” ฉางเล่ยหันไปบอกพนักงานที่ยืนรออยู่ห่างออกไปนิดหน่อย“เชิญมาคิดเงินกับผมทางนี้เลยครับ” พนักงานผายมือเชิญพวกเขาไปยังโต๊ะคิดเงินที่อยู่ไม่ไกลนักซูเมี่ยวจินกับฉางเล่ยที่เข็นรถอยู่ตามไปติด ๆ ดีที่ร้านนี้ไม่มีคนเข้ามาอีก พวกเขาจึงไม่ต้องรอคิวให้เสียเวลา“หินก้อนเล็กทั้งหมดห้าก้อน ราคา 800 หยวนครับ ส่วนก้อนใหญ่สามก้อนนั้นราคา 4,000 หยวนครับ” พนักงานคิดเงินตามขนาดข
“ไม่รู้ว่าป่านนี้พวกคุณโจวจะเป็นยังไงบ้างนะครับ” ฉางเล่ยพูดระหว่างที่กำลังกินอาหารที่สั่งไปก่อนหน้านี้ พวกเขาตื่นสายจนไม่ได้ออกมาส่งทหารพวกนั้น“พวกเขาคงกลับไปทำหน้าที่แล้วล่ะค่ะ คุณไม่ต้องกังวลไปหรอก”“ผมเห็นพวกเขาแล้วก็อยากเป็นทหารอย่างพวกเขาบ้าง สวัสดิการทหารดีมากจริง ๆ ผมจะได้ปกป้องคุณกับครอบครัวได้ด้วย” ฉางเล่ยเอ่ย“แต่ฉันไม่อยากให้คุณลำบากนะคะ เราไม่มีเส้นสาย ถ้าคุณสมัครเป็นทหาร กว่าตำแหน่งของคุณจะก้าวหน้าก็คงอีกหลายสิบปีเลยล่ะ” ซูเมี่ยวจินส่ายหน้าอย่างไม่เห็นด้วย เธอไม่คิดว่าอาชีพทหารจะเหมาะกับสามีเธอ แล้วเธอก็ไม่อยากให้เขาต้องไปเสี่ยงอันตรายในหน้าที่การงานแบบนี้“คุณคิดอย่างนั้นเหรอครับ” ฉางเล่ยเอ่ยอย่างเสียดายที่ภรรยาไม่อยากให้เขาเป็นทหาร“หรือคุณอยากทิ้งฉันกับครอบครัวไปล่ะคะ” ซูเมี่ยวจินตัดสินใจพูดเรื่องสำคัญ หากเขาสมัครทหารก็จะต้องไปพักอยู่ที่ค
“ถ้าอย่างนั้นฉันจะวนรถหาโรงแรมสักแห่งนะคะ” ซูเมี่ยวจินบอก“ขอบคุณมากครับ” ทั้งสามที่อยู่หลังรถรีบเอ่ยขึ้นพร้อมกัน เขาไม่คิดว่าผู้หญิงเย็นชาคนนี้ที่จริงก็ไม่ได้ใจร้ายใจดำอะไร ไม่แปลกใจที่สามีเธออย่างฉางเล่ยจะภูมิใจที่มีซูเมี่ยวจินเป็นภรรยา เพราะหลายครั้งที่คุยกัน ฉางเล่ยมักจะอวยความเก่งกาจของภรรยาเขาให้ทั้งสามฟังอย่างไม่อายเลยสักนิดซูเมี่ยวจินขับรถวนหาโรงแรมไม่นานก็พบกับโรงแรมเอกชนแห่งหนึ่ง เธอไม่รอช้าที่จะจอดรถด้านหน้าแล้วให้สามีไปสอบถามเรื่องการเปิดห้องพักสักหลายวันทันที ซูเมี่ยวจินคิดว่าจะอยู่ที่โรงแรมนี้จนกว่าการพนันหินเสร็จสิ้นลง ด้านโจวอู่หมิงกับลูกน้องก็สะพายกระเป๋าลงไปพร้อมฉางเล่ยด้วยเช่นกันฉางเล่ยไปสอบถามไม่นานก็เดินกลับมาที่รถแล้วบอกรายละเอียดกับซูเมี่ยวจินเรื่องห้องพักของโรงแรมแห่งนี้“ภรรยาครับ ราคาห้องพักธรรมดาคืนละ 30 หยวน ห้องพิเศษคืนละ 50 หยวน คุณจะให้ผมจองห้องพักแบบไหนดีครับ แล้วเราจะพักกันสักกี่วัน”
ระหว่างเดินทาง ฉางเล่ยหันไปคุยกับทหารที่อยู่หลังรถจนรู้จักชื่อเสียงเรียงนามกันทั้งหมด ซูเมี่ยวจินปกติไม่ชอบคุยกับคนแปลกหน้า เธอจึงฟังสิ่งที่สามีคุยกับพวกเขาเท่านั้น“พวกคุณย้ายที่ประจำการกันหรอกเหรอครับ แล้วทำไมถึงได้ถูกดักทำร้ายล่ะครับ”“คนพวกนั้นน่าจะเป็นโจรที่ประจำอยู่เส้นทางนี้น่ะครับ พวกเราก็ไม่คิดว่าจะถูกปล้นทั้งที่ยังสวมเครื่องแบบอยู่” ฟู่จือหยางตอบ“น่ากลัวมากเลยนะครับ ดีที่ผมกับภรรยาไม่ได้พบพวกมันก่อน ไม่อย่างนั้นคงลำบากกว่าพวกคุณมากแน่” ฉางเล่ยพูดคุยอย่างเป็นกันเอง“สามี ข้างหน้าน่าจะเป็นเมืองเหยียนซานแล้ว เราจะได้แวะหาอะไรกินกันก่อน”“ครับ คุณขับหาร้านอาหารก่อนเลย ตอนนี้ยังไม่สายมากนัก โชคดีที่เรามาถึงเร็ว”“ตกลงค่ะ” ซูเมี่ยวจินรับคำแล้วสอดส่ายสายตามองหาร้านอาหารในเมืองไม่ถึง 15 นาที ซูเม
โจวอู่หมิงหันไปพยักหน้าให้ลูกน้องทั้งสองคนออกไปจากที่ซ่อนเพื่อดูว่าผู้หญิงที่มาช่วยพวกเขาไว้นั้นหน้าตาเป็นยังไง“คุณช่วยพวกเราได้ยังไงครับ” โจวอู่หมิงที่เดินออกมาถามหญิงสาวร่างสูงโปร่งแต่สายตาของเธอช่างเย็นชาเสียเหลือเกิน“ใช่ ๆ ทำไมพวกเราไม่ได้ยินเสียงการต่อสู้เลยล่ะครับ” ฟู่จือหยางรีบถามต่อ“พวกคุณมีรถกันหรือเปล่า?” ซูเมี่ยวจินไม่สนใจตอบกลับคนแปลกหน้า เรื่องการต่อสู้ของเธอ เธอไม่อยากให้พวกเขารู้มากนัก“รถพวกเราถูกยิงพังหมดแล้วครับ แต่สัมภาระยังอยู่ในรถห่างจากตรงนี้ประมาณห้ากิโลเมตรครับ” ซ่งเซียวตอบ“ถ้าอย่างนั้นไปพักที่รถฉันก่อน ตามมา” น้ำเสียงเย็นชาของซูเมี่ยวจิน ทำให้ทั้งสามไม่กล้าถามเรื่องก่อนหน้านี้อีกระหว่างเดินออกจากป่า ทั้งสามคนมองเห็นศพคนร้ายนอนคว่ำหน้าอยู่คนหนึ่ง ที่ด้านหลังมีรูเจาะทะลุเข้าไปตรงตำแหน่งหัวใจ พวกเขาเพิ่งเห็นว่าใน






