บิดานั้นยิงมารดาของเธอก่อนที่ท่านจะจ่อยิงตนเองจนเสียชีวิตแต่มารดาของเธอยังมีลมหายใจอยู่ ท่านถูกนำส่งโรงพยาบาลและพยายามยื้อลมหายใจสุดท้ายเพื่อจะได้พบเธอพร้อมทั้งได้สั่งเสียบางอย่าง มารดาฝากฝังเธอไว้กับครอบครัวของนาวี ซึ่งคุณ ป้าเคียร่า มารดาของนาวีนั้นมีศักดิ์เป็นป้าสะใภ้ของเธอเพราะ ลุงบดินทร์ บิดาของนาวีนั้นเป็นเครือญาติทางฝ่ายบิดาของเธอนั่นเอง ซึ่งท่านทั้งสองสนิทสนมกันมาก ก่อนที่มารดาจะสิ้นใจนางได้สั่งเสียให้นาวีดูแลเธอเหมือนน้องสาวคนหนึ่ง ซึ่งในวันนั้นบุษกรก็ได้ยินเขารับปากหนักแน่นว่าจะทำตามที่มารดาร้องขอ ซึ่งป้าเคียร่าเองก็รับปากว่าจะดูแลเธออย่างดีเพราะท่านรักและเอ็นดูเธออยู่มากเพราะนางไม่มีลูกสาว มารดาของเธอจึงจากไปอย่างสงบท่ามกลางความเสียใจของทุกคน...
หลังจากที่บิดามารดาเสียชีวิตลงครอบครัวของนาวีได้จัดการงานศพและเคลียร์ปัญหาทุกอย่างของครอบครัวเธออย่างรวดเร็ว และเรียบร้อยโดยที่บุษกรได้แต่มองอย่างไม่รู้จะทำอะไรได้มากกว่านั้น อีกทั้งยังตกอยู่ในความเศร้าโศกเสียใจ ตลอดเวลาที่บำเพ็ญกุศลศพของบิดามารดาเธอก็เอาแต่ร้องไห้จนไม่เป็นอันทำอะไร และเมื่อทุกอย่างเข้าที่เข้าทางจึงได้รู้ว่าตนไม่เหลืออะไรเลยแม้แต่บ้านที่จะซุกหัวนอน
ทุกอย่างถูกขายทอดตลาดเพื่อใช้หนี้ และเธอจำต้องมาอาศัยอยู่กับครอบครัวนาวีในฐานะหลานสาวของคุณบดินทร์กับคุณเคียร่าแต่เนื่องจากบุษกรไม่อยากเป็นขี้ปากของใคร แล้วยังมีเหตุผลส่วนตัวที่เธอไม่อาจจะปริปากบอกใครได้ เธอจึงขออนุญาตอยู่เรือนเล็กซึ่งเป็นบ้านพักของ ป้าพริ้ง แม่บ้านเก่าแก่ซึ่งอยู่กับลูกจ้างสาวอีกสองคน แม้คุณเคียร่าจะไม่เห็นด้วย แต่เมื่อได้ฟังเหตุผลและท่าทางเย็นชาไม่ชอบหน้าเธอของบุตรชายตนแล้วป้าเคียร่าจึงอนุญาต แต่ก็ให้ขึ้นมารับประทานอาหารและมาอยู่เป็นเพื่อนนางทุกวันแล้วค่อยกลับเรือนเล็ก
ก๊อกๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นพร้อมทั้งเสียงเรียกอยู่หน้าห้องทำให้บุษกรรีบเช็ดน้ำตาจากแก้มแล้วเดินไปเปิดประตูก็เห็น พี่ส้ม ยืนยิ้มแฉ่งอยู่หน้าห้องก่อนจะเปลี่ยนเป็นตกใจเมื่อเห็นใบหน้าและตาแดงก่ำของเจ้าของห้อง
“อุ๊ย คุณหนูบูมของพี่ส้มเป็นอะไรไปคะเนี่ย... ใครรังแกบอกพี่ส้มมาเลยค่ะ พี่ส้มจะไปจัดการมันเอง”
พี่ส้มสาวใหญ่วัยสี่สิบที่หวงแหนชีวิตโสดของตนมากกว่าสิ่งใดพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังทำท่าขึงขังอีกด้วย
“ไม่มีหรอกค่ะ น้องบูมแค่คิดถึงคุณพ่อคุณแม่เท่านั้นเอง”
“โถๆ คุณหนูของพี่ส้ม ไม่เป็นไรนะคะคุณพ่อคุณแม่ท่านไปสบายแล้ว ตอนนี้คุณหนูมีพี่ส้มที่พร้อมจะดูแลคุณหนูนะคะ อย่าเศร้าไปเลยค่ะ”
พี่ส้มโอบกอดร่างเล็กๆ ของเธอไว้แน่นทั้งลูบหลังลูบไหล่ด้วยความรักและเวทนา
“ขอบคุณนะคะ พี่ส้มกับป้าพริ้งดีกับน้องบูมมาตลอดเลย จนน้องบูมเกรงใจพี่ส้มกับป้าพริ้งเหลือเกิน”
“คุณหนูอย่าคิดมากสิคะ คุณหนูเป็นลูกสาวของคุณบารมีซึ่งท่านก็มีบุญคุณกับพวกเรามาตลอด หากไม่ได้คุณพ่อของคุณหนูที่ช่วยเหลือ พี่ส้มกับป้าพริ้ง ก็คงไม่มีชีวิตที่ดีและสุขสบายเหมือนทุกวันนี้หรอกค่ะ พี่ส้มรักคุณหนูนะคะ” พี่ส้มลูบแก้มนวลที่เปรอะเปื้อนด้วยคราบน้ำตานั้นแผ่วเบา
“น้องบูมก็รักพี่ส้มค่ะ” บุษกรยิ้มบางๆ ให้พี่ส้มอย่างขอบคุณ
คุณพ่อของเธอเคยเล่าเรื่องของพี่ส้มให้ฟังว่าขณะที่กำลังขับรถกลับบ้านระหว่างทางบิดาของเธอเจอกับทั้งสองป้าหลานนี้กำลังวิ่งหนีอะไรสักอย่างอยู่ข้างถนน โดยมีชายฉกรรจ์ห้าคนวิ่งติดตามมาแล้วเข้าไปฉุดกระชากพี่ส้มเข้าไปพงหญ้าข้างทางที่เปลี่ยวสงัด และพยายามจะฉุดพี่ส้มไปขืนใจเพื่อชดใช้หนี้สิน ที่ป้าพริ้งผู้ซึ่งเลี้ยงดูพี่ส้มมาตั้งแต่เล็กๆ หยิบยืมมาใช้จ่ายช่วงที่ยากลำบาก บิดาของเธอเข้าไปช่วยเหลือโดยไม่ลังเลและพาสองป้าหลานออกมาจากที่นั่นอย่างปลอดภัย
มารสังคมพวกนั้นก็ถูกจับดำเนินคดีตามกฎหมายเพราะทำชั่วกับคนอื่นมามากมาย บิดาของเธอพาทั้งสองป้าหลานมาหาป้าเคียร่าและฝากฝังให้ทำงานด้วยก่อนจะเดินทางไปดูงานที่ต่างประเทศพร้อมเธอกับมารดา ตอนนั้นเธอยังเป็นเพียงเด็กหญิงตัวเล็กๆ และทุกครั้งที่มาบ้านป้าเคียร่าทั้งป้าพริ้งและพี่ส้มก็จะดูแลเธออย่างดี เอาอกเอาใจราวเจ้าหญิงเลยทีเดียว ซึ่งเธอก็ชอบมากตามประสาเด็ก จนเมื่อเรียนจบประดับไฮสคูลบิดามารดาก็กลับมาอยู่ที่เมืองไทยจนกระทั่งเกิดเรื่องน่าเศร้าในครอบครัวของเธอ...
“คุณหนูไปล้างหน้าล้างตาเถอะค่ะ คุณป้าเคียร่าเรียกหาแน่ะ”
“ค่ะ” ว่าแล้วสาวน้อยก็รีบเข้าห้องน้ำล้างหน้าล้างตาอย่างรวดเร็วก่อนจะเดินอย่างเร่งรีบไปยังเรือนใหญ่
เมื่อเท้าเรียวเหยียบย่างเข้ามาในห้องรับประทานอาหารอันโอ่โถงใจดวงน้อยก็เต้นระรัวเมื่อเห็นสายตาวาววับของคนตัวโตที่มองมายังตนนั้นเหมือนว่าโกรธกันมาสักร้อยชาติพันชาติ
“อ้าวหนูบูมมานั่งข้างๆ ป้านี่เร็ว วันนี้ไม่สบายรึเปล่าลูกทำไมขึ้นมาช้าล่ะ”
คุณป้าเคียร่าถามด้วยน้ำเสียงอาทรพลางลูบหลังลูบไหล่สาวน้อยตัวบางที่นั่งลงข้างๆ ด้วยความอ่อนน้อม บุษกรยิ้มบางๆ ให้นางแล้วอ้อมแอ้มตอบ
“น้องบูมเผลอหลับไปน่ะค่ะคุณป้า น้องบูมขอโทษนะคะที่ให้รอ”
“ผมว่าต่อไปนี้เราก็ทานเฉพาะพวกเราก็พอมั้งครับคุณแม่ คนที่ไม่มีความรับผิดชอบไม่ตรงเวลาปล่อยให้ผู้ใหญ่รอแบบนี้ไม่ควรจะมาร่วมโต๊ะกับเรานะครับ”
“วี ทำไมพูดแบบนี้กับน้องล่ะ เรานี่ใช้ไม่ได้เลยนะ”
คุณบดินทร์ดุลูกชายคนเก่งอย่างไม่ชอบใจ ยิ่งเห็นหน้านวลซีดลงทันตาของหลานสาวผู้น่าสงสารแล้วคุณบดินทร์ยิ่งอยากจะตบกบาลลูกชายนัก
“คุณพ่อคุณแม่ก็เอาใจเธอเกินไป จนจะเสียคน” นาวีหน้าตึงเมื่อถูกบิดาตำหนิตรงๆ
“เอาล่ะๆ ทานข้าวกันได้แล้ว น้องบูมจ๊ะนี่ต้มข่าไก่ใส่เห็ดนางฟ้าเยอะๆ ของโปรดหนูจ้ะป้าพริ้งนี่ทำสุดฝีมือเพื่อน้องบูมเลยนะ”
“ขอบคุณค่ะคุณป้า”
บุษกรยิ้มน่ารักให้ผู้สูงวัยเมื่อคุณป้าเคียร่าตักกับข้าวที่เธอโปรดปรานใส่จานให้อย่างเอาใจ สาวน้อยก้มหน้ารับประทานอาหารของตนไปอย่างกล้ำกลืน รู้สึกได้ถึงรังสีอำมหิตจากคนที่นั่งตรงข้าม น้ำร้อนๆ เอ่อคลอดวงตาด้วยความน้อยใจ เธอพยายามฝืนมันไว้ไม่ให้มันไหลออกมาประจานความอ่อนแอของตนไม่เช่นนั้นเธอก็คงถูกนาวีต่อว่าต่างๆ นานาอีกแน่นอน
ตอนที่54.อวสานสามคนพ่อแม่ลูกกลับมาถึงบ้านคุณปู่คุณย่าก็ออกมารับหลานรักไปอาบน้ำอาบท่า น้องนาวาก็เล่าเรื่องราวที่ตนได้ไปพบเจอให้คุณปู่คุณย่าฟังอย่างตื่นเต้นด้วยคำพูดที่ชัดบ้างไม่ชัดบ้างแต่ก็ทำให้คนฟังยิ้มด้วยความสุขเมื่อพ่อหนูน้อยเล่าขาน คุณปู่ก็คอยเสริมคำพูดที่ไม่ชัดให้กับหลานชาย“นาวาให้อาหางปาด้วยล่ะ ปาตัวหย้ายหย่าย”“อาหาร ครับเด็กดีไม่ใช่ อาหาง”“อาหาร” เด็กชายพูดตามคุณปู่แล้วยิ้มแป้นเมื่อคุณปู่ยกนิ้วโป้งขึ้นชื่นชมว่าเยี่ยมมาก “ย่าว่าเราไปอาบน้ำกันดีกว่า แล้วลงมาทานข้าว”“ดีคับ เดี๋ยวนาวาหอมแก้มคุงแม่บูมก่อง...”เด็กชายบอกแล้ววิ่งมาหามารดาซึ่งก็เอียงแก้มไว้รอท่า พอหอมแก้มคุณแม่แล้วก็ไม่ละเลยที่จะหอมแก้มคุณพ่อด้วย“แก้มคุงพ่อไม่หอมเลย”น้องนาวาทำทีเบะปากคุณพ่อจึงแกล้งกอดรัดร่างกลมๆ นั้นแล้วหอมแก้มใสของลูกชายแรงๆ น้องนาวาหัวเราะชอบใจก่อนจะดิ้นรนออกจากวงแขนคุณพ่อวิ่งไปหาคุณปู่คุณย่า“เจ้าตัวร้าย..” นาวีมองตามหลังลูกชายที่เดินร้องเพลงเจื้อยแจ้วไปกับคุณปู่คุณย่า“ความร้ายกาจคงได้มาจากคุณพ่อเต็มๆ ค่ะ” บุษกรย้อนสามียิ้มๆ“ก็ถ้าไม่ร้ายกาจ จะมีเมียสวยๆ ลูกน่ารักๆ เหรอครับ”“ค่า ร้ายกาจจน
ตอนที่53.“อื้ม พี่วี อย่าซนสิคะ พอแล้ว...” เสียงหวานห้ามปรามกระเส่าแผ่วพร่าเมื่อมือร้อนผ่าวของสามีไม่อยู่สุข“ก็พี่ยังไม่อิ่มนี่นา บูมสนใจแต่น้องนาวาไม่สนใจพี่นาวีเลย”ปากว่าแต่มือไม่หยุดยุ่มย่ามกับนวลเนื้อนุ่มมือของภรรยาที่นับวันยิ่งสวยผุดผาดบาดตาบาดใจจนเขาอดใจไม่ไหวทุกครั้งที่อยู่ใกล้เธอ ตอนนี้น้องนาวีครบหนึ่งขวบแล้ว และวันนี้คุณปู่คุณย่าพาน้องนาวาไปซื้อของขวัญวันเกิดแบบพิเศษหลังจากที่ทำบุญเลี้ยงพระที่บ้านแล้วและเดินทางไปทำบุญเลี้ยงอาหาร พร้อมทั้งแจกทุนการศึกษาให้เด็กกำพร้า เพื่อเป็นสิริมงคลให้กับชีวิต และเหมือนว่าคุณปู่คุณย่าจะวางแผนไว้ดี ตกค่ำก็หลอกล่อพาหลานชายไปนอนด้วยเพื่อเปิดโอกาสให้พวกเขาได้อยู่ด้วยกันสองต่อสอง ซึ่งนาวีอยากใช้เวลานี้ให้คุ้มค่าที่สุด“พี่วีน่ะมักมาก ต่อให้บูมสนใจพี่วีแค่ไหนก็ไม่พอหรอกค่ะ”หญิงสาวหันมามองสามีตาเขียวแล้วก็หน้าแดงก่ำเมื่อตัวตนของเขาที่ยังอยู่ในร่างสาวเหยียดขยายขึ้นมาอีกรอบพร้อมทั้ง
ตอนที่52.บุษกรรู้สึกสงสารชะตากรรมของธัญญาลักษณ์จนน้ำตาซึมกับเรื่องราวอันน่าหดหู่นั้น“ทีนี้น้องบูมเข้าใจแล้วใช่ไหมครับว่าทำไมพี่ยังคบหากับแคทอยู่ แต่เธอก็คงจะอยู่กับเราได้ไม่นาน อาการของเธอแย่ลงทุกวัน”“ค่ะ บูมขอโทษที่คิดมากเรื่องนี้”“พี่ต่างหากที่ต้องขอโทษที่ไม่ได้บอกน้องบูม ก็เพราะคิดว่ามันเป็นเรื่องที่ไม่น่าฟังนัก แต่พี่ลืมไปว่า เรื่องนี้อาจจะทำให้เมียพี่เข้าใจผิดและมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ”“บูมยอมรับค่ะว่าหึงพี่วีกับพี่แคท...”บุษกรสารภาพเสียงอ่อย ก่อนจะเงยหน้ามองเขาตาโตที่ตนเผลอพูดออกไปแต่ทำให้คนฟังหัวใจพองโตรู้ได้ทันทีว่าเธอเองก็รู้สึกเช่นเดียวกันกับเขา“พี่รักบูม / บูมรักพี่วี...”หนุ่มสาวพูดออกมาพร้อมกันโดยไม่ตั้งใจและไม่ได้ตั้งตัวเช่นกัน“เอ่อ... พี่วีแย่งบูมพูดทำไมคะ คนเขาอุตส่าห์ว่าจะพูดก่อน” เธอทุบอกกว้างของเขาเขินๆ ในขณะที่นาวียิ้มกว้างด้วยความอิ่มเอมใจ
ตอนที่51บุษกรย่องออกมาจากห้องน้ำหลังจากที่ขลุกอยู่ในนั้นเกือบครึ่งชั่วโมงเพื่อทำใจ ร่างที่กลับมาบอบบางดังเดิมแต่ก็อวบอิ่มขึ้นในส่วนที่ควร หลบให้ร่างสูงที่เดินสวนเข้าไปในห้องน้ำด้วยใจเต้นไม่เป็นจังหวะ“สู้ๆ นะบูม เราต้องทำได้...”หญิงสาวบอกตนเองขณะเดินไปนั่งอ่านหนังสือรอสามีทำธุระส่วนตัว สิบนาทีผ่านไปนาวีก็ออกมาจากห้องน้ำร่างแกร่งที่กลับมาแข็งแรงทรงเสน่ห์ดังเดิมสวมเพียงกางเกงผ้าฝ้ายขายาวตัวเดียวเท่านั้น ทำให้บุษกรเมินหน้าหนีด้วยใจที่เต้นแรง ไอ้ที่คิดๆ ไว้ว่าจะพูดกับเขาเริ่มตีกันสับสนวุ่นวายอยู่ในหัว“น้องบูมอ่านอะไรอยู่เหรอครับ”ร่างสูงเดินมาหาคนที่ก้มหน้างุดอยู่กับหนังสือในมือ ท่าทางตื่นๆ ของเธอทำให้ชายหนุ่มยิ้มอย่างเอ็นดู บุษกรก็ยังคงเป็นสาวขี้อายตื่นกลัวเขาอยู่เสมอ แต่ยามที่เจ้าหล่อนดื้อรั้นเย็นชาก็ทำให้เขาเกรงๆ เธออยู่ไม่น้อย“บูมกำลังจะไปนอนแล้วค่ะ”หญิงสาวรีบวางหนังสือแล้วลุกขึ้นคิดว่าจะหลบไปตั้งหลักก่อน เพราะตอนนี้หัวใจเธอเต้นแรงเหลือเกิน แต่
ตอนที่50.“ว้าว ลูกชายพ่อแต่งตัวหล่อจัง หล่อเหมือนพ่อเลย”บุษกรค้อนคุณพ่อสุดหล่ออย่างหมั่นไส้แล้วหน้าแดงกับแผงอกเปล่าเปลือยของเขา ที่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปแค่ไหน นาวีก็ยังทำให้ใจสาวหวั่นไหวได้ไม่เสื่อมคลาย ยิ่งเห็นเขาในสภาพที่ล่อแหลมเซ็กซี่ขยี้ใจแบบนี้เลือดในกายสาวก็ร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างน่าละอาย“ทำไมพี่วีไม่แต่งตัวเสียทีล่ะคะ”“อะไรนะ...” นาวีมัวแต่ยิ้มให้ลูกชายไม่ทันฟังที่เธอพูดและคิดว่าตนเองหูแว่วเมื่อได้ยินสรรพนามที่สนิทสนมของเธอ แต่หญิงสาวก็ลุกขึ้นอุ้มลูกออกไปเสียก่อน เขาจึงรีบแต่งตัวตามออกไปสามพ่อลูกเดินลงมาหาคุณปู่คุณย่าที่รอรับหลานรักไปเดินเล่น บุษกรยื่นร่างอวบของลูกชายให้ผู้เป็นย่าซึ่งยื่นแขนมารอรับเจ้าตัวเล็กก็รู้อ้อนรีบยื่นแขนอวบๆ ไปหาผู้เป็นย่าแล้วหอมแก้มเหี่ยวย่นด้วยไร้เดียงสาเพราะเด็กชายจำได้ดีเมื่อคุณย่า คุณปู่อุ้มจะต้องหอมแก้มตนดังนั้นน้องนาวาจึงเรียนรู้ที่จะทำตามซึ่งมันทำให้คุณปู่คุณย่าทั้งรักทั้งหลงหลานตัวน้อย“หนูบูมกับวีไปทานข้าวกันเถอะลูก
ตอนที่ 49.“ก็แล้วทำไมไม่พูดไม่บอกความจริงในใจให้น้องรับรู้ล่ะ มานั่งถอนหายใจทิ้งมันมีประโยชน์อะไร”“คุณพ่อรู้ได้ยังไงครับว่าผมกำลังคิดอะไรอยู่”“ก็สิ่งที่ลูกเป็น คือสิ่งที่พ่อเคยผ่านมาก่อนไงล่ะ” คุณบดินทร์วางหนังสือพิมพ์ลงแล้วมองหน้าลูกชายจริงจัง“ฟังพ่อนะวี ตอนนี้ลูกทั้งสองคนเหมือนคนป่วย ป่วยทางจิตใจ ใจที่ขาดความรักก็เหมือนใจที่ตายแล้ว อะไรที่ตายแล้วก็ไร้ประโยชน์...”“แต่ผม... เธอคงเกลียดผม”นาวีไม่รู้จะพูดอะไรดี เพราะในใจของเขานั้นมันตื้อตันและสับสนไปเสียทุกอย่าง“นาวี ตอนนี้ลูกมีครอบครัวที่เกือบจะสมบูรณ์แล้วนะ มีเมียและลูกที่น่ารัก ตาหนูเป็นดังแก้วตาดวงใจของเราทุกคน ตาหนูคงไม่ต้องการเติบโตมาท่ามกลางความหวาดระแวงแคลงใจของพ่อแม่หรอกนะ”“ผม...”“วีควรบอกน้อง ในทุกสิ่งทุกอย่างที่ตัวเองรู้สึก พ่อบอกได้เพียงเท่านี้” คุณบดินทร์ตบบ่าลูกชายหัวแก้วหัวแหวนเบ