[DARLA’S PART]
คนอะไรนิสัยกับหน้าตาสวนทางกันจริงๆ ‘เห้ย ดาหลาเหนื่อยใจมากนะ’
“แต่ถึงอย่างงั้นก็เถอะ...โอ้ย ปวดหมอง!” ฉันพูดออกมาก่อนจะเหม่อมองออกไปที่นอกหน้าต่าง...
ครึ่งชั่วโมงต่อมา...
“เขาไปไหนของเขานะ” ฉันพึมพำออกมาในขณะที่สายตายังคงจับจ้องไปยังนอกหน้าต่าง
“หมายถึงฉัน”
“อุ้ย...ดาตกใจหมดเลยคุณเบลซ” ฉันเอ่ยออกมาก่อนเอามือทาบที่อกของตัวเอง... ‘คนอะไรคิดจะไปก็ไป คิดจะมาก็มาไม่ให้ซุ่มไม่ให้เสียงเลย’...
“...” เขาไม่พูดอะไรเพียงแต่ยื่นถุงกระดาษสองถุงใหญ่ในมือของเขามาให้ฉัน
“0.0...นี่” ยังไม่ทันที่ฉันจะพูดจบ...
“ฉันจะออกไปรอข้างนอก...” ผู้ชายตรงฉันเอ่ยขึ้นอย่างนิ่งๆ ก่อนจะเดินออกไปด้านนอกทันที
แอ๊ดดดดดดดดด!
ปึงงงงงงงงงงงง!
“คุณเบลซไปซื้อผ้าอนามัยให้ฉัน...หรอ”
“โลกจะแตกรึป่าวเนี่ย...”
ฉันบนพึมพำกับตัวเองพร้อมกับมองของในถุงกระดาษที่ฉันถืออยู่ ก่อนจะพบว่าในถุงนี้มีผ้าอนามัยทุกสีทุกขนาดและทุกยี่ห้อที่มีว่างขายตามร้านสะดวกซื้อก็ว่าได้...
“โอ้ย!...หน้าอายชะมัด” ฉันเอ่ยออกมากับตัวเองอีกครั้งก่อนจะไปจัดการตัวเองให้เรียบร้อย แล้วจึงเดินตามเขาออกไปด้านนอก
“คุณเบลซ...”
“ยังปวดท้องอยู่รึป่าว...?”
“นิดนึงคะ...คุณ...” ฉันตอบเขาออกไปอย่างติดขัด ใครกันนะใช่ให้เขามาพูดจาเป็นห่วงเป็นใยฉัน แล้วไหนจะสายตานั้นอีก ใจด้วยน้อยๆ ของดาหลาคนนี้แทบจะระเบิดออกมาเป็นเสี่ยงๆอยู่แล้ว
“...” เขาไม่พูดอะไร แต่เขายื่นถุงน้ำร้องขนาดพอดีมือมาให้ฉัน
“ข…ขอบคุณนะคะ” พูดจบฉันก็ยื่นมือไปรับถุงน้ำร้องจากเขา
ตึก!ตึก!ตึก! เสียงหัวใจดวงน้อยๆของฉันยังคงเต้นแรงไม่หายสักที ‘โอ้ย!...ยิ่งเขาทำแบบนี้ฉันจะตัดใจจากเขาได้ไงล่ะเนี่ย...’
“...”
“...”
“นั่งลงสิ ฉันไม่อยากให้เธอกินยากินมากมันไม่ดี ถ้าครั้งหน้าปวดท้องอีกก็ใช้วิธีนี้ก่อน” คุณเบลซเอ่ยบอกกับฉัน ก่อนที่สายตาของเขาจะมองมายังถุงน้ำร้อนที่อยู่ตรงหน้าท้องฉัน
“ค่ะ”
นี่คงจะเป็นครั้งแรกในรอบ 23 ปี ล่ะมั่งที่คุณเบลซพูดกับฉันยาวขนาดนี้ เพราะตั้งแต่เล็กจนโตเท่าที่ฉันจำความได้นอกจากฉันนั่งมองดูเขาทำการบ้าน อ่านหนังสือ หรือแม้แต่ต่อเลโก้ ฉันก็เป็นคน พูดโน้นพูดนี่ให้เขาฟัง ในขณะที่เขาแทบจะไม่เอ่ยอะไรกับฉัน เป็นฉันคนเดียวที่พยายามมาตลอด
“...”
“คุณเบลซคะ?”
“นั่งพักไปก่อนเธอเบาแล้วเราค่อยกลับกัน...”
“ค่ะ”
“...”
หลังจากที่เราทั้งสองนั่งเงียบกันอยู่สักครู่ คุณเบลซก็หยิบรีโมทโทรทัศน์ขึ้นมาเปิดดูโน้นดูนี่ของเขาไปเรื่อย...
…
[BLAZ’S PART]
ผมนั่งมองยัยตัวเล็กข้างๆ ที่ผล่อยหลับไปได้สักพักใหญ่แล้ว ผมจึงขยับเข้าไปนั่งใกล้ๆ ก่อนจะจับหัวน้อยๆ ของเธอมาซบลงตรงไหล่กว้างของผม
ก่อนที่ผมค่อยๆ ก้มลงมองหน้าเธอ ถึงจะเห็นเพียงแค่เสี่ยวเล็กๆ ของใบหน้าก็พอจะรู้แล้วยัยเด็กนี่หน้ารักไม่เคยเปลี่ยน ตอนเด็กเป็นอย่างไร ตอนโตก็ตามนั้นเลย...ถึงยัยกะโปโลนี่จะไม่มีอะไรภายนอกที่ดูต่างจากคนอื่นหรือดูน่าดึงดูดเลยสักนิดเดียว และเผลอๆอาจจะหนักกว่าใครหลายๆคนเลยด้วยซ้ำ เพราะใบหน้าที่ไม่แต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางใดๆ ยิ่งทำให้เธอดูเด็กกว่าอายุจริง บวกกับผิวที่ไม่ได้บำรุงอะไรมากมายแต่กลับดูสุขภาพดี ยิ่งเรื่องแต่งตัวยิ่งไม่ต้องพูดถึงนอกจากเสื้อยืดกางเกงยีนต์ผมก็ไม่เคยเห็นเธอใส่แบบอื่นเลย
คนอื่นมองว่าผมเป็นคนพูดน้อย มันก็จริงแหละผมแค่อยากพูดกับคนที่ผมอยากพูดด้วยเท่านั้น แต่ก็นะกับบางคนที่อยากจะพูดด้วยใจแทบขาดกลับไม่กว่าแม้แต่จะเอื่อนเอ่ยคำใดออกไป และการที่ผมไม่ชอบพูดมันทำให้ผมกลายเป็นคนช่างสังเกต โดยเฉพาะยัยตัวเล็กที่หลับไม่รู้เรื่องรู้ราวอยู่ข้างผมนี่ ตั้งแต่เล็กเธอมักจะชอบยิ้มให้ผม พูดนั่นนี่ให้ผมฟัง เป็นผมที่ตอบรับรอยยิ้มหวานๆนั้นของเธอด้วยการบึ้งตึงใส่ก็ตาม แต่ยัยนี่ก็ยังคงยิ้มให้ผมเสมอๆ
ผมตกหลุมรักเธอคนนี้ตอนไหน เมื่อไหร่ ไม่รู้ พอรู้ตัวอีกทีก็ถอนตัวเองไม่ขึ้นซะแล้วสิ
และที่สำคัญผมจะไม่ยอมให้ใครหน้าไหนมาแย่งเธอไปจากผมทั้งนั้น รอยยิ้มของดาหลาต้องเป็นของผมคนเดียว... ‘ดาหลาของผม’
…
[DARLA’S PART]
“อืออออ...” ฉันค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาหลังจากที่ฉันเผลอหลับไปตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้...รู้ตัวอีกทีฉันก็นอนซบซบไหล่เขาอยู่‘บ้าน่า...ฝันรึป่าว’
“อ๊ะ!...” ฉันเอามือรองหยิกที่มืออีกข้างของตัวเองก่อนจะสะดุงสุดตัว ฉันไม่ได้สะดุ้งเพราะเจ็บตัวหรอกนะ ก็เพราะมันไม่ได้เจ็บขนาดนั้น แต่ฉันตกใจที่สุดคือฉันนอนซบไหล่กว้างของคุณเบลซเนี่ยเเหละ...
“คะ...คุณเบลซดาขอโทษค่ะ...”
“...”
“ปวดไหล่แย่เลย ทำไมไม่ปลุกดาล่ะคะ” ฉันเอ่ยบอกกับผู้ชายตรงหน้าอย่างสำนึกผิด
“หึ...นวดให้ฉันสิ” เขายกยิ้มก่อนจะเอ่ยประโยคที่ทำให้ฉันอึ้นหนักเข้าไปอีก…
“คะ?” ฉันร้องออกมาด้วยความตกใจหลังจากที่ตัวเองได้สติ ใครจะไปคิดว่าจะได้ยิ้นคำพูดแบบนี้ออกมาจากปากผู้ชายตรงหน้าฉัน
“...”
“มะ มาค่ะเดี๋ยวดานวดให้” ฉันเอ่ยบอกกับเขาไปอย่างงงๆ เพราะการที่เขาเงียบนั่นหมายความว่าหูของฉันได้ยินไม่ผิด...
“...” คุณเบลซไม่ได้พูดอะไรเขาเพียงแค่ขยับเล็กน้อย เพื่อให้ฉันได้นวดให้เขาง่ายขึ้น โดยที่สายตาของเขายังคงจ้องโทรศัพท์อยู่
“เบาปวดท้องรึยัง”
“เบาแล้วค่ะ คุณเบลซดาขอบคุณอีกครั้งนะ และก็ต้องขอโทษด้วยที่ทำให้คุณเดือดร้อน” ฉันพูดไปพร้อมกับทำหน้าสำนึกผิด ฉันยังไม่ทันได้มาอยู่ที่นี่ก็สร้างปัญหาให้เขาซะแล้ว กลัวว่าถ้าได้มาอยู่จริงคงจะสร้างปัญหาให้เขาอีกแน่ๆเลย
“ฉันไม่ได้เดือดร้อนอะไร อย่าคิดไปเอง” เขาพูดออกมาเสียงเรียบก่อนที่จะลุกออกไป...
“...”
“อะนี่”
“คะ?...ขอบคุณค่ะ” คุณเบลซยื่นคีย์การ์ดสี่เหลี่ยม สีเทา ขนาดพอดีมือมาให้ฉัน
“นี่คีย์การ์ดสำหรับสแกนผ่านประตู ส่วนที่ประตูห้องใช้สแกนลายนิ้วมือ”
“ค่ะ”
“มานี่...” หลังจากที่เขาพูดจบก็คว้ามือฉันให้ลุกเดินตามเขาออกไปที่ประตูหน้า
ก่อนที่เขาจะจับมือของฉันขึ้นไปสแกนนิ้ว ณ ตอนนี้ฉันไม่รับรู้ได้เลยว่าเขาทำอะไรกับมือฉันอยู่ สิ่งที่ฉันรู้ในตอนนี้คือหน้าของเราอยู่ใกล้กันมาก ใบหน้าที่ไร้ที่ติอยู่ใกล้ฉันแค่เอื้อม แต่ถึงยังไงฉันก็คงไม่มีวันเอื้อมถึงอยู่ดี
“เธอ...เธอ...ดาหลา”
“คะ ค่ะ”
“เข้าใจที่ฉันพูดไหม”
“เข้าใจค่ะ” ฉันบอกกับเขาออกไปด้วยรอยยิ้ม ทั้งๆ ที่จริงแล้วฉันไม่ทันได้ฟังเขาพูดเลยด้วยซ้ำ
“อ่ะแฮ่ม!!!” “พะ พี่เบลซ” ฉันร้องเรียกเขาด้วยความตกใจ ถึงฉันกับพี่มาร์คัสจะไม่ได้ทำอะไรผิดก็ตาแต่ฉันก็ยังกลัวว่าเขาสองคนจะมีเรื่องกันอย่างวันนั้นอีก “ปล่อยมือออกจากเมียกูได้แล้วมั้ง” พี่เบลซเอ่ยบอกกับร่างสูงอีกคน ก่อนจะเดินเข้ามาจับมือหนาออกจาหัวของฉัน “หึ!” “ดาเข้าไปช่วยแม่กับยายเตรียมอาหารเถอะครับ ตรงนี้แดดมันแรงเกินไป” พี่เบลซเอ่ยบอกกับฉันด้วยรอยยิ้ม “พี่สองคนจะไม่ทะเลอะกันแน่หรอคะ” ฉันเอ่ยถามร่างสูงทั้งสองตรงหน้าออกไปด้วยความกังวล ทุกครั้งที่พวกเขาเจอไม่เคยมีครั้งไหนที่พวกเขาจะคุยกันดีๆได้เลย “ไม่มีอะไรหรอครับ เข้าไปข้างในก่อนนะดา” พี่มาร์คัสเอ่ยบอกกับฉันเสียงเรียบ “แน่นะคะ” ฉันถามทั้งสองคนออกไปอีกครั้ง “ครับ/ครับ” “ก็ได้ค่ะ” ฉันตอบรับทั้งสองอย่างว่าง่ายก่อนจะเดินเข้ามาในตัวบ้าน...[BLAZ’S PART] “รอบนี้ไม่ต่อยกูหรอวะ” ไอ้มาร์คัสเอ่ยถามผมขึ้นด้วยน้ำเสียงกวนๆ “เมียคุมความประพฤติกูอยู่” ผมตอบกลับมันไปเสียงเรียบ “หึ มีอะไรอยากคุยกับกูก็ว่ามา”
ก๊อกๆๆ !!!!“เดี๋ยวแม่ไปเปิดเองลูก” “เชิญค่ะ” แม่ดาราเดินไปเปิดประตูให้กับคนที่มาใหม่ ก่อนที่ท่านจะดูตกใจเล็กน้อย “คุณท่าน คุณผู้หญิง...สวัสดีค่ะ” แม่ฉันร้องออกมาด้วยความตกใจ ก่อนจะยกมือไหว้ทั้งสองที่มาใหม่อย่างอ่อนโยน “ไม่ต้องมากพิธีหรอกดา เราเข้าไปข้างในกันเถอะฉันไม่ได้มาที่นี่ในฐานะเจ้านาย ฉันมาในฐานะยาย ฉันมาขอโทษแทนหลานชายตัวดีของฉันที่ทำผิดไว้กับลูกสาวของเธอ” เสียงคุณท่านเอ่ยถามแม่ของฉันเสียงอ่อน ก่อนที่แม่ของฉันจะเปิดประตูเพื่อตอนรับผู้ที่มาใหม่ทั้งสอง “ใช่ค่ะตามที่คุณแม่ท่านบอก ดาราไม่ใช่คนงานในบ้านเราแล้ว แต่เป็นแม่ของผู้หญิงที่ลูกชายเรารักมากที่สุด” คุณสัณห์แม่ของพี่เบลซพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม “คุณท่าน คุณสัณห์สวัสดีค่ะ” ฉันยกมือไหว้ทั้งสองอย่างนอบน้อม ก่อนจะก้มหน้าให้กับพวกท่านอย่างไม่กล้าสบตา “สวัสดีจ่ะหนูดา แม่ขอโทษแทนลูกแม่ด้วยนะดาหลา” คุณสัณห์หันมาบอกกับกับฉันเสียงอ่อน ก่อนที่ท่านจะลูบหัวฉันอย่างเอ็นดู “ถ้าต่อไปนี้ตาเบลซรังแกหนูอีกบอกยายเลยนะ เดี๋ยวยายจัดการให้เอง” คุณท่านเอ่ยบอกกับด้วยใบหน้า
[BLAZ’S PART]“ดา ดาครับ” ผมเอ่ยเรียกร่างบางที่หมดสติไปในอ้อมกอดของผม ผมอุ้มเธอไว้แนบอกก่อนจะพาเธอออกมาด้านนอก ก่อนที่จะผมวางเธอลงบนเตียงซึ่งห้องนี้อยู่ฝั่งตรงข้ามกับห้องพักฟื้นของตาทอง “คุณหมอเบลซมีอะไรให้ฉันช่วยไหมค่ะ” เสียงพยาบาลเดินตามเข้ามาช่วยผม ก่อนที่เธอจะเอ่ยถามผมขึ้น “ไปตามหมอจากแผนกสูติมาที” ผมเอ่ยบอกกับพยาบาลตรงหน้าเสียงเรียบ “ได้ค่ะ รอสักครู่นะคะคุณหมอเบลซ” หลังจากที่พยาบาลเดินออกไปผมจึงเริ่มตรวจร่างกายเบื้องต้นให้กับร่างบางตรงหน้า เธอหมดสติไปมาจากการที่เธอพักผ่อนไม่เพียงพอ ตั้งแต่เมื่อคืนที่ตาของเธอหมดสติไปจนถึงตอนนี้ก็ปาเข้าไปบ่ายสามของอีกวันเธอยังไม่ได้นอนพักเลย รวมถึงเธอมีความเครียด ความวิตกกังวลสะสมอยู่มากทีเดียวและมีเรื่องหนึ่งที่ยังคงกวนใจผมอยู่ถึงร่างบางตรงหน้าผมจะไม่มีอาการอะไรที่ผิดปกติแสดงออกมาให้ผมเห็น แต่ผมมี...ม๊าเคยเล่าให้ผมฟังอยู่บ่อยๆ ว่าป๊าผมมีอาการแบบเดียวกันนี้ตอนที่ม๊าท้องผม มันทำให้ผมสงสัยว่าร่างบางตรงหน้ากำลังตั้งท้อง และผมเป็นคนแพ้ท้องแทนเธอ“สวัสดีค่ะคุณหมอเบลซ” หญิงสาววัยกลางคนเอ่ยถามผมขึ้นอย่างนอบ
“อ้วกกกกกก…” ผมโก่งคออ้วกออกมาจนแสบคอไปหมด ก่อนจะทรุดนั่งลงกับพื้นห้องน้ำอย่างหมดแรง“คุณเบลซเป็นไงบ้างลูก ไหวไหม” ยายมณีเอ่ยถามผมดังมาจากด้านนอก“ผมไม่เป็นไรครับยาย”“มีอะไรหรอคะยาย” เสียงดาหลาเอ่ยถามยายของด้วยความสงสัย“ก็คุณเบลซนะสิลูกอยู่ดีๆก็อาเจียนออกมา”“อาเจียนหรอคะ” ดาหลาเอ่ยถามยายของเธอกลับไปอีกครั้ง แต่น้ำเสียงของเธอมันเเสดงออกมาอย่างชัดเจนว่าเธอเป็นห่วงผม“ใช่ลูก”“เมื่อกี้เขาก็ยังดีๆอยู่นี่คะ” เสียงดาหลาดังเข้ามาใกล้ขึ้น เหมือนเธอจะเดินเข้ามาหยุดอยู่หน้าห้องน้ำที่ผมอยู่“ก็นั่นสิลูก”แอ๊ดดดด !!!“คุณเบลซ” ยายมณีเอ่ยเรียกผมเสียงอ่อน ก่อนจะเดินเข้ามาผมอย่างเป็นห่วง“ผมไม่ได้เป็นอะไรจริงๆครับยาย” ผมเอ่ยบอกกับหญิงสูงวัยตรงหน้าพร้อมกับรอยยิ้ม ผมเลือกที่จะไม่พูดความจริงกับท่าน เพราะผมคงไม่กล้าบอกหรอกนะว่าผมเหม็นกลิ่นอาหารที่ท่านทำอะ“หน้าคุณซีดมากเลยนะคะ” เธอเอ่ยบอกกับผมเสียงอ่อน“^0^” ผมหันไปยิ้มหวานให้กับเธออีกครั้ง“คุณยิ้มอะไรคะ” เธอเอ่ยถามผมเสียงเรียบอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์กับท่าทางของผมสักเท่าไหร่“หนูเป็นห่วงพี่หรอครับ” ผมยิ้มหวานก่อนจะเอ่ยถามร่างบางตรงหน้าออกไปเสียงอ่อน“ป
“คุณเบลซคะลุกขึ้นเถอะค่ะ” น้าดาราเอ่ยบอกกับฉันเสียงอ่อน ก่อนจะเดินเข้ามาพยุงผมให้ลุกขึ้นยืนอีกครั้ง“น้าดาครับ ตา ยายครับ ผมรักดาหลามาก…”“…”“ผมรักเธอมากจริงๆ”“…”“ในวันนี้ที่ไม่มีเธออยู่หัวใจของผมมันก็แตกสลายไม่เป็นชิ้นดี ผมขอ…” ผมเอ่ยบอกกับทั้งสามคนตรงหน้าเสียงสั่นน้ำตายังคงคออยู่เต็มดวงตา“…”“นะครับน้าดา ผมกลับไปแก้ไขอดีตไม่ได้แล้ว แต่ผมขอทำปัจจุบันที่ยังเหลือใหม่ได้ไหมครับ”“ค่ะ น้าจะให้อภัยคุณ” น้าดาราเอ่ยบอกกับผมเสียงเรียบพร้อมกับจ้องมองมาที่ผมนิ่งๆ“ดา…” เสียงตาทองดุลูกสาวของท่านเสียงดัง“แต่ถ้าคุณเบลซทำให้ลูกสาวของน้าเจ็บปวด ไม่ว่าจะเป็นทางกาย และทางใจอีกเพียงครั้งเดียว คุณเบลซต้องเป็นคนเดินออกไปจากชีวิตของลูกสาวน้า มันจะไม่มีโอกาสเป็นครั้งที่สองสำหรับคุณอีก”“…”“จะรับปากน้าไหมคะ” น้าดาราเอ่ยถามผมเสียงเรียบ“ผมรับปากครับ มันจะไม่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีกเป็นครั้งที่สองแน่นอนครับ” ผมเอ่ยบอกกับหญิงวัยกลางคนตรงหน้าด้วยความหนักแน่น เรื่องที่เคยเกิดขึ้นมันจะไม่มีวันเกิดขึ้นอีกเพียงครั้งเดียวมันก็มากเกินพอเเล้ว วันนี้ผมรู้ซึ้งแล้วว่าถ้าผมไม่มีดาหลาผมไม่สามารถอยู่บนโลกที่กว้างใหญ
[DARLA’S PART]16.30 น.“ยายคะต่อไปดาจะจัดการเรื่องอาหารการกินให้ยายเองนะคะ” ฉันเอ่ยบอกกับยายของตัวเองเสียงอ่อน ทันทีที่รถประจำทางจอดบริเวณหน้าทางเข้าสวนส้ม ฉันกับแม่ดาพายายไปโรงพยาบาลในตัวอำเภอ เพราะท่านบ่นเวียนหัวไม่หายสักทีฉันกลัวว่าจะเป็นหนังถ้าปล่อยไว้นาน เลนพาท่านไปหาหมอให้คุณหมอตรวจดูสักหน่อย“…” ยายมณีมองมาทางฉันด้วยแววตาเศร้าๆ ราวกับเด็กที่กับเด็กที่กำลังโดนบังคับยังไงยังงั้น ฉันส่งยิ้มหวานไปให้ท่านก่อนจะพูดต่อ“ของมันของทอดต้องค่อยๆลดแล้วนะคะ”“จ้าหลานรัก” ยายเอ่ยบอกกับฉันเสียงอ่อน ก่อนที่ท่านจะส่งยิ้มมาให้ฉันอย่างเอ็นดู“งั้นเราเริ่มเลยนะคะ หนูขอยึดกล้วยทอดก่อนเลยค่ะ” ฉันดึงถุงกล้วยทอดออกจากมือของยายเบาๆ“เอ้า…เริ่มเลยเลอะยายหนู” ยายเอ่ยถามฉันออกมาเสียงอ่อน พร้อมกล้วยทอดในมือฉันตาละห้อย ถึงยังไงฉันก็ไม่ใจอ่อนหลอกนะเพื่อสุขภาพที่ดีของฉัน“ป้ายหายไปแล้ว สงสัยพ่อจะได้คนงานใหม่แล้วนะจ๊ะแม่” แม่ของฉันพูดขึ้นพร้อมกับมองไปยังรั้วตรงหน้าที่ปกติมันมีป้ายประกาศติดอยู่ ซึ่งฉันเป็นคนเอามาติดเองกับมือก่อนจะออกไปโรงพยาบาล“ดีแล้วลูกตาแก่จะได้มีลูกมือ กลางคืนก็จะได้มีคนช่วยเดินเวรด้วย”“ท