“อืม ใช่ครับ เรียกได้ว่าเป็นซากุระสุดท้ายที่บานให้เชยชมก่อนที่จะร่วงหมดทั้งประเทศ เหมือนกับ...”
เขาหยุดคำพูดแค่นั้น แล้วกระดกเครื่องดื่มในแก้วจนหมด ดูเหมือนมีม่านบางอย่างเกิดขึ้นในแววตาคมกริบคู่นั้น
คิ้วเรียวงามของหญิงสาวขมวดเข้าหากันเมื่อเขาหยุดพูดไปเฉย ๆ หล่อนจึงชวนคุยต่อ เพื่อดำเนินการไปตามแผนที่วางเอาไว้
“ฉันฝันเอาไว้ว่าสักวันหนึ่งจะไปเที่ยวญี่ปุ่น อยากเห็นซากุระสักครั้งหนึ่งในชีวิต แต่พอกลับมาทำงานที่บ้านเกิด ก็เหมือนว่าชีวิตจะยุ่งทุกวัน ฮ่า ๆ”
“ชอบซากุระ?”
คำถามสั้นเช่นเคย แต่คนฟังกลับรู้สึกยินดีที่เขายังโต้ตอบบ้าง
“ค่ะ ซากุระ ซูชิ ออนเซ็น ชอบทุก ๆ อย่างที่เป็นญี่ปุ่น ถ้าวันไหนไปญี่ปุ่น จะขอนอนแช่ออนเซ็นดูฟูจิให้หนำใจไปเลย !”
ชายหนุ่มมองแววตาเพ้อฝันของคนเล่า ยิ้มลึก
“แล้วอาจารย์ล่ะคะ?”
“ครับ”
หญิงสาวเลิกคิ้วสูง คำว่า “ครับ” คือ ชอบหรือไม่ชอบ
ราวกับว่าเขาพยายามรักษาระยะห่างไม่ให้ใครคนใดคนหนึ่งก้าวล่วงเข้ามาในชีวิตส่วนตัวของเขามากเกินไป
ความเจ็บแปลบ แล่นสู่หัวใจดวงน้อย นิญาดาต้องเตือนตัวเองอีกครั้ง เขาคือเครื่องมือในการแก้แค้นเท่านั้น! เรื่องส่วนตัวของเขาเราไม่จำเป็นต้องรู้ !
สาวสวยยกไวน์ขึ้นดื่มรวดเดียวหมดแก้ว แล้วแสร้งหลับตา ยกมือนวดขมับเบา ๆ คล้ายคนมึน ๆ เมา ๆ แล้วแอบขยิบตาให้น้องชายผู้ร่วมแผนการ ส่งสัญญาณให้เริ่มแผนการขั้นต่อไป
“สงสัยจะเมาแล้วค่ะ ต้องขอตัวก่อนนะคะ
นิญาดาลุกขึ้นเดินได้สองก้าว ร่างบางก็โงนเงน ภีมถลาเข้าประคองตามบทที่วางเอาไว้
“อุ้ย! คุณพี่! น้องบอกแล้วใช่ไหมไม่ให้ดื่มเยอะ”
“คิ คิ ม่าย เมา”
หญิงสาวหัวเราะคิกคัก พยายามเดินให้ตรงโดยมีน้องชายประคองไปตามทาง
เมื่อพ้นระยะสายตาของกลุ่มคน ระหว่างทางกลับห้องพัก คนแกล้งเมากระซิบคนประคอง
“คุณน้องเขาตามมายัง”
เขา อาจารย์เตชิน สุดที่รักของหัวหน้า!!
ภีมชำเลืองมองด้านหลัง เห็นเงาผู้ชายสองคน เคลื่อนไหวด้านหลังคาดว่าต้องเป็นเป้าหมาย
“มาแล้วคุณพี่ พร้อมนะจ๊ะ”
สิ้นเสียงพูดของน้องชาย นิญาดาเอนตัวมากขึ้นจนคนประคองแทบจะทรุดลงพื้น
“คุณพี่ ยืนตรง ๆ สิคะ”
คนประคองเริ่มโวยวายเสียงดังลั่น สักพักเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น
กริ๊ง กริ๊ง กริ๊ง
“ว่าไงเจ๊! พูดให้มันรู้เรื่องหน่อยสิเจ๊! เออ ๆ เดี๋ยว ๆ เดี๋ยวกลับไปรับ”
ภีมจงใจพูดโทรศัพท์ให้ดังกว่าปกติ และเมื่อหางตาเหลือบเห็นสองหนุ่มที่ใกล้เข้ามาจวนเจียนจะถึงที่พวกเขายืนอยู่ เขาจึงรีบแสดงละครฉากตอไปทันที
“ตายแล้ว! คนนึงก็เดินเองไม่ได้ ส่วนอีกคนก็ฟุบที่โต๊ะ โอ๊ย! ชะนีทั้งหลาย ลำบากสาวสวยอย่างฉัน จริง ๆ เลย”
ภีมเพิ่มระดับความดังของเสียงขึ้นไปอีก
“มีอะไรให้ช่วยไหมครับคุณภีม”
เสียงสวรรค์ของ ดร. พงษ์ ดังขึ้น
“อุ้ย! ขอบคุณที่สุดค่ะ คือ พี่เกดเมาฟุบที่โต๊ะหนูต้องไปเก็บพี่เกด แต่พี่นิก็เมาจนเดินกลับห้องเองไม่ได้ หนูเป็นผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนเดียว ตอนนี้ไม่รู้จะไปซ้ายหรือไปขวาดีแล้วค่ะ ช่วยทีเถอะค่ะ”
ภีมส่งสายตาเว้าวอนเรียกร้องขอความช่วยเหลือจาก ดร. พงษ์ ที่ดูจะเป็นมิตรมากกว่าอีกคนที่ยังเฉย อาจารย์เตชินยืนนิ่ง นิ่งจนน่ากลัว กลัวว่าเขาจะจับได้
“งั้นเดี๋ยวผมพาคุณนิไปส่งที่ห้องแล้วกันนะครับ”
ดร. พงษ์ เสนอทางออก
“โอ๊ย! ไม่ได้ค่ะ พี่นิน่ะตัวนิดเดียว แต่พี่เกดน่ะตัวเบ้อเริ่มเลย อาจารย์พงษ์มาช่วยภีมลากเจ๊เกดดีกว่าค่ะ ส่วนพี่นิ รบกวนฝากให้อาจารย์เตชิน ไปส่งที่ห้องด้วยนะคะ เพราะห้องพี่นิอยู่ติดกับห้องอาจารย์ ค่ะ”
คนแสดงละครไม่เปิดโอกาสให้คุณชายน้ำแข็งปฏิเสธ ผลักร่างบางของนิญาดาเอนซบไหล่กว้างของคนยืนนิ่งทันทีแล้วฉุดมืออีกคนให้เดินกลับไปลานเลี้ยงรับรองร่างบาง โซเซออกห่างคนตัวโต
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉะ ฉันเดินไหว”
นิญาดาตั้งใจแกล้งให้เหมือนคนเมาอย่างไร้สติที่สุด ทางเดินที่ทอดสู่อาคารพัก ปูด้วยหินภูเขาที่ถูกวางไว้เพียงหยาบ ๆ เท้าที่แกล้งเดินโงนเงนกลับสะดุดหินจริง ๆ
ว้ายยยยย !
คนสะดุดหิน คะมำไปข้างหน้า ดีที่มือใหญ่คว้าไว้ได้ทัน ร่างบางจึงปะทะอกกว้าง แทนก้อนหินเบื้องล่าง
ตาคมกริบ วาวโรจน์ ในเงามืด ร่างบางในอ้อมแขนแกร่งสั่นน้อย ๆ หัวใจหญิงสาวหล่นวูบลงไปที่ตาตุ่ม ดวงหน้าละมุน หลบสายตาคมกริบ มือเล็กดันอกแกร่งให้ห่างออก
“ปล่อยค่ะ เดินเองได้”
หญิงสาวเผลอขึ้นเสียง ลืมสนิทว่าตนเองต้องแกล้งเมา อาจารย์หนุ่ม มองคนออกคำสั่งให้ปล่อย เขายิ้มเย็นก่อนจะตวัดมือหนาช้อนร่างบางให้ลอยขึ้นจากพื้น
อ๊ายยยยยย !
คนถูกช้อนให้ลอยขึ้นจากพื้นคว้าคอคนอุ้มยึดไว้ไม่ให้ตก หน้าน้อย ๆ ซบอกแกร่งจนได้กลิ่นอายของบุรุษ หล่อนใจเต้นตึกตัก ใบหน้าร้อนผ่าว
ยิ่งเขาไม่พูดหล่อนก็ยิ่งกลัว หัวใจเริ่มเต้นถี่ขึ้น กลัวจนไม่กล้าสบตาคม ๆ นั่นเพราะคนที่หล่อนเล่นด้วยคนนี้ไม่ใช่หมูอย่างที่คิด แต่เป็นราชสีห์ หล่อนควรจะแกล้งเมาแล้วดำเนินไปตามแผนหรือจะยอมแพ้
กว่าจะรู้ตัว ร่างสูงสง่าก็อุ้มหล่อนมาจนถึงหน้าห้องพัก แผนที่วางเอาไว้ใกล้จบแล้ว
นิญาดาลอบถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อเขาบรรจงวางร่างเธออย่างอ่อนโยนที่หน้าห้อง
“ขอบคุณค่ะ”
เจ้าของห้องกล่าวขอบคุณ พลางชำเลืองมองที่พุ่มไม้หน้าห้อง หวังว่าภีมกับพี่เกดคงจะทำตามแผนที่วางเอาไว้เรียบร้อยเช่นกัน
นิญาดาแปะคีย์การ์ดลงบนประตู
คลิก!
เสียงกลไกคลายล็อก มือบางจับลูกบิดประตู มือหนาโอบจากด้านหลังทาบทับลงอย่างรวดเร็ว
หญิงสาวสะดุ้งสุดตัวหันขวับไป ก่อนที่จะเอื้อนเอ่ยคำใด ปากบางถูกประทับด้วยปากร้อนระอุของชายหนุ่ม หญิงสาวตาลุกวาวด้วยความตกใจกับจูบครั้งแรกในชีวิต
ในขณะที่นิญาดาทำอะไรไม่ถูก มือหนาของเขาก็กระชากเอวกลมแนบชิดท่อนกายกำยำ ส่วนมืออีกข้างจับหมุนลูกบิดประตูเปิดออกแล้วผลักร่างในอ้อมกอดเข้าไปในห้องพร้อมกับจูบที่ร้อนแรงและหนักหน่วงยิ่งขึ้น
เมื่อประตูปิดลง สองร่างที่ซ่อนในพุ่มไม้หน้าห้องรีบกระโจนออกมา ทั้งคู่พยายามกัดปากตัวเองไม่ให้ส่งเสียงกรี๊ดกับภาพที่เห็นเมื่อครู่
“เจ๊! ทำไงดี พี่สาวโดนอาจารย์เตชินเขมือบแน่ ๆ โอ๊ย ตายแล้ว! เตชินผู้เยือกเย็น กลายเป็นปีศาจร้อนรักไปได้ไงเนี่ย ตาย! ตาย! ตาย!”
ภีมร้อนใจไม่คิดว่าแผนการเล่น ๆ แค่ต้องการถ่ายภาพชอตเด็ดไปเย้ยหัวหน้าจะบานปลายจนถึงขั้นเป็นเรื่องบนเตียง
“ทะ ทำสัญญา ยังไงคะ?”กายแกร่งขึ้นทาบทับร่างบางที่แสนนุ่ม เนื้อเนียนกลมกลึงได้สัดส่วน จนหญิงสาวสัมผัสไอร้อนในทุกอณูของร่างแกร่งมือแกร่งทั้งสองข้างประสานกับมือเล็กกดไว้เหนือศีรษะ ก่อนกระซิบตอบแนบปาก“ประทับสัญญา ให้นิ เป็นของพี่เพียงคนเดียว”สิ้นเสียงกระซิบระโหย ปากบางก็ประทับลงบนปากอิ่มหล่อนเผยอปากรับ ให้ปลายลิ้นร้ายของเขาซุกซอนเข้าไปตอดรัดลิ้นเล็ก ดูดกินน้ำหวานจากโพรงปากอุ่น“อืม อะ อ่า”ลิ้นร้อนฉ่าของเขาดุนดัน ซอกซอนในขณะที่กายหล่อนหลอมละลาย ขาเรียวของหล่อนค่อย ๆ แยกออกเพื่อตอบรับแก่นกายกำยำที่แข็งขึงแนบชิดตรงหน้าท้อง“อืม..”ทั้งเขาและเธอครางออกมาเบา ๆชายหนุ่มละจูบ เลื่อนปากไล้มาที่ซอกคอขาวผ่อง กดฟันครูดเบา ๆ พร้อมกับดูด ขบเม้มจนเกิดรอยแดงในเนื้อนวล“โอ อืม”ปากอิ่มเผยอครางออกมาด้วยความซ่านสยิว ริมฝีปากของเขาเคลื่อนไปตามเนื้อลออทั่วทั้งร่างบางมีกลีบซากุระที่ติดมาจากบ่อออนเซ็นประปราย จมูกโด่งฝังลงกับเนื้อเนียนสูดเอากลิ่นหอมอ่อน ๆ ราวซากุระของเนื้อสาวเข้าเต็มปอด กลิ่นกายสาวเย้ายวนจนเขาแทบอยากจะกลืนกินหล่อนเข้าไปเสียเดี๋ยวนั้น“งามเหลือเกิน”ปากเขาคลอเคลียอยู่แถว ๆ ทรวงอกสล้าง ปล
“ผมทำตัวผมเองต่างหากครับ! เพราะผมเข้าใจคุณนิญาดาผิด แล้วเมาจนเกิดอุบัติเหตุ”“นี่ลื้อปกป้องมัน! ลื้อมีคู่หมายอยู่แล้ว อานุชเขาก็ดูแลลื้ออย่างดี ลื้อจะทิ้งอีไปหานางผู้หญิงไม่มีหัวนอนปลายเท้าคนนั้นได้รึ!”ผู้เป็นมารดาตวาดด้วยความโกรธ นางรักลูกชายคนเล็กมาก มากจนตามใจเขาเสียทุกเรื่อง เว้นแต่เรื่องหมั้นหมายนี้!“ม้าครับ ผมรักนิญาดา ผมรักใครไม่ได้อีกแล้วจริง ๆ”ผู้เป็นลูกคุกเข่าลงตรงหน้าผู้เป็นมารดา เรี่ยวแรงที่เพิ่งจะฟื้นจากอาการป่วยแทบจะไม่มี เสียงร้องขอจึงพร่าแปร่งคนเป็นแม่เบือนหน้าหนี ไม่อยากเห็นสายตาเว้าวอนของบุตรชายที่รักยิ่ง ใจหนึ่งนางก็อยากจะตามใจเขา แต่ก็กลัวเหลือเกินว่าลูกชายจะเสียใจเพราะผู้หญิงซ้ำสอง อีกใจหนึ่งนางก็รักและเอ็นดูอรนุชที่หมายหมั้นให้มาเป็นลูกสะใภ้ อีกทั้งเป็นลูกสาวของเพื่อนเก่า ก็กลัวว่าความเป็นมิตรของทั้งสองตระกูลจะขาดสะบั้นลง“ม้าคะ! หนูขอถอนหมั้นค่ะ!”เสียงเด็ดเดี่ยวของอรนุชดังขึ้นทำลายความเงียบระหว่างสองแม่ลูก พร้อมกับเจ้าตัวที่เดินมานั่งลงข้าง ๆ นางวัลลี ผู้เป็นมารดาของคู่หมั้นตน“ลื้อพูดอะไรอานุช!”นางวัลลีผวาเข้ากุมมือว่าที่ลูกสะใภ้อย่างตกใจ ในขณะที่อาจาร
“อือ ยะ อย่า ค่ะ”ร่างบางครางแหบพร่า ความซ่านเสียวแปลบปลาบพุ่งปราดไปทั่วร่าง มือแกร่งของเขาสอดเข้าใต้สะโพกหนั่นเนื้อ บีบเคล้นเคล้าคลึงตามเพลิงสวาทที่ลุกโชนจนยากจะห้ามไหวเขายกสะโพกงามขึ้นลง หญิงสาวรู้สึกถึงความแข็งขึงร้อนระอุของแก่นกายชายที่เสียดสีกับจุดวาบหวามจนชุ่มฉ่ำหล่อนแอ่นหยัดเผยอแยกขาให้แนบชิดยิ่งขึ้น เมื่อความรัญจวนซ่านสวาทระลอกใหญ่พุ่งปราดไปทั่วสรรพางค์ สติที่มีอยู่อันน้อยนิดปลิวหายไปกับแสงสว่างอันพร่างพราว“อ่าซ์”“บอกสิ.. คุณรักผมมากแค่ไหน”เขากระซิบเสียงพร่าแนบอกสล้าง แก่นกายกำยำของเขาอัดแน่นด้วยพลังบุรุษจนรวดร้าว เมื่อสัมผัสกับกายน้อยที่ชุ่มฉ่ำจนเหมาะแก่การโจนทะยานเข้าใส่แค่ไหน“พูดสินิ”เสียงเว้าวอนของเขากระซิบสั่งขณะที่มือประคองขยับสะโพกงามให้ยกขึ้นรับเอาแก่นกายร้อนฉ่าอันแข็งแกร่งของเขา แล้วค่อย ๆ ดันมันสู่กายสาวจนสุดลำ“อะ อือ”หล่อนครางกระสัน หายใจถี่ หัวใจเต้นระรัว เธอจำบทรักอันแสนเร่าร้อนของเขาในวันเก่าได้ดี ใจดวงน้อยที่เต้นระรัวมันร่ำร้องเพรียกหาอยากได้ความเร่าร้อนนั้นมาขับไล่ความทรมานที่รวดร้าวไปทั้งกาย อยากพุ่งทะยานไปสู่ชั้นฟ้าล่องลอยจนลืมสิ้นทุกอย่าง“พูดสิ
นิญาดามองกลีบซากุระสีชมพูอ่อน ๆ ลอยปะปนกับฟองน้ำสีขาวหอมกรุ่น หล่อนค่อย ๆ เอนกายลงเพื่อทิ้งความเหนื่อยล้าให้ละลายหายไปกับสายน้ำ มองกลีบซากุระล่องลอยตามผิวน้ำที่ไหลวนคลอเคลียรอบกายสาวชวนให้นึกถึงใครบางคนที่เคยบอกกับหล่อนไว้-หากอยากเห็นซากุระในเดือนห้า ให้ไปที่ซัปโปโร-บัดนี้คนที่บอกเธอ เขาจะหายดีหรือยังหนอ? เขาจะคิดถึงหล่อนบ้างไหม? หรือหล่อนได้ตายไปจากหัวใจของเขาแล้ว เพียงแค่คิดถึงเขา น้ำตาก็พลันไหลออกมาเงียบ ๆซู่!จอกกกก!เสียงน้ำล้นออกจากอ่าง น้ำกระเซ็นแตกกระจายตามการทิ้งกายลงนั่งเบียดร่างอรชรในอ่างออนเซ็น คนที่นอนอยู่ในอ่างลืมตาโพลงขึ้น เมื่อตากลมของหญิงสาวสบกับตาคมดุอันคุ้นเคย กระแสไฟฟ้าก็วิ่งปราดเข้าจู่โจมหัวใจทำให้ใจดวงน้อยกระตุกวูบลามไปจนถึงหน้าท้องในขณะที่หญิงสาวกำลังอ้าปากค้าง กายแกร่งก็เบียดเข้าชิดร่างอรชรอย่างโหยหา สติสัมปชัญญะของหญิงสาวพยายามอย่างหนักเพื่อพิจารณาว่า คนข้าง ๆ เธอ คือ เรื่องจริงหรือความฝัน แล้วท้ายที่สุด หล่อนก็อุทานชื่อคนข้างกายด้วยความตกใจ“อาจารย์เตชิน!”“ครับ”เสียงทุ้มของชายหนุ่มขานรับ เรียวปากชมพูบางเหยียดยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ ใบหน้าหล่อเหลา
อาจารย์เตชินนอนลืมตาโพลงมองฝ้าเพดานที่มีโคมไฟเป็นดอกบัวสีขาวห้อยลงมา สมองกับหัวใจของเขากำลังทบทวนกับตัวเองหลายอาทิตย์ที่ผ่านมาเขาเก็บตัวอยู่ในห้องหนังสือทั้งวัน เพื่อพักใจและเพื่อหลบหน้าผู้เป็นมารดาและคู่หมั้น เพราะเขาไม่อยากตอบคำถามเกี่ยวกับอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น ทั้งไม่อยากรับรู้เรื่องงานแต่งที่กำลังจะจัดขึ้นในเมื่อหัวใจของเขามันแตกสลายไปอีกครั้ง และครั้งนี้มันเจ็บปวดมากกว่าครั้งไหน ๆ มันเจ็บจนเขาไม่อยากเคลื่อนไหว จนกระทั่งเพื่อนสนิทมาพบเขาในวันนี้ ราวกับลมที่พัดพาเอาดวงใจที่แตกลงไปแล้วให้ประกอบเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาใหม่โดยเสมือนมีความหวังเป็นกาวประสานรอยร้าวในใจมือเรียวจับโทรศัพท์ขึ้นดู คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน มือกำโทรศัพท์บีบแน่นแล้วคลายออก ทำซ้ำ ๆ อยู่อย่างนั้นราวกับว่ากำลังตัดสินใจบางอย่างความอยากรู้ กับความช้ำใจมันกำลังห้ำหั่นกันใจที่ช้ำ ก็ไม่อยากรับรู้อะไรอีกแล้วใจที่ยังคงมีเยื่อใย ก็อยากรู้ว่าผู้หญิงที่รักเป็นเช่นไรและแล้วเยื่อใยที่ยังเหลืออยู่ก็ชนะเขากดเข้าไลน์เพื่อเปิดดู คลิปวิดีโอที่ ดร. พงษ์ ส่งให้ในคลิปเป็นภาพตั้งแต่นิญาดาเข้ามานั่งข้าง ๆ เตียง เขาได้ยินเสียงหล่อ
ดร. พงษ์ ขอตัวเลี่ยงออกมา เพื่อตัดบทการสนทนา เขารักและเคารพนางวัลลี เหมือนแม่คนหนึ่งจึงไม่อยากชี้แจงเรื่องของนิญาดากับอาจารย์เตชิน เพราะเกรงว่าจะกลายเป็นการโต้เถียงและไม่ให้เกียรติผู้ใหญ่ และเพราะเป็นเรื่องที่เจ้าตัวควรจะต้องมาชี้แจงด้วยตนเอง เขาเป็นคนนอกอย่างไรเสีย คำพูดก็คงไม่มีน้ำหนักพอที่จะคัดค้านสิ่งที่ผู้เป็นมารดาได้ปักใจเชื่อไปแล้วดร. พงษ์ ขึ้นไปบนชั้นสองของบ้านเขารู้ว่าห้องหนังสืออยู่ที่ไหนเพราะคุ้นเคยบ้านหลังนี้เป็นอย่างดีเมื่อผลักประตูเข้าไปภาพแรกที่ปรากฏแก่สายตา คือ.....ชายหนุ่มผิวขาวซีดเอนตัวบนเก้าอี้นวมสีขาว แม้บนหน้าผากจะมีรอยแผลที่เพิ่งจะหายแต่ยังคงความหล่อคมเช่นเดิม... มือเรียวถือหนังสือเล่มหนาเอาไว้ แต่ทว่าดวงตาเข้มคู่นั้นกลับเหม่อมองทะลุหน้าต่างออกไปด้านนอกดร. พงษ์ ปิดประตูห้องตามหลังค่อนข้างดัง แต่เจ้าของห้องไม่มีทีท่าว่าจะขยับ เขาจึงแกล้งไอ ก่อนเอ่ยทักเสียงดังมากกว่าปกติ“อะ.. แฮ่ม ไง? ไอ้หุ่นยนต์”ได้ผล... หุ่นยนต์เริ่มเคลื่อนไหว... วางหนังสือลง หลับตาลงแล้วขยับตัวเอนลงบนเก้าอี้นวมยิ่งกว่าเดิมคล้ายกับว่าไม่อยากให้ใครรบกวน“อ้าว! เฮ้ย! กูอุตส่าห์ขับรถมาหา ดันจะ