แชร์

กลับหมู่บ้าน

ผู้เขียน: 橙花
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-10-12 12:00:08

“กี่โมงแล้วคะ ฉางเล่ย” ซูเมี่ยวจินหันไปถามสามีที่นั่งข้างคนขับ

“เกือบห้าโมงเย็นแล้วครับ” ฉางเล่ยดูวิธีการขับรถของภรรยาไปด้วยตอบไปด้วย

“ถ้าเราขับเร็วกว่านี้คงถึงบ้านในอีกหนึ่งชั่วโมงนะคะ” ซูเมี่ยวจินไม่กล้าขับเร็วเพราะถนนหนทางที่นี่ไม่ค่อยดีนัก เธอกลัวว่ารถสามล้อจะร่วงลงมา

“ไม่ต้องขับเร็วนักก็ได้ครับ ของในรถเราเยอะ ผมกลัวว่ามันจะเสียหาย”

“ตกลงค่ะ ถ้าอย่างนั้นเราคงถึงบ้านตอนมืดพอดี หวังว่าคนในหมู่บ้านจะไม่มาวุ่นวายที่หน้าบ้านเรานะคะ” ซูเมี่ยวจินเพิ่งนึกได้ว่ามีพวกขี้นินทาหลายคนในหมู่บ้าน

“ลานบ้านเรากว้างพอที่จะเอารถเข้าบ้านนะครับ ผมจะเปิดประตูให้คุณขับเข้าไป ถึงพวกเขาจะมามุงดูก็ไม่ต้องไปสนใจหรอก” ฉางเล่ยตั้งใจจะปิดประตูรั้วไม่ให้พวกสอดรู้สอดเห็นเข้ามาวุ่นวายกับของที่พวกเขาซื้อมา

“แบบนั้นก็ดีเหมือนกันค่ะ ไม่รู้ว่าป่านนี้พ่อกับแม่จะเป็นห่วงพวกเราขนาดไหน”

“พวกท่านคงทำอาหารเย็นรอเราแล้วล่ะครับ คุณไม่ต้องกังวลมากหรอก พวกท่านรู้ดีว่าเราต้องซื้อของเยอะ” ฉางเล่ยไม่อยากให้ซูเมี่ยวจินคิดมาก

“ฉันคิดว่าแม่น่าจะบ่นเรื่องของที่ฉันซื้อแน่เลยค่ะ คุณไม่ต้องบอกราคาสิ่งของกับแม่นะคะ เดี๋ยวท่านจะกังวลเปล่า ๆ” ซูเมี่ยวจินรู้ว่าแม่ฉางเป็นคนประหยัดขนาดไหน

“ผมรู้ครับ กลับบ้านครั้งนี้แม่คงบ่นอยู่แล้วล่ะ” ฉางเล่ยอดหัวเราะเบา ๆ ไม่ได้กับนิสัยของแม่ตนเอง

“ไม่รู้ว่าเซียงจูจะชอบจักรยานและนาฬิกาที่ฉันซื้อให้หรือเปล่านะคะ”

“น้องสาวต้องชอบแน่ครับ หลังจากนี้เธอก็ไม่ต้องเหนื่อยเดินเข้าอำเภอทุกวันแล้ว”

ทั้งสองคุยกันถึงคนในครอบครัวระหว่างทาง ซูเมี่ยวจินคอยสอนเรื่องการขับรถให้ฉางเล่ยไปด้วยเช่นกัน ตอนนี้ถนนที่ไปยังอำเภอเจิ้งไห่เหลืออีกไม่ไกลแล้ว ซูเมี่ยวจินจึงคิดจะให้ฉางเล่ยหัดขับจากอำเภอไปยังหมู่บ้านเติ้งด้วยตัวเอง

ซูเมี่ยวจินขับรถมาเรื่อย ๆ จนถึงอำเภอ เธอจอดรถข้างทางและบอกให้ฉางเล่ยมาเปลี่ยนที่นั่งกับเธอทันที

“คุณแน่ใจเหรอว่าจะให้ผมขับ” ฉางเล่ยกล่าวอย่างไม่ค่อยมั่นใจนัก

“แน่ใจสิคะ คุณดูฉันขับมาตลอดทางแล้วนี่นา มันไม่ยากเลย ลองดูค่ะ”

“ก็ได้ครับ ถ้าอย่างนั้นผมจะขับช้า ๆ นะครับ ผมกลัวว่าจะไปชนอะไรเข้า”

“อย่าคิดมากเลยค่ะ ขับไปเถอะ รถคันนี้เป็นของเรา ไม่ว่าคุณจะชนอะไรไปบ้างก็ช่างมันเถอะ แค่เราปลอดภัยก็พอแล้ว” ซูเมี่ยวจินให้ความมั่นใจกับเขา

ฉางเล่ยพยักหน้ารับคำและเริ่มเปลี่ยนเกียร์ตามที่ซูเมี่ยวจินสอน เขาค่อย ๆ ปล่อยคลัชเพื่อให้รถเคลื่อนที่ไปข้างหน้า เมื่อขับไปได้ระยะทางหนึ่งเขาก็เปลี่ยนเกียร์ให้รถขับเร็วขึ้นเล็กน้อย กระทั่งถึงเกียร์สาม เขาก็ไม่กล้าเปลี่ยนเกียร์อีก เพราะถนนไปยังหมู่บ้านยังเป็นถนนดินอยู่ ถนนเส้นนี้มีหลุมบ่อมากมาย ฉางเล่ยจึงระมัดระวังมากเป็นพิเศษ เขาไม่อยากให้สิ่งของในรถเสียหาย

ด้วยการขับรถของฉางเล่ยที่ระมัดระวังจนเกินไป ทำให้พวกเขามาถึงหน้าหมู่บ้านเกือบหนึ่งทุ่มเลยทีเดียว โชคดีที่คนในหมู่บ้านต่างกลับเข้าบ้านตัวเองหมดแล้ว ฉางเล่ยจึงขับตรงไปยังบ้านฉางโดยไม่ต้องกังวลมากนัก เพียงแต่พอเสียงรถดังขึ้นในหมู่บ้าน มีชาวบ้านหลายคนเปิดประตูออกมาดูว่าเป็นรถของใครที่เข้ามาในหมู่บ้าน เพราะรถคันเดียวที่มีอยู่ในหมู่บ้านเป็นเพียงรถไถของผู้นำกองพลเท่านั้น

“นั่นรถบ้านใครกันน่ะ หมู่บ้านเรามีคนรวยขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่” ชาวบ้านคนหนึ่งพูดขึ้นกับคนในครอบครัวที่ออกมาดูเช่นกัน

“อาจจะเป็นรถเช่าก็ได้นะ เห็นบนหลังคานั่นไหมล่ะ มีรถจักรยานอยู่แน่ะ”

เสียงพูดคุยของชาวบ้านดังเซ็งแซ่ แต่พวกเขาไม่กล้าตามไปดูว่ารถคันนั้นจะไปหยุดอยู่บ้านใคร เพราะกลัวว่าหากเป็นรถเช่าแล้ว เจ้าของรถคงไม่อยากให้พวกเขาไปวุ่นวายเป็นแน่ ใคร ๆ ก็รู้กันดีว่าราคารถยนต์ไม่ใช่น้อย ๆ ถ้าเกิดทำของคนอื่นเสียหาย พวกเขาคงไม่มีปัญญาชดใช้

ฉางเล่ยขับไปจอดที่หน้าบ้าน ไฟหน้ารถสว่างไปทั่วบริเวณ ซูเมี่ยวจินรีบลงไปเปิดประตูรั้วออกทั้งสองด้าน เธอปล่อยให้ฉางเล่ยขับเข้าไปจอดในลานบ้านด้วยตัวเอง พ่อแม่ฉางและฉางเซียงจูออกมามุงดูที่หน้าประตูในบ้านอย่างตกตะลึง พวกเขาเห็นซูเมี่ยวจินเปิดประตูรั้วแล้ว และมีรถยนต์ขับเข้ามาที่ลานบ้านของพวกเขา จะไม่ให้พวกเขาตกใจได้ยังไงกัน เกิดมาพวกเขาก็ไม่เคยคิดว่าจะมีรถยนต์มาจอดในบ้านแบบนี้ แถมบนหลังคารถยังมีรถจักรยานอีกสองคันด้วย พ่อแม่ฉางถึงกับอ้าปากค้างอย่างไม่อยากจะเชื่อเมื่อลูกชายลงจากที่นั่งคนขับ

ซูเมี่ยวจินรีบปิดประตูรั้ว เธอเดินไปที่รถฝั่งคนขับแล้วหรี่ไฟหน้าลงเพื่อไม่ให้แสงจ้ามากเกินไป ส่วนฉางเล่ยก็ไปแกะเชือกที่มัดจักรยานบนหลังคาออก เขาบอกพ่อให้ช่วยเอาบันไดมาให้ เพื่อที่จะได้ยกรถจักรยานทั้งสองคันลงมาก่อน ตอนนี้ค่ำมากแล้ว เขาเองก็หิวแล้วด้วยจึงอยากรีบขนของเข้าบ้าน

พ่อฉางพอได้ยินเสียงเรียกของลูกชาย เขาก็ตั้งสติขึ้นมาและเดินเข้าบ้านไปหาบันไดมาให้ลูกชายทันที ส่วนแม่ฉางกับฉางเซียงจูเองก็รีบเดินออกไปหาซูเมี่ยวจินเพื่อสอบถามเรื่องสิ่งของตรงหน้าอย่างกังวลใจ

“เมี่ยวจิน พวกลูกซื้ออะไรมากันเนี่ย แล้วรถยนต์คันนี้เป็นของใคร” หลิวเอ้อหลิงถามรวดเดียวด้วยความกังวล

“แม่คะ รถคันนี้เป็นของบ้านเราค่ะ จักรยานทั้งสองคันก็ด้วย สามล้อคันนั้นหนูซื้อมาให้พ่อกับแม่เอาไว้ใช้ไปไร่ ส่วนอีกคันให้น้องสาวขี่ไปเรียนในอำเภอค่ะ” ซูเมี่ยวจินจับมือของแม่ฉางเอาไว้เพื่อปลอบโยน

“ลูกเอาเงินที่ไหนมากมายไปซื้อรถยนต์คันนี้ ราคาคงไม่ใช่ถูก ๆ ใช่ไหมลูก”

“เงินนี้หนูมีอยู่แล้วค่ะแม่ เพียงแต่ไม่บอกพวกคุณเท่านั้น แม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ ของแต่งงานตามรายการที่แม่ให้ไปก็ซื้อมาครบแล้ว อยู่ในกระบะท้ายรถค่ะ” ซูเมี่ยวจินเบี่ยงเบนความสนใจของแม่ฉางไปยังเรื่องแต่งงานแทน

“พี่สาว จักรยานคันนั้นของหนูจริง ๆ เหรอคะ” ฉางเซียงจูพอรู้ว่าจักรยานสีชมพูคันเล็กน่ารักนั่น พี่สะใภ้ซื้อให้เธอก็ถามอย่างตื่นเต้น

“จริงสิเซียงจู น้องชอบไหม พี่ยังซื้อนาฬิกาเอาไว้ให้น้องหัดทำข้อสอบด้วยนะ เวลาเข้าสอบจะได้ดูเวลาได้ยังไงล่ะ” ซูเมี่ยวจินอดจะพูดถึงสิ่งที่เธอซื้อมาฝากน้องสาวตัวน้อยไม่ได้

“ว้าว! พี่สาวใจดีที่สุดเลย ขอบคุณมากนะคะ หนูจะตั้งใจอ่านหนังสือให้สมกับของที่พี่สาวซื้อให้ค่ะ” ฉางเซียงจูวิ่งไปจับจักรยานที่พี่ชายยกลงมาให้พ่อของเธอจอดไว้อย่างตื่นเต้น

พ่อฉางไม่เคยเห็นลูกสาวดีใจมากขนาดนี้มาก่อน เขาหันมองลูกชายที่ไม่ได้พูดอธิบายอะไรสักคำ เพียงแต่คอยจัดการสิ่งของบนรถออกมาเท่านั้น

“พวกลูกใช้เงินไปเท่าไหร่กัน ฉางเล่ย” พ่อฉางอดจะถามขึ้นมาไม่ได้

“พ่อไม่ต้องรู้หรอกนะครับ เงินพวกนี้เป็นเงินของเมี่ยวจิน เธอเป็นคนตัดสินใจซื้อของพวกนี้มาให้บ้านเราครับ” ฉางเล่ยไม่อยากให้พ่อกับแม่ไปซักไซร้ค่าใช้จ่ายกับภรรยาของเขา

“เฮ้อ! พ่อเข้าใจแล้ว แต่แม่ของลูกคงไม่เข้าใจอะไรง่าย ๆ” ฉางชิงหยูถอนหายใจยาว

“ผมจะบอกแม่เองครับพ่อ พ่อไม่ต้องกังวลนะครับ เงินที่เหลืออยู่ยังสามารถจัดงานแต่งงานของพวกผมได้อยู่ เราช่วยกันขนของเข้าบ้านก่อนดีกว่าครับ ไม่อย่างนั้นพรุ่งนี้พวกชาวบ้านคงมาแอบดูว่าเราซื้ออะไรมาบ้างแน่” ฉางเล่ยบอกพ่อถึงสิ่งที่เขากังวลอยู่ ถ้าชาวบ้านเห็นข้าวของมากมายในรถ ทุกคนคงคิดว่าพวกเขาหาเงินในทางที่ผิดจึงได้ร่ำรวยขึ้นมาภายในวันเดียว

ซูเมี่ยวจินปลีกตัวมาช่วยยกของเข้าบ้าน โดยมีแม่ฉางบอกว่าให้วางไว้ตรงไหนบ้าง ถึงแม้ตอนนี้แม่ฉางจะไม่มีเวลามาสอบถามราคาสิ่งของกับซูเมี่ยวจินก็ตามที แต่ในใจของแม่ฉางยังคงกลัวว่าพวกเขาจะไม่มีเงินจัดงานแต่งงานให้ลูกสะใภ้คนนี้

กว่าทุกคนจะช่วยกันขนของบนรถเสร็จ เวลาก็ผ่านไปจนเกือบสามทุ่มแล้ว พ่อแม่ฉางและฉางเซียงจูซึ่งกินอาหารเย็นไปก่อนหน้านี้ พวกเขานั่งดูฉางเล่ยและซูเมี่ยวจินกินข้าวพร้อมกับความสงสัยต่าง ๆ ในหัววิ่งวุ่นไปหมด

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ซูเมี่ยวจิน   เจ้าสาวสวยมาก

    “โอ้! เจ้าสาวของฉางเล่ยสวยมากจริง ๆ” เสียงลุงใหญ่บ้านฉางที่ตั้งสติได้เป็นคนแรกอดจะชมเสียงดังไม่ได้“ใช่ ๆ เจ้าสามได้ลูกสะใภ้สวยจริง ๆ” พี่ชายหลิวเอ้อหลิงที่เห็นหลานสะใภ้เอ่ยเสริมขึ้นมาเสียงดังเช่นเดียวกัน“พวกลุงอย่าแกล้งภรรยาผมสิครับ ดูสิ เธอทำตัวไม่ถูกแล้ว” ฉางเล่ยยืดอกขึ้นอย่างภูมิใจที่ตัวเองกำลังจะแต่งงานกับคนสวยตรงหน้า เขารู้ดีว่าสีหน้าของซูเมี่ยวจินตอนนี้คงกำลังเขินอายอยู่ ไม่อย่างนั้นแก้มของเธอคงไม่แดงก่ำขึ้นมาจนลามไปถึงคออย่างที่เขากำลังเห็นเป็นแน่“ขอบคุณสำหรับคำชมนะคะคุณลุง” ซูเมี่ยวจินได้ยินฉางเล่ยพูดขึ้น เธอจึงสงบจิตใจตอบกลับผู้อาวุโสอย่างนอบน้อม สายตาคมดุของเธอมองเจ้าบ่าวที่วันนี้หล่อมากในสายตาเธอก็อดที่จะมองเขาสักหลายทีไม่ได้เช่นกันเหล่าผู้อาวุโสเห็นเจ้าบ่าวเจ้าสาวแอบมองกันไปมาก็รีบผลักพวกเขาให้ไปรอต้อนรับแขกที่ลานหน้าบ้าน ฉางเล่ยที่ตั้งตัวได้ก่อนจึงจับมือซูเมี่ยวจินเดินออกไปตามคำสั่งของผู้ใ

  • ซูเมี่ยวจิน   วันแต่งงาน

    หลังกินข้าวเสร็จ ฉางชิงหยูอาสาไปเชิญเพื่อนบ้านที่สนิทกันและยืมโต๊ะเก้าอี้มาไว้ใช้ในงานแต่งงานวันพรุ่งนี้ หลิวเอ้อหลิงบอกให้ฉางเล่ยไปขอซื้อไก่จากเพื่อนบ้านพวกนั้นมาสักหลายตัวเพื่อทำอาหารขึ้นโต๊ะในงานแต่งงาน หลังจากดูแล้วว่ายังขาดเมนูไก่ไปหนึ่งอย่าง สองพ่อลูกจึงออกจากบ้านไปด้วยกันหลิวเอ้อหลิงกับซูเมี่ยวจินจึงช่วยกันตกแต่งบ้านต่อ เหลืออีกเพียงนิดหน่อยก็ตกแต่งเสร็จหมดแล้ว ตอนนี้บ้านฉางเต็มไปด้วยกระดาษและผ้าสีแดงเต็มไปหมด ในห้องนอนของฉางเล่ยเองก็ถูกติดกระดาษเอาไว้เช่นกัน แต่ยังไม่ได้เปลี่ยนผ้าปูเป็นสีแดงมงคล หลิวเอ้อหลิงรอให้ถึงพรุ่งนี้เช้าจึงจะเข้าไปเปลี่ยนให้ลูก ๆ“แม่คะ ฉันติดเสร็จหมดแล้วค่ะ จะให้ทำอะไรต่อคะ” ซูเมี่ยวจินถามขึ้น“ไม่มีอะไรแล้วจ๊ะ เราไปปั้นแป้งเตรียมทำบัวลอยวันพรุ่งนี้กันดีไหม” หลิวเอ้อหลิงนึกถึงขนมบัวลอยที่บ่าวสาวต้องกินในวันแต่งงานขึ้นมาได้ เธอไม่อยากเสียเวลาเตรียมของพรุ่งนี้จึงคิดจะทำเอาไว้ก่อน“ได้ค่ะแม่&r

  • ซูเมี่ยวจิน   ขายเขากวาง

    “เชิญคุณผู้หญิงกับคุณผู้ชายด้านในเลยครับ” เจ้าของร้านผายมือเชิญอย่างนอบน้อม ต่างจากครั้งก่อนที่พวกเขามาขายโสมราวกับหน้ามือเป็นหลังมือ“ขอบคุณครับ/ค่ะ” ฉางเล่ยกับซูเมี่ยวจินเห็นเถ้าแก่ทำแบบนี้เลยไม่อยากเสียมารยาท“พวกคุณนั่งก่อนครับ วันนี้จะมาขายเขากวางในมือนั่นหรือเปล่าครับ” เถ้าแก่ถามด้วยแววตาเป็นประกายระยิบระยับ เพราะเขากำลังจะได้ของดีมาขายอีกแล้ว“ใช่ค่ะ ไม่ทราบว่าคุณรับซื้อยังไงคะเถ้าแก่” ซูเมี่ยวจินถามตรง ๆ เธอไม่เคยขายเขากวางมาก่อนจึงไม่รู้ว่าราคาตลาดเป็นอย่างไร“เขากวางสดขายราคาเป็นขีดครับคุณผู้หญิง เขากวางของคุณใหญ่ขนาดนี้น่าจะได้ราคาสูงมากทีเดียว หลายปีแล้วที่ร้านขายยาไม่มีเขากวางขายครับ” เถ้าแก่บอกตรง ๆ เพื่อที่เขาจะได้รับซื้อเขากวางและนำไปขายทำกำไรต่อเหมือนเคย“ขีดละเท่าไหร่หรือคะเถ้าแก่ ถ้าราคาต่ำไป ฉันจะได้เก็บเอาไว้ก่อน” ซูเมี่ยวจินไม่คิดว่า

  • ซูเมี่ยวจิน   ขายกวาง

    ฉางเล่ยถึงกับทึ่งในฝีมือการใช้หน้าไม้ของซูเมี่ยวจิน แต่เขาไม่มีเวลาสงสัยมากนักเมื่อเธอบอกให้เขารีบเข้าไปกลบเลือดกวางที่ตาย เพื่อป้องกันไม่ให้หมาป่าหรือสัตว์ดุร้ายตัวอื่นตามกลิ่นเลือดมาซูเมี่ยวจินมองหาไม้ใหญ่และเถาวัลย์เพื่อใช้มัดกวาง ดีที่ป่าตรงนี้มีทุกอย่างที่เธอต้องการ ซูเมี่ยวจินใช้เวลาไม่นานก็นำของทั้งหมดไปจัดการมัดกวางเอาไว้“ช่วยฉันแบกมันลงจากเขากันเถอะค่ะ ตอนนี้กี่โมงแล้วคะ” ซูเมี่ยวจินยังคงกลัวว่าจะกลับบ้านค่ำมืดเกินไป“สี่โมงเย็นพอดีครับ” ฉางเล่ยยกไม้ที่มีกวางถูกมัดอยู่ขึ้นพาดไหล่อย่างไม่หนักแรง“เรารีบกลับบ้านกันเถอะ พรุ่งนี้ค่อยเอามันไปขายในอำเภอนะคะ”“ตกลงครับ ว่าแต่พรุ่งนี้เราจะใช้จักรยานหรือรถยนต์ไปในอำเภอดีครับ”“ฉันว่าเอาสามล้อของพ่อไปดีกว่าค่ะ ฉันไม่อยากให้ชาวบ้านเห็นรถยนต์เราเร็วนัก ยังไงวันแต่งงานก็ต้องเอารถออกไปจอดหน้าบ้านอย

  • ซูเมี่ยวจิน   อยากขึ้นเขา

    ทั้งสองกลับมาถึงบ้านก่อนเที่ยงนิดหน่อย หลังจากเก็บเนื้อและผักแช่ไว้ในบ่อน้ำหลังบ้านแล้ว ซูเมี่ยวจินก็ไปอุ่นอาหารรอฉางเล่ยที่กำลังเอาสามล้อไปคืนพ่อที่ไร่ เธอคิดว่าช่วงบ่ายไม่มีอะไรทำ จึงอยากชวนฉางเล่ยขึ้นเขาไปล่าสัตว์ หาสมุนไพรดูสักหน่อย เผื่อว่าจะโชคดีได้เงินอีกสักก้อนฉางเล่ยกลับมากินข้าวพร้อมซูเมี่ยวจินในเวลาไม่นานนัก ระหว่างที่กำลังกินมื้อเที่ยงกันอยู่ ซูเมี่ยวจินก็ชวนฉางเล่ยขึ้นเขา“คุณแน่ใจเหรอว่าจะขึ้นเขาบ่ายนี้” ฉางเล่ยเลิกคิ้วขึ้นอย่างงุนงง“ใช่ค่ะ ยังไงบ่ายนี้พวกเราก็ไม่มีอะไรทำ คุณไม่ได้ไปดูกับดักสัตว์หลายวันแล้ว เผื่อว่าจะได้สัตว์ไปขายในอำเภอพรุ่งนี้สักตัวสองตัวก็ยังดีนะคะ” ซูเมี่ยวจินบอก“ก็ได้ครับ ถ้าอย่างนั้นกินข้าวเสร็จ ผมจะเอากุญแจบ้านไปให้พ่อก่อน คุณรอผมที่บ้านนะครับ ผมไปไม่นาน” ฉางเล่ยพยักหน้าตอบรับ เขาลืมไปเลยว่าวางกับดักสัตว์เอาไว้หลายวันแล้ว เพราะมัวแต่ยุ่งเรื่องงานแต่งงานจึงไม่ได้ขึ้นไปดู

  • ซูเมี่ยวจิน   เตรียมงาน

    ฉางชิงหยูกับหลิวเอ้อหลิงไปถึงบ้านหลิวในเวลาไม่นาน สองเฒ่าชราที่อายุน้อยกว่าพ่อเฒ่าฉางหลายปีออกมาต้อนรับลูกเขยกับลูกสาวด้วยความดีใจ พอรู้ว่าหลานชายกำลังจะแต่งงาน ทั้งสองก็ดีใจมาก“พวกเราจะไปแน่นอนเอ้อหลิง พ่อกับแม่จะให้พี่ใหญ่เธอพาไปเอง ตั้งแต่หลาน ๆ ไปทำงานในอำเภอ พวกเราก็สบายขึ้นมาก จักรยานที่บ้านก็มีถึงสองคัน ไม่ต้องเป็นห่วงนะ พวกเราจะไปกันตั้งแต่เช้ามืดเลย” แม่หลิวรีบบอกพร้อมรอยยิ้มชรา“ใช่ ๆ นานแล้วที่บ้านเราไม่มีงานมงคล” พ่อหลิวเองก็ดีใจไม่น้อยที่หลานชายกำลังจะเป็นฝั่งเป็นฝาเสียที ทั้งที่อายุก็ไม่น้อยแล้ว“ถ้าพ่อแม่ไม่อยากตื่นเช้านัก พวกเราปั่นจักรยานมารับพวกคุณได้นะคะ” หลิวเอ้อหลิงไม่อยากทำให้พ่อแม่ลำบาก เธอจึงหันไปมองสามี“ใช่ครับ ผมปั่นสามล้อมารับดีไหมครับ พ่อกับแม่จะได้นั่งกันสบายหน่อย”“ไฮ้! ไม่เป็นไร ๆ พวกเราชอบนั่งพ่วงหลังจักรยานของเสี่ยวเค่อมากกว่า” พ่อเ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status