Masukแสงแดดอ่อนๆ ที่ลอดผ่านม่านหน้าต่างเข้ามาในห้องพักของรีสอร์ท ทำให้ ทอไหม นิธินันท์ สาวร่างบอบบาง ใบหน้าเรียวเล็กรูปไข่ต้องกระพริบตาขึ้นมาด้วยความรำคาญใจ เพราะแสงแดดที่ลอดผ่านม่านหน้าต่างนั้นบังอาจรบกวนการนอนของเธอได้อย่างไร
แต่เมื่อลืมตาขึ้นมาเท่านั้นแหล่ะ ความทรงจำที่ขาดๆ หายๆ เมื่อคืนก็ทำเอาร่างบางต้องตาเบิกโพลงด้วยความตกใจ เมื่อคืนเธอฝันว่าตนเองกำลังมีสัมพันธ์สวาทกับผู้ชายคนหนึ่ง เมื่อคืนเธอทั้งเจ็บและมีความสุข แต่ทำไมมันเหมือนจริงมากขนาดนั้นก็ไม่รู้ ร่างบางกำลังจะลุกไปแต่งตัวเพื่อไปดูความเรียบร้อยที่รีสอร์ทของตนเอง
แต่พอเธอจะลุกขึ้นเท่านั้นแหล่ะ ทอไหมก็พบว่าร่างกายของเธอเปลือยเปล่าอยู่ใต้ผ้าห่มอุ่นผืนนี้ ที่สำคัญไปกว่านั้น เธอไม่ได้นอนอยู่คนเดียวด้วยนี่สิ มีผู้ชายคนหนึ่งนอนอยู่ด้วย แปลว่าเรื่องที่เธอฝันเมื่อคืน มันคือเรื่องที่เกิดขึ้นจริงอย่างนั้นหรือ เธอนอนกับผู้ชายจริงๆ
ทอไหมตกใจเป็นอย่างมาก เธอมองไปที่ผ้าปูที่นอน เธอก็พบรอยเลือดหยดอยู่ที่ผ้าปูที่นอนจริงๆ หมดกันพรหมจรรย์ของเธอ สิ่งที่เธอเฝ้ารักษามาตลอดชีวิต จวบจนเธออายุยี่สิบห้าปี ต้องมาเสียให้ใครก็ไม่รู้ เธอไม่น่าดื่มจนเมาเลย ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่เจอเหตุการณ์แบบนี้
ไวกว่าความคิดก็คือร่างบางนั่นเอง เธอรีบลุกขึ้นไปแต่งตัว เธออับอายเกินกว่าที่จะอยู่ที่นี่ต่อเพื่อเรียกร้องหาความรับผิดชอบจากชายแปลกหน้าคนนี้ มือบางหยิบเสื้อผ้าของตัวเองมาสวมใส่อย่างรีบร้อน และเธอก็ต้องพยายามทำอย่างเบามือที่สุด เพราะไม่ต้องการให้คนที่นอนหลับใหลอยู่ตื่นขึ้นมาเผชิญหน้ากับตนเอง
เมื่อจัดการอย่างรีบร้อน เพียงไม่นานร่างบางก็จัดการกับตนเองเรียบร้อย โชคดีที่ชุดที่เธอใส่เมื่อคืน มันคลุมไปถึงคอ ไม่อย่างนั้นรู้ไปถึงไหนก็อายไปถึงนั่น เพราะรอยรักสีกุหลาบ เต็มคอของหญิงสาว และยังลามมาที่เนินหน้าอกของเธอ ผู้ชายอะไรหื่นเสียจริง
ทอไหมกำลังจะออกไปจากห้องพักของรีสอร์ท แต่ทว่าอีกใจหนึ่งก็อยากเห็นหน้าคนที่นอนกับเธอเมื่อคืน อย่างน้อยถ้าเผื่อท้อง ยังจะพอรู้ว่าใครเป็นพ่อของลูก เธอหยิบมือถือขึ้นมา กะว่าจะถ่ายรูปชายที่พรากพรหมจรรย์เธอไปเสียหน่อย แต่พอเธอเห็นหน้าเท่านั้นแหล่ะ ทอไหมก็ทำโทรศัพท์หลุดมือทันที
“นี่มันไอ้พี่ธัชนี่นา” คราวนี้ร่างบางชาวาบราวกับถูกสาปก็ไม่ปาน เมื่อชายที่ได้พรหมจรรย์ของเธอไปก็คือธีธัช ไม้เบื่อไม้เมากับเธอตั้งแต่เด็กยันตอนนี้ ถ้าไอ้พี่ธัชรู้ว่าคนที่นอนกับเขาคือเธอ มีหวังหัวเราะจนกามหักและเยาะเย้ยเธออย่างหนักแน่นอน แค่คิดทอไหมก็อายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้ว
แล้วถ้าเมื่อคืนไอ้พี่ธัชมันรู้ว่าเป็นเธอล่ะ จะทำยังไงดี ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้ว ตอนนี้เธอควรจะรีบออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด คงต้องแอบเอาผ้าเช็ดตัวของที่นี่ออกไปแล้ว เพราะเธอต้องใช้มันคลุมเพื่อบังหน้าตัวเอง เผื่อว่าไอ้พี่ธัชมันสงสัย แล้วมันไปเปิดดูกล้องวงจรปิด ถ้ามันรู้ว่าเป็นเธอ มีหวังปากเสียๆ แบบนั้นล้อเธอจนอายแทบแทรกแผ่นดินหนีเลยทีเดียว
เมื่ออุปกรณ์ทุกอย่างพร้อม ทอไหมก็เดินไปที่ประตู ก่อนที่จะเปิดมันอย่างเบามือที่สุด เพราะถ้าธีธัชตื่น เธอต้องอายไปชั่วชีวิตแน่ๆ การไปตอนนี้แล้วโมเมเอาว่าไม่ใช่เธอ แล้วเก็บหลักฐานให้ดีที่สุด น่าจะเป็นทางรอดทางเดียวที่ทอไหมมี
ส่วนร่างสูงนั้นยังนอนหลับไปเพราะเขาก็เมามากเหมือนกัน เขาไม่ได้รับรู้เลยว่ามีคนบางคนพยายามที่จะหนีเขาอยู่ ในที่สุดทอไหมก็ทำสำเร็จ หญิงสาวรีบวิ่งที่ไปที่ลานจอดรถ ก่อนที่เธอจะขับรถออกไปจากที่ภูพญารีสอร์ทแห่งนี้ ปลายทางก็คือรีสอร์ทเรือนตะวันของตนเองที่ห่างไปจากที่นี่แค่สามกิโลเมตร
“กลับมาแล้วเหรอแม่ตัวดี เป็นสาวเป็นนางไปค้างที่อื่นมา มันไม่งามรู้มั้ย” มารดาอย่างคุณทอฝันที่รู้ว่าบุตรสาวไปสังสรรค์ที่ภูพญารีสอร์ทแล้วไม่กลับ ท่านต้องมานั่งรอบุตรสาวแต่เช้าด้วยความเป็นห่วง แต่คนอย่างทอไหมก็ไม่ใช่คนเสเพล นี่คงเป็นยัยลูกพีชเป็นห่วงความปลอดภัยก็เลยให้นอนที่ภูพญารีสอร์ทอย่างแน่นอน แต่ขึ้นชื่อว่ามารดาผู้ที่ไม่ชอบยกยอปอปั้นบุตรสาวอย่างคุณทอฝันแล้ว ท่านก็ขอแขวะเพื่อเตือนสติบุตรสาวเสียหน่อย
“งามไม่งามคุณแม่ก็ดูหน้าสิคะ ถ้าขนาดนี้ไม่งาม แล้วแบบไหนล่ะคะถึงจะเรียกว่างาม” เมื่อโดนมารดาแขวะเข้าให้ แทนที่หญิงสาวจะโกรธหรือไม่พอใจ แต่เธอกลับตีมึนแล้วพูดกับมารดาด้วยรอยยิ้ม
“ใครเขาสอนให้ทะเล้นแบบนี้นะ แม่จะบอกจะสอนอะไรก็เล่นเอาแม่อารมณ์ขึ้นทุกครั้งไป หนุ่มบ้านไหนได้ลูกสาวแม่ไปเป็นภรรยาก็นับว่าดวงตกเหลือคณา” ผู้เป็นมารดาก็สวนกลับด้วยความหมั่นไส้ในตัวบุตรสาว ถึงปากจะบอกอย่างนั้น แต่ก็หวงบุตรสาวยิ่งกว่าอะไรทั้งหมดทั้งมวล ลองใครจะเข้ามาจีบบุตรสาวสิ ถ้าคุณทอฝันไม่แสกนแล้วแสกนอีก แสกนจนบางครั้ง หนุ่มๆ หลายๆ คนก็ล่าถอยออกไป ทำให้คุณทอฝันแอบหัวเราะด้วยความพึงพอใจในหลายครั้ง
“มีแต่เขาอยากได้ลูกสาวแม่กันทั้งนั้นแหล่ะค่ะ มีแค่แม่เท่านั้นแหล่ะที่เป็นก้างขวางคอจนไหมจะขึ้นคานอยู่แล้วเนี่ย” แม้ว่าสภาพจิตใจตอนนี้จะยังไม่พร้อมเท่าไหร่ แต่จะทำให้มารดาจับผิดตนเองไม่ได้ เพราะคนอย่างมารดานั้นฉลาดยิ่งกว่าอะไร ถ้ารู้ว่าเธอเพิ่งนอนกับธีธัชมา มีหวังท่านจับเธอกับธีธัชแต่งงานกันแน่ๆ เธอก็เลยต้องเนียนๆ โวยวายตามนิสัยเดิมของตนเองเพื่อไม่ให้มารดาจับได้
“คนไหนดีก็ต้องผ่านด่านไปให้ได้สิ จะมาตกถังข้าวสารลูกสาวแม่ ก็ต้องอดทนสักนิดหนึ่ง หรือถ้าเอาแบบที่ผ่านโดยไม่ต้องทดสอบเลยนะ ก็ตาธัช สนใจมั้ยล่ะ แม่จะไปสู่ขอตาธัชให้ จะได้ลงจากคานทองนิเวศน์หลังนี้เสียที” ผู้เป็นมารดาเอ่ยออกมาอย่างไม่คิดอะไร แต่ทว่าคำพูดของท่านมันแทงใจดำเธอเหลือเกิน แต่งกับไอ้พี่ธัชเนี่ยนะ บ้าไปแล้ว ต่อให้ฟ้าถล่มแผ่นดินทลาย เธอก็นึกภาพไม่ออกจริงๆ ว่าระหว่างเธอกับธีธัชจะเป็นคู่รักกันได้ยังไง นี่ถ้ามารดาของเธอรู้เรื่องเมื่อคืน เธอต้องสิ้นอิสรภาพแน่ๆ ท่านจะรู้เรื่องนี้ไม่ได้เด็ดขาด มันจะต้องเป็นความลับไปจนตาย ไม่อย่างนั้นชีวิตที่แสนเป็นอิสระของเธอ จะต้องจบสิ้นลงทันที
“ไม่เอา ถ้าเป็นพี่ธัช ให้ไหมตายก่อนเถอะค่ะแม่ ไม่มีวันที่คุณแม่จะสมหวัง นี่อยากได้พี่ธัชเป็นลูกเขยจนไปเอาทำเนียมอินเดียมาใช้เหรอคะ ถึงขั้นจะยกขันหมากไปสู่ขอ แต่ไหมไม่มีทางให้แม่สมหวังหรอกค่ะ” ทอไหมเอ่ยด้วยความมุ่งมั่น แม้ว่าเธอเป็นของเขาแล้ว เธอก็ไม่มีวันจะแต่งงานกับเขา การแต่งงานของเธอต้องเกิดจากความรัก ไม่ใช่แค่ความผิดพลาดหรือความเหมาะสมเท่านั้น
และทอไหมก็มั่นใจว่าธีธัชไม่มีทางเป็นผู้ชายคนนั้นของเธอ เพราะฉะนั้นมารดาอย่างมายุเสียให้ยาก ยังไงเธอก็ไม่มีวันเคลิ้มตาม อยากได้ธีธัชเป็นลูกเขย โดยไม่สนแม้กระทั่งความรู้สึกของลูกตัวเอง เธอรู้สึกงอนมารดาขึ้นมาทันที เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ทีไร
“ไม่แน่นะ ไอ้ที่กัดกันแบบนี้แหล่ะ ลูกเต็มบ้านหลานเต็มเมือง พออีกหน่อยกลัวว่าตัวเองจะไม่ได้ลงจากคาน ขี้คร้านจะจีบกันเอง ถ้าเป็นแบบนั้น แม่จะหัวเราะให้ดังๆ เลยล่ะคอยดู” คุณทอฝันเอ่ยเย้าบุตรสาว เพราะต้องการเห็นหน้างอเง้าด้วยความไม่พอใจของเธอ อยากสู้แม่ ก็ต้องโดนแม่สู้กลับแล้วล่ะ
“ไม่มีวันค่ะแม่ ดูปากไหมไว้นะคะ ไม่มีวันจริงๆ” ทอไหมชี้นิ้วชี้ไปที่ปากตัวเอง พร้อมกับเอ่ยช้าๆ ชัดๆ ให้มารดาฟัง ซึ่งมารดาก็ได้แต่หัวเราะกับท่าทางของบุตรสาว สงสัยจะเกลียดจริงจัง ชาตินี้ที่ท่านใฝ่ฝันคงไม่มีวันเป็นจริง เสียดายจริงๆ ธีธัชคือคนที่ท่านไว้ใจ อยากจะฝากชีวิตของลูกสาวคนเดียวของท่านไว้ที่เขา แต่มันติดตรงที่บุตรสาวของท่านไม่เล่นด้วยนี่สิ เขาบอกว่าน้ำหยดลงหินทุกวัน หินมันยังกร่อน แต่นี่ท่านแทบจะเอาลำธารราดรดบนจิตใจบุตรสาวแล้ว แต่กลับไม่แม้แต่จะหวั่นไหว มิหนำซ้ำยังต่อต้านซ้ำเสียอีก
“ก็ไม่แน่ ถ้าแม่ยังไม่ตายแม่ก็ต้องหวังต่อไปเรื่อยๆ” คุณทอฝันเอ่ยออกมาอย่างไม่ยี่หระ
“ไม่คุยกับคุณแม่แล้ว ไปอาบน้ำดีกว่า คุยไปก็เหนื่อยใจเปล่าๆ” เมื่อเห็นท่าทางของมารดาที่ไม่ยอมรับความจริงแล้ว ทอไหมก็หลบฉากไปดีกว่า ก่อนที่สายตาอันแหลมคมของมารดา และสมองที่ชาญฉลาดของท่านจะจับสังเกตถึงความผิดปกติของเธอได้
“ตกลงว่าไงครับ จะทำบุญทำทานกับเด็กยากไร้แบบพี่มั้ยครับ” ธีธัชเอ่ยออกมาด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความปรารถนา ไม่ว่าวันนี้เธอจะห้ามเขายังไง เธอคิดว่าเขาคงจะไม่ยอมหยุดแน่ๆ“อืม” ทอไหมพยักหน้าด้วยความเขินอาย นั่นทำให้อีกฝ่ายดีใจเป็นอย่างมาก ใบหน้าสันซอกไซร้ที่ซอกคอขาวของหญิงสาว ก่อนที่มือของชายหนุ่มจะค่อยๆ รูดซิปชุดเจ้าสาวแสนสวยลงไปอย่างรวดเร็ว และจัดการถอดมันออกจากแขนทั้งสองข้างของทอไหม จนตอนนี้ชุดเจ้าสาวแสนสวยลงไปกองอยู่ที่บั้นเอวของเธอ และแน่นอนว่าธีธัชไม่ได้ใจร้อน เขาค่อยๆ เปลี่ยนไปจัดการกับราเซียไร้สายของทอไหม ซึ่งมันก็หลุดออกไปได้อย่างง่ายดาย เพราะความช่ำชองของเขาร่างสูงละใบหน้าคมสันออกจากซอกคอขาวของหญิงสาว ก่อนที่จะมาจัดการกับปราการต่างๆ ที่ปิดบังร่างงามไว้ เริ่มจากชุดเจ้าสาวแสนสวยที่ถูกกำจัดออกไปเป็นอย่างแรก ก่อนที่จะตามด้วยแพนตี้จิ๋วสีหวาน ส่งผลให้ตอนนี้ร่างบางเปลือยกายล่อนจ้อนให้เขาเชยชมความงามจากร่างของเธอและธีธัชก็ไม่พลาดที่จะเชยชมความงามจากร่างงามของทอไหม เธอสวยมากจริงๆ สวยไปหมดทั้งร่าง ทำให้เขามองด้วยความหลงใหล ส่วนร่างบางที่ตอนนี้มีสติสัมปัชชัญญะทุกอย่าง ก็ต้องตัวแดงด้วยความเ
งานแต่งงานในช่วงเย็นถูกจัดขึ้นที่สวนของรีสอร์ทเช่นเดิม มีซุ้มดอกไม้ที่ถูกจัดขึ้นใหม่ในช่วงเย็นอีกครั้ง และก็มีเวทีที่เพิ่งจะเนรมิตขึ้นหลังจากที่จบงานช่วงเช้า เค้กปอนด์ใหญ่ตั้งอยู่ที่หน้าเวที ตอนนี้เจ้าบ่าวเจ้าสาวกำลังยืนอยู่บนเวที เพื่อรับโอวาทจากท่านประธานในพิธี ซึ่งท่านก็คือผู้ว่าราชการจังหวัดนั่นเองหลังจากที่ผ่านช่วงสัมภาษณ์ความรู้สึกของบ่าวสาวเรียบร้อยแล้ว ก็มาถึงพิธีตัดเค้ก และจบลงที่การโยนช่อดอกไม้เจ้าสาว คนที่รับช่อดอกไม้ได้ ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน ธีรนัยนั่นเอง เล่นเอาทุกคนในงานปรบมือเสียงดังเกรียวกราวกันเลยทีเดียว“เจ้าสาวคนต่อไป มาเป็นเจ้าสาวของพี่มั้ยครับ” แมนสรวงอาสาเป็นเจ้าบ่าวทันที เมื่อสาวที่เขาพยายามเกี้ยวมาหลายปีรับช่อดอกไม้ได้“ถ้ามีแค่พี่แมนพีชยอมขึ้นคานค่ะ” ธีรนัยตอบด้วยความมั่นคง“ใจร้ายที่สุด พี่ต้องทำยังไงน้องพีชถึงจะยอมให้โอกาสพี่บ้าง” แมนสรวงเอ่ยออกมาอย่างท้อๆ“ไม่ต้องทำยังไงหรอก เพราะฉันไม่ยกน้องสาวให้คนอย่างแกหรอก น้องสาวฉันได้น้ำตาเช็ดหัวเข่าแน่ๆ ถ้าเผลอไปรักคนอย่างแก” ธีธัชเดินมาหาคนทั้งคู่ที่ยืนสนทนากันอยู่“ใจร้ายทั้งพี่ทั้งน้องเลย น้องไหมช่วยพี่ด้วยนะครับ สอ
เช้าวันต่อมา คุณธีราภรณ์และคุณทอฝันก็ไปพบพระอาจารย์ดำ เพื่อขอฤกษ์แต่งงานให้กับบุตรสาวและบุตรชายของทั้งสองท่าน พระอาจารย์ดำให้ฤกษ์แต่งงานที่เร็วที่สุด นั่นก็คืออีกสามสัปดาห์ต่อจากนี้ แม้ว่าจะเร็วเป็นอย่างมาก แต่ผู้ใหญ่ทั้งสองก็ต้องเอาฤกษ์นี้ เพราะไม่อย่างนั้นก็จะมีฤกษ์ดีอีกทีคือห้าเดือนข้างหน้า ซึ่งธีธัชคงไม่มีวันยอมหรอก งานนี้บุตรชายที่บ้าดีเดือดของคุณธีราภรณ์ได้ฉุดบุตรสาวของคุณทอฝันหนีตามกันไปแน่ๆทั้งสองท่านกลับมาแจ้งข่าวดีแก่บุตรสาวและบุตรชายของแต่ละฝั่ง ทอไหมนั้นรู้สึกหวิวๆ เหมือนกัน นี่เธอต้องแต่งงานจริงๆ ใช่มั้ย ส่วนธีธัชนั้นดีใจมากที่ฤกษ์แต่งงานไม่นานเกินรอแบบนี้ เขายังกังวลอยู่เลย ถ้าฤกษ์แต่งงานมันนานกว่านี้ เขาคงแทบจะทนไม่ไหวแน่ๆออร์แกไนเซอร์ที่ดีที่สุดในจังหวัดถูกเรียกเข้ามาคุยเรื่องนี้ทันทีในวันนี้ เพราะผู้สูงวัยทั้งสองคนต้องการให้งานแต่งงานที่ออกมาดีที่สุด สมฐานะคนดังประจำจังหวัด งานแต่งที่เรียกว่าเงินต่อเงินก็ได้ สมฐานะทั้งทางด้านฐานะครอบครัว และเหมาะสมทางด้านหน้าตา ราวกับกิ่งทองใบหยก สวยหล่อสมกัน แต่ก็ทำให้หลายคนประหลาดใจเป็นอย่างมาก เมื่อทราบข่าวว่าทั้งสองจะแต่งงานกัน
“ไม่มีใครเชิญพี่มาหรอก แต่พี่มาทันได้เห็นละครรักของเพื่อนพี่พอดี” แมนสรวงเอ่ยเชิงล้อๆ มองจากดาวอังคารยังรู้เลยว่าทั้งสองคนนั้นรักกัน เพียงแต่ยังเขินอายที่จะแสดงความรักต่อกัน“เหลือเชื่อ นี่คุณน้ากับคุณแม่ทำแบบนี้ รู้มั้ยครับว่าผมจะพาไหมหนีแล้ว ถ้ายังไม่ยอมให้เราสองคนแต่งงานกัน” ธีธัชเอ่ยออกมาเสียงงอนๆ ทุกคนรุมแกล้งเขากับทอไหม ไม่ได้ดูสภาพของเขาเลยสักนิด เขาแพ้ท้องแทนเมียจนแทบจะยืนไม่ไหว ก็เล่นจัดเต็มกันแบบนี้ มันน่าจริงๆ เขาน่าจะพาทอไหมหนีไปไกลๆ จากคนใจร้ายที่ยืนล้อมหน้าล้อมหลังอยู่นี่“ตกลงรู้สึกยังไงกับน้อง ถ้ายังปากแข็งน้าก็ไม่ให้น้องแต่งงานด้วยหรอก” คุณทอฝันหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี แต่ก็อดสงสารในสภาพของธีธัชไม่ได้ ถ้าพวกท่านไม่ได้แอบได้ยินทั้งสองคนคุยกัน พวกท่านอาจเข้าใจไปว่าธีธัชป่วยร้ายแรงก็ได้“รักครับ ผมรักและเทิดทูนไหม” แม้ว่าจะมีสภาพแย่แค่ไหน แต่ธีธัชก็อดไม่ได้ ที่จะตอบแบบทะเล้น ตามที่เขาเป็น“ทั้งรักทั้งเทิดทูนขนาดนี้ น้าคงจะไม่ยกลูกสาวให้ไม่ได้แล้วล่ะ” คุณทอฝันหัวเราะกับคำตอบของว่าที่บุตรเขย แต่เอาจริงๆ ก็คงจะเป็นบุตรเขยแล้วแหล่ะ ไม่อย่างนั้นท่านก็คงไม่มีหลานแบบนี้หรอก“พ
“แล้วแม่ต้องพูดอะไรล่ะ ในเมื่อแกไปทำลูกสาวเขาท้องแบบนั้น แม่ไม่ได้ติดใจอะไรหรอก แม่ให้เกียรติคุณน้าทอฝันเขาตัดสินใจ” จากคนที่เคยต้องการทอไหมเป็นสะใภ้ ตอนนี้กลายเป็นคนที่เฉยชาอย่างที่สุด ท่านอยากดูความพยายามของคนทั้งคู่ ดูซิว่าจะผ่านด่านทดสอบละครของพวกท่านมั้ย ในเมื่อเล่นละครกันก่อน เจอท่านแอนด์เดอะแกงค์เล่นละครกลับ เริ่มหน้าซีดๆ ตาแดงๆ ทั้งคู่แล้ว บอกเลยท่านอยากหลุดขำมาก แต่ก็ทำไม่ได้จริงๆ เดี๋ยวแผนแตก“แม่ทำไมทำแบบนี้ล่ะ ทำไมลอยตัวแบบนี้ แม่ต้องช่วยพูดกับคุณน้าทอฝันสิครับ ผมไม่มีวันแยกจากไหมหรอกครับ เราจะดูแลลูกไปด้วยกัน” ธีธัชเอ่ยออกมาจริงจัง ก่อนจะโอบร่างบางของทอไหมไว้ทันที เพื่อจะบอกทุกคนว่า ใครอย่าพรากทอไหมไปจากเขา ไม่อย่างนั้นเขาจะขอสู้ตายอยู่ตรงนี้ล่ะ ส่วนทอไหมก็ยอมให้เขาโอบไว้โดยไม่ได้ทำท่าทางรังเกียจเหมือนเมื่อก่อน เพราะตอนนี้เธอก็เริ่มรู้สึกกลัวว่าเธอจะสูญเสียเขาไปเช่นกัน“คุณน้อง พี่ให้สิทธ์คุณน้องเต็มที่ แล้วแต่คุณน้องจะตัดสินใจเถอะ พี่ละอายในสิ่งที่ลูกชายพี่ทำ พี่ไม่กล้าพูดอะไรแล้ว” คุณธีราภรณ์แสร้งทำหน้าเศร้า ก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยท่าทางสลด ปฏิเสธที่จะช่วยบุตรชายอย่างจริงจั
เพียงไม่นานทั้งสองก็ถึงอำเภอที่ทอไหมจอดรถไว้ เธอลงไปเอารถของตัวเอง ก่อนที่จะแยกกันตรงนั้น แม้ว่าจะแยกกัน แต่ธีธัชก็ไม่ยอมขับรถออกไปก่อน เขารอทอไหม และขับรถตามเธอไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเธอเลี้ยวเข้ารีสอร์ท เขาจึงเร่งความเร็วที่จะกลับไปทำงานเหมือนกันเมื่อก่อนเขากลัวการแต่งงาน กลัวการผูกมัด กลัวทุกอย่าง แต่ตอนนี้เขากลับไม่ได้รู้สึกถึงความกลัวนี้เลย เขายินดีที่จะให้ทอไหมผูกมัด วันนี้เขาไม่เสียใจเลยสักนิด ที่มีเจ้าตัวเล็กอยู่ในท้องของทอไหม เขาพร้อมที่จะบอกผู้ใหญ่ทั้งฝ่ายและขอขมาพวกท่าน แต่ติดอยู่ตรงที่ทอไหมยังไม่พร้อมก็เท่านั้น ไม่เป็นไร ในเมื่อตอนนี้เรื่องมันเลยเถิดมาถึงขนาดนี้แล้ว เขาอดใจรออีกนิดเดียวเท่านั้น เขาก็จะได้เป็นเจ้าของทอไหมอย่างที่เขาต้องการแล้วหลังจากที่แยกย้ายกัน ช่วงระหว่างวัน ธีธัชก็ทำงานตามปกติ แต่พอเริ่มเย็นๆ เท่านั้นแหล่ะ อาการเดิมก็กลับมา นั่นก็คืออาการแพ้ท้องแทนทอไหม ก็เป็นอีกแล้ว และวันนี้มันก็เล่นงานเขาหนักกว่าทุกวัน ลุกเดินยังลำบากเลย เขาไม่สามารถขอความช่วยเหลือจากใครได้ เขาก็เลยต้องโทรหาทอไหมแน่นอนว่าทอไหมก็รีบมาด้วยความเป็นห่วง เธอวางสายจากเขาแล้ว เธอก็รีบขับรถไป







