‘จำไว้นะลูกราม คนเรามีดี มีชั่วอยู่ในตัวกันทั้งนั้น ถ้าเราเลือกแต่จะเคารพแค่กับคนที่คิดว่าดี คนเลวๆ ที่พร้อมจะกลับตัวกลับใจ ก็จะไม่ได้รับโอกาสอีกเลย...’เขายึดถือคำสอนนี้ของพ่อมาโดยตลอด จึงไม่เคยคิดแบ่งแยก สำหรับเขาทุกคนเท่าเทียมกันหมด และเขาก็พร้อมช่วยเหลือ ถ้ามันไม่เหนือบากกว่าแรงตัวเอง
แล้วนี่..กับผู้หญิงตัวคนเดียวที่กำลังต้องการความช่วยเหลือ
“ผมจะไม่ยุ่งกับเขามากไปกว่าเจ้านายกับลูกน้อง ถ้าเกิดเด็กนั่นสร้างปัญหา...คุณต้องมารับเธอกลับไปทันที!” ได้ยินเช่นนั้นผู้เป็นแม่ก็ยิ้มกว้าง ก่อนจะโผเข้ากอดลูกชายพร้อมกับคำขอบคุณ
“ขอบคุณนะลูก ขอบคุณจริงๆ”
นางคิดไม่ผิดที่มาขอให้ลูกช่วย คเชนทร์เท่านั้นที่จะทำให้นางสามารถทำตามคำสัญญา ที่เคยได้ให้ไว้กับเพื่อนรักที่จากไปได้
“รับปากเราอย่างนะฉัตร ถ้าวันหนึ่งเรากับพี่เอสเป็นอะไรไป เราขอ...ฉัตรอย่าทิ้งยายอ้อนนะ เราไม่อยากให้ลูกไปอยู่กับคนอื่น คนเดียวที่เราไว้ใจคือฉัตร” ใครเลยจะไปคิดว่านั่นจะเป็นบทสนทนาสุดท้ายที่นางกับเพื่อนได้พูดคุยกัน ในวันนั้นนางยังไม่ทันจะได้ตอบอะไรกลับไป เพื่อนรักก็มาด่วนจากไปอย่างไม่มีวันกลับเสียก่อน
“หลับให้สบายนะหวาน ไม่ต้องห่วงหนูอ้อน ฉันสัญญาว่าจะดูแลแก้วตาดวงใจของเธอกับพี่เอสให้ ลาก่อนนะเพื่อนรัก...” นั่นคือคำสัญญาที่เกิดขึ้นหน้ารูปถ่ายงานศพของเพื่อนรัก ภาพของหลานสาวที่ร่ำไห้ราวกับคนใจสลายทำให้นางตัดสินใจอย่างเด็ดขาดในวินาทีนั้นว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นจะไม่มีวันละเลยลูกสาวของเพื่อนที่ตนทั้งรัก และเอ็นดูไม่ต่างอะไรกับลูกแท้ๆ ของตัวเอง
“แม่รับรองจ๊ะว่ารามจะต้องชอบน้อง! น้องจะไม่สร้างปัญหาให้รามแน่นอน ขอบคุณนะลูก รามของแม่เป็นที่พึ่งได้เสมอ” นั่นคงเป็นเรื่องที่ไม่มีวันเกิดขึ้น เพราะทั้งชีวิตนี้ คนที่จะทำให้เขารู้สึกแบบนั้นได้นอกจากพ่อกับย่าที่เสียไปหลายปีแล้ว ก็มีแค่ นลิน เท่านั้น...
แม้ตอนนี้จะไม่ได้รู้สึกแบบนั้นกับคนในอดีตแล้ว แต่ก็ยังเข็ดกับความรัก จนไม่กล้าเริ่มใหม่กับใครอยู่ดี ทั้งหมดคือความกลัว
เขากลัว...กลัวที่จะรัก
กลัวว่าถ้าเกิดรักไปแล้ว
จะถูกหักหลังเหมือนในอดีตอีก...
หากใครสักคนบอกว่าชีวิตตัวเองโชคร้าย... เธอคงตอบกลับคนๆ นั้นไปว่า บนโลกที่แสนโหดร้ายใบนี้ ยังมีใครอีกหลายๆ คนที่โชคร้ายมากกว่านั้น ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือเธอ…
หญิงสาวคิดก่อนจะละสายตาจากภาพวิวข้างนอกรถกลับมามองรูปถ่าย ‘ครอบครัว’ ของตัวเองที่พกติดตัวมาด้วยทั้งน้ำตา ภายในภาพนั้นมีเด็กผู้หญิงน่ารักอยู่ตรงกลางระหว่างหญิงชายคู่หนึ่ง รอยยิ้มของทุกคนในภาพทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นใจทุกครั้งที่เห็น ก่อนความจริงที่ว่า ‘ต่อไปนี้คงไม่มีคนทั้งสองในชีวิตเธออีกแล้ว’ จะทำให้โลกทั้งใบของเธอพังทลายอย่างไม่เป็นท่า ทุกอย่างมันเร็วเกินกว่าจะทำใจรับได้และคงต้องใช้เวลาในการทำใจอีกนาน
หรือไม่...ก็อาจไม่มีวันนั้นที่ว่าเลย
เธอเพิ่งสูญเสียคนสำคัญในชีวิตไปด้วยอุบัติเหตุ พ่อและแม่คือความสุขเดียวที่เธอมี ไม่คิดไม่ฝันด้วยซ้ำว่าภาพของพวกท่านที่ส่งยิ้มมาให้กำลังใจในวันที่พาเธอขับรถไปสัมภาษณ์งานเมื่อไม่กี่วันก่อน มันจะกลายเป็นภาพสุดท้ายที่เธอมีโอกาสได้เห็น หลังจากโบกมือลาพ่อกับแม่ เธอก็เรียกความมั่นใจให้ตัวเองก่อนจะเดินเข้าไปในบริษัทที่เรียกตัวมาสัมภาษณ์ แต่ยังไม่ทันจะได้เข้าไปในห้องที่ทางบริษัทจัดเตรียมไว้ ข่าวร้ายที่ไม่คาดฝัน...ก็ดันมาเยือนเสียก่อน
เธอจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าตัวเองหมดสติไปตอนไหน อาจจะเป็นตอนนั้น วินาทีแรกที่รู้ ถึงการจากไปอย่างไม่มีวันกลับของพ่อกับแม่
คนแรกที่ได้พบหลังจากได้สติกลับคืนมาคือคุณป้าฉัตรเพื่อนรักของแม่ ภาพใบหน้าของท่านที่เต็มไปด้วยน้ำตานั้นเป็นเครื่องยืนยันได้ในทันทีว่าทุกสิ่งคือความจริงที่เกิดไม่ใช่แค่เธอฝันไป
‘ไปอยู่กับลูกชายป้านะลูก ป้ารับรองว่าอยู่ที่นั้นหนูจะมีความสุข ตารามถึงแม้จะดุไปบ้างสักนิด แต่ลึกๆ แล้วพี่เขาเป็นคนใจดีนะ’ คำพูดของคุณป้าฉัตรแก้วยังคงดังก้องอยู่ในหู เธอไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าเผลอรับปากท่านไปตอนไหน มารู้สึกตัวอีกทีก็มาอยู่บนรถที่ท่านจัดหาเอาไว้ให้ เพื่อเดินทางจากบ้านมาไกลถึงเชียงราย
ซึ่งเป็นสถานที่ที่เธอไม่คิดไม่ฝัน ว่าจะได้มาเยือนเลยสักครั้ง
ความเดียวดายที่เกิดขึ้นฉับพลันในวันนั้นมันทำให้ชีวิตของเธอเสียศูนย์อย่างรุนแรง หากไม่ได้เพื่อนสนิทของมารดาอย่างคุณป้าฉัตรแก้วยื่นมือเข้ามาช่วยในช่วงเวลาดังกล่าว เธอเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะไปในทิศทางไหนต่อเหมือนกัน เพราะนอกจากพ่อกับแม่แล้ว เธอก็ไม่มีใครที่ไหนอีก ญาติพี่น้องแม้จะพอมีแต่ก็ไม่ได้สนิทสนมกลมเกลียวกันเท่าไหร่ บุญคุณของท่านในครั้งนี้ถือว่าใหญ่หลวงมากนัก หากมีโอกาสเธอจะตอบแทนท่าน ในสักวันใดวันหนึ่ง
ภาพของเจ้านายที่ไม่ว่าจะไปไหนก็มักจะหอบเอาลูกสาวคนโตไปด้วยเสมอนั้นเป็นภาพที่ใครหลายคนได้เห็นจนชินตา โดยเฉพาะใบหน้าของทั้งสอง ที่ดูคล้ายกันมาก แต่ก็บางคนที่ทำเป็นมองไม่เห็นในความเหมือนนี้ด้วยเพราะถูกตาต้องใจพ่อของเด็ก “น้องสาวเหรอคะ หน้าตาน่ารักเชียว” คู่ค้ารายใหม่ที่เป็นสาววัยกลางคนเอ่ยถามขึ้น ในจังหวะที่กำลังจะก้มหน้าอ่านสัญญา เหมือนอยากได้คำตอบก่อนตัดสินใจลงนาม “ลูกสาวครับ คนโต อีกคนอยู่ในท้องแม่ กำหนดคลอดสิ้นเดือนนี้แล้ว” คเชนทร์ให้คำตอบที่ชัดถ้อยชัดคำที่สุดเหมือนจะรู้อยู่แล้วว่าอย่างไรเสียวันนี้เขากับคนตรงหน้าอาจจะไม่ได้ทำธุรกิจร่วมกัน แต่ถามว่าต้องสนไหมก็ไม่ ยังมีคนอีกมากที่อยากมายืนอยู่ในจุดนี้ เพราะฉะนั้นเขาไม่จำเป็นต้องแคร์! “น่าเสียดายจังเลยนะคะที่เราเจอกันช้าไป จันทร์...ขอกลับไปคิดดูก่อนได้ไหมคะ ถ้าสนใจเดี๋ยวจะให้เลขาติดต่อกลับมาอีกที” เขายิ้มรับตามคำบอกกล่าวนั้น ก่อนจะเรียกบุญส่งให้เข้ามาทำหน้าที่ส่งแขกแทน เพราะตัวเองไม่ว่างจะไปดูแลใคร นอกจากแก้วตาดวงใจที่กำลังหลับปุ๋ยอยู่บนตัก คาดว่าคงหลับลึกไปถึงเย็น
ปลายฝนแวะเวียนมาถึงอีกหนึ่งปีให้หลัง เป็นปีที่แก้วเจ้าจอมมีโอกาสได้ขึ้นมาดูทะเลหมอกกับสามี ตามที่เขาเคยให้สัญญาไว้ แม้จะรู้ดีว่าสถานที่ตรงนี้เคยมีความทรงจำกับเขากับอดีตคนรักอยู่ แต่เธอก็เลือกที่จะมองข้าม เพราะอย่างที่เขาเคยว่าไว้ ‘อดีตมันเป็นสิ่งที่กลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้’ เพราะอย่างนั้นเธอเลยเปลี่ยนความคิดของตัวเองเสียใหม่ ไม่ฟูมฟายกับอดีตของเขา แม้ว่ามันจะไม่มีเธออยู่เลยก็ตาม วันเวลาทำให้เธอเติบโต และมีเหตุผลมากขึ้น และเธอยินดีให้เขาเก็บความทรงที่มีต่ออดีตคนรักไว้แบบนั้น ตราบเท่าที่มัน ไม่ได้ทำให้เขาทรมานเหมือนอย่างที่แล้วมาอีก “สวยจังเลยค่ะ” กลุ่มก้อนเล็กๆ สีขาวนวลที่จับกลุ่มกระจายอยู่รอบๆ ตัวนั้นทำให้เธอรู้สึกราวกับอยู่บนสวรรค์ก็ไม่ปาน มันสวยกว่าที่คิดไว้ สวยเสียจนเริ่มรู้สึกผิดที่ไม่ได้ชวนคุณผิงขึ้นมาด้วยกัน แต่ถึงชวน อีกฝ่ายก็คงมาด้วยไม่ได้เพราะกำลังตั้งท้อง ซ้ำยังได้ลูกแฝด และพี่ทัดก็เหมือนจะหวงคนทั้งสามเอามากๆ ด้วย ชนิดที่ไม่ยอมให้ภรรยาหยิบจับอะไร เพราะกลัวจะสะเทือนไปถึงลูกสุดท้ายคู่นั้นก็ไม่ได้หย่ากันจริงๆ อย่างที่เคยตกลงกันไว้ในตอนแรก ซึ่งไม่มีใ
หลายเดือนต่อมา “มากันอีกแล้ว!” “โวยวายอะไรของมึงครับ พวกกูมาหาน้องอ้อน กับหลาน ไม่ได้มาหาคนหน้าเมื่อยอย่างมึงสักหน่อย! หลงตัวเองใหญ่โตนะมึงน่ะ!” ก็นั่นแหละที่ทำให้เขาโมโห มาแต่ละทีก็สร้างแต่เรื่อง นี่เรื่องหนก่อนที่พวกมันสร้างไว้กว่าเขาจะปรับความเข้าใจกับเมียได้ ก็ถูกไล่ออกมานอนตบยุงหน้าห้องเป็นเดือน ก็พวกเล่นพูดแต่เรื่องสาวๆ ที่ผ่านมาของเขาไม่หยุด ผลที่ได้คือเขาถูกเมียหึงเป็นครั้งแรกสมใจ แต่ดูเหมือนนอกจากพวกมันจะไม่พากันสลดแล้วนั้น ยังคงแวะเวียนมาเยี่ยม และหาเรื่องให้เขาต้อง ‘งานเข้า’ อยู่เป็นประจำ! “ลูกกูยังไม่คลอดวันนี้พรุ่งนี้ จะรีบมากันไปไหน!” มากันทุกเดือน บางเดือนก็หลายหน ไม่รู้พวกมันไม่มีงานมีการทำกันรึไง! “แล้วไงวะ ก็คนมันคิดถึง ใช่ไหมครับน้องอ้อน ท้องใหญ่ขึ้นเยอะเลย กี่เดือนแล้วนะครับ” บุรินทร์ไม่หาความกับเพื่อนเพราะคนที่เขาอยากเจอยืนออกมารับแล้ว ยิ่งได้เห็นก็ยิ่งอดตื่นเต้นไม่ได้ “แปดเดือนกว่าแล้วค่ะ” ว่าที่คุณแม่มือใหม่ตอบกลับพร้อมรอยยิ้ม แม้จะเดินเหินไม่ค่อยสะดวกนักแต่ก็อยากออกมาต้อน
เท่านั้นเองคนที่อยากมีลูกใจจะขาดก็แทบจะอุ้มเมียขึ้นรถไปโรงพยาบาล และก็เป็นอย่างที่ใครคาดไว้ เมียเขาท้องแล้วจริงๆ“พี่ราม อ้อนเดินเองได้ค่ะ” ยิ่งรู้ว่าเธอกำลังตั้งท้องอ่อนๆ อยู่ สามีผู้ซึ่งดีใจกว่าใครๆ ยิ่งตามติดเธอมากขึ้น เขาแทบไม่ยอมให้เธอละสายตาไปไหน ขนาดขอไปเข้าห้องน้ำก็ยังไม่วายเดินตามไปเฝ้า“ให้พี่อุ้มดีกว่า อ้อนจะได้ไม่เหนื่อยไง”“อ้อนไม่เหนื่อยจริงๆ ค่ะ” มากสุดเธอก็แค่หิว อยากกลับบ้านไวๆ เพราะเหมือนจะได้ยินผ่านโทรศัพท์มาว่าป้าฟางจัดมะม่วงน้ำปลาหวานกับข้าวต้มกุ้งเอาไว้รอ ซึ่งแค่ได้ยินก็เปรี้ยวปากแล้ว“อย่าดื้อกับพี่สิ ป้องกันไว้ก่อนดีกว่ามาตามแก้ทีหลัง ให้พี่อุ้มดีแล้ว” เขาว่ามาแบบนั้น เธอเลยปล่อยเลยตามเลย อย่างน้อยก็อยากทำตัวว่าง่าย เพื่อลบภาพตัวเองเมื่อสองชั่วโมงก่อนออกไป“แม่ได้ข่าว สรุปว่ายังไง!” กลับมาถึงก็ต้องตกใจเมื่อเจอเข้ากับคุณป้าฉัตรที่นั่งรออยู่ที่หน้าบ้าน ท่าทีของท่านนั้นดูตื่นเต้นพอๆ กับพ่อของลูกไม่มีผิด ส่วนคนอื่นเธอไม่เห็น คิดว่าคงรออยู่ในบ้าน“ตามนั้นครับ อ้อนท้องได้หนึ่งเดือนแล้ว!” คุณฉัตรแก้วแทบจะโผเข้ากอดลูกสะใภ้ทันทีที่ได้รับคำตอบ ดีใจเหลื
บุรินทร์และพวกเดินทางมาเยี่ยมเพื่อนทันทีที่รู้ข่าวจากปากต่อปากว่าเพื่อนรักของเขาตอนนี้กำลังอินเลิฟ และคงเป็นการดีที่พวกเขาจะมากวนประสาทมันเล่น โทษฐานที่ชิงมีเมียก่อนเป็นคนแรกของกลุ่ม ทั้งๆ ที่เคยลั่นวาจาเป็นมั่นเป็นเหมาะ ว่าจะไม่มีใครเพราะผู้หญิงก็เหมือนๆ กันหมด แต่ไหงกลายมาเป็นแบบนี้ได้ก็ไม่รู้“กูได้ข่าวมาว่านลินจะพาลูกย้ายไปอยู่ที่อื่น” เขาเริ่มพุ่งประเด็นไปยังคนที่ไม่ได้อยู่ตรงนี้ และคงไม่มีโอกาสแล้วในชั่วชีวิตนี้“อืม กูรู้แล้ว...” ท่าทีของเพื่อนที่ดูเหมือนจะไม่ได้ทุกข์ร้อนอะไรต่อเรื่องที่ได้รู้นั้น ยิ่งทำให้ทั้งสามมั่นใจ ว่าตอนนี้มันคงไม่ได้รู้สึกอะไรกับคนในอดีตแล้วอย่างที่ปากพูดจริงๆ ซึ่งพวกเขาเองก็เห็นด้วยกับการตัดขาดในครั้งนี้จะได้หมดเวรหมดกรรมต่อกันเสียที“มึงลืมเขาได้แล้วจริงๆ”“กูไม่เคยลืมนลิน แต่กูเลือกที่จะมีความสุขกับปัจจุบัน” ก็แน่ล่ะ ปัจจุบันของมันน่ารักน่าหยอกออกขนาดนั้น เป็นเขาก็เลือก!“ไม่คิดว่ามึงจะมาลงเอยกับน้องอ้อน น้องดูไม่เหมือนนลิน” และอาจจะเป็นเพราะแบบนี้ ท่าทางของมันถึงได้ดูเป็นคนละคนเหมือนกับว่าตอนนี้จะดูมีความสุขมากกว่าครั้งนั้น ในอดีต“ใช่ อ้อนก
“พี่รักอ้อนขนาดนี้ พี่จะไล่อ้อนไปไหนได้ หลงจนโงหัวไม่ขึ้นอยู่แล้ว ไม่รู้ตัวเลยเหรอ” เป็นอีกครั้งที่เธอส่ายหน้ากลับไปให้“อ้อนไม่กล้าคิดค่ะ เพราะอ้อนไม่มีอะไรคู่ควร...” คเชนทร์จัดการปิดกั้นคำพูดที่เหลือ ด้วยการรั้งใบหน้าอ่อนหวานขึ้นมาจูบมันเป็นจูบที่เปิดเผยทุกความรู้สึกที่เขามีต่อผู้หญิงคนหนึ่งคนธรรมดาที่ไม่ได้วิเศษมาจากไหน แต่กลับเป็นคนที่ทำให้เขามีความสุขทุกครั้งที่อยู่ใกล้ ซึ่งแค่นี้มันก็มากพอแล้วที่จะทำให้เขารักมากพอแล้วจริงๆ“อย่าดูถูกตัวเองให้พี่ได้ยินอีกนะ บอกตามตรงพี่ไม่ชอบเลย พี่รักอ้อนเพราะอ้อนเป็นอ้อน อ้อนไม่จำเป็นต้องดีพร้อมถึงจะเหมาะสมกับพี่ พี่ขอแค่อ้อนรักพี่ เหมือนที่พี่รักอ้อนเท่านั้น...พี่ขอแค่นี้ อ้อนพอจะทำให้พี่ได้ไหม” มากกว่านี้เธอจะทำให้เขาได้ ขอแค่เขารักเธออย่างที่เธอเป็นเธอ แค่นั้นก็มากพอแล้ว มากพอแล้วจริงๆ“ขออ้อนอยู่กับพี่รามนะคะ อยู่ตลอดไป...” เขายิ้มรับแทนคำตอบ ก่อนจะอาศัยจังหวะเหมาะๆ ช้อนอุ้มภรรยาขึ้นจากพื้น มุ่งตรงไปยังห้องนอนที่ชั้นสองของบ้านเพื่อปรับความเข้าใจกันสองคน“โทษฐานที่เข้าใจพี่ผิด แถมยังคิดจะยกผัวให้คนอื่น คืนนี้อ้อนต้องถูกลงโทษนะครั